“ถึงแล้วครับคุณอ้อน” เป็นเสียงของลุงชุม คนขับรถเรียกสติหญิงสาว ก่อนที่เจ้าของดวงตาเศร้าจะหันไปมอง ‘ท่ารถ’ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของตนเองอย่างชั่งใจ ว่าจะลงไปดีหรือไม่ แต่หากไม่ลงไปตอนนี้ ก็ไม่รู้จะไปที่ไหนได้อีก เพราะนอกจากพ่อกับแม่แล้ว ญาติคนอื่นๆ ที่เหลือ ต่างก็แยกย้ายไปมีครอบครัวเป็นของตัวเองกันหมด และเธอก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากใคร ครั้นจะให้ไปอยู่กับคุณป้าฉัตรที่บ้าน ก็เกรงว่าจะไม่ปลอดภัยจากสามีของท่าน ที่ใครๆ ก็รู้ว่าคุณลุงคนนั้นเจ้าชู้มากแค่ไหน เพราะเหตุผลนี้เองเลยทำให้เธอต้องดั้นด้นมาไกลถึงที่นี่
นั้นเป็นเพราะว่ามัน...เป็นทางเลือกเดียวที่เธอมีอยู่ในตอนนี้
“ผมคงส่งได้เท่านี้นะครับคุณอ้อน” แม้ใจจะอยากส่งคนของผู้นายผู้หญิงไปให้ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยสักแค่ไหน แต่เพราะนี่เป็นคำสั่งเด็ดขาดของลูกชายคนโตของท่าน เขาซึ่งเป็นแค่คนขับรถจึงไม่กล้าขัดใจ จำเป็นต้องทำตามคำสั่งที่ได้รับมาอย่างเคร่งครัด ส่วนเหตุผลนั้นก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ก็แค่เพราะอีกฝ่ายไม่ชอบให้ ‘คนนอก’ เข้าไปวุ่นวายในเขตหวงห้ามของตัวเอง ไม่ว่าใครคนไหน
“ไม่เป็นไรค่ะลุง ขอบคุณมากนะคะที่มาส่งอ้อน ขับรถกลับดีๆ นะคะ ฝากบอกคุณป้าฉัตรด้วยว่าถ้าถึงแล้วอ้อนจะโทรหาค่ะ” แก้วเจ้าจอมยกมือไหว้ขอบคุณอีกฝ่าย ก่อนจะพาตัวเองลงจากรถพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบเก่า ที่นอกจากรูปถ่ายของครอบครัวกับเงินติดตัวไม่กี่พันบาทแล้ว เธอก็ไม่มีของมีค่าอะไรติดตัวมามากนัก
แม้แต่บ้านที่เคยเป็นจุดกำเนิดความสุข ก็ต้องปล่อยขายไปเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ที่พ่อไปกู้ยืมมาส่งเสียเธอเรียน คราแรกคุณป้าฉัตรเสนอจะปิดหนี้ก้อนนั้นให้ เป็นเธอที่อยากจัดการมันด้วยตัวเอง อย่างน้อยก็อยากยืนด้วยขาตัวเองดูสักครั้ง แค่สักครั้งเดียวก็ยังดี...
หญิงสาวมองหาสักพักก็พบกับม้านั่งสีแดงที่ ‘ลูกชายคุณป้าฉัตร’ บอกไว้ว่าจะมารับ เมื่อมาถึงที่หมายแล้วให้ไปนั่งรอ ถึงได้เดินไปทิ้งตัวลงนั่ง ภาวนาต่ออะไรก็ตามที่พอจะนึกออก ให้เขาไม่ลืมกัน
“คุณอ้อนใช่ไหมครับ” สักพักใหญ่เห็นจะได้ว่าจะมีชายร่างท้วมคนหนึ่งวิ่งหอบตรงเข้ามาหา ซึ่งมองแล้วเขาไม่น่าใช่คนที่เธอกำลังรออยู่ หญิงสาวจ้องมองเจ้าของน้ำเสียงดุดันนั้นไม่วางตา จนเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อครู่เขาเพิ่งจะขานชื่อเธอถึงได้ส่งยิ้มกลับไปให้
“ใช่ค่ะ” หากเป็นคนนอกคงไม่มีทางรู้ชื่อเธอแน่ ถึงได้วางใจ
“เชิญครับ รถจอดอยู่ทางนั้น นายรออยู่ในรถแล้วครับ” หญิงสาวยิ้มรับอย่างเข้าใจต่อคำอธิบายเมื่อครู่ เธอรู้จักกับคุณป้าฉัตรมานาน นานพอจะได้ยินชื่อเสียงของ ‘นาย’ ที่ว่าของเขามาพอสมควรว่าเป็นคนแบบไหน คุณ ‘ราม’ ชอบทำงานเป็นชีวิตจิตใจ เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ดูยุ่งตลอด จนบางครั้งก็ไม่มีแม้แต่เวลาหาแฟน ซึ่งเรื่องนี้เองที่ทำให้ป้าฉัตรต้องปวดหัวอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไปเพราะกลัวอีกฝ่ายโกรธ สุดท้ายท่านก็ทำได้แค่มองดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ซึ่งเธอเห็นด้วยกับทางออกนี้ที่ท่านเลือก
การที่เราจะรักหรือตกลงปลงใจกับใครสักคนอย่างมีความสุขนั้น...สิ่งแรกที่ควรเกิดขึ้นคือความรักที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กัน
ซึ่งลูกชายของป้าฉัตรจะรักชอบใครมันก็ไม่เกี่ยวกับเธออยู่ดี
แค่เขายอมมารับด้วยตัวเองถึงที่หมายแบบนี้ ก็ถือว่าเกินความคาดหมายมากแล้ว เธอไม่หวังว่า เขา จะเดินมารับด้วยตัวเอง
จะใครมารับ มันก็คงไม่ได้มีผลอะไรต่อชีวิตของเธอมากนัก
เพราะสุดท้าย... เธอก็กลายเป็นคนไม่เหลือใครในชีวิตอยู่ดี
และนั่นต่างหากคือความจริงที่ทำให้เจ็บปวดทุกครั้งที่คิดถึง แต่ชีวิตคนเราก็มีแค่นี้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นเรื่องธรรมชาติ
ที่ต้องพบเจอกันทุกคน แค่ว่าจะเมื่อไหร่ก็เท่านั้น...
คเชนทร์จ้องมองใบหน้าอ่อนหวานของคนที่กำลังเดินตามหลังคนของเขามาอย่างไม่วางตา ความสวยของหล่อนเป็นที่แปลกตาสำหรับผู้คนรอบข้างอยู่พอสมควร จึงไม่แปลกที่ เธอ จะตกเป็นเป้าสนใจทันทีที่ปรากฎตัวขึ้น แต่ดูเหมือนแม่คุณจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำเพราะเอาแต่เดินก้มหน้า ทำให้มองเห็นแต่แก้มป่องๆ ที่ดูจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งไม่บ่อยนักที่เขาจะได้เห็นคนประเภทนี้
ตัวบาง ทว่ามีแก้ม!
‘น้องน่ารัก เรียบร้อย แถมยังว่านอนสอนง่าย แล้วรามจะหลงน้องเหมือนที่แม่หลง!’ ครั้งก่อนที่ได้ยินเขาเถียงกลับไปว่าไม่มีวันที่จะนึกหลงใครคนไหนได้อีก เพราะทั้งใจยกให้ผู้หญิงที่เป็นหนึ่งเดียวในใจ ’คนนั้น’ ไปหมดแล้ว แม้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว แต่ความผูกพันที่เคยมีต่อกันนั้นยังคงอยู่ มันคงไม่ง่ายที่จะลบหรือทำใจให้ลืม สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น คิดเสียว่าเขากับอีกฝ่ายไม่ได้เกิดมาคู่กัน เหลือไว้เพียงภาพความทรงจำแสนหวานระหว่างกันก็พอ
ตัดภาพมาที่คนตรงหน้า ซึ่งพอได้มาเห็นด้วยตาตัวเองก็ต้องยอมรับว่า ‘เด็กของมารดา’ น่ารัก ตามที่ท่านเคยได้บอกไว้จริง หล่อนดูบอบบางตามคำบอกเล่าไม่ผิดเพี้ยน แต่ก็ไม่ได้ผอมบางจนดูน่าเกียจ สิ่งที่ขัดต่ออารมณ์เห็นจะหนีไม่พ้นท่าทีที่ดูแล้วคงหัวอ่อนไม่เบา เพราะคงไม่มีคนโง่ที่ไหนยอมเดินตามคนที่ตัวเองไม่รู้จักมาง่ายๆ แบบนี้ หากหล่อน ‘ฉลาด’ สักนิดคงรู้จักสอบถามอะไรเพิ่มเติม ไม่ใช่เดินตามผู้ชายหน้าโหดหุ่นโจรต้อยๆ เป็นลูกแบบนี้
“นี่คุณรามครับ” กระทั่งเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงรถ แก้วเจ้าจอมก็จำต้องรีบยกมือขึ้นไหว้ ‘คุณราม’ ของพี่บุญส่ง พร้อมรอยยิ้มหลังจบคำแนะนำ แต่เขากลับทำเพียงพยักหน้ากลับมาให้กันเท่านั้น
เหมือนไม่ได้ยินดียินร้าย ต่อการปรากฏตัวของเธอเท่าไหร่
ภาพของเจ้านายที่ไม่ว่าจะไปไหนก็มักจะหอบเอาลูกสาวคนโตไปด้วยเสมอนั้นเป็นภาพที่ใครหลายคนได้เห็นจนชินตา โดยเฉพาะใบหน้าของทั้งสอง ที่ดูคล้ายกันมาก แต่ก็บางคนที่ทำเป็นมองไม่เห็นในความเหมือนนี้ด้วยเพราะถูกตาต้องใจพ่อของเด็ก “น้องสาวเหรอคะ หน้าตาน่ารักเชียว” คู่ค้ารายใหม่ที่เป็นสาววัยกลางคนเอ่ยถามขึ้น ในจังหวะที่กำลังจะก้มหน้าอ่านสัญญา เหมือนอยากได้คำตอบก่อนตัดสินใจลงนาม “ลูกสาวครับ คนโต อีกคนอยู่ในท้องแม่ กำหนดคลอดสิ้นเดือนนี้แล้ว” คเชนทร์ให้คำตอบที่ชัดถ้อยชัดคำที่สุดเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรเสียวันนี้เขากับคนตรงหน้าอาจจะไม่ได้ทำธุรกิจร่วมกัน แต่ถามว่าต้องสนไหมก็ไม่ ยังมีคนอีกมากที่อยากมายืนอยู่ในจุดนี้ เพราะฉะนั้นเขาไม่จำเป็นต้องแคร์! “น่าเสียดายจังเลยนะคะที่เราเจอกันช้าไป จันทร์...ขอกลับไปคิดดูก่อนได้ไหมคะ ถ้าสนใจเดี๋ยวจะให้เลขาติดต่อกลับมาอีกที” เขายิ้มรับตามคำบอกกล่าวนั้น ก่อนจะเรียกบุญส่งให้เข้ามาทำหน้าที่ส่งแขกแทน เพราะตัวเองไม่ว่างจะไปดูแลใคร นอกจากแก้วตาดวงใจที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่บนตัก คาดว่าคงหลับลึกไปถึงเย็น
ปลายฝนแวะเวียนมาถึงอีกหนึ่งปีให้หลัง เป็นปีที่แก้วเจ้าจอมมีโอกาสได้ขึ้นมาดูทะเลหมอกกับสามี ตามที่เขาเคยให้สัญญาไว้ แม้จะรู้ดีว่าสถานที่ตรงนี้เคยมีความทรงจำกับเขากับอดีตคนรักอยู่ แต่เธอก็เลือกที่จะมองข้าม เพราะอย่างที่เขาเคยว่าไว้ ‘อดีตมันเป็นสิ่งที่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้’ เพราะอย่างนั้นเธอเลยเปลี่ยนความคิดของตัวเองเสียใหม่ ไม่ฟูมฟายกับอดีตของเขา แม้ว่ามันจะไม่มีเธออยู่เลยก็ตาม วันเวลาทำให้เธอเติบโต และมีเหตุผลมากขึ้น และเธอยินดีให้เขาเก็บความทรงที่มีต่ออดีตคนรักไว้แบบนั้น ตราบเท่าที่มัน ไม่ได้ทำให้เขาทรมานเหมือนอย่างที่แล้วมาอีก “สวยจังเลยค่ะ” กลุ่มก้อนเล็กๆ สีขาวนวลที่จับกลุ่มกระจายอยู่รอบๆ ตัวนั้นทำให้เธอรู้สึกราวกับอยู่บนสวรรค์ก็ไม่ปาน มันสวยกว่าที่คิดไว้ สวยเสียจนเริ่มรู้สึกผิดที่ไม่ได้ชวนคุณผิงขึ้นมาด้วยกัน แต่ถึงชวน อีกฝ่ายก็คงมาด้วยไม่ได้เพราะกำลังตั้งท้อง ซ้ำยังได้ลูกแฝด และพี่ทัดก็เหมือนจะหวงคนทั้งสามเอามากๆ ด้วย ชนิดที่ไม่ยอมให้ภรรยาหยิบจับอะไร เพราะกลัวจะสะเทือนไปถึงลูกสุดท้ายคู่นั้นก็ไม่ได้หย่ากันจริงๆ อย่างที่เคยตกลงกันไว้ในตอนแรก ซึ่งไม่มีใ
หลายเดือนต่อมา “มากันอีกแล้ว!” “โวยวายอะไรของมึงครับ พวกกูมาหาน้องอ้อน กับหลาน ไม่ได้มาหาคนหน้าเมื่อยอย่างมึงสักหน่อย! หลงตัวเองใหญ่โตนะมึงน่ะ!” ก็นั่นแหละที่ทำให้เขาโมโห มาแต่ละทีก็สร้างแต่เรื่อง นี่เรื่องหนก่อนที่พวกมันสร้างไว้กว่าเขาจะปรับความเข้าใจกับเมียได้ ก็ถูกไล่ออกมานอนตบยุงหน้าห้องเป็นเดือน ก็พวกเล่นพูดแต่เรื่องสาวๆ ที่ผ่านมาของเขาไม่หยุด ผลที่ได้คือเขาถูกเมียหึงเป็นครั้งแรกสมใจ แต่ดูเหมือนนอกจากพวกมันจะไม่พากันสลดแล้วนั้น ยังคงแวะเวียนมาเยี่ยม และหาเรื่องให้เขาต้อง ‘งานเข้า’ อยู่เป็นประจำ! “ลูกกูยังไม่คลอดวันนี้พรุ่งนี้ จะรีบมากันไปไหน!” มากันทุกเดือน บางเดือนก็หลายหน ไม่รู้พวกมันไม่มีงานมีการทำกันรึไง! “แล้วไงวะ ก็คนมันคิดถึง ใช่ไหมครับน้องอ้อน ท้องใหญ่ขึ้นเยอะเลย กี่เดือนแล้วนะครับ” บุรินทร์ไม่หาความกับเพื่อนเพราะคนที่เขาอยากเจอยืนออกมารับแล้ว ยิ่งได้เห็นก็ยิ่งอดตื่นเต้นไม่ได้ “แปดเดือนกว่าแล้วค่ะ” ว่าที่คุณแม่มือใหม่ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม แม้จะเดินเหินไม่ค่อยสะดวกนักแต่ก็อยากออกมาต้อน
เท่านั้นเองคนที่อยากมีลูกใจจะขาดก็แทบจะอุ้มเมียขึ้นรถไปโรงพยาบาล และก็เป็นอย่างที่ใครคาดไว้ เมียเขาท้องแล้วจริงๆ“พี่ราม อ้อนเดินเองได้ค่ะ” ยิ่งรู้ว่าเธอกำลังตั้งท้องอ่อนๆ อยู่ สามีผู้ซึ่งดีใจกว่าใครๆ ยิ่งตามติดเธอมากขึ้น เขาแทบไม่ยอมให้เธอละสายตาไปไหน ขนาดขอไปเข้าห้องน้ำก็ยังไม่วายเดินตามไปเฝ้า“ให้พี่อุ้มดีกว่า อ้อนจะได้ไม่เหนื่อยไง”“อ้อนไม่เหนื่อยจริงๆ ค่ะ” มากสุดเธอก็แค่หิว อยากกลับบ้านไวๆ เพราะเหมือนจะได้ยินผ่านโทรศัพท์มาว่าป้าฟางจัดมะม่วงน้ำปลาหวานกับข้าวต้มกุ้งเอาไว้รอ ซึ่งแค่ได้ยินก็เปรี้ยวปากแล้ว“อย่าดื้อกับพี่สิ ป้องกันไว้ก่อนดีกว่ามาตามแก้ทีหลัง ให้พี่อุ้มดีแล้ว” เขาว่ามาแบบนั้น เธอเลยปล่อยเลยตามเลย อย่างน้อยก็อยากทำตัวว่าง่าย เพื่อลบภาพตัวเองเมื่อสองชั่วโมงก่อนออกไป“แม่ได้ข่าว สรุปว่ายังไง!” กลับมาถึงก็ต้องตกใจเมื่อเจอเข้ากับคุณป้าฉัตรที่นั่งรออยู่ที่หน้าบ้าน ท่าทีของท่านนั้นดูตื่นเต้นพอๆ กับพ่อของลูกไม่มีผิด ส่วนคนอื่นเธอไม่เห็น คิดว่าคงรออยู่ในบ้าน“ตามนั้นครับ อ้อนท้องได้หนึ่งเดือนแล้ว!” คุณฉัตรแก้วแทบจะโผเข้ากอดลูกสะใภ้ทันทีที่ได้รับคำตอบ ดีใจเหลื
บุรินทร์และพวกเดินทางมาเยี่ยมเพื่อนทันทีที่รู้ข่าวจากปากต่อปากว่าเพื่อนรักของเขาตอนนี้กำลังอินเลิฟ และคงเป็นการดีที่พวกเขาจะมากวนประสาทมันเล่น โทษฐานที่ชิงมีเมียก่อนเป็นคนแรกของกลุ่ม ทั้งๆ ที่เคยลั่นวาจาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าจะไม่มีใครเพราะผู้หญิงก็เหมือนๆ กันหมด แต่ไหงกลายมาเป็นแบบนี้ได้ก็ไม่รู้“กูได้ข่าวมาว่านลินจะพาลูกย้ายไปอยู่ที่อื่น” เขาเริ่มพุ่งประเด็นไปยังคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ และคงไม่มีโอกาสแล้วในชั่วชีวิตนี้“อืม กูรู้แล้ว...” ท่าทีของเพื่อนที่ดูเหมือนจะไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรต่อเรื่องที่ได้รู้นั้น ยิ่งทำให้ทั้งสามมั่นใจ ว่าตอนนี้มันคงไม่ได้รู้สึกอะไรกับคนในอดีตแล้วอย่างที่ปากพูดจริงๆ ซึ่งพวกเขาเองก็เห็นด้วยกับการตัดขาดในครั้งนี้จะได้หมดเวรหมดกรรมต่อกันเสียที“มึงลืมเขาได้แล้วจริงๆ”“กูไม่เคยลืมนลิน แต่กูเลือกที่จะมีความสุขกับปัจจุบัน” ก็แน่ล่ะ ปัจจุบันของมันน่ารักน่าหยอกออกขนาดนั้น เป็นเขาก็เลือก!“ไม่คิดว่ามึงจะมาลงเอยกับน้องอ้อน น้องดูไม่เหมือนนลิน” และอาจจะเป็นเพราะแบบนี้ ท่าทางของมันถึงได้ดูเป็นคนละคนเหมือนกับว่าตอนนี้จะดูมีความสุขมากกว่าครั้งนั้น ในอดีต“ใช่ อ้อนก
“พี่รักอ้อนขนาดนี้ พี่จะไล่อ้อนไปไหนได้ หลงจนโงหัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว ไม่รู้ตัวเลยเหรอ” เป็นอีกครั้งที่เธอส่ายหน้ากลับไปให้“อ้อนไม่กล้าคิดค่ะ เพราะอ้อนไม่มีอะไรคู่ควร...” คเชนทร์จัดการปิดกั้นคำพูดที่เหลือ ด้วยการรั้งใบหน้าอ่อนหวานขึ้นมาจูบมันเป็นจูบที่เปิดเผยทุกความรู้สึกที่เขามีต่อผู้หญิงคนหนึ่งคนธรรมดาที่ไม่ได้วิเศษมาจากไหน แต่กลับเป็นคนที่ทำให้เขามีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ซึ่งแค่นี้มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้เขารักมากพอแล้วจริงๆ“อย่าดูถูกตัวเองให้พี่ได้ยินอีกนะ บอกตามตรงพี่ไม่ชอบเลย พี่รักอ้อนเพราะอ้อนเป็นอ้อน อ้อนไม่จำเป็นต้องดีพร้อมถึงจะเหมาะสมกับพี่ พี่ขอแค่อ้อนรักพี่ เหมือนที่พี่รักอ้อนเท่านั้น...พี่ขอแค่นี้ อ้อนพอจะทำให้พี่ได้ไหม” มากกว่านี้เธอจะทำให้เขาได้ ขอแค่เขารักเธออย่างที่เธอเป็นเธอ แค่นั้นก็มากพอแล้ว มากพอแล้วจริงๆ“ขออ้อนอยู่กับพี่รามนะคะ อยู่ตลอดไป...” เขายิ้มรับแทนคำตอบ ก่อนจะอาศัยจังหวะเหมาะๆ ช้อนอุ้มภรรยาขึ้นจากพื้น มุ่งตรงไปยังห้องนอนที่ชั้นสองของบ้านเพื่อปรับความเข้าใจกันสองคน“โทษฐานที่เข้าใจพี่ผิด แถมยังคิดจะยกผัวให้คนอื่น คืนนี้อ้อนต้องถูกลงโทษนะครั