Share

ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)
ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)
Author: Champeehom

1

Author: Champeehom
last update Huling Na-update: 2024-12-03 20:07:53

แคว้นเสิ่ง

"มีพระราชสาสน์มาจากฮ่องเต้แคว้นเจี๋ยพ่ะย่ะค่ะ" หานกงกงประคองสาส์นในถาดทองคำถวายให้ฮ่องเต้ถางจงฮ่วน

 ฮ่องเต้มองสาส์นประดุจเผือกร้อนกองหนึ่งแต่มิอ่านก็มิได้ พระองค์ไม่เข้าใจแคว้นเจี๋ยแม้แต่น้อย สงครามพิพาทระหว่างชายแดนของสองแคว้นยืดเยื้อมาได้ห้าปี จนมาถึงฤดูใบไม้ผลิแคว้นเสิ่งกำลังจะเพลี่ยงพล้ำแต่กองทัพแคว้นเจี๋ยกลับมิได้ตามมาบดขยี้ เพียงเข้ายึดเมืองชายแดนแล้วอยู่เฉยๆ มิได้รุกคืบ สร้างความกดดันให้กับทางเมืองหลวงยิ่ง พระองค์เพียรส่งพระราชสาส์นไปหลายครั้งแต่มิได้รับสาส์นตอบแต่อย่างใด ขุนนางก็แบ่งแยกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งต้องการสงบศึกฝ่ายหนึ่งต้องการให้ส่งกองทัพไปบดขยี้ เฮอะ เจ้าพวกไร้สมอง มีแต่ทางเราจะถูกบดขยี้สิไม่ว่า แถมนี่ยังไม่ถึงฤดูเก็บเกี่ยว พระองค์ไม่สามารถรีดภาษีหรือหาเสบียงได้ทันการเคลื่อนทัพเป็นแน่

ฮ่องเต้ถอนพระปัสสาสะหนักๆแต่สาส์นยังคงต้องอ่าน เมื่อกวาดสายตาอ่านจนจบ หานกงกงที่คอยมองสีหน้าอยู่ยังมิสามารถอ่านสีหน้าของฮ่องเต้ยามนี้ได้

"มิทราบว่าทางแคว้นเจี๋ยยื่นข้อเสนอใดมาหรือพ่ะย่ะค่ะ"

"ข้ามิเข้าใจ เหตุใดทางแคว้นเจี๋ยจึงยื่นข้อเสนอที่เสียเปรียบนี้มา"

"ข้อเสนออันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ"

"แต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี"

ฮ่องเต้ยังขบคิดข้อเสนอจากแคว้นเจี๋ยอยู่ แม้ยามค่ำคืนที่พระองค์อยู่กับสนมคนโปรด หว่างคิ้วยังคงมิคลาย

"ฝ่าบาท มิทราบว่ากังวลพระทัยเรื่องใดอยู่หรือเพคะ สนมทราบว่าปัญญาต้อยต่ำแต่ยังคงอยากช่วยแบ่งเบาภาระของพระองค์นะเพคะ" เซี่ยกุ้ยเฟยใช้หน้าอกอิ่มเบียดแขนฮ่องเต้อย่างออดอ้อน นับว่าสนมผู้นี้ฉลาดพูดจานัก แถมคนยังงามสะพรั่งในวัยใกล้สี่สิบ ถึงแม้ว่าให้กำเนิดเชื้อสายมังกรแก่องค์ฮ่องเต้แล้ว

"ทางแคว้นเจี๋ยยื่นข้อเสนอแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี ข้ายังคิดไม่ตกว่าจะส่งผู้ใดไปจึงจะเหมาะสม เจ้าก็รู้ว่าเราไม่มีองค์หญิงที่อยู่ในวัยออกเรือน" ฮ่องเต้เล่าให้สนมรักฟังโดยหว่างคิ้วยังมิคลาย

"หม่อมฉันเคยอ่านพงศาวดารว่าสมัยก่อนมีการแต่งตั้งองค์หญิงโดยเลือกจากบุตรีของขุนนางที่มีชาติตระกูลดี ความประพฤติดีเพคะ"

"จริงสิ ยังมีวิธีที่เจ้าว่าอยู่" ฮ่องเต้คลายกังวล รับการปรนเปรอจากสนมรักจนใกล้สาง

ณ ท้องพระโรง

"ฮ่องเต้เสด็จแล้ว" เสียงขันทีขานดังก้องกังวาน

"ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นๆปี" เหล่าขุนนางคุกเข่าส่งเสียงกระหึ่มท้องพระโรงให้ความรู้สึกศักดิ์สิทธ์ชนิดหนึ่ง

"ลุกขึ้น" ฮ่องเต้ประทับบนบัลลังก์มังกรแล้วกล่าวอนุญาตแก่เหล่าขุนนาง

หลังจากฟังรายงานจากขุนนางแล้วพระองค์เริ่มกล่าวถึงถึงพระราชสาส์นจากแคว้นเจี๋ย

"ทางแคว้นเจี๋ยเสนอการแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี แต่พวกเจ้าก็รู้ว่าเรามีองค์หญิงเพียงองค์เดียวและเพิ่งอายุสี่ขวบ ไม่ใกล้เคียงวัยปักปิ่นด้วยซ้ำ" ใช่แล้ว พระองค์มีสนมมากมายมีลูกถึงสิบคน แต่ชะตาช่างเล่นตลก องค์ชายที่มาประสูติได้ยากนักในรัชกาลก่อนกลับมาประสูติแต่พระองค์มากมาย กว่าพระองค์จะได้องค์หญิงน้อยมาแทบจะต้องบนบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธ์ มีหรือจะยอมส่งไปเป็นเครื่องบรรณาการต่างเมือง

เสียงเหล่าขุนนางปรึกษากันกระหึ่มท้องพระโรง รัชกาลนี้ไม่มีองค์หญิงเป็นที่รู้กันทั่ว ทางแคว้นเจี๋ยย่อมมิอยากได้เด็กทารกไปเป็นเครื่องบรรณาการแน่

"ถ้าพระองค์ทรงแต่งตั้งบุตรีของใครสักคนเป็นองค์หญิงล่ะพ่ะย่ะค่ะ" เจ้ากรมกลาโหมเสนอขึ้น

"เจิ้นคิดถึงข้อนี้ไว้แล้ว จึงมาถามความสมัครใจของพวกเจ้าว่าผู้ใดมีบุตรสาวที่ยังไม่มีพันธะหมั้นหมายเสนอตัวรับใช้แผ่นดินบ้าง"

เสียงขุนนางเถียงกันดังเซ็งแซ่ เป็นเรื่องธรรมดาที่มิมีผู้ใดอยากส่งเลือดเนื้อเชื้อไขของตนไปเป็นเครื่องบรรณาการยังแดนไกลที่มีแต่ความหนาวเหน็บเยี่ยงนั้น ทุกคนอย่างเกี่ยงกันและเสนอชื่อของบุตรีผู้อื่นโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับตนเอง

"คุณหนูตระกูลฟ่านจึงเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของแผ่นดิน แถมยังอยู่ในวัยออกเรือน มิทราบว่าท่านเจ้ากรมคลังมีความเห็นประการใด"

เจ้ากรมคลังที่เงียบมาตลอดสบถในใจ อำมาตย์จวงที่คอยขัดแย้งกับเขามาตลอด ม้นกล้าพูดเพราะมีแต่บุตรชายจึงกล้าหาเรื่องเขา ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าบุตรีของเขาคือไท่จื่อเฟยในอนาคต มารดาของนางเป็นน้องของฮองเฮา สองพี่น้องตั้งใจว่าจะให้สองตระกูลเป็นทองแผ่นเดียวกัน ถึงยังมิได้หมั้นหมายแต่ความสัมพันธ์ย่อมไม่ธรรมดา

"ฟ่านปิงปิงเป็นคู่หมายองค์ไท่จื่อ แต่ที่อำมาตย์จวงกล่าวมาก็เป็นเรื่องดีอยู่ เจ้ากรมคลังยังมีบุตรชายที่งดงามอยู่อีกคนมิใช่หรือ" เป็นฮองเฮาที่หาทางออกสวยๆให้ นางรู้ว่าบุตรชายผู้งดงามของเจ้ากรมคลังเป็นหนามยอกอกน้องสาวนางมานานแล้ว บุตรชายที่ถือกำเนิดจากฮูหยินรองที่ใบหน้าประพิมพ์พายคล้ายฟ่านปิงปิงถึงแปดส่วน เพราะเด็กทั้งสองหน้าเหมือนท่านย่าที่เคยเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของแคว้น อีกสองส่วนที่ไม่เหมือนนั้นคือส่วนที่งดงามกว่า ครั้งนี้ถือว่าช่วยน้องสาวของนางและทำให้หนทางสู่บัลลังก์มังกรของบุตรชายนางมั่นคงยิ่งขึ้น ทรัพย์สินของตระกูลฟ่านก็มีมิใช่น้อย หากเด็กนั่นอยู่ผู้เป็นบุตรชายย่อมได้สืบทอด หากน้องสาวนางรู้ย่อมขอบคุณนางเป็นแน่

"เจ้ากรมคลังท่านมีความคิดเห็นอย่างไร"  สุรเสียงทรงอำนาจถามขึ้น

"เอ่อ.... กระหม่อม"

"เจ้ากรมคลังคงตื่นเต้นจนพูดไม่ออกเพคะฮ่องเต้" ฮองเฮาพูดด้วยเสียงหยาดเยิ้มแต่สายตาจิกร่างของเจ้ากรมคลังจนพรุน คนแม้ทำท่าลำบากใจแต่เมื่อชั่งน้ำหนักระหว่างลูกชายผู้สืบทอดกับตำแหน่งพระสัสสุระแล้ว น้ำหนักในใจย่อมเทมาฝ่ายหลังแน่ เขาก็แค่รับอนุเพิ่มอีกซักสองสามคน พยายามทำบุตรชายสักหน่อย

"กระหม่อมรับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ" เจ้ากรมคลังฟ่านแอบกระหยิ่มอยู่ในใจ

"ข้าขอแต่งตั้งบุตรชายของเจ้ากรมคลังเป็นองค์ชายสันติสุขเพื่อไปเจริญสัมพันธไมตรียังแคว้นเจี๋ย ประทานผ้าร้อยผืน ทองคำยี่สิบหีบ เครื่องประดับทองและเพชรอย่างละสิบหีบ อาชาห้าสิบตัว นางกำนัลและขันทีอย่างละยี่สิบคน เจ้ากรมคลังจงบอกให้ลูกของเจ้าเตรียมตัวอีกเจ็ดวันขบวนรับเจ้าสาวของแคว้นเจี๋ยจะเดินทางมาถึง เลิกประชุมได้" ฮ่องเต้ลุกขึ้นเดินออกจากท้องพระโรงทิ้งให้เหล่าขุนนางวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พร้อมกับมาแสดงความยินดีกับเจ้ากรมคลัง

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   20.2

    "ผิดละ ข้าปล่อยปละละเลยพวกเจ้าสองคนพี่น้องมากเกินไปต่างหาก พวกเจ้าจึงคิดแผนการชั่วร้ายนี้ขึ้นมาได้ ออกไป แล้วอย่ามาให้ข้าเห็นหน้า" "แต่ว่าหยุนมู่.." เสียงคนยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงโครมดังขึ้นประดุจห้องทลาย ฟ่านลู่อี่ที่อยากจะลืมตาดูแต่ก็ลืมไม่ขึ้นได้แต่นอนน้ำตาไหลเงียบๆ เขาเป็นได้แค่ตัวหมากกระนั้นหรือ คนที่เขาเริ่มมีใจให้กลับเห็นเขาเป็นหมากตัวหนึ่ง เขาตั้งใจว่าจะร้องไห้เป็นครั้งสุดท้าย ... จะต้องหลุดพ้นจากวังวนนี้ให้ได้"พี่หยุนมู่ ข้าขออยู่เฝ้าลู่อี่เถอะนะ" อ๋องพยัคฆ์อ้อนวอน แต่กลับมีเสียงโครมใหญ่อีกครั้งแทน มีเพียงสุ่ยเซียนเท่านั้นที่เป็นพยานว่าฮ่องเต้และอ๋องพยัคฆ์ถูกฮองเฮาเตะกระเด็นทะลุประตูออกจากห้องไปอัดเสาฝั่งตรงข้าม "ทหาร!" หยุนมู่ตะโกนเรียก เหล่าทหารยามวิ่งมารวมแถวอย่างเป็นระเบียบต่อหน้าหยุนมู่ "พ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮา" "ถ่ายทอดคำสั่ง ปิดตำหนักห้ามฮ่องเต้และอ๋องพยัคฆ์เข้ามาเด็ดขาด แม้แต่คนของพวกเขาก็ห้าม เข้าใจหรือไม่" "พ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮา" "ดี ผู้ใดขัดคำสั่งข้า" หยุนมู่ทำมือปาดคอตัวเอง ใครจะกล้าขัดคำสั่งพวกเขายังรักชีวิตตัวเองอยู่นะ ไม่มีใครสนใจสองพี่น้องที่ยืนหน้าละห้อยอยู่ "

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   20.1

    อ๋องพยัคฆ์แทบจะวิ่ง ขันทีนำทางคงรู้อารมณ์เขาจึงเร่งฝีเท้านำเขาไป เปิดประตูห้องให้ พอเข้าไปได้อ๋องพยัคฆ์ก็พุ่งตัวไปหาฟ่านลู่อี่ที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง มือหนาลูบใบหน้างามอย่างทะนุถนอม คนป่วยยังซีดเซียวอยู่ แต่ก็ดูดีขึ้น "เจ้าไม่คิดจะทักพี่สาวคนนี้เลยรึ" เสียงสตรีดังขึ้น อ๋องพยัคฆ์จึงเพิ่งรู้สึกว่ามีผู้อื่นอยู่ในห้องด้วย "คารวะพี่หยุนมู่ พี่สุ่ยเซียน" อ๋องพยัคฆ์คารวะเร็ว "อาการของเขาเป็นอย่างไรบ้าง" เขานั่งลงข้างเตียง หยิบมือเย็นมาแนบแก้มสากด้วยหนวดที่ขึ้นไรครึ้ม "ป้อนยาที่ข้าปรุงทุกหนึ่งชั่วยามกับให้แช่น้ำร้อน เสริมด้วยปราณกรุยจุดชีพจรอีกวันละสองรอบ ข้าคิดว่าอาการน่าจะหายในเจ็ดวันนะ" สุ่ยเซียนตอบยิ้มๆ "เจ้าไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อนเถิด พวกเราเพิ่งป้อนยาน้องสะใภ้ไปไม่นาน เจ้าค่อยกลับมาก็ได้" หยุนมู่พูดอย่างใจดี คนที่อ๋องพยัคฆ์เชื่อฟังมากที่สุดคือหยุนมู่นี่เอง สำหรับฮ่องเต้ เชื่อฟังนั้นก็เชื่ออยู่ แต่ก็ตีกันบ่อยเช่นกัน อ๋องพยัคฆ์เดินสวนกับอาหลาน มันเดินขึ้นเตียงไปนอนข้างฟ่านลู่อี่แต่ถูกสุ่ยเซียนดุ "อาหลาน ตัวเจ้ามีแต่กลิ่นคาวเลือดไปให้เทียนเฉินอาบน้ำให้เลยนะ ไม่อย่างนั้นข

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   19.2

    ฮ่องเต้หลิวเทียนจินเป็นองค์ชายรองในรัชกาลก่อน หลังจากองค์ชายใหญ่ก่อกบฏ องค์ชายรอง องค์ชายห้าและองค์ชายแปดหนีตายไปหาแม่ทัพติงผู้เฒ่าผู้เป็นบิดาของแม่ทัพติงคนปัจจุบันที่ยามนั้นเป็นรองแม่ทัพอยู่กองทัพเดียวกับบิดา แม่ทัพติงยามนั้นเฝ้ารักษาชายแดนทางตะวันออกของแคว้นเจี๋ย เขาเป็นคนที่จงรักภักดีมากจึงได้รับความไว้วางพระทัยให้ไปรักษาชายแดน โดยหลานสาวของเขาติงสุ่ยเซียนที่อายุน้อยกว่าองค์ชายรองสองปีก็ได้หมั้นหมายกับองค์ชายรองตั้งแต่เด็ก ทั้งคู่เจอหน้ากันปีละครั้งยามแม่ทัพติงเข้ามาอวยพรวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ เด็กทั้งคู่นับว่ามีไมตรีที่ดีต่อกัน ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เสกสมรสกันก็เกิดกบฏขึ้นเสียก่อน แม่ทัพติงอยู่ชายแดนห่างไกลยกทัพมาช่วยไม่ทัน จึงแยกตัวออกจากราชสำนักรวบรวมกำลังคนเตรียมกลับไปช่วยฮ่องเต้พระบิดาขององค์ชายรอง เหล่าองค์ชายที่หนีตายมาพึ่งพาแม่ทัพติงมิได้ปล่อยเวลาสูญเปล่า พวกเขาถูกเคี่ยวกรำให้ฝึกการต่อสู้อย่างหนัก แม่ทัพติงทั้งคู่ มิได้อ่อนข้อให้พวกเขาแม้แต่น้อย พวกเขามีติงหยุนมู่พี่ชายของติงสุ่ยเซียนเป็นพี่เลี้ยง เขาแก่กว่าองค์ชายรองสองปีจึงสนิทสนมกันมาก ด้วยความที่ติงหยุนมู่แก่กว่า

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   19.1

    ฮ่องเต้นำกองทัพไปล้อมจับเจ้าเมืองโหย่วกวาน ได้ตัวตอนกำลังหลบหนีออกทางหลังจวน ขุนนางละโมบพยายามขนทรัพย์สินเงินทองไปด้วยจำนวนมากทำให้หนีไม่พ้น ไห่เสียงเตะมันล้มกลิ้งมาถึงหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ "เราเลี้ยงดูขุนนางไม่ดีรึ เจ้าจึงคิดกบฏ" ฮ่องเต้ถามทั้งที่ใบหน้ายังยิ้มอยู่แต่รอยยิ้มไปไม่ถึงแววตา "โปรดเมตตาด้วย กระหม่อมผิดไปแล้ว" คนโขกหัวจนหน้าผากแตกน้ำมูกน้ำตาไหลด้วยความกลัว"หึ" ฮ่องเต้ยิ้มหยัน คืนนั้นขุนนางที่อยู่ในรายชื่อว่าสมคบกับพวกกบฏของเมืองโหย่วกวานถูกฉุดกระชากลงมาจากเตียงยามดึก ครอบครัวบ่าวไพร่ถูกต้อนไปรวมกันที่หน้าศาลาว่าการประจำเมือง ชาวบ้านต่างพากันแตกตื่นตกใจ คบไฟถูกจุดสว่างไปทั้งเมือง ดุจดั่งกลางวัน เสียงซัดทอดความผิดดังระงม ฮ่องเต้เรียกหัวหน้ากองธงมาสองคน มอบหมายให้สอบสวนครอบครัวและบ่าวไพร่ของขุนนางเหล่านั้น ส่วนพวกคนในจวนเจ้าเมืองเป็นอีกสองกองธงจัดการสอบสวน ตัวเจ้าเมืองถูกล่ามขื่อทั้งที่โลหิตไหลท่วมหน้า "เงียบ!" ราชองครักษ์ผู้หนึ่งตวาด เกิดความเงียบครู่เดียวก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นอีก อาหลานคงทนไม่ไหว มันกระโดดขึ้นไปยืนบนหลังกำแพงส่งเสียงขู่คำรามอันทรงพลังก้องไปทั้งเน

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   18.2

    อ๋องพยัคฆ์สำรวจรอบๆ ด้วยสายตา ที่นี่คงเป็นค่ายของพวกกบฏ ไม่คิดเลยว่าจะอยู่ใกล้เมืองหลวงมากขนาดนี้ พวกมันคงจะรู้ตัวแล้วจึงถอนค่ายหนีอย่างรีบร้อนเช่นนี้ "ไม่เหลือสิ่งใดเลยพ่ะย่ะค่ะนอกจากเตาหลอม พวกมันน่าจะลักลอบผลิตอาวุธกันในถ้ำ" "มีรอยเกวียนมุ่งหน้าไปในป่า รอยล้อกดลึกบ่งบอกว่าบรรทุกของหนัก พ่ะย่ะค่ะ" นายกองอีกผู้หนึ่งรายงาน "ตามไปดูว่ารอยเกวียนนั้นสิ้นสุดลงที่ใด ส่งผู้หนึ่งไปแจ้งฮ่องเต้ให้เคลื่อนทัพต่อไป บอกให้สังเกตทางเกวียนทางด้านขวาที่ออกจากป่า ข้าคาดว่าถ้าเราไปตามทางน่าจะไปบรรจบกันด้านหน้า" เหล่าทหารที่ฝึกมาอย่างดีแยกกันไปทำตามคำสั่ง พวกเขาตามรอยมาจนยามซวี หรือประมาณหนึ่งทุ่มถึงสามทุ่ม จึงได้ตามทัน เส้นทางเกวียนนำมาถึงเชิงเขาของเมืองโหย่วกวาน เสียงดาบกระทบกันดังมาจากด้านหน้า อ๋องพยัคฆ์เห็นเหล่าทหารม้าของเขาสู้อยู่กับกองกำลังของถางจินเข่อ ทหารม้ามีจำนวนคนน้อยกว่ามากจึงเริ่มเพลี่ยงพล้ำ "วางดาบคนเป็น จับดาบคนตาย!" อ๋องพยัคฆ์ชูดาบตะโกนก้อง ตามด้วยเสียงคำรามของอาหลานทำให้กองกำลังของถางจินเข่อที่ได้ยินก็ขวัญเสีย พวกมันเข้าร่วมเป็นกบฏด้วยเห็นแก่ลาภยศเมื่อมาได้เจออ๋องพยัคฆ์ตัวจริ

  • ดวงใจอ๋องพยัคฆ์ (พีเรียดจีน)   18.1

    "มาช้านะท่านพี่" อ๋องพยัคฆ์แสยะยิ้มชักม้าออกจากที่กำบัง ผู้มาใหม่คืออดีตองค์ชายรองหรือฮ่องเต้ของแคว้นเจี๋ยหลิวเทียนจินนั่นเอง "ข้าต้องรอหมอหลวงต้มยา แถมกว่าจะเด็ดผลมังกรอัคคีได้ข้าถึงกับถูกน้ำในธารเดือดกระเด็นใส่เป็นรอยพุพองทีเดียวนะ" คนพูดคลำแขนตัวเองเหมือนเจ็บมากแต่ถูกคนที่มาด้วยขัดคอ "รอยพองเท่าเหรียญอีแปะถึงกับอาบน้ำเองมิได้ยกตะเกียบมิไหวต้องให้ข้าป้อนข้าวอยู่หลายมื้อเยี่ยงนั้นรึ" เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ใบหน้าเนียน คิ้วเฉียง ดวงตาแฝงความทระนงองอาจ แม้มิได้บึกบึนเช่นทหารส่วนใหญ่แต่ร่างกายแฝงด้วยกล้ามเนื้องดงามสมส่วน "เจ้าดูพี่สะใภ้เจ้าสิ ปรนนิบัติสามีนิดหน่อยก็บ่น" คนพูดทำปากยื่น "ยา" อ๋องพยัคฆ์พูดแค่คำเดียว ฟ่านลู่อี่ของเขาอาการหนักมากแล้ว คนพวกนี้ยังมาเล่นปาหี่ให้เขาดูอีก "เจ้าน้องคนนี้นี่ไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย ข้าหวังจะได้เห็นใบหน้าอื่นของเจ้าแท้ๆ เจ้าส่งน้องสะใภ้ให้ฮองเฮาเถอะ เขาจำเป็นต้องกลับไปแช่น้ำร้อนที่วัง ข้าเตรียมคนและรถม้าไว้ให้แล้ว ส่วนเจ้าต้องไปจับมุสิกกับข้า" คนสั่งแฝงอำนาจของผู้นำทำให้อ๋องพยัคฆ์จนใจ เรื่องบ้านเมืองก็สำคัญ เขาจำใจส่งฟ่านลู่อี่ให้บุรุษอี

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status