วันแรกของการทำงานนิชาดาซ้อนมอเตอร์ไซค์ของกัญญามา และก็ได้พบกับมธุรินเลขารวมถึงผู้ดูแลบัญชีทั้งหมดภายในไร่ เป็นหัวหน้าของเธอกลายๆ เมื่อวานอีกฝ่ายออกไปจัดการธุระที่ธนาคารเธอจึงไม่ได้พบ
“หน้าที่รับผิดชอบของเธอคือแอดมินหน้าเว็บกับเพจเป็นหลัก ก่อนหน้านี้ก็จะมีฉันกับกุ๊กช่วยกันดูอยู่ ส่วนเช้านี้เธอก็ดูว่าเว็บของไร่ควรจะมีอะไรอีก หรืออยากนำเสนออะไรเพิ่มก็แล้วกัน ประชุมตอนบ่ายจะได้คุยพร้อมกัน”
นิชาดารับคำพลางจดรายละเอียดบางส่วนเอาไว้ในไอแพดเพื่อใช้ประกอบงานของตน เธอถนัดทั้งเขียนจากปากกาและพิมพ์ในคีย์บอร์ดที่ซื้ออุปกรณ์มาครบพร้อมตั้งแต่ตอนที่ยังทำงานประจำในบริษัทโฆษณา แต่จำเป็นต้องออกเมื่อหกเดือนก่อนเพราะบริษัทปรับลดพนักงานด้วยพิษเศรษฐกิจ เธออยู่ในทีมครีเอทีฟ ทำได้ทั้งเขียนคอลัมน์แนะนำประชาสัมพันธ์ รวมทั้งถ่ายวิดีโอและตัดต่อ
จากนั้นอีกฝ่ายก็ลุกจากโต๊ะประชุมเดินไปยังโต๊ะทำงานพลางเอ่ย
“อันนี้ของเธอ”
นิชาดาก้าวตาม เห็นมธุรินยกกล่องไม่ใหญ่และไม่เล็กมากขึ้นมาจึงรีบวางไอแพดบนโต๊ะของตนแล้วเข้าไปหา
“แมกบุ๊ก”
เธอชะงักเล็กน้อยเพราะสายตาก็เห็นพอดีว่าเป็นอะไร
“ซื้อเครื่องใหม่เลยเหรอคะ”
อดถามอย่างเกรงใจไม่ได้ แล้วก็เห็นอีกฝ่ายยักไหล่
“ที่นี่ไม่เคยมีตำแหน่งประชาสัมพันธ์ ในเมื่อมีเธอเข้ามา ก็ต้องเบิกเครื่องมือทำงานใหม่อยู่แล้ว”
นิชาดายิ้มเจื่อนก่อนจะรับกล่องใหม่เอี่ยมมา
“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก งบของไร่ ฉันไม่ใช่คนจ่าย ไม่ได้ไปซื้อด้วย”
มธุรินนั่งลงอย่างไม่ใส่ใจใดๆ อีก นิชาดาก็เอากล่องกลับมาที่โต๊ะ กัญญาบอกเธอตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าโต๊ะในสำนักงานเป็นของใครบ้าง มีผู้จัดการไร่ แต่เขามักจะทำงานภายในไร่ ดูแลจัดการความเรียบร้อยทั่วไร่มากกว่าจะนั่งในสำนักงาน และมธุรินเลขากับกัญญา โดยเจ้าตัวก็ต้องประจำหน้าเคาน์เตอร์มากกว่า แล้วก็โต๊ะทำงานของเธอที่จัดวางไว้เผื่อเพราะบางครั้งนายก็เข้ามานั่งเซ็นเอกสารในสำนักงาน นั่นทำให้นิชาดาแปลกใจว่าเธอนั่งแล้วหากนายมาจะไปนั่งที่ไหน
‘คุณวัชกับพี่รินก็ถามที่นายไม่ได้สั่งโต๊ะเก้าอี้ใหม่ แต่นายบอกว่าเดี๋ยวค่อยขยับขยาย’
กัญญาตอบเธอมาอย่างนั้น
ตอนแรกนิชาดาแอบค่อนในใจว่านายของไร่คงงก หรือไม่ก็ยังไม่รู้ว่าเธอจะทำงานได้ถูกใจและอยู่นานหรือเปล่า มีถมไปที่เด็กฝากอาจเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แต่อนุมัติซื้อเครื่องมือทำงานใหม่แทนโต๊ะ ทั้งยังแพงตามระดับคุณภาพแน่นก็เข้าใจได้ไม่ยาก
‘ซื้อของแพงให้ใช้ทำงาน ก็หมายความว่าต้องการงานที่มีประสิทธิภาพตามเครื่องด้วยสินะ’
นิชาดาคิดพลางถอนหายใจขณะลงมือเกะกล่องแมกบุ๊กเครื่องใหม่เอี่ยม
“นายบอกให้ประชุมไปก่อนได้เลย ยังกลับมาไม่ถึงไร่”
วัชพลบอกเมื่อก้าวเข้าประตูมาในเวลาบ่ายสองซึ่งเป็นเวลานัดประชุม จากนั้นมธุรินกับเธอก็มานั่งรวมที่โต๊ะยาว
“ฉันคิดว่าจะเขียนคอนเท้นต์แนะนำจุดต่างๆ ในไร่ อัปในเว็บเหมือนถ่ายวล๊อกน่ะค่ะ นอกจากร้านอาหารของเรากับคาเฟ่ บางวันก็อาจจะมีถ่ายการเก็บใบชาบ้าง ตื่นไปวิ่งในไร่ตอนเช้า ขี่จักรยานรอบไร่ตอนเย็นอะไรแบบนี้ อัปเดตคอนเท้นต์บ่อยจะได้มีการเคลื่อนไหวหน้าเว็บ แล้วก็เพจเฟซบุ๊กของเราอยู่ตลอด”
นิชาดาอธิบายสิ่งที่ตนเองคิดเอาไว้กับวัชพลและมธุริน เพราะเว็บของไร่ชาดิฐวัฒน์จะคล้ายเว็บทั่วไปที่มีภาพสถานที่ แนะนำการเดินทาง ร้าน คาเฟ่ ไร่ชา มุมถ่ายรูป และเวลาเปิดปิดพร้อมทั้งเวลาที่รถรับส่ง รวมถึงจุดรับส่งในเชียงราย
“อย่างถ้าเราทำเค้กเอง หรือมีเมนูแนะนำ ชงเครื่องดื่ม ชงชา ก็ถ่ายวิธีการทำได้เหมือนกันค่ะ ฉันคิดว่าจะทำให้ไร่เราดูเป็นมิตรเข้าถึงง่ายมากขึ้นน่ะค่ะ”
เธอจับงานด้าน Vlogger ตั้งแต่ออกจากงานและกำลังไปได้ดี คนเริ่มติดตามเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมากกว่าสามหมื่นฟอลเลอร์เวอร์บนยูทูบ และเธอก็ยังมีแอคเคาต์โซเชียลอัปภาพสวยๆ ที่ได้รับความสนใจไม่น้อยด้วย ทว่ายังไม่มีโอกาสได้เดินทางไปสถานที่ไกลๆ อย่างเช่นต่างจังหวัด ส่วนใหญ่มักจะเป็นการรีวิวคาเฟ่น่ารักๆ กับร้านอาหารหรือย่านท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ กับปริมณฑล
ครั้งนี้เธอจึงเก็บบรรยากาศระหว่างการเดินทางของตนไว้ด้วย นิชาดาจะไม่เปิดเผยสถานที่ทำงาน แต่อยากนำเสนอ Vlog ของตัวเองต่อไป เธอชอบและสนุกกับสิ่งที่ทำ
“หมอกหมายถึงถ่ายคนของเราหรือหมอกเองด้วยใช่ไหม แบบที่เขากำลังฮิตทำกัน”
วัชพลถาม ทุกคนที่นี่พูดคุยเรียกชื่อในแบบเป็นกันเอง เพื่อจะได้ทำงานง่ายและสนิทใจกัน เหมือนเป็นพี่น้องไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงาน
“แต่บางคนคงไม่ถนัดที่จะออกกล้อง หรือพูดไม่เก่ง”
เลขาสาวออกความเห็น
“เราถ่ายแบบไม่เห็นหน้าก็ได้ค่ะ แค่มือที่ทำ หรืออาจจะเป็นมุมกว้างบ้าง เห็นหน้าไม่ชัด แล้วหมอกจะอัดเสียงพูดเข้าไปอีกครั้งค่ะ”
เธอตั้งใจทำงานของไร่แบบไม่เห็นหน้าอยู่แล้ว ไม่ต้องการให้ซ้ำซ้อนกับงานของตนเอง อีกอย่างเธอคิดว่าไร่ชาควรนำเสนอไร่มากกว่าตัวบุคคล
“หมอกคิดว่าจะเน้นที่ไร่ของเรามากกว่า ให้เหมือนกับคนเห็นได้มาเที่ยวหรือมาเห็นด้วยตาตัวเอง อย่างถ่ายวิดีโอแบบเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ก็เหมือนแทนสายตาคนดูได้เดินด้วยตัวเองใช่ไหมคะ ไม่จำเป็นต้องมีใครเป็นพิธีกรมาพูดหรือนำเสนอดึงดูดความสนใจ เพราะไร่ของเราสวย เห็นภาพแบบเต็มๆ ดีกว่าค่ะ”
สิ่งที่เธอพูดทำให้ผู้จัดการไร่และเลขาสาวพยักหน้า
“ถ้าเป็นการสาธิตทำอาหาร ขนม หรือชงชากาแฟ การตั้งกล้องแบบเห็นเฉพาะมือคนทำกับสิ่งที่เราต้องการถ่ายก็ดูดีค่ะ ทำในมุมสวยๆ วิวสวยๆ ขายความเป็นไร่ชาดิฐวัฒน์ของเรา”
“อืม ผมเห็นด้วยนะ ให้เห็นวิวของไร่ ความน่าอยู่น่ามาเยือนมาเที่ยวในไร่น่าจะดีกว่ามีคนจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นอยากเริ่มทำอะไรก่อนก็บอกได้เลยนะ ฉันจะได้ดูว่าต้องประสานกับใครบ้าง นอกจากไร่ชากว้างใหญ่ล้อมรอบด้วยภูเขาที่เป็นจุดขายของเราแล้ว เราก็มีไร่กาแฟที่เอาไว้ผลิตกาแฟคั่วสดเอง ถึงจะไม่ได้ใหญ่และส่งออกเหมือนชา แต่ก็ให้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพเป็นเอกลักษณ์กาแฟสดของไร่ดิฐวัฒน์เหมือนกัน”
“ค่ะพี่ริน”
นิชาดาเองก็พูดคุยกับมธุรินอย่างสนิทสนทขึ้นนับแต่ร่วมมื้อกลางวันด้วยกัน
“ส่วนเรื่องเว็บ คงต้องเพิ่มส่วนที่เป็นคอนเท้นต์นี้ใช่ไหม”
ผู้จัดการหนุ่มเหมือนจะนึกขึ้นมาได้
“ค่ะ”
“อย่างนั้นก็ต้องดูสัดส่วนพื้นที่ว่าจะอยู่ตรงไหนถึงจะเหมาะ แล้วก็เขียนเว็บเพิ่ม เดี๋ยวรอนายมาก่อนจะได้คุยกันทีเดียว พักกันสักแป๊บ จะดื่มชากาแฟหรือทำธุระส่วนตัวก็เชิญได้เลยนะ”
ชายหนุ่มบอก นิชาดาแปลกใจเพราะเรื่องพื้นที่บนเว็บน่าจะคุยกับโปรแกรมเมอร์มากกว่า แต่ยังไม่ทันได้ถามเพราะผู้จัดการหนุ่มลุกขึ้นและมธุรินก็ลุกตามออกไปข้างนอก เพราะหากจะชงชาหรือกาแฟก็ต้องไปที่ส่วนครัว ห้องน้ำก็อยู่ด้านนอกเช่นกัน ส่วนเธอนั่งจดคอนเท้นต์ที่คิดออกพลางนั่งเลือกดูว่าควรจะเปิดด้วยอะไรดี
“ถ้ามีโดรนถ่ายด้วยล่ะก็เยี่ยมเลย แต่คงไม่มีงบขนาดนั้น”
เธอพึมพำกับตัวเองพลางยิ้มบาง ขณะได้ยินเสียงประตูจึงหันไปมองเข้าใจว่าอาจเป็นใครสักคนระหว่างวัชพลกับมธุริน ทว่ากลับต้องยิ้มค้าง แล้วสะดุ้งลุกพรวด เมื่อผู้ที่ก้าวเข้ามาเป็นร่างสูงใหญ่ของคนที่ทำให้เธอผวาเมื่อวานที่ผ่านมา
“นายหนวด! นายเข้ามาได้ยังไง”
======
นางเอกของเราเพิ่งเริ่มงาน ขอคุยงานนิดนึงเนอะ ว่าแต่นายหนวดเป็นใคร ตามต่อไปได้ตอนต่อไปนะคะ
แอบกระซิบว่าต่อจากนี้หมอกต้องเผชิญศึกหนักจ้า ^^"
ปลายนิ้วแกร่งไล้แผ่วผิวตรงข้างเอวสูงขึ้นมาวนเวียนปลายยอดอกแล้วขยำเบาๆ ทำเอานิชาดาสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้นกลางดึก พร้อมกับที่ริมฝีปากอุ่นพรมไต่จากต้นแขนมายังไหล่มน ซอกคอจนถึงใบหูก่อนกระซิบ“หมอกจ๋า รักกันนะจ๊ะ”“คุณดนย์ นี่บ้านใหญ่นะคะ ลูกก็อยู่ด้วย”เธองัวเงียห้ามเสียงเบาเพราะเกรงจะทำให้ลูกชายตื่นและตนเองก็พึ่งหลับไปไม่นานหลังจากป้อนนมหนูน้อยจึงยังเพลียอยู่ ทั้งนอนไม่ค่อยเต็มอิ่มนักอยู่แล้ว ยังดีที่เวลากลางวันมีคุณนายแสงหล้ากับเหมยช่วยดูลูกพอให้ได้งีบบ้าง“น่านะ รับรองเบ๊าเบา ลูกไม่ตื่นแน่”สามียังกระซิบเสียงทุ้มนุ่ม มือก็เคล้าคลึงทรวงอกที่อวบอัดขึ้นของตนทำเอานิชาดาอกใจสั่นไหวไม่น้อย จะว่าไปตนก็คิดถึงสัมผัสจากชายหนุ่มอยู่เหมือนกัน หากก็ยังกังวล“ได้ด้วยเหรอคะ”“เดี๋ยวทำให้ดู”พร้อมพูดชายหนุ่มก็เชยคางให้เธอหันกลับไปรับจูบนุ่มนวลก่อนจะค่อยเพิ่มแรงจูบเม้มและกัดกลีบปากอิ่มด้านล่างให้เธอเผยอรับลิ้นร้อน นิชาดาขยับตัวพลิกมาโอบรอบลำคอหนาตอบรับจูบลึกซึ้งอย่างไม่ยอมน้อยหน้าร่างสองสองขยับเสียดสีเบาๆ ในสัดส่วนที่แตกต่างหากสอดรับกันอย่างลงตัว ลูกชายตัวน้อยนั้นนอนในเปลสี่เหลี่ยมไม่ต้องเกรงว่าแรงเคลื่อ
“คุณดนย์คะ”กลางดึกคืนหนึ่งหลังจากมาพักโรงแรมได้สองวันนิชาดาก็รู้สึกปวดท้องแล้วเหมือนมีบางอย่างไหลออกมา หญิงสาวพึมพำเรียก ชายหนุ่ม เพียงแตะแขนอีกฝ่ายก็รู้สึกตัวแล้วขยับนั่งเปิดโคมไฟทันที“เจ็บท้องเหรอหมอก”“ค่ะ...น่าจะน้ำเดินแล้ว”เธอพูดจนแทบไม่มีเสียงเพราะเจ็บ“งั้นหมอกอยู่นิ่งๆ ก่อนนะ แป๊บเดียว”ร่างสูงใหญ่รีบลุกขึ้นใส่เสื้อโดยเร็วแล้วคว้ากระเป๋าที่เตรียมเอาไว้ก่อนมาประคองร่างที่อุ้ยอ้ายขึ้นของภรรยา“เดินพอไหวไหม”“ค่ะ”นิชาดายังพอไหวจึงกัดฟันค่อยๆ เดินไปพร้อมกับที่ชายหนุ่มพยุง ธีรดนย์ตั้งใจเลือกห้องพักใกล้ลิฟต์จึงไม่ต้องเดินไกลมากหญิงสาวนอนรอเพื่อให้ปากมดลูกเปิดและปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีสามีอยู่ข้างๆ เป็นทั้งคนปลอบใจให้กำลังใจและที่ระบายของตนเพราะบ่อยครั้งที่เธอมักจะจิกเล็บลงบนหลังมือหนาที่กุมมือตนไว้“อื้อ เจ็บจังค่ะ”ยิ่งเห็นดวงหน้าสวยซีดเผือด เหงื่อผุดพราย ทรมานด้วยความเจ็บปวดชายหนุ่มก็ทุรนทุรายตาม เพราะหญิงสาวนอนอยู่แบบนี้มาสามชั่วโมงแล้ว ก้มลงไปจูบหน้าผากมนเช็ดเหงื่อให้ก่อนจะกระซิบ“ฉันจะตามพยาบาลอีกรอบนะ”นิชาดาปล่อยให้ชายหนุ่มไปโดยไม่แย้ง เธอรู้สึกทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่น
ไร่ชาดิฐวัฒน์ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสอากาศบริสุทธิ์แห่งขุนเขา นอนในบ้านท่ามกลางไร่ชาเขียวชอุ่ม มองเห็นเมฆลอยต่ำปกคลุมยอดเขา การเก็บชาก็ได้รับความนิยม มีคนจองคิวเต็มจำนวนในทุกวันนิชาดาที่ออกมาเก็บภาพบรรยากาศวันหยุดเพื่อโพสต์ในเว็บและโซเชียลต่างๆ ของไร่ยืนมองผู้คนที่มีความสุขกับการได้มาไร่นี้อย่างภูมิใจ ตอนนี้นอกจากเพจแล้วเธอเปิดแอคเคาต์โซเชียลของไร่เพิ่มขึ้นจนครบถ้วน เพราะโลกออนไลน์เป็นสิ่งที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดในยุคสมัยนี้“ชอบไหมเจ้า”ส้มที่เป็นคนถ่ายภาพให้เธอเปิดกล้องให้ดู ขณะที่นิชาดามากับมธุรินซึ่งยืนเป็นเพื่อนและคอยดูแลเธอที่ท้องแก่ใกล้คลอด ความจริงธีรดนย์ไม่อยากให้หญิงสาวมาทำงานแต่นิชาดาไม่อยากอยู่เฉยๆ การได้ขยับตัวเดินไปเดินมาจะช่วยให้เธอคลอดธรรมชาติได้ง่ายขึ้น หากก็ต้องดูว่าเด็กกลับหัวด้วยหรือไม่เหมือนกัน“อืม ชอบจ้ะ ไปเก็บภาพมุมโน้น ให้เห็นคาเฟ่กับร้านอาหารด้วยนะจ๊ะ”“เจ้า”“พี่ไปกับส้มเองก็ได้ หมอกเข้าไปนั่งพักในคาเฟ่ดีกว่า”มธุรินเอ่ยปากเพราะดูท่าเหมือนภรรยาเจ้าของไร่จะเดินไปอีกไกลกับส้ม“ถ้าอย่างนั้นฝากพี่รินด้วยนะคะ แล้ว
“พอใจหรือยังเมียจ๋า”“อะไรคะ”“ก็รู้แล้วว่าฉันไม่ได้พลาดพลั้งเสียท่าคุณภัทร ฉันเป็นของหมอกคนเดียวมาตั้งแต่จดทะเบียนแล้วไงล่ะ”พร้อมกับถามใบหน้าคมเข้มก็ขยับมาชิด หน้าผากจรดแนบหน้าผากเธอ ส่งสายตาออดอ้อนก่อนจะดันตัวเธอให้ค่อยๆ ถอยไปชิดเตียง แต่เขาทิ้งตัวเองลงหงายหลังแล้วรั้งเธอให้นอนลงไปบนร่างแกร่งนิชาดายิ้มหวาน ไม่ได้ฝืนตัวเพราะตัวเองก็ไม่ได้ขุ่นเคืองอะไร เพียงแค่สงสัยเพราะธีรดนย์ไม่ได้กลับบ้านดึกนัก ยกเว้นช่วงก่อนจัดงานแต่ง“พอใจค่ะ”เธอตอบเสียงเบาชายหนุ่มก็ยิ้มมุมปาก“ผัวเป็นคนดี ไม่วอกแวก รักเมียคนเดียว เมียไม่ให้รางวัลหน่อยเหรอจ๊ะ”คนใต้ร่างอ้อนเสียงทุ้ม แววในดวงตาคู่คมเข้มนั้นหวานฉ่ำจนนิชาดารู้สึกว่าหัวใจตนกำลังละลายไปกับความหวานที่ส่งมาให้“อืม”ปลายนิ้วเรียวไล้วนเหนืออกกว้างพลางทำท่าทีราวครุ่นคิด“อยากได้รางวัลเล็กหรือรางวัลใหญ่คะ”“ชุดใหญ่สิจ๊ะเมียจ๋า”นิชาดาไม่ตอบรับทว่ามือบางเปลี่ยนเป็นลูบแผงอกหนาของคนไม่ใส่เสื้อ แล้วเห็นชายหนุ่มสูดหายใจลึก ยิ่งมือเธอลากลงต่ำ อีกฝ่ายก็ถึงกับกลืนน้ำลายมือนุ่มไม่ได้ต่ำลงไปอย่างที่เขาคาดหวังหากไล้แผ่วเพียงตรงช่วงเอว แต่ชายหนุ่มก็พอใจเพราะร่างหอ
ร่างอรชรออกมายืนหน้าระเบียง มองพระจันทร์ดวงโตผ่านแมกไม้แล้วก็เอาโทรศัพท์ถ่ายก่อนจะอัปโซเชียล ก็มีคนทักและพิมพ์คอมเม้นต์ว่าคิดถึงหลายคน ปกตินิชาดาอัปเดตบ่อยทว่านับแต่มาอยู่ที่นี่ก็ห่างหายเพราะปัญหาต่างๆ ที่รบกวนจิตใจและทุ่มเทความตั้งใจกับงานใหม่ของตน ทั้งยังไม่ได้ตัดวิดีโอที่ถ่ายขณะเดินทางมาไร่ดิฐวัฒน์ด้วย ช่องของเธอพร้อมโซเชียลหยุดเคลื่อนไหวมาสามเดือนแล้ว มานึกขึ้นได้ในตอนนี้ คิดว่าน่าจะพอมีเวลาทำงานตัวเองในวันหยุดได้ เพราะตอนนี้งานในไร่ลงตัวและมีกำหนดปล่อยคลิป Vlog เดือนละครั้ง“จะว่าไป เราไม่เคยชมจันทร์ด้วยกันเลยนะ ออกมาก็น่าจะรอฉันก่อน”เสียงเข้มดังขึ้นและผ้าคลุมที่มาพร้อมการโอบกอดจากด้านหลัง ธีรดนย์คุยงานกับวัชพลนิชาดาก็แวบไปอาบน้ำก่อนแล้วจำได้ว่าเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงซึ่งตนเองยังไม่เคยได้มองดูอย่างจริงจังว่าจะสวยดวงโตแค่ไหน ทั้งยังมีเรื่องให้คิดอยากให้ธรรมชาติยามค่ำคืนช่วยบำบัดความตึงเครียด จึงออกมาหน้าระเบียงในตอนชายหนุ่มอาบน้ำธีรดนย์วางคางบนบ่าเธอ กรุ่นกลิ่นครีมอาบน้ำอบอวลพร้อมไออุ่นจากร่างสูงใหญ่โอบล้อมทำให้หญิงสาวเอนอิงอีกฝ่ายราวต้องการความอบอุ่น“ก็เพราะเอะอะคุณดนย์ก็อุ้มเ
“ฉันเปล่า....”ภัทรดาส่ายหน้าพลางถอยหลังเสียงสั่นมากขึ้น“กลัวทุกคนจะรู้ว่าคุณมาถึงไร่หลังฉันเกิดอุบัติเหตุใช่ไหมคะ”นิชาดาจะไม่ไล่บี้อีกฝ่ายเลยหากเจ้าตัวไม่บอกว่าเธอใส่ร้าย“เธอเกิดเรื่องเมื่อไรฉันก็ไม่รู้ ฉันแค่มาทำงาน ไม่รู้อะไรทั้งนั้น”“ไม่เป็นไร ดูกล้องก่อนแล้วค่อยว่ากัน เพราะผมจำเวลาที่หมอกเกิดเรื่องได้ ถ้าคุณไม่รู้อะไรจริงก็รอให้การณ์กับตำรวจ”“คุณดนย์”คนที่หน้าซีดอยู่แล้วยิ่งตาโต พึมพำพลางถอยหลังช้าๆ“ภัทรไม่ได้ทำนะคะคุณดนย์ ไม่ใช่ภัทรนะ เมียคุณใส่ร้ายภัทร”“ถ้าไม่ได้ทำคุณก็ไม่ต้องกลัวอะไร ไม่ต้องห่วงไปหรอก ตำรวจก็แค่สอบถามเท่านั้น”ยิ่งธีรดนย์เอ่ยถึงตำรวจซ้ำอีกภัทรดายิ่งหวาดกลัวมากขึ้น หญิงสาวรีบหันหลังจะกลับไปขึ้นรถ“ไม่ ภัทรไม่ผิด ภัทรไม่ได้ทำอะไร อย่ามายุ่งกับภัทร”ภัทรดาเหมือนสติหลุดขยับพรวดออกไปราวต้องการหนี ขณะนั้นมีรถคันหนึ่งขึ้นเนินมา ซึ่งก่อนหน้านี้แต่ละคนก็ไม่ทันได้สังเกตสิ่งอื่นเช่นกันเพราะรถของภัทรดาจอดบังทางที่จะเห็นได้ และต่างก็กำลังสนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่พอเห็นรถทั้งหมดก็ตะโกนรั้ง“คุณภัทร!”“กรี๊ดดด!”เอี๊ยด!!เสียงรถเบรกดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าภัทรดาก็ถูกเ