AA: [ชลาจิรากำลังรับสมัครผู้ช่วยเลขาประธานบริษัทอยู่ ลองไปดูไหม]
[คุณเป็นใครคะ] ณิชชาพิมพ์ถาม เมื่อเห็นข้อความจากบุคคลปริศนาเด้งเข้ามาในแอปพลิเคชันแชตชื่อดังในโทรศัพท์
[พี่เป็นห่วง ณิชเป็นคนเก่ง น่าจะได้ทำงานที่ที่ดีกว่านั้น จะได้มั่นคงกว่านี้]
“พี่อัค?”
ณิชชาน้ำตาไหลพราก จะมีใครในโลกนี้เป็นห่วงเธอนอกจากเขา หัวใจของหญิงสาวเต้นถี่รัว
...คิดถึง...
ปีกว่าแล้วที่เธอไม่ได้รับการติดต่อจากอัครชัยเลย ปีกว่าแล้วที่เธอยังคงรอเขา มั่นใจว่าเขาต้องกลับมา
AA: [ร้องไห้อยู่รึเปล่า อย่าร้องไห้นะคนดี]
น้ำตาที่ไหลอยู่แล้วก็ยิ่งไหลออกมาราวกับเขื่อนพัง ไม่มีใครรู้จักเธอดีเท่าเขาแล้ว ไม่มีเลย
NiTCHA: [คิดถึงพี่อัคจังเลยค่ะ]
AA: [พี่ก็คิดถึง]
NiTCHA: [วิดีโอคอลล์ได้ไหมคะ อยากเห็นหน้าพี่อัค]
AA: [อย่าเลยนะ คุยกันแบบนี้ดีกว่า]
NiTCHA: [พี่อัค...]
หญิงสาวไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจเลยสักนิด เธอคิดถึงเขาจะตายอยู่แล้ว
AA: [เพื่อความปลอดภัยของเราเอง]
NiTCHA: [ค่ะ พี่อัคสบายดีไหมคะ]
แต่เข้าใจก็ได้ อย่างน้อยในหนึ่งปีนี้ได้คุยกับเขาบ้างก็ยังดี ถือว่าการรอคอยเป็นปีนั้นคุ้มค่า
AA: [อย่าลืมเรื่องที่พี่บอกนะ อายุยังน้อย ทำงานนอกจากเก็บประสบการณ์แล้วยังต้องหาความก้าวหน้าด้วย]
NiTCHA: [ได้ค่ะ เดี๋ยวณิชจะลองกรอกใบสมัครนะคะ]
AA: [ไปสมัครด้วยตัวเองนะ อย่าสมัครออนไลน์ ไปพบเลขาท่านประธานเลย วันนี้เลยนะ]
NiTCHA: [ทำไมต้องรีบขนาดนั้นด้วยล่ะคะ]
AA: [ทำตามที่พี่บอกก็แล้วกัน พี่เป็นห่วงนะ]
NiTCHA: [ค่ะ ณิชคิดถึงพี่อัคนะคะ รักมาก ๆ ด้วย]
AA: [พี่ก็รักณิช เป็นห่วงณิชเสมอนะ]
NiTCHA: [ถ้าสมัครเสร็จแล้ว ณิชไลน์หานะคะ]
AA: [ไม่ต้อง ไลน์นี้เดี๋ยวพี่ก็ทิ้งแล้ว อย่าไลน์หาพี่ อย่าติดต่อพี่]
???
อัครชัยทำอย่างที่เขาบอก เพราะหลังจากนั้นไม่ว่าณิชชาจะส่งข้อความไปเท่าไร เขาก็ไม่เปิดอ่านข้อความเหล่านั้นเลย และไม่ติดต่อกลับมาอีกเลยจนกระทั่งวันนี้
สิ่งที่ทำให้ณิชชาคลายคิดถึงคนรักลงได้บ้างก็คงจะเป็นแค่การอ่านข้อความในแอปพลิเคชันซ้ำไปซ้ำมา
ดวงตาสีนิลในชุดสูทสีกรมท่าพอดีตัวเผยให้เห็นไหล่กว้าง หลังตรง และช่วงหน้าอกที่มีกล้ามโผล่มาให้เห็น มองหน้าพนักงานของตนที่หน้าห้องของเขาอย่างพินิจพิจารณา
ณิชชาเอาแต่จ้องมองโทรศัพท์ในมือแล้วก็ยิ้มจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง จนกระทั่งได้ยินเสียงกระแอมคุ้นหูดังขึ้นเบา ๆ ร่างบางที่เงยหน้าขึ้นมาดูก็ถึงกับสะดุ้งเพราะแววตาที่เขามองมานั้นมันแปลกจนรู้สึกว่า
น่ากลัวเกินไป หญิงสาวรีบยืนขึ้นแล้วเอ่ยทักทาย ก่อนจะก้มหน้างุดรอฟังคำสั่งแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกที เจ้าของดวงตาคมกร้าวนั้น ก็หายไปแล้ว
การทำงานในวันนี้วุ่นวายมาก แม้จะ ‘เอาอยู่’ แต่ก็เป็นการเอาอยู่แบบ ‘เจียนตาย’ วันนี้เจ้านายของเลขาทั้งสองคนมีประชุมสองครั้ง ลูกค้าสาม และงานเอกสารอีกหลายตั้ง ‘ขาขวิด’ ยังแทบจะบรรยายลักษณะการทำงานของสองหญิงเก่งแห่งชั้นบนสุดในตึกนี้ไม่ได้
เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง ร่างบางก็จัดการเคลียร์โต๊ะทำงาน หวังจะรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด เพราะนี่ก็ดึกมากแล้วรถเมล์รอบสุดท้ายน่าจะหมดแล้ว รถไฟฟ้าก็ด้วย คงเหลือแต่แท็กซี่ที่มักจะเรียกค่าโดยสารโหด ๆ โดยไม่เปิดมิเตอร์ในช่วงเวลาแบบนี้
หญิงสาวมองนาฬิกาข้อมือเรือนหมื่นที่ใส่ติดข้อมือมาหลายปีแล้ว มันเป็นหนึ่งในของขวัญที่อัครชัยซื้อให้ ณิชชาใส่มันติดตัวตลอด อันที่จริง เธอก็ใส่ของขวัญที่คนรักให้ตลอด ตอนนี้สร้อยทองพร้อมจี้ที่อยู่ที่คอของเธอก็เป็นเขาที่ซื้อให้ แหวนที่ตอนนี้เธอใส่ไว้ที่นิ้วก้อยข้างซ้ายก็เป็นเขา น้ำหอมขวดนี้ก็เช่นเดียวกัน เขาชอบกลิ่นนี้ ชอบให้เธอมีกลิ่นนี้ติดตัว เธอรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้มองพวกมัน ราวกับอัครชัยไม่ได้จากไปไหน
ณิชชาจัดการส่งอีเมล์สรุปงานต่าง ๆ ในวันนี้ให้เจ้านาย และ
ทุกคนที่เกี่ยวข้อง จากนั้นก็เตรียมวิ่งทันที“เฮ้ย!!!”
หญิงสาวลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้นหลังจากที่ชนกำแพงที่ทั้งหนาทั้งใหญ่และเป็นกำแพงที่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงและไม่คิดจะหลบด้วย
“โอ๊ยยย...” ณิชชาร้องคราง เจ็บตรงสะโพกที่กระแทกกับพื้นและข้อเท้าข้างหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่คิด เพราะชลาสินธุ์รั้งแขนของเธอเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ ดึงร่างของหญิงสาวเพิ่มขึ้น
“เอ่อ...ขอบคุณมากนะคะคุณสินธุ์” ณิชชาลุกขึ้นมาปัดแข้งปัดขา สำรวจความเรียบร้อยของข้อเท้า ขาและสะโพกของตัวเอง ปรากฏว่ามันยังใช้การได้ปกติ เพียงแต่ยังเจ็บ ๆ อยู่บ้างเท่านั้น
“ดึกแล้ว กลับบ้านไปได้แล้วไป” เขาเอ่ยเสียงดุจนณิชชาต้องก้มหน้าอีกครั้ง หลายอึดใจทีเดียวกว่าที่หญิงสาวจะรู้ตัวได้ว่า ถูกไล่ให้กลับบ้านแล้ว
“เอ่อ...งั้น ดิฉันขอตัวกลับบ้านเลยนะคะ” เธอไหว้ย่อเร็ว ๆ ทีหนึ่งก่อนจะรีบเดินออกไป
ชลาสินธุ์มองคนที่กำลังเดินห่างออกไปด้วยแววตาครุ่นคิด
นอกจากลักษณะท่าทาง รูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ธารากานต์กับณิชชา ยังใช้น้ำหอมกลิ่นเดียวกันด้วย
“บ้าเอ๊ย!”
ณิชชายืนอยู่ป้ายรถเมล์ตรงหน้าอาคารชลาจิราอีกครั้ง หญิงสาวภูมิใจอย่างที่สุดที่ได้ทำงานที่นี่ เวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า เธอทำมันได้ดี พี่ภา หรือคุณประภาพรเลขาท่านประธานชมเธอทุกวันเรื่องงาน ส่วนท่านประธานเองนั้น แม้จะมีแววตาแปลก ๆ เวลาที่มองเธอ แต่
หญิงสาวก็ไม่เคยได้รับคำตำหนิใดๆสิ่งที่เธอต้องการก็แค่นี้ แค่ให้เธอภูมิใจ ให้พี่อัคของเธอภูมิใจที่เธอทำได้อย่างที่เขาบอกทุกอย่าง
อาคาร ชลาจิรา หรือ ซีเจ ตั้งตระหง่าน เหมือนกับอัครชัย มันยิ่งใหญ่ในชีวิตของเธอเหมือนกับเขา เป็นที่กำบังฝน ที่ที่มอบโอกาส และที่ที่ให้ความเจริญเติบโต แม้เธอจะมาอยู่ที่นี่เพียงเดือนเดียว แต่หญิงสาวเห็นอนาคตของตัวเองแน่นอนแล้ว
เรื่องอื่นเธอไม่สนใจเลยสักนิด แค่ทำให้คนที่พยายามหนุนหลังเธออยู่ได้ภาคภูมิใจในความสำเร็จของเธอเท่านั้นก็พอ
ณิชชาเป็นเด็กต่างจังหวัด ใช้ชีวิตกันมากับแม่เพียงสองคน นี่ก็เป็นอีกคนที่เป็นลมใต้ปีของเด็กหญิงณิชชามาตลอด แม้ว่าตัวเองจะยากลำบากแค่ไหน แต่แม่ก็พยายามอย่างมากที่สุดให้เธอได้ พอขึ้นม.ปลาย ณิชชาก็แบ่งเบาภาระแม่ด้วยการทำงานส่งตัวเองเรียนบ้าง และเมื่อเรียนจบมีงานมีการทำ แม่ของณิชชาก็ไม่ได้ลำบากอีกต่อไปแล้ว
อันที่จริงเงินเดือนที่ณิชชาได้รับนั้นไม่น้อยเลย แต่เพราะต้องการให้แม่อยู่อย่างสุขสบาย หญิงสาวจึงเลือกที่จะเช่าคอนโดเล็กๆ ชานเมือง แล้วนั่งรถเมล์มาทำงานแทนที่จะซื้อรถ หรือสร้างบ้านของตัวเอง
“แม่ไม่ต้องห่วงนะ หนูจะทำให้แม่มีความสุขเอง” เธอเคยบอกกับแม่แบบนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เธอจะรักษาของตัวเองได้ตลอดรอดฝั่ง
รถยนต์คันหรูเลี้ยวออกจากโรงแรมผ่านหน้าเธอไป เธอรู้ดีว่า มันเป็นรถของใคร เพราะทุกครั้งหากว่าประธานของเธอไม่ขับรถเอง จากรถเบนท์ลี่ย์สีน้ำเงินเงางาม จะกลายเป็นเมอร์เซเดส เบนซ์ วีคลาส สีดำสนิท
ดำเหมือน...แววตาของเขา
ทันทีที่คำคำนี้ผุดขึ้นมา แววตาสีดำทมึนของคนที่อยู่ด้านหลังรถหรูคันนั้นก็สบตาเข้ากับเธอเข้าพอดี
อยู่กันมาเป็นเดือนแล้ว แต่หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองเข้าไม่ถึงความรู้สึกในแววตานั้นเลย...ไร้ความรู้สึก
ใช่...มันเป็นแววตาที่ไร้ความรู้สึก แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นแววตาที่ไร้ความรู้สึกสำหรับเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น...ทำไมกัน?!
ประภาพรยื่นใบลาออกแล้ว และหลังจากทำเรื่องทุกอย่างเสร็จ เลขาสาวใหญ่ยังมีเวลาทำงานต่ออีกหนึ่งเดือน แต่ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งเดือนที่เธอใช้วันลาได้สิ้นเปลืองมาก
‘ที่ผ่านมา พี่แทบไม่ได้ลาเลย’ เธอว่าอย่างนั้น เมื่อณิชชาส่ง
แววตาน่าสงสารใส่เมื่อได้ข่าวว่า รุ่นพี่เตรียมจะลากิจอีกแล้ว อย่างวันนี้เธอก็มีธุระบางอย่างต้องทำในช่วงเช้า จึงจะเข้ามาออฟฟิศตอนบ่ายแทน ทิ้งให้ณิชชาอยู่กับกองเอกสารสำคัญกองใหญ่หญิงสาวไม่มีทางเลือกนอกจากรายงานกับเจ้านายทันทีที่เขามาถึงว่า อีกสักครู่จะนำเอกสารสำคัญอย่างน้อยสามอย่างเข้าไปให้เซนชื่อ
ณิชชาหอบเอาแฟ้มเอกสารหลายแฟ้มเข้ามาหาเจ้าของห้อง โดยยื่นอันที่สำคัญไว้ตรงหน้าเจ้านายเลย ขณะที่อันที่ยังไม่เร่งด่วนนั้นถูกแยกวางไว้ที่ขอบโต๊ะทำงาน
ชลาสินธุ์ก้มหน้าก้มตาอ่านมันอย่างละเอียดก่อนจะบรรจงเซ็นชื่อของตัวเองลงไปในแต่ละแฟ้ม
ณิชชาชอบมองการกระทำนั้นแล้วนึกไปถึงตอนที่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย อัครชัยเป็นประธานนักศึกษา หญิงสาวมักจะเข้าไปช่วยงานบ่อย ๆ อัครชัยเป็นคนตั้งใจทำงานมาก ทำกิจกรรมเยอะมากทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย แต่ก็ยังเป็นคนที่เรียนเก่งมาก และนั่นก็พาให้หญิงสาวตั้งใจเรียนเพื่อที่จะเป็นคนที่เหมาะสมกับเขาด้วย
อัครชัยก็มักนั่งก้มหน้าอ่านเอกสารอย่างละเอียดรอบคอบแบบนี้ทุกครั้ง ก่อนจะเซ็นต์ชื่ออนุมัติโครงการอะไรสักอย่างที่ทางชมรมหรือกิจการนักศึกษาส่งมาให้พิจารณา
“พี่อัค...” เธอส่งเสียงออกมาเบาๆ...พี่อัคอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
“หืม? ว่าไงนะ”
“เอ่อ ขะ ขอโทษค่ะ คุณสินธุ์” ณิชชาระล่ำระลักเมื่ออีกคนเงยหน้าขึ้นมา แล้วพบว่า ไม่ใช่ คนตรงหน้านี้ไม่ใช่พี่อัคของเธอ แต่เป็นเจ้าของดวงตาไร้แววคนหนึ่งต่างหาก
“มองฉันทำไมขนาดนั้น ต้องการอะไร?” เสียงเยือกเย็นนั้นทำให้ณิชชาขนลุกซู่
“เปล่าค่ะ เปล่า ไม่มีอะไร” หญิงสาวก้มหน้างุด สายหัวปฏิเสธจนกลัวว่าคอจะหัก ภาพแววตาดำๆ น่ากลัวนั้นโผล่เข้ามาในหัว
“เอ้า เสร็จแล้ว” ชลาสินธุ์ส่งเสียงดุแล้วยกแฟ้มเอกสารนั้นขึ้น ก่อนนจะวางหนัก ๆ ลงบนมือของณิชชา หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว แฟ้มที่เขาส่งให้จึงตกลงพื้นทั้งหมด แล้วขาของเธอก็พลาดเหยียบลงไปบนแฟ้มหนึ่งตอนที่ตกใจมากๆ ทำให้เกือบจะล้ม หญิงสาวคว้าข้อมือเจ้าของห้องไว้มั่นตามสัญชาตญาณ และเขาก็จับเธอเอาไว้ตามสัญชาตญาณเช่นเดียวกัน
แต่เป็นสัญชาตญาณดิบ!
แรงกระชากของเขาตวัดร่างของเธอจากที่จะล้มหงายหลังกลายเป็นคะมำมาข้างหน้า จนใบหน้าของเธออยู่ห่างจากใบหน้าถมึงทึงของเขาไม่กี่เซนติเมตร
...ใกล้ความตาย...ณิชาอยากจะกรีดร้องให้กับความซุ่มซ่ามของตนเอง ที่พาตัวเองมาอยู่ใกล้ความตายมากขนาดนี้
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ”
“ปกติเป็นคนซุ่มซ่ามแบบนี้หรือเปล่า” เสียงต่ำที่ไม่สามารถบอกอารมณ์ได้ถามขึ้น
เอ่อ...ดิฉันขี้ตกใจค่ะ”
“อ้อ...”
อ้อ? แล้วก็เงียบไป? “...”
“แล้วทำไมยังไม่ไปอีก หรือว่าต้องให้ฉันเก็บแฟ้มพวกนั้นให้เธอด้วย”
“ค่ะ ค่ะ ขอโทษค่ะ”
หญิงสาวรีบเก็บข้าวของที่ตกอยู่แล้วรีบเดินออกมาจากห้องท่านประธานทันที เมื่อมาถึงที่โต๊ะตัวเองณิชชาก็รีบเอามือถือของตัวเองออกมา แล้วใช้ข้อความของอัครชัยในแอปพลิเคชั่นออกมาอ่านเพื่อลบกระแสความน่ากลัวในสายตาของคนที่อยู่ในห้อง
...หน้าเหมือน ท่าทางเหมือน แต่สายตานี่ไม่ใช่เลย...
ความอบอุ่นของพี่อัค ไม่มีใครเทียบได้
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว