แมกไม้ร่มรื่นยืนเรียงรายอยู่สองข้างทางทั้งเล็กใหญ่ ทำให้อากาศที่นี่สะอาดบริสุทธิ์อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ตรงใจกลางกรุงเทพฯ เมืองที่แสนวุ่นวาย รถราวิ่งกันขวักไขว่ มลพิษถูกพ่นออกมาแทบจะจากทุกสรรพสิ่งไม่หยุดหย่อน
ณิชชายืนยิ้มกว้างมองอาคารสูงใหญ่แห่งหนึ่งที่อยู่สุดปลายทางเดินนั้น หญิงสาวร่างเล็กบาง ใบหน้าหวาน จบปริญญาตรีมาได้สองปีแล้ว เธอทำงานเป็นเลขาของประธานบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เล็ก ๆ แห่งหนึ่งทันทีที่เรียนจบ จนกระทั่งได้รับคำแนะนำจากใครบางคนให้ลองเปลี่ยนสถานที่ทำงานเพื่อวางรากฐานของอนาคตดูบ้าง หลังจากสั่งสมประสบการณ์มาพอสมควรแล้ว นั่นทำให้ณิชชายอมสลัดความคิดที่ว่า ตัวเองเป็นเพียงเด็กต่างจังหวัดและไม่มีความสามารถมากพอที่จะเข้าไปอยู่ในจุดที่สูงกว่าที่เคยเป็นได้ลงเสีย
ใครบางคนที่ณิชชา เคยรัก และยังรักจนสุดหัวใจ ใครบางคนที่จากเธอไปหนึ่งปีเต็มแล้ว
‘ไม่ต้องรอพี่หรอก ถ้าเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ทุกอย่างในชีวิตณิชน่าจะดีขึ้น’.เขาบอกเอาไว้แบบนั้น ก่อนจะจากไป
‘แต่ณิชไม่ต้องห่วงนะ.พี่จะคอยดูแลณิชเสมอ’
‘ณิชอยากให้พี่อัคอยู่ด้วยกันมากกว่า พี่อัคคอยดูแลใกล้ ๆ ไม่ได้เหรอคะ’
หญิงสาวคิดไปถึงวันที่ตัวเองน้ำตานองหน้า เมื่อคนรักตัดสินใจจะแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยการเดินออกไปจากชีวิตของเธอ
ปัญหาชีวิตคู่ของพวกเธอก็ราวกับละครน้ำเน่าเคล้าน้ำตาที่หาได้จากชีวิตจริงอย่าง แม่ของพี่อัค หรือ อัครชัย คนรักเพียงคนเดียวในชีวิตของณิชชา ไม่พอใจอย่างมากที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนจะได้ แฟนสาวที่เป็นคนบ้านนอก ไร้หัวนอนปลายเท้า ไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัวเลยสักอย่าง หล่อนยื่นคำขาดทันทีว่าให้ทั้งคู่แยกจากกันที่รู้ว่าเธอเป็นแฟนของลูกชาย ไม่อย่างนั้นด้วยอิทธิพลบางอย่าง ณิชชาจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในสังคมนี้เลย
ถึงตอนนั้นเองที่ณิชชารู้ว่า เพราะอะไรอัครชัยจึงไม่เคยพาเธอไปแนะนำให้กับคนที่บ้านได้รู้จัก แม้จะคบกันมาตั้งแต่เธอเข้าปีหนึ่งในมหาวิทยาลัย
‘รู้ใช่ไหมว่าพี่ไปเพราะพี่เป็นห่วงณิช’หญิงสาวพยักหน้าทั้งที่น้ำตายังนองอยู่ในอ้อมกอดแกร่งของเขา นัยน์ตาที่โศกอยู่แล้ว พาให้คนเห็นยิ่งเป็นห่วง
‘เราน่าจะมีวิธีทางแก้ที่ดีกว่านี้นี่คะ หรือว่าจริง ๆ แล้วพี่อัคก็ไม่ได้คิดถึงอนาคตร่วมกับณิช” สาวน้อยไร้อำนาจวาสนาส่งเสียงออกมาอย่างน่าสงสาร
‘อย่าคิดแบบนั้น ณิชก็รู้ว่า คุณแม่ไม่ได้ให้เวลาเราคิดมากขนาดนั้น ถึงตอนนี้ทำอะไรได้ก็คงต้องทำไปก่อน” อ้อมแขนหนากระชับร่างบางแน่น เขาล่วงรู้แผนของมารดาตัวเองหมดแล้ว ลูกน้องของแม่หลายคนคงอยู่กันรอบ ๆ คอนโดนี้ และพร้อมจะปฏิบัติตามคำสั่งทันทีที่มารดาออกเอ่ยปาก แม่ไม่ได้หมายเอาชีวิต แต่สิ่งที่แม่ต้องการคือ ให้ณิชชาอับอาย และเจ็บปางตาย คนพวกนั้นจะรุมทำร้ายร่างเล็ก ๆ ที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาหลายปีนี่จนไม่เหลือชิ้นดี เขาไม่มีเวลาคิดอ่านอย่างอื่นได้อีกแล้ว
‘คุณแม่พี่จะทำอะไรคะ’
อัครชัยตอบอะไรไม่ได้ สิ่งที่เขาทำได้ก็เพียงกระชับอ้อมกอด ส่งผ่านความ รู้สึกห่วงใย และพร้อมจะปกป้องก็เท่านั้น
‘ไม่ต้องรู้หรอก เอาเป็นว่า ต่อจากนี้ไปพี่มาหาณิชไม่ได้อีกแล้ว แต่จงจำไว้ว่า พี่รักและเป็นห่วงณิชมากที่สุด และถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน พี่ก็จะคอยดูแลณิช’
‘ณิชจะรอพี่อัคนะคะ นานแค่ไหน ณิชก็จะรอ’
‘อย่ารอพี่เลย.พี่คงไม่ได้กลับมา’ ชายหนุ่มพูดเสียงเบา แม่ของเขาไม่ใช่คนธรรมดา เป็นนักธุรกิจทรงอิทธิพล พ่อเลี้ยงของเขาแม้ไม่ได้เปิดเผยเป็นสาธารณะ แต่ใคร ๆ ก็รู้ว่า เป็นมาเฟียสีเทารายใหญ่ ที่นึกอยากชี้นิ้วสั่งใครให้อยู่ สั่งใครให้ตายก็ย่อมเป็นไปตามนั้น
“พี่อัค”ณิชชาถอนหายใจยาวเมื่อคิดถึงวันสุดท้ายที่ได้คุยกัน
เอี๊ยดดด...
เสียงรถหรู สีน้ำเงินเงาวับเบรกดังสนั่น ณิชชาสะดุ้ง หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมานอกอก อีกแค่เพียงไม่ถึงห้าเซนติเมตรเธอก็จะถูกรถคันนี้ชนแล้ว เมื่อได้สติจึงสำรวจตัวเองและพบว่า ตัวเองลงมาเดินตรงถนนได้อย่างไร ตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ คงจะมัวแต่คิดเรื่องเก่า ๆ จนเผลอเดินลงมาจากฟุตบาธ ใบหน้าคนขับที่เห็นผ่านฟิล์มกรองแสงเกือบทึบนั้น แสดงว่ากำลังมองเธออย่างโกรธเคือง แต่ณิชชากลับตะลึงกับภาพที่เห็น
“พี่อัค!”
“สวัสดีค่ะคุณสินธุ์ ทำไมวันนี้หน้าเป็นแบบนั้นล่ะคะ ใครทำให้ไม่พอใจอีก” ประภาพรเลขาสาวใหญ่ที่ทำงานที่นี่มาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อถามขึ้นทันทีที่เห็นชลาสินธุ์เดินออกมาจากลิฟต์ชั้นสูงสุดของบริษัท ซึ่งเป็นที่ทำงานของเธอ
“ไม่มีอะไรมากมายหรอกครับคุณภา แค่ไปเจอคนบ้าเข้าน่ะ”
“บ้า? ใครคะบ้า”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ คงจะเข้ามาสัมมนาอะไรสักอย่างแถว ๆ นี้มั้ง คุณภา ผมขอกาแฟหน่อยนะครับ”
ชลาสินธุ์ ทายาทคนโตของเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังมีดีลลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ส่วนใหญ่เน้นสร้างคอนโด หมู่บ้านหรู ตามเมืองใหญ่ ๆ และยังรับจ้างสร้างอาคารที่มีมูลค่าร้อยล้านขึ้นไป นอกจากนี้ยังทำอพาร์ตเมนต์ตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ อาคารโรงงานให้เช่า รวมถึงโรงแรมที่ทั้งครอบครัวช่วยกันดูแลด้วย เขาและน้อง ๆ กลายเป็นนักธรุกิจที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากในช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้
แต่แม้จะดูแลงานเยอะมากขนาดนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาเครียดเป็นอย่างมากอยู่ตอนนี้กลับไม่ใช่เรื่องงาน แต่เป็นเพราะ ธารากานต์ น้องสาวบุญธรรม ลูกสุดที่รักอีกคนของครอบครัวจิรารักษนนท์ตัดสินใจทิ้งทุกอย่างที่บ้าน แล้วออกไปใช้ชีวิตต่างจังหวัดในที่ห่างไกลเพียงลำพัง โดยไม่ปรึกษาพี่คนโตอย่างเขาสักคำ
ธารากานต์ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่น้องแท้ ๆ แต่ครอบครัวของเขาก็รัก และดูแลน้องคนนี้มาอย่างดี เรื่องตลกก็คือ น้องแท้ ๆ ของเขาอีกสองคน กลับมีทีท่าว่ารักและใส่ใจธารากานต์ มากกว่าพี่ชายแท้ ๆ อย่างเขาซะอีก
นึกถึงตรงนี้ชลาสินธุ์ก็หัวเราะหึ สาคเรศมักจะชอบเรียกธารากานต์ ด้วยเสียงยาว ๆ เวลาอยากให้กานต์ทำอาหารอร่อย ๆ ให้กิน
กานต์จ๋าอย่างนั้น กานต์จ๋าอย่างนี้
ซึ่งเขาฟังแล้วมัน...น่าถีบมาก
ส่วนธาร หรือชลาธาร น้องสาวคนสุดท้อง ก็พี่กานต์คะ พี่กานต์ขาแม้จะน่าฟัง แต่เสียงแหลม ๆ นั้นก็เสียดหูเหลือเกิน
ชลาสินธุ์บอกตัวเองไม่ได้ว่า เขารู้สึกกับธารากานต์ มากเกินกว่าคำว่า ‘น้อง’ ตั้งแต่เมื่อไร อาจจะรู้สึกมานานมากแล้ว แต่ไม่รู้ใจตัวเอง จนกระทั่งไอ้วัชรินทร์ปรากฏตัวขึ้นในชีวิตของธารากานต์
ประตูห้องทำงานถูกเคาะเบา ๆ ทำให้ชลาสินธุ์กลับมายังโลกตรงหน้าอีกครั้ง แทนที่จะอยู่กับคนในใจต่อไป เขาสังเกตได้ว่า เสียงที่เคาะประตูนั้นเบาเกินกว่าที่จะเป็นมือของคุณประภาพรเลขาของเขา แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เมื่อเมื่อคนที่เปิดประตูในมือถือถ้วยกาแฟนั้นคือ คนที่เพิ่งจะเดินใจเลยจนเกือบจะโดนรถของเขาเฉี่ยวเอาเมื่อสักครู่นี้เอง
ผู้หญิงคนนี้รูปร่างคล้ายธารากานต์เอามาก ๆ ส่วนสูงน่าจะต่างกันไม่กี่เซ็น ความหนาของร่าง ก็ออกจะบางเท่า ๆ กัน จะมีก็แต่
แววตาที่แปลก ๆ นั่น ที่จ้องมองเขาจนรู้สึกอึดอัด“เอ่อ...คุณภาให้ดิฉันเอากาแฟมาให้ค่ะ”
“เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ” ชลาสินธุ์บุ้ยปากบอกที่ที่เธอต้องวางถ้วยกาแฟ “เด็กใหม่คุณภาหรือ”
“ค่ะ ดิฉันทำงานกันบคุณภามาได้สองสัปดาห์แล้วค่ะ”
ชลาสินธุ์พยักหน้าเข้าใจ ก่อนหน้าที่เขาจะไปอังกฤษเพื่อดูงานนั้น ลูกน้องของคุณภา เลขาฝีมือดีของเขาต้องลาออกกะทันหันเพื่อตามสามีไปทำงานต่างจังหวัด ไม่น่าเชื่อว่าในเวลาแค่สองสัปดาห์ คุณภาจะได้ผู้ช่วยคนใหม่เร็วขนาดนี้
แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อพบว่า ดวงตาของหญิงสาวหน้าใหม่นั้นยังคงจ้องนิ่งอยู่บนใบหน้าของเขาไม่เลิก มันนานจนรู้สึกผิดสังเกต
“หืม?”
“อ้อ เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
“ไปได้มาจากไหนครับคุณภา” ชลาสินธุ์ถามขึ้น ในช่วงเย็นวันเดียวกันนั้น ตอนที่ณิชชาล่ำลาทุกคนกลับบ้านไปแล้ว แต่ประภาพรยังคงต้องรอสามีมารับจึงจัดการกับงานต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเจ้านายหนุ่มออกมาจากห้องทำงาน
“เขามายื่นใบสมัครพอดีน่ะค่ะ ไม่รู้ว่ารู้ได้ยังไงว่า ทางเรากำลังจะเปิดรับ แล้วดูประวัติการทำงานก็ไม่ได้แย่นะคะ คุณสินธุ์จำบริษัทวีซีเจ
ได้ไหม บริษัทนั่นทีแรกก็เล็กนิดเดียว รับแต่งานก่อสร้างหมู่บ้านไม่เกินยี่สิบหลัง แต่ว่าเติบโตได้ดีตอนที่มีน้องณิชเข้าไปอยู่นี่แหละค่ะ ตอนนี้เห็นว่า รับงานเหมือนเราทุกอย่างแล้ว เพียงแต่สเกลเล็กกว่าเท่านั้น เรื่องนี้พี่เลยคิดว่าน่าจะลองรับมาทำงานด้วยกันดูค่ะ เรื่องฝีมือไม่น่าจะต้องห่วง”“เรื่องฝีไม้ลายมืออะไรผมแล้วแต่คุณภาเลยครับ แต่ผมว่า เรื่องอื่นมีอะไรแปลก ๆ”
ตลอดทั้งวันนี้ ผู้หญิงคนนั้นหากว่าได้มีโอกาสมองเขา ก็มักจะมองไม่วางตา แววตาบางทีก็ดูเศร้า แต่บางครั้งก็ดูเหมือนรักเขามากมายเหลือเกิน
รัก...อะไรขนาดนั้น แล้วเศร้าเรื่องอะไรกัน
แล้วจะจ้องทำไมนักหนา
“หืม? แปลกยังไงคะคุณสินธุ์ มีอะไรที่พี่ควรรู้หรือเปล่า” ประภาพรทำงานมานาน เรื่องความสัมพันธ์เลขาท่านประธาน เธอย่อมรู้ดีว่าไม่ได้มีแต่ในนิยาย และเธอค่อนข้างระวังเรื่องนี้ให้เจ้านายมาก ด้วยรู้ว่า เจ้านายไม่ชอบให้มีเรื่องแบบนี้ในที่ทำงานเลย ที่อื่นอย่างไรคุณเลขาไม่ทราบ แต่ที่บริษัทแห่งนี้นับจากคุณพ่อมาสู่ลูกชายคนโต หากจับได้ว่าใครมีแนวโน้มจะเข้าหาพวกเขาด้วยเรื่องอื่นนอกจากเรื่องงาน เป็นต้องโดนระเห็จออกไปซะหมด
ใครจะรักเดียวใจเดียวเท่าเจ้านายคนก่อน
ส่วนเจ้านายคนนี้ ก็ไม่มีใครเข้ามาทำให้ใจอ่อนสักที
คุณเลขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า...อยากให้เป็นฝั่งเป็นฝาไปสักที แต่ก็ต้องถูกทำนองคลองธรรมด้วย
“อ่า...ไม่รู้สิครับ ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ อาจจะยังใหม่ด้วยมั้งครับ ไว้มีอะไร ผมค่อยเล่าให้คุณภาฟังดีกว่า” ชลาสินธุ์เลือกที่จะไม่พูดออกไป เพราะเขากำลังรู้สึกว่า มันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องชู้สาว และเขาก็ไม่อยากจะมีข่าวคาว ซุบซิบอะไรไปทางนี้มากนัก ดังนั้นจัดการให้เงียบที่สุด ยุ่งเกี่ยวกับให้น้อยที่สุดน่าจะดีกว่า
แต่ถ้าให้กินฟรี ก็ไม่แน่นะ
“นอกจากฝีมือแล้ว พี่ยังเลือกน้องณิชจากโหงวเฮ้งด้วยนะคะ” เลขาสาวใหญ่ชวนคุยต่อ
“หืม?”
“คุณสินธุ์ดูสิคะว่า น้องณิชน่ะ มีรูปร่างหน้าตาบุคลิกลักษณะเหมือนใคร”
ชลาสินธุ์นิ่งคิดถึงใบหน้าที่มาวุ่นวายทั้งวันกับตนในวันนี้แล้วก็พยักหน้ากับตัวเองสองสามครั้ง
“ใช่ไหมล่ะคะ” ประภาพรยิ้ม “น้องณิชน่ะ เหมือนคุณกานต์อย่างกับพี่น้องเลยค่ะ ไม่สิ มองข้างหลังน่ะ อาจจะคิดว่าฝาแฝดเลยก็ว่าได้ แล้ว
คุณกานต์น่ะ ทั้งเก่ง ทั้งอัธยาศัยดี เป็นได้ทั้งสมองและหน้าตาให้กับชลา จิราของเรา พี่คิดว่า น้องณิชก็ไม่น่าจะต่างกันเท่าไรหรอกค่ะ ขอเวลาให้คุ้นเคยกับที่นี่สักนิด” ประภาพรบรรยายสรรพคุณผู้ช่วยตัวเองเสียยกใหญ่ชลาสินธุ์พยักหน้าไปเรื่อย ๆ เขาค่อย ๆ คิดตามคำบอกเล่าของเลขาส่วนตัวที่ทำงานกันมาหลายปี ฝีไม้ลายมือในการทำงานของเลขาคนนี้เขาไม่เคยสงสัย เรื่องมองคนก็เช่นกัน และยิ่งมีคำว่า ‘กานต์’ มาการันตี ความสงสัยเรื่องการทำงานของณิชชาก็ไม่มีในหัวของเขาแล้ว จะมีก็แต่พฤติกรรมแปลก ๆ ของเจ้าตัวที่เขารับไม่ค่อยได้นั่นแหละ
หรือว่า...?
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว