“หึ พี่ชิน พี่นั่นแหละที่ต้องปล่อย คนคนนี้เป็นคนของผม” ชลาสินธุ์เสียงดังลั่น
“นายนี่มันขี้แพ้เหมือนเดิมนะ พนักงานไม่ใช่สมบัติของเจ้านายโดยเฉพาะพนักงานที่ลาออกแล้ว หรือถ้าหากนายคิดว่าใช่ ตอนนี้ฉันต่างหากที่เป็นเจ้าของคุณณิช เพราะบริษัทของฉันรับคุณณิชเข้าทำงานเรียบร้อยแล้ว”
“อ๋อ แบบนี้เองสินะ มีที่ไปแล้วนี่ ถึงได้ระรี้ระริกอยากจะไปจากฉันซะเต็มประดา” เขาหันไปมองหน้าหญิงสาวก่อนจะมองไปยังอีกคน “แล้วพี่ชินรู้หรือเปล่าว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นแค่เลขาของผมหรอกนะ”
“คุณสินธุ์!!” ณิชชาร้องเรียกชื่ออย่างตกใจ กลัวว่าชลาสินธุ์จะเอ่ยอะไรที่มันทำให้เขาอับอายขึ้นมา
“นายจะพูดอะไรน่ะสินธุ์ หมายความว่ายังไง?”
“ผมให้โอกาสพี่ได้ฟังจากปากเขาเองก็แล้วกัน แล้วพี่ก็จะรู้ว่า คำว่า ไอ้ขี้แพ้ น่ะ พี่ต้องเก็บเอาไว้เรียกใคร” ชลาสินธุ์ตอบเสียงกร้าว แต่
แววตานั้นยิ้มเยาะ ก่อนจะหันมาทางณิชชาที่มือหนึ่งก็ยังถูกเขาดึง แต่ทั้งร่างยังอยู่ในอ้อมกอดของชินวุฒิ “ว่าไงล่ะ คุณชินเขาสงสัยน่ะว่า เราเป็นอะไรกัน ตอบเขาไปสิ”ณิชชาน้ำตาไหลพราก รอยยิ้มเยาะ ๆ นั่นทำให้เธอปวดใจอย่างแสนสาหัส แววตาที่มองผ่านม่านน้ำตามายังร่างสูงเหมือนจะด่าทอว่า เขาคือคนเลว เขาคือปีศาจร้ายที่ทำอย่างไรเธอก็หนีไม่พ้น เหมือนเป็นสัมภเวสีที่ไม่ว่าจะทำบุญกรวดน้ำให้อย่างไรก็ไม่อาจจะหลีกหนีกันพ้น
แต่อีกคนกลับไม่สนใจซ้ำยังเพิ่มแรงบีบที่ข้อมือให้มากขึ้นด้วย
“นี่ ฉันเจ็บ!”
“กลับบ้านกับฉัน” ชลาสินธุ์พร้อมกระชากแขนหญิงสาวจน
ชินวุฒิกลัวว่าเธอจะเจ็บจึงรีบปล่อยเธอ“ทำไมถึงชอบทำอะไรรุนแรงไม่เคยเปลี่ยนแบบนี้ นี่มันเป็นนิสัยที่เปลี่ยนไม่ได้แล้วหรือไง”
“มันเรื่องของผมสองคน พี่ไม่เกี่ยว และถ้านี่คือการแข่งขัน แมตช์นี้ผมชนะแล้ว”
“แต่นี่ไม่ใช่การแข่งขัน เลิกคิดเรื่องแพ้ชนะสักที คุณณิช ก็ไม่ใช่รางวัลจากการแข่งอะไร”
“เขาไม่ใช่รางวัลน่ะถูก เพราะคนคนนี้เป็นสมบัติของผม ซึ่งพี่ไม่ควรยุ่ง” เสียงเด็ดขาดและเอาแต่ใจ
“เพราะนายเป็นแบบนี้ไง ถึงไม่มีใครอยากอยู่ด้วย แม้แต่กานต์ยังไปจากนายเลย”
“พี่ชิน!!! อย่ามายุ่งเรื่องของผม”
ณิชชาอึ้ง เขาเคยเห็นคนตัวโตโกรธมาก ๆ มาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีครั้งไหนที่เหมือนเขาจะควบคุมไม่ได้เท่าครั้งนี้ วิญญาณฆาตกรแทบจะเข้าสิงเขาอยู่แล้ว
“ฉันพูดจริง” แล้วชินวุฒิก็กระชากวิญญาณฆาตกรนั้นออกมา
ชลาสินธุ์เหวี่ยงณิชชาจนไปชนรถที่จอดอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อชินวุฒิ แล้วปล่อยหมัดหนักเข้าไปที่หน้าของอีกฝ่ายอย่างแรง อีกฝ่ายพอตั้งสติได้ก็ สวนกลับหนัก ๆ ไม่แพ้กัน
“พอได้แล้ว นี่ หยุด หยุดกันสักที” เสียงห้ามของณิชชาดังลั่น แต่เหมือนจะไม่เข้าหูทั้งสองคนเลย จนยามสองคนวิ่งถือกระบอง มานั่นแหละ
“หยุด หยุดนะ หยุด ถ้ายังไม่หยุดผมจะแจ้งตำรวจ!” ยามพูดพร้อมเป่านกหวีดคู่กายเสียงดังรัว
“มานี่!” ชลาสินลากแขนเรียวบางที่บัดนี้มีรอยจ้ำเพราะมือของเขาให้เดินตามไปขึ้นรถของเขา
“ไอ้ขี้แพ้ แข่งกันกี่ครั้งนายมันก็ไอ้ขี้แพ้ เรื่องคุณณิช นายก็จะเป็นไอ้ขี้แพ้เหมือนเดิม” ชินวุฒิตะโกนไล่หลัง
“หึ”
มือบางถูกกำแน่นไว้บนตักหนาตลอดทาง แม้จะกลับมาถึงที่คอนโดแล้วชลาสินธุ์ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ แรงบีบที่ข้อมือเล็กก็แรงบ้าง เบาบ้าง ตามอารมณ์ของชลาสินธุ์ ตอนนี้เหมือนในอกของเขามันพลุ่งพล่านมาก จนไม่สามารถควบคุมได้
“ฉันอยากอาบน้ำแล้ว ปล่อยมือเถอะ ฉันไม่หนีไปไหนหรอก ดึกขนาดนี้แล้ว หนีไปไหนไม่ได้หรอก” หญิงสาวบอกเบ าๆ เมื่อเขาเอาแต่นั่งจับมือเธอไว้บนโซฟาที่ห้องรับแขกไม่ยอมไปไหน และไม่ยอมปล่อยให้เธอไปด้วย
“อืม งั้นอาบพร้อมกัน”
“หา?”
“ทำไม?”
แล้วก็เหมือนอย่างที่ณิชชาคิดไว้ไม่มีผิด ชลาสินธุ์ไม่ยอมปล่อยให้เธอแค่ ‘อาบน้ำ’ แต่เป็นการอาบน้ำที่มีสิ่งอื่นร่วมด้วย โดยมีเขาเป็นผู้คอยควบคุมสถานการณ์ และจังหวะในการอาบน้ำ จนหญิงสาวหมดเรี่ยวหมดแรง
ณิชชานิ่งอยู่ในอ่างอาบน้ำเนื้อตัวเปล่าเปลือยพิงอกผ่ายของอีกฝ่าย หลังจากที่เขาปลดปล่อยในตัวเธอเป็นครั้งที่สอง และคล้ายจะกำลังรอความพร้อมสำหรับรอบต่อไป
ชายหนุ่มเชยใบหน้าของหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าให้ขึ้นมารับจูบ มันเป็นจูบที่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หวงแหน จูบเนิบนาบ ช้า ๆ ไม่ได้เอาแต่ใจเหมือนก่อน หญิงสาวจึงไม่ได้ดื้นรนขัดขืน เพียงแต่ปล่อยให้เขาทำตามความต้องการ
...อย่างน้อยก็ไม่เจ็บตัว...
ชลาสินธุ์อาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวให้หญิงสาวจนเสร็จ ดูแลเช็ดตัว เช็ดผมให้จนแห้ง หาชุดนอนให้ใส่ จากนั้นก็พาตัวเองที่นุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียว ไปนั่งที่โต๊ะปลายเตียง แล้วหยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน แต่หยดน้ำมากมายที่อยู่บนเส้นผมนั้นมันสร้างความรำคาญให้เขามากทีเดียว
“ณิช มาเช็ดผมให้หน่อยสิ หลับหรือยัง” เขาหันมาถาม แล้วสบตากับหญิงสาวพอดี ทำให้ณิชชาไม่สามารถปฏิเสธได้
หญิงสาวคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กในมือของเขามาค่อย ๆ เช็ดหยดน้ำที่เส้นผมให้ แต่ดวงตาเจ้ากรรมก็มองเอกสารในมือของชายหนุ่มไปด้วย ทำให้เห็นข้อผิดพลาด และได้เสนอความคิดเห็นบางอย่างออกไป กว่าผมจะแห้ง ณิชชาก็ช่วยงานเขาไปได้มากแล้ว
ที่คอนโดหรูของชลาสินธุ์แห่งนี้ แทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย มีเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ไม่มีสิ่งเอ็นเตอร์เทนใด ๆ ทีวีเป็นเพียงอย่างเดียวที่พอจะเรียกได้ว่า ความบันเทิง แต่นั่นเขาก็เอาไว้ดูข่าว ดูวิเคราะห์หุ้นเสียเป็นส่วนใหญ่ และที่สำคัญไม่มีห้องทำงาน เพราะมันไม่จำเป็นเลย ชายหนุ่มบ้างานคนนี้ ใช้ทุกตารางนิ้วในคอนโดของเขา เป็นที่ทำงาน!
“วันมะรืนนี้ จะมีงานเปิดตัวโรงแรมที่ต่างจังหวัด เธอต้องไปด้วยเราจะเดินทางไปเตรียมงานกันตั้งแต่พรุ่งนี้”
“เอ่อ...คือ...”
“ห้ามอ้างว่าลาออกแล้ว เพราะฉันไม่อนุญาต และห้ามไปทำงานกับไอ้ชินวุฒิ ถ้าไม่เชื่อจะได้เห็นดีกัน”
“แต่ถึงอย่างนั้น งานโรงแรมก็ยังเป็นความรับผิดชอบของคุณเรศ
อยู่ดี ฉันไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ต้องเป็นคุณพล”“นายเรศก็ไป คุณพลก็ไป และเธอก็ต้องไปกับฉันด้วย”
ณิชชาถอนหายใจเมื่อเห็นสายตาเอาแต่ใจตัวเองของชายหนุ่ม เธอคงไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอีกแล้ว
และเธอก็เบื่อไอ้โรงแรมบ้านั่นมากด้วย ไปทีไร ชลาสินธุ์ก็ไม่เคยให้เธอทำแต่งานเลขาสักที
ชลาสินธุ์ขับรถของตัวเองพาณิชชามาที่โรงแรมแห่งใหม่ ในวันรุ่งขึ้น เขาดูแลเอาอกเอาใจเลขาดีเป็นพิเศษ บังคับให้นอนในรถ พอถึงร้านอาหารก็บังคับให้กินอีก
ไม่นานก็มาถึงโรงแรมอันเป็นกิจการใหม่ซึ่งตั้งชื่อตามที่ธารากานต์เสนอไว้ว่า ‘สวรรยา รีสอร์ต’ ที่จะเป็นรีสอร์ตหกดาวท่ามกลางขุนเขาและลำน้ำ ที่แขกไปใครมาจะรู้สึกราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์
สิ่งแรกที่ผู้บริหารสองและเลขาทั้งสองทำก็คือเข้ารับฟังสรุปงานทุก ๆ ด้านเกี่ยวกับงานเปิดตัวที่จะมีถึงในวันรุ่งขึ้น และเมื่อประชุมเสร็จทุกคนก็เริ่งทำงานของตัวเองต่อทันที
ณิชชาพยายามเก็บงานให้ได้มากที่สุด เธอไม่ได้ตั้งใจทำงานเพราะตัวเอง แต่เพื่อให้พายกับบัว หรือคนที่จะมาทำงานต่อจากเธอ ทำงานได้สะดวกสบายมากที่สุด เมื่อต้องเจอกับงานที่ไม่คุ้นเคยและเจ้านายที่เอาแต่ใจไม่หยุดหย่อนแบบนี้
เอาแต่ใจ?
ดูเหมือนว่าเขาจะเอาแต่ใจเฉพาะกับเธอนะ
“มีใครส่งการ์ดเชิญให้กานต์หรือยัง”
ณิชชาที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับเอกสารบนโต๊ะชะงักไปนิด ใจนึกไปถึงวันที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องเจ็บตัวจนแทบปางตาย
นั่นก็เพราะเรื่องของธารากานต์ไม่ใช่เหรอ ที่ถูกซ้อมจนเยินแบบนั้น ก็เป็นฝีมือของคุณพัฒนศักดิ์แฟนของเธอไม่ใช่หรือไง
...แล้วคุณก็ไปทำร้ายฉันต่อไงล่ะ...
“ส่งแล้ว คุณพลจัดการเรียบร้อยแล้ว คุณเรศโทร.คุยกับคุณกานต์ด้วยตัวเองด้วย” ณิชชาบอกทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตา เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ต้องคุยเรื่องนี้
กลัวว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอีก รังเกียจคนข้าง ๆ นี่เหลือเกินที่ยังคงไม่เลิกตอแยคนที่เขาไม่มีใจด้วย ทุกคนคงจะมีความสุขดีไปแล้ว ถ้าไม่มีเขาอยู่ด้วย
ณิชชากำปากกาแน่นจนเจ็บนิ้วมือโดยไม่รู้ตัว
เธอรู้อยู่แล้วว่า ธารากานต์จะเป็นแขกสำคัญของงานวันพรุ่งนี้ โดยเฉพาะจะเป็นแขกสำคัญเพียงคนเดียวของชลาสินธุ์ ถึงแม้ว่าจะได้รับการคอนเฟิร์มการมาร่วมงานของ นักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดังที่ภัสสรา ช่วยเชิญมาจนล้นงาน
แววตาของชลาสินธุ์เป็นประกาย ไม่ว่าจะอย่างไร ธารากานต์ก็คือคนพิเศษสำหรับเขา ครั้งที่แล้วเขาอาจจะพลาดที่ใช้วิธีการแย่ ๆ แต่ครั้งนี้ขอให้ได้พูดคุยกับเธออีกสักครั้ง เขาเชื่อว่าหญิงสาวจะต้องใจอ่อน
ชลาสินธุ์จมอยู่กับความคิดของตัวเองได้ทั้งวัน เพราะงานของเขานั้นแทบไม่มีเลย ส่วนใหญ่เป็นงานของสาคเรศและวสพล โดยมีณิชชาคอยให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้น เพราะเป็นงานใหญ่และค่อนข้างกระชั้นชิด ทำให้งานที่ต้องตระเตรียมเสร็จเอาตอนใกล้ๆ เที่ยงคืน
หญิงสาวเดินกลับห้องโดยที่เจ้านายมารับไปจากน้องชายเพราะเห็นว่าควรจะนอนพักผ่อนได้แล้วซึ่งเป็นช่วงที่งานเสร็จพอดี
“ฉันเหนื่อย พอเถอะ อย่าเลย” ณิชชาบอกเสียงอ่อนล้า เมื่อถูกอีกฝ่ายโอบกอดไว้จากทางด้านหลังทันทีที่ออกมาจากห้องน้ำ
ชลาสินธุ์หนวดกระตุก มีบางอย่างกวนใจเขาอยู่แล้ว และเมื่อหญิงสาวไม่ตามใจก็ยิ่งไปกันใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อเธอใช้น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายเสียเต็มประดา
“เหนื่อยอะไรนักหนา หรือว่าเหนื่อยแต่กับฉัน แต่กับคนอื่นไม่เป็นไร” เสียงดุเอ่ยขึ้น แต่อีกคนดูเหมือนจะมีแรงดื้อดึงมากขึ้น หรือไม่อีกทีก็ชาชิน เพราะรู้ว่ายังไงก็คงจะปฏิเสธเขาไม่ได้
“แล้วแต่จะคิดเถอะ แต่ฉันเหนื่อยมากจริง ๆ คุณไปเล่นกับหมอนข้างไป”
“หึ หมอนข้างมันดีเท่าเธอหรือไง แล้วทำไมต้องเอาโทรศัพท์เข้าห้องน้ำด้วย” ชลาสินธุ์เปลี่ยนเรื่องแต่ยังคงโอบรัดร่างบางไว้ น้ำเสียงจับผิดอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันจะทำอะไรกับโทรศัพท์ของฉันก็ได้มั้ง”
“ณิช...” เขาส่งเสียงปราม เมื่ออีกคนทำท่าเหมือนไม่แยแส
“ฉันเอาเข้าไปฟังเพลงน่ะ” ณิชชาบอกพยายามแกะมือปลาหมึกออกจากตัว
“แน่ใจนะ ว่าไม่ได้เอาไปคุยกับชู้น่ะ”
“ชู้?”
“อืม ชู้ คุยกับใครที่ไม่ใช่ฉันก็ชู้ทั้งนั้นแหละ”
“คุณนี่มันหน้าด้านเหมือนกันเนอะ ที่เราเอากันทุกคืนเนี่ย คุณคิดว่าฉันเป็นเมียคุณเหรอ ถ้าคุณไม่บังคับ มันมีสักคืนไหมที่ฉันยอมคุณดี ๆ”
“นี่ เธอ?” เขากระชับแขนให้โอบรัดเธอแรงขึ้น “เดี๋ยวนี้เก่งมากขึ้นเยอะนี่”
“คุณก็ควรยอมรับความจริงนะ ปล่อยได้แล้ว ฉันจะแต่งตัวสักที”
“ไม่ต้องแต่งหรอก เดี๋ยวก็ต้องถอด”
“นี่ คุณ!”
แล้วเขาก็เริ่มถอดชุดคลุมอาบน้ำก่อนเลย
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว