เสียงตวาดดังลั่นจนหญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เธอเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตากลมโตแดงก่ำด้วยหยาดน้ำตา ใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ
"พี่...พี่ธีรัช..." เธอเรียกชื่อเขาด้วยเสียงสั่นเครือ
"เธอยังมีหน้ามานั่งร้องไห้อีกเหรอ?! พี่ชายของเธอเพิ่งชนคนจนปางตาย แล้วมันไปไหน?! หรือว่าเธอเป็นคนช่วยให้มันหนีออกนอกประเทศ?!"
"ไม่นะ! มินไม่ได้ทำแบบนั้น!" มินตราสะอื้นทั้งที่พยายามกลั้นเสียงไว้สุดกำลัง
"โกหก!!"
ธีรัชกระชากแขนเล็กๆ ของมินตราเต็มแรงอย่างไร้ความปรานี ร่างบางเซถลาไปข้างหน้าจนเกือบล้ม มือของเธอสั่นระริกขณะที่พยายามแกะมือแข็งกร้าวของเขาออกจากตัว
"มินไม่รู้จริงๆ... ว่าพี่มินทร์จะหนี มินพยายามติดต่อหลายครั้งแล้ว ขอร้องเขาแล้ว... ขอร้องจริงๆ!" เสียงของหญิงสาวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ความเสียใจ และความสิ้นหวังที่ทับถมกันจนแทบระเบิด
แต่สำหรับธีรัช ไม่มีคำไหนในประโยคเหล่านั้นสามารถสั่นคลอนความเกลียดชังในอกของเขาได้
เขาไม่เชื่อ!
ไม่แม้แต่นิดเดียว!
"โกหก เธอเป็นน้องมัน! เธอจะไม่รู้อะไรเลยได้ยังไง?!"
"สาบานได้! มินสาบานได้ว่ามินไม่รู้!"
มินตราอ้อนวอน น้ำตาไหลพรากลงมาตามใบหน้าซีดเซียว ขณะที่พยายามดิ้นหนี แต่ยิ่งขืนตัว แขนของเธอก็ยิ่งถูกบีบแน่นจนเจ็บแปลบ
ธีรัชมองใบหน้าที่เปียกชุ่มด้วยน้ำตา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดสิ้นหวัง แต่เขาไม่ยอมให้ตัวเองใจอ่อนไปกับดวงหน้าหวานหยดย้อยนี้อย่างเด็ดขาด
ไม่มีวัน!
"พี่ชายเธอทำลายชีวิตของพิมพ์นารา คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตพี่! เธอยังกล้าจะมาปกป้องมันอีกเหรอ?!"
"มินไม่ได้ปกป้อง! มินก็อยากให้เขากลับมา! มินทำอะไรไม่ได้เลย... ตอนนี้มินก็หมดหนทางเหมือนกัน..." มินตราส่ายหน้ารัว น้ำเสียงอ่อนแรงเต็มไปด้วยความสิ้นหวังที่แทบกลืนกินร่างเธอไปทั้งเป็น
ดวงตาสีเข้มของเธอเต็มไปด้วยบาดแผล บาดแผลที่ลึกจนแม้แต่ธีรัชยังรู้สึกได้ชั่ววูบหนึ่ง
หัวใจของเขากระตุก... แต่โทสะกลับเข้ามากลบ
ธีรัชกระชากแขนเล็กๆ ของมินตราเต็มแรงอย่างไร้ปรานี จนร่างบางเซถลาไปข้างหน้าแทบล้ม มือของเธอสั่นระริกขณะที่พยายามแกะมือเขาออกด้วยแรงอันน้อยนิด
"มินไม่รู้จริงๆ... ว่าพี่มินทร์จะหนี มินพยายามโทรหาเขาหลายครั้งแล้ว ขอร้องให้เขากลับมารับผิด แต่... แต่เขาไม่ฟังมินเลย!" น้ำเสียงของหญิงสาวสะท้านเครือด้วยความหวาดกลัวสุดหัวใจ
แต่ธีรัช... กลับไม่แม้แต่จะลังเลเชื่อในสิ่งที่เธอพูด
เขาไม่เชื่อ!
ไม่เคยเชื่อ!
"โกหก!" เขาตวาดก้อง ดวงตาคมกริบฉายแววเกลียดชังราวกับเปลวเพลิง "เธอเป็นน้องมัน เธอจะไม่รู้อะไรเลยเหรอ?! หรือเธอก็สมรู้ร่วมคิดกับมันมาตั้งแต่แรก!"
"ไม่จริง! มินสาบานได้ มินไม่รู้เลย!" มินตราร้องไห้แทบขาดใจ น้ำตาไหลพรากลงบนแก้มซีดเซียว
แต่ไม่ว่าหญิงสาวจะร้องขออย่างไร ธีรัชก็ไม่ฟัง ไม่แม้แต่จะหวั่นไหว
ในสายตาเขา เธอคือผู้หญิงสองหน้า ใบหน้าที่เสแสร้งอ่อนหวาน แต่จิตใจกลับเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมต่ำช้า เหมือนอย่างที่พิมพ์นาราเคยเตือนเขาไว้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอดีต
"อย่าคิดว่าทำตัวน่าสงสารแล้วพี่จะเห็นใจ..." ธีรัชคำรามต่ำ ดวงตาแข็งกร้าวราวเหล็กกล้า "นิสัยแบบเธอ... มันฝังลึกอยู่ในสายเลือด!"
มินตราชะงัก ดวงตากลมโตเบิกกว้าง น้ำตาที่เอ่อคลอก่อนหน้านี้ร่วงเผาะอย่างไม่อาจห้ามได้อีก
"พี่ชายเธอทำลายชีวิตของพิมพ์นารา ทำลายทุกอย่างที่สำคัญที่สุดในชีวิตพี่ แล้วเธอ... ยังกล้ามายืนร้องไห้ ทำตัวเป็นเหยื่อได้อย่างหน้าด้านๆ แบบนี้เหรอ?!" น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการดูหมิ่นเจ็บแสบยิ่งกว่าการตวาดด่า
"มินไม่ได้ปกป้อง... มินเองก็อยากให้เขากลับมารับผิด..." มินตราส่ายหน้ารัว น้ำเสียงสั่นสะท้านจนแทบฟังไม่ได้ความ "มินก็หมดหนทางเหมือนกัน..."
แม้ดวงตาของหญิงสาวจะเปล่งประกายความเจ็บปวดและสิ้นหวังออกมาอย่างไม่อาจปิดบัง แต่สำหรับธีรัชแล้ว มันก็แค่ "การเสแสร้ง" แบบที่เขาเคยเห็นมานักต่อนัก
"ไม่ต้องเสแสร้งอีกต่อไป มินตรา" เขาเหยียดยิ้มเย็นเฉียบ "ตั้งแต่วันนี้ไป เธอไม่มีสิทธิ์ใช้ชีวิตตามใจตัวเองอีกแล้ว!"
ธีรัชกระชากเธอเข้าใกล้จนปลายจมูกแทบชนกัน ดวงตาคมกริบแผ่ไอสังหารจนมินตราต้องตัวสั่น
"เธอเป็นน้องมัน เธอก็ต้องชดใช้แทนมัน!"
เช้าวันนี้ เมืองเล็กๆ ยังสงบนิ่งเหมือนทุกวันแสงแดดอ่อนสาดลอดผ่านหน้าต่างบ้าน เสียงนกร้องเบาๆ คล้ายจะกล่อมโลกให้สงบ แต่ภายในหัวใจของมินตรากลับไม่มีสิ่งใดสงบเลยวันนี้...ธีรัชจะกลับกรุงเทพฯ มันควรเป็นเรื่องดีใช่ไหม?ผู้ชายที่เคยทำให้เธอเสียใจ กำลังจะจากไปจากชีวิตเธออีกครั้งเขาจะกลับไปสู่อีกโลกหนึ่ง โลกของอำนาจ เงินตรา และผู้คนที่อยู่สูงเกินเอื้อมโลกที่ไม่มีที่สำหรับเธอ หรือธีโอแต่ทำไม... หัวใจของเธอกลับปวดหนึบเหมือนถูกบีบคั้นอย่างหนัก?ธีรัชยืนอยู่หน้าบ้าน รอเธอรถคันหรูของเขาจอดนิ่งอยู่ริมทาง แสงสะท้อนจากฝากระโปรงราวกับมันเองก็ลังเล เขามองเธอสายตานั้นไม่ใช่สายตาของคนที่กำลังจะเดินจากไป แต่มันคือสายตาของคนที่ยังรอคอยโอกาสครั้งที่สองจากเธออยู่“พี่กำลังจะไปแล้วนะ”เสียงของธีรัชแผ่วเบา แต่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย“แต่ก่อนจะไป พี่มีเรื่องอยากบอกมินอีกครั้ง”“ไม่ต้องพูดหรอกค่ะ”“แต่พี่อยากพูด”ธีรัชมองไปที่ดวงตาของมินตราอย่างแน่วแน่ เหมือนจะใช้ดวงตาพูดแทนหัวใจ“พี่ขอโทษ”คำเพียงคำเดียว แต่ทำให้หัวใจของมินตราสั่นไหวอีกครั้ง“พี่ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่พี่เคยทำ พี่ทำให้มินเสียใจ พ
เสียงหัวเราะของเด็กชายดังก้องไปทั่วถนนหน้าบ้าน แววตาเปล่งประกายของธีโอบ่งบอกถึงความสุขล้นหัวใจ เขาวิ่งไปรอบสนามหญ้าด้วยท่าทางทะเล้น กางแขนสองข้างออกเหมือนเครื่องบินเล็ก ๆ พร้อมส่งเสียง “วู้ววว” อย่างร่าเริง“ลูก! อย่าวิ่งเร็วนะ เดี๋ยวล้ม!”มินตราตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย ส่วนธีรัชที่ยืนเคียงข้าง ทำเพียงหัวเราะเบา ๆ แล้วหันไปแกล้งแหย่เธออย่างอารมณ์ดี “เด็กผู้ชายก็ต้องซนแบบนี้แหละ ไม่ต้องห่วงนักหรอก”มินตราเหลือบมองเขา ริมฝีปากเม้มแน่นในความไม่เห็นด้วย ก่อนที่เธอจะทันได้เอ่ยสิ่งใดออกมา ทุกอย่างก็พลิกผันในพริบตาเสียงหัวเราะของธีโอยังไม่ทันจางหาย ร่างเล็กกลับวิ่งพรวดออกจากสนามหญ้า ล้ำเข้าไปยังถนนหน้าบ้านโดยไม่รู้ตัวแล้วในเสี้ยววินาทีนั้น...เสียงเครื่องยนต์คำรามแว่วมา รถยนต์สีดำพุ่งออกจากหัวมุมถนนด้วยความเร็ว“ธีโอ!!”เสียงของมินตราแหลมสูง สะท้านออกมาจากความตกใจและความกลัวสุดขั้วหัวใจเธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน ขาแข็งทื่อ ไม่อาจขยับได้แม้แต่นิ้วเดียว ส่วนธีรัชที่ได้สติกลับพุ่งตัวออกไปทันทีโดยไม่ลังเลแม้เสี้ยววินาทีร่างสูงของเขาโอบลูกชายเข้ามากอดแน่น แล้วหมุนตัวล้มกลิ้งออก
เช้าวันใหม่เริ่มต้น แต่หัวใจของมินตรายังหนักอึ้งไม่ต่างจากคืนที่ผ่านมาเธอเดินไปที่ประตูบ้านอย่างลังเล เพราะรู้ดีว่าใครกำลังยืนรออยู่ข้างนอก และเมื่อเธอเปิดประตูออก สิ่งแรกที่เห็นคือชายร่างสูงในเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ธรรมดาธีรัชเขายืนอยู่ตรงนั้น เหมือนเมื่อวาน เหมือนวันก่อน และอีกหลายวันก่อนหน้านั้นในมือของเขาเต็มไปด้วยถุงของเล่นหลากสี มินตราขมวดคิ้ว ความรู้สึกในใจเธอสับสนปนเปกันไปหมด“อะไร?”น้ำเสียงเธอเย็นชา ใจจริงแล้วเธอไม่ต้องการให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของลูกแม้แต่นิดเดียว“ของเล่นให้ลูกเรา”ไม่รอคำตอบ ธีรัชเดินผ่านเธอเข้าไปในบ้านสายตาเขาหยุดลงที่เด็กชายตัวเล็ก ๆ ซึ่งกำลังมองเขาด้วยดวงตาใสซื่อธีโอ...ลูกชายของเขาและมินตราเด็กชายลังเลเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าหาเขา“อันนี้ของธีโอเหรอครับ?”ธีรัชย่อตัวลงให้ระดับสายตาเท่ากัน แล้วยื่นของเล่นให้“ใช่ ของธีโอทั้งหมดเลย”ธีโอมองหน้าเขานิ่ง ๆ เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างแล้วจู่ ๆ ก็ยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะคว้าของเล่นมากอดไว้แน่นธีรัชรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเติมเต็มในหัวใจเขาไม่ได้คิดจะใช้ของเล่นซื้อใจลูก ไม่ได้อยากแสดงตัวว่า
"พี่ธีรัช!?"เสียงของมินตราดังก้องท่ามกลางความเงียบสงบ ร่างของหญิงสาวยืนนิ่ง ดวงตาเบิกกว้าง หัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาจากอกห้าปีเต็มที่เธอหายไปจากชีวิตเขา ห้าปีที่เธอพยายามลืม ทุกอย่าง และวันนี้ โชคชะตาก็พาเธอกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้งธีรัชยืนนิ่ง ร่างสูงสง่าภายใต้แสงแดดอ่อน ดวงตาคมจ้องมองเธอและเด็กชายที่ยืนอยู่ข้างกายอย่างไม่ละสายตา ใบหน้าเขาแข็งทื่อ แต่ในแววตานั้นกลับสั่นไหวไม่ใช่แค่ตกใจ แต่ลึกไปกว่านั้น มันมีทั้งความสับสน คำถาม ความเจ็บปวด และ...ความโหยหา"กลับไปกับพี่" เขาพูดขึ้น เสียงของเขาไม่ได้เข้มแข็งเหมือนเคย มันเต็มไปด้วยความเว้าวอนมินตรากระชับมือที่จับลูกแน่นขึ้น เธอส่ายหน้าทันที“ฉันไม่กลับ”ธีรัชขมวดคิ้ว “ทำไม?”“เพราะมินไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องกลับไป!”“มิน...”เขามองเด็กชายตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างเธอ ธีโอหันมามองแม่แล้วซุกตัวแน่น ใบหน้าเล็กๆ ซบลงที่ท้องของเธอ มินตราก้มลงลูบศีรษะลูกเบาๆ“อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ พี่ธีรัช มินใช้เวลาห้าปีเต็มๆ เพื่อสร้างชีวิตใหม่ที่ไม่มีพี่ พี่ไม่รู้หรอกว่าทุกวันมันยากแค่ไหน มินไม่มีใครเลย มีแค่ธีโอ...”เสียงของเธอสั่น แต่ก็ไม่ยอมให้หยดน้ำ
เมืองเล็กริมทะเลชื่อ “บ้านหินทราย” กำลังกลายเป็นเป้าหมายของการลงทุนครั้งใหม่ โครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์จากบริษัทใหญ่ในเมืองหลวงกำลังจะปักหมุดที่นื่เนื่องจากกำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติและเป็นเมืองเป้าหมายของโปรเจกต์ล่าสุดจากบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ “Akarin Media Group” และซีอีโอคือเขา “ธีรัช”หลังจากที่บริษัทสื่อดิจิทัลของเขาขยายโปรเจกต์ใหม่ร่วมกับกรมการท่องเที่ยว เมืองเล็กๆ แห่งนี้จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแคมเปญ ‘เสน่ห์เมืองริมฝั่งฟ้า’ ที่เขาเป็นหัวเรือใหญ่ในการวางคอนเซปต์ทั้งหมดเขาเป็นบอสใหญ่ เป็นคนเลือกทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่มีสิ่งเดียวที่เขาไม่ได้เลือก... คือความรู้สึกในอก ที่เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เขาก้าวเท้าเข้าสู่เมืองนี้ ความรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีลางสังหรณ์ว่าสิ่งที่เขาฝังกลบไว้นานเกือบห้าปีกำลังจะเวียนกลับมาอีกครั้งหนึ่งเขาเดินริมถนนเลียบชายฝั่ง สวมเสื้อเชิ้ตพับแขน กับกางเกงแสล็คสีเข้ม ดูไม่เป็นทางการเท่าไรนักสำหรับบอสใหญ่ของบริษัทที่มีเครือข่ายสื่อครอบคลุมทั้งรายการโทรทัศน์ออนไลน์ แมกกาซีนท่องเที่ยว และช่องสารคดีระดับประเทศ"ที่นี่มีศักยภาพดี…เหมาะแก่การถ่
เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครจำเธอได้มินตราใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เงียบๆ มาเกือบห้าปีแล้วมันไม่ใช่ที่ที่เธอเคยฝันว่าจะมาอยู่ ไม่ได้อบอุ่นเหมือนบ้านที่เคยรู้จัก แต่ที่นี่… ไม่มีใครถามว่าเธอเป็นใคร ไม่มีใครพูดถึงชื่อเขาให้ได้ยิน ไม่มีคนของเขามากวยใจ และนั่นก็มากพอแล้วทุกวันของมินตราเริ่มต้นในร้านเบเกอรี่เล็กๆ ข้างสถานีรถไฟ เธอทำขนม ชงกาแฟ ล้างถาด เตรียมของขายในตอนเช้า และปิดร้านตอนบ่าย แม้เงินที่ได้มาจะไม่มาก แต่เธอไม่เคยบ่นเพราะอย่างน้อย เธอไม่ต้องก้มหน้าให้ใครมาด่าว่าหรือรังแกอีกมินตราไม่ได้มีบ้านสวยงามเช่นอดีต ไม่มีเสื้อผ้าแพงๆใส่ ไม่มีโต๊ะอาหารยาวเหยียดหรือโคมไฟระย้า เธอมีแค่ห้องเช่าเล็กๆ ที่พอวางเตียงหนึ่งตัว โต๊ะตัวเล็ก และตู้เสื้อผ้าเก่าๆ หนึ่งใบ แต่ทุกอย่างในนั้นกลับสะอาด เรียบร้อย และยังดูปลอดภัยสิ่งเดียวที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเธอในตอนนี้คือเสียงเล็กๆ ที่ดังขึ้นในยามเช้าหรือหลังเลิกงาน“แม่ครับ~”มินตราหันกลับไป เด็กชายตัวเล็กกำลังวิ่งเข้ามาหาเด็กวัยสี่ขวบผิวขาวจัด ผมยุ่งเล็กน้อยจากการนอนกลางวัน ดวงตากลมโต เหมือนใครบางคนในอดีต ที่เธอไม่อยากพูดถึงอีก“ครับ ธ