Share

บทที่ 3

Author: หออักษร
ภายในจวนองค์รัชทายาท

ฉินหมิงนั่งฟังอย่างเงียบ ๆ อยู่ในห้องโถง

จ้าวสี่ขุนนางของกรมพิธีการแสดงสีหน้าราวกับคางคกขึ้นวอ พลางถ่ายทอดราชโองการของฮ่องเต้เฉียน

“ฝ่าบาทตรัสว่า หากองค์ชายจะไปยังหลิ่งหนาน ก็ให้พาคนทั้งหมดในจวนไปด้วยกัน จวนองค์รัชทายาทก็ต้องย้ายออก...”

“ที่หลิ่งหนานมีกองทัพรักษาการณ์ชายแดนอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเกณฑ์คนจากเมืองหลวงไปอีก”

“อ้อ จริงสิ ยังมีเรื่องพระราชพิธีอีกนะพ่ะย่ะค่ะ เนื่องจากท่านเป็นฝ่ายร้องขอไปรักษาการณ์ชายแดนด้วยตนเอง ราชสำนักไม่เคยมีกรณีเช่นนี้มาก่อน พวกเราจึงจัดการทุกอย่างให้เรียบง่ายที่สุด พิธีการที่ขุนนางทั้งหลายต้องมาส่งเสด็จก็ให้งดเว้นไป...”

จ้าวสี่คือหนึ่งในศัตรูคู่อาฆาตในราชสำนักของฉินหมิง

เพื่อที่จะแก้แค้นฉินหมิง เขาทุ่มเทความพยายามไปไม่น้อย

จนในที่สุดก็ได้โอกาสจากในมือของโจวหลี่ มาดูหมิ่นฉินหมิงด้วยตนเองถึงที่นี่

แต่สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาก็คือ ฉินหมิงเพียงแค่ยกถ้วยชาขึ้นจิบ แล้วนั่งฟังอย่างเงียบ ๆ

ใบหน้าถึงกับปรากฏความคาดหวังอยู่หลายส่วน

“พูดจบหรือยัง?”

“จบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

จ้าวสี่ตอบกลับอย่างไร้อารมณ์ ภาพที่เขาจินตนาการไว้ว่าฉินหมิงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไม่ได้เกิดขึ้น

สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกขัดใจอย่างยิ่ง

ฉินหมิงโบกมือแล้วกล่าวว่า

“เสี่ยวชุ่ย ส่งแขก”

“เพคะ องค์ชาย”

เสี่ยวชุ่ยเป็นสาวใช้ของฉินหมิง นางมีรูปโฉมงดงามราวกับเทพธิดา รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น

ผิวพรรณขาวราวหิมะ เนียนนุ่มละเอียดอ่อน เอวบางคอดราวกับจะโอบได้ด้วยมือเดียว

แต่หลายปีมานี้ องค์รัชทายาทที่หัวโบราณคร่ำครึผู้นี้ กลับไม่เคยแตะต้องนางเลยสักครั้ง

เลวร้ายยิ่งกว่าเดรัจฉานเสียอีก!

ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว บางทีเขาอาจจะมีตัวเลือกที่ดีกว่าเสี่ยวชุ่ยก็ได้

อย่างไรเสียก็เป็นถึงองค์รัชทายาท ฐานะสูงส่ง...

ฉินหมิงคิดเช่นนี้ แต่สายตาของเขากลับมองไล่ไปตามเอวที่ส่ายไปมาของเสี่ยวชุ่ยลงไปเรื่อย ๆ

จ้าวสี่แสดงสีหน้าไม่พอใจ แล้วกล่าววาจายั่วยุต่อไป

“องค์ชาย หากท่านไม่พอใจสิ่งใด ก็สามารถกล่าวออกมาได้ทันทีนะพ่ะย่ะค่ะ อย่าให้ถึงตอนที่จะไปแล้ว ค่อยมาก่อเรื่องอันใดขึ้นมาอีก”

ฉินหมิงที่เพิ่งได้สติเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง

“เจ้าอยากเห็นข้าก่อเรื่องมากนักหรือ?”

“มิกล้าพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นหากไม่มีเรื่องอันใดแล้ว กระหม่อมขอทูลลา”

จ้าวสี่รู้สึกหน้าแตก จึงหันหลังเดินออกจากจวนองค์รัชทายาทไป

แต่ทันทีที่เดินออกมาถึงถนน เขาก็เห็นหญิงสาวงดงามคนหนึ่ง ถือทวนเงินยืนอยู่หน้าประตูจวนองค์รัชทายาท

บนทวนยาวของนาง มีธงรบของค่ายทหารอู่เวยผืนหนึ่ง กำลังสะบัดพลิ้วไหวตามสายลม

ท่ามกลางผู้คนที่มุงดูอยู่รอบ ๆ ก็มีเหล่าคุณชายและคุณหนูจากตระกูลขุนนางชั้นสูงอยู่ไม่น้อยที่รู้เรื่องราวภายใน

“นั่นใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลกวนหรือไม่? ข้าได้ยินว่านางถูกสู่ขอให้กับองค์รัชทายาทแล้วนี่?”

“แม้ว่าองค์รัชทายาทจะหมดอำนาจแล้ว แต่ก็ยังคงมีอิทธิพลอยู่ อย่างไรเสียก็พอจะให้การคุ้มครองแก่ตระกูลกวนได้บ้าง”

“แม่ทัพใหญ่อู่เวยก็ตายไปแล้ว ตอนนี้ตระกูลกวนก็เป็นแค่ตัวถ่วง องค์รัชทายาทจะยังต้องการอีกหรือ?”

“ข้าได้ยินมาว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ในราชสำนักยังเคยหารือกันเรื่องนี้...”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของฝูงชนดังเข้าหูของหญิงสาว

นางแสดงสีหน้าเย็นชา กล่าวกับองครักษ์ที่ประตูว่า

“ให้ฉินหมิงออกมา!”

องครักษ์หลายคนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็คาดเดาได้ว่าคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่

รีบพยักหน้ารับคำ แล้ววิ่งเข้าไปในจวนอย่างร้อนรน

จ้าวสี่ที่เข้ามาหาเรื่องแต่ก็ไม่เป็นผล ได้เห็นคุณหนูใหญ่ตระกูลกวนผู้ตกอับเข้าพอดี

เขานึกถึงเรื่องการแต่งงานของฉินหมิงขึ้นมาทันที จึงเดินเข้าไปกล่าวเย้ยหยัน

โอ้ นี่ไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลกวนหรอกหรือ?”

“อะไรกัน คิดจะมาแต่งงานกับองค์ชาย แล้วไปหลิ่งหนานด้วยกันหรือ?”

“ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า!”

กวนเยว่แค่นเสียงเย็น จ้องมองจ้าวสี่ด้วยสายตาคมกริบ

จ้าวสี่หดคอเล็กน้อย เบ้ปากแล้วเอ่ยขึ้น

“คุณหนูใหญ่กวน ลืมบอกท่านไป ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทตรัสแล้วว่า จะแต่งกับท่านหรือไม่ ให้องค์รัชทายาทเป็นคนเลือกเอง”

“แม่ทัพใหญ่อู่เวยก็ตายในสนามรบไปแล้ว ตระกูลกวนก็ไร้ซึ่งรากฐานอีกต่อไป ทายสิว่าองค์รัชทายาทจะยังต้องการท่านหรือไม่?”

สีหน้าของกวนเยว่ยิ่งดูย่ำแย่ลงไปอีก

“ตระกูลกวนไม่ต้องการการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์หรือการคุ้มครองใด ๆ ทั้งสิ้น! ข้ามาเพื่อถอนหมั้น!”

“ถอนหมั้น!?”

ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบ ๆ ต่างพากันตกตะลึง แล้วชี้ไม้ชี้มือไปที่นาง

ในยุคสมัยนี้ สตรีที่มาขอถอนหมั้นถึงหน้าประตูบ้าน ในอนาคตจะยังแต่งออกไปได้อย่างไร?

จ้าวสี่จิ๊ปาก กล่าวพลางถอนหายใจ

“เฮ้อ ช่างเป็นจริงดั่งคำกล่าวที่ว่า ผู้ที่เคยมีฐานะสูงส่ง เมื่อตกอับแล้วย่อมด้อยกว่าคนธรรมเสียอีก ฮ่า ๆ !”

ในฝูงชนพลันระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น

“เจ้าสารเลว!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงการเยาะเย้ยของทุกคน

กวนเยว่โกรธอย่างยิ่ง ตวัดทวนยาวขึ้น ปลายทวนก็จ่ออยู่ที่ลำคอของจ้าวสี่แล้ว

จ้าวสี่ตกใจจนเหงื่อกาฬไหลท่วมตัว

แต่แล้วเขาก็สงบสติอารมณ์ลงได้ในทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงอำมหิต

“คุณหนูใหญ่กวน ข้าขอเตือนให้ท่านสงบเสงี่ยมไว้หน่อย อย่าให้ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่ไก่ป่าก็ยังไม่มีโอกาสได้เป็น!”

...

บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด

มุมปากของจ้าวสี่ยังคงแฝงไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อย

ทวนยาวในมือของกวนเยว่ ไม่สามารถขยับเข้าไปได้อีกแม้แต่นิดเดียว

นางโกรธจนตัวสั่น แต่กลับไม่มีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว

นับตั้งแต่บิดาเสียชีวิต นางก็คือประมุขน้อยของตระกูลกวน นางจะร้องไห้ไม่ได้

ในขณะนี้ เสียงตวาดดังลั่นก็ดังออกมาจากในจวน

“ใครเป็นไก่ป่า? เจ้าสารเลวนี่ยังไม่ไปอีกหรือ?”

“ใครก็ได้ จับเขาไปโบยเสีย!”

ฉินหมิงวิ่งออกมาจากในจวน

ตึก ๆ ๆ !

องครักษ์หลายคนที่ถือกระบองยาวอยู่ในมือ ตรงเข้าไปจับตัวจ้าวสี่เอาไว้ ก่อนที่เขาจะได้ทันตั้งตัว

“องค์ชาย ท่าน... อ้วก!”

จ้าวสี่ยังพูดไม่ทันจบประโยค ก็โดนเตะเข้าที่ชายโครงอย่างแรง!

ข้าวที่กินไปเมื่อคืนแทบจะทะลักออกมา

พร้อมกับนำคนสิบกว่าคน ไล่ตามรุมกระทืบอย่างไม่ปรานี

เสียงหมัดกระทบเนื้อดังตุ้บตั้บ ทำให้ผู้คนที่มุงดูอยู่รู้สึกเสียวสันหลัง

โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!

ต้องมีความแค้นกันขนาดไหนกัน!

การรุมทำร้ายครั้งนี้ ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งก้านธูป

เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่ทางการเริ่มมุ่งหน้ามาทางนี้แล้ว

จ้าวสี่ก็แทบจะลุกไม่ขึ้น ฉินหมิงถึงได้พยักหน้าอย่างพอใจ แล้วกล่าวกับลูกน้องว่า

“พาตัวไปเถิด”

จ้าวสี่กุมใบหน้าที่บวมเป่งราวกับหัวหมู ตะโกนอย่างเดือดดาล

“องค์ชาย ข้าเป็นขุนนางของราชสำนัก ท่านทำกับข้าเช่นนี้ ไม่กลัวว่าข้าจะทูลฟ้องฝ่าบาทหรือ!”

ฉินหมิงคาดเดาไว้แล้วว่าเขาจะพูดเช่นนี้

“เจ้าจะทูลฟ้องหรือ? ข้าก็จะทูลฟ้องเหมือนกัน! เจ้าดูหมิ่นคู่หมั้นของข้า สร้างข่าวลือว่าข้าจะถอนหมั้น ทำให้พระเกียรติของราชวงศ์เสื่อมเสีย จิตใจชั่วช้าสามานย์ยิ่งนัก!”

“วันนี้ที่โบยเจ้าไปถือว่าเบาแล้ว คอยดูเถอะ ข้าจะฟ้องเจ้าให้ถึงตาย!”

อย่างไรเสีย ก็กำลังจะถูกส่งไปยังหลิ่งหนานแล้ว ต้องบอกลากับไอ้พวกสารเลวในราชสำนักนี้ไปตลอดกาล

ตอนนี้ฉินหมิงอยู่ในสภาพของคนไม่มีอะไรจะเสีย

ใครก็ตามในเมืองหลวงที่มีความแค้นต่อเขา ขอเพียงแค่มีโอกาส เขาจะไม่ปล่อยให้ใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!

“ท่าน...!”

จ้าวสี่ถึงกับตกตะลึง

องค์ชายผู้ซึ่งปกติแล้วมีจิตใจเมตตากรุณา เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?

ยังไม่ทันจะได้สงสารจ้าวสี่ ทันใดนั้นก็มีคนในฝูงชนนึกอะไรขึ้นได้ ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“คู่หมั้น? หรือว่าองค์ชายจะแต่งกับคุณหนูใหญ่ตระกูลกวนหรือ?”

สายตาของกวนเยว่พลันคมปลาบ นางเงยหน้าขึ้นมองไปยังฉินหมิงเช่นกัน

บรรยากาศเงียบสงัดลง

ทุกคนต่างรอคอยคำตอบของเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

สายตาของฉินหมิงจับจ้องอยู่ที่ร่างของกวนเยว่ ในใจรู้สึกมีความสุขราวกับดอกไม้บาน

ทันทีที่เห็นกวนเยว่ เขาก็เข้าใจในทันที!

มิน่าเล่า องค์รัชทายาทถึงไม่เคยแตะต้องเสี่ยวชุ่ยมาหลายปี

ที่แท้ก็มีเทพธิดาตัวจริงรอคอยเขาอยู่นี่เอง!

ภรรยาคนนี้ ต้องเอามาให้ได้!

ต่อหน้าสาธารณชน ฉินหมิงเดินตรงเข้าไป คว้าทวนยาวในมือของกวนเยว่มาถือไว้

เมื่อชูธงใหญ่ของค่ายทหารอู่เวยขึ้น ร่างของฉินหมิงภายใต้แสงอาทิตย์ก็ดูเจิดจ้าจนแสบตา

“คุณหนูตระกูลกวน ข้าจะแต่งกับเจ้า!
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 257

    เมื่อฟังคำอธิบายของฉินหมิงจบ ฟางชิงหย่วนก็เดินไปยังป้ายบอกทางของโรงทอผ้าหลังก่อสร้างมาได้ระยะหนึ่ง โรงทอผ้าก็มีพื้นที่กว้างขวางมากแล้วยามมีคนงานซึ่งไม่คุ้นเคยกับสถานที่เดินทางมาจากอำเภอต่าง ๆ ก็ต้องใช้ทั้งป้ายและแผนที่คอยนำทาง“เอาเป็นสองที่นี้ก็แล้วกัน ขนาดเท่ากันพอดี”“ส่วนจำนวนคนเดี๋ยวข้าจะจัดสรรให้พวกท่าน เชิญพวกท่านไปเลือกคนกันได้ตามสบาย”ฟางชิงหย่วนพูดเนิบนาบตามความคิดของเขา เรื่องนี้ไม่มีอะไรชวนให้เดือดดาลใจในเมื่อทุกคนอยากดู ก็แค่แข่งขันกันให้รู้แล้วรู้รอดไปความจริงย่อมมีน้ำหนักกว่าคำพูด เขาเชื่อมั่นในทฤษฎีของตนเองยิ่งนัก“ประเสริฐ”ฉินหมิงกับหลี่เอ้อร์หนิวต่างพยักหน้า“พวกเจ้า ไปแย่งคนมาก่อนเลย”เมื่อตกลงกันเรียบร้อย หลี่เอ้อร์หนิวก็สั่งลูกน้อง ให้เริ่มไปชิงตัวสาวชาวบ้านที่ทำงานคล่องแคล่วในโรงทอผ้ามาก่อนล่วงหน้าฉินหมิงกลับไม่ได้ทำอะไร ด้วยความที่ตนมีคนน้อยกว่าหลี่เอ้อร์หนิวถึงครึ่งหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องไปแย่งชิงวันรุ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็นำกลุ่มคนงานของตนไปเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วฉินหมิงเลือกคนมาสามกลุ่มแบบเดาสุ่ม แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ทุกคนทำตามกฎระเบียบเดิม ติ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 256

    ถ้าต้องรับมือกับคนนอก ฉินหมิงย่อมเลือกใช้วิธีทางกายภาพอันรวดเร็วที่สุดเพื่อกำจัดอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลแต่คนในโรงงานเวลานี้ ล้วนแต่เป็นคนของฉินหมิงทั้งสิ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ หากให้ซ่งติ้งเซิงลงมือ ไม่เพียงแต่จะทำให้กลุ่มคนงานหมดความภักดี แม้แต่ภาพลักษณ์ก็คงเสียหายย่อยยับเช่นกัน“ท่านอ๋อง โปรดอธิบายให้พวกเราฟังแต่โดยดีเถิด มิเช่นนั้นทุกคนคงไม่เชื่อท่านแล้ว”หลี่เอ้อร์หนิวเห็นสถานการณ์พลิกผัน ก็ได้ทีรุกคืบด้วยความลำพองใจบัดนี้ทุกคนต่างกำลังรอคอยคำตอบจากฉินหมิงฉินหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยความจนปัญญาว่า“หลี่เอ้อร์หนิว เจ้าเป็นหนึ่งในหัวหน้าหน่วยการผลิต ใช่หรือไม่?”“ใช่ขอรับ”หลี่เอ้อร์หนิวยักไหล่ มองฉินหมิงด้วยความกังขา“เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะให้คนแก่เจ้ามากกว่าของข้าหนึ่งเท่า ในเวลาสามวัน พวกเรามาแข่งกันเรื่องผลผลิต ดีหรือไม่?”“ท่านจะแข่งเรื่องประสิทธิภาพการผลิตกับข้างั้นรึ? ซ้ำยังใช้คนเพียงครึ่งเดียวอีก?”หลี่เอ้อร์หนิวแทบไม่เชื่อหูตนเอง“ถูกต้อง ข้าจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า บางครั้งมีคนเยอะก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี หลักการที่ว่ามากคนก็มากความ ดูท่าจะมีผ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 255

    ทั้งสองคนเดินมาถึงเบื้องหน้าฝูงชนหลี่เอ้อร์หนิวยังคงพูดความคิดของตนอย่างออกรส ขัดขวางการจัดสรรคนงานของโรงทอผ้าโดยไม่มีคำว่าเกรงใจ“ท่านอ๋องมาแล้ว!”ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดในฝูงชนที่ตะโกนขึ้นมาก่อน จากนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันหลีกทางให้เมื่อฉินหมิงเดินเข้ามาจากนอกวง หลี่เอ้อร์หนิวก็พลันมีท่าทีอ่อนลงไปกว่าครึ่งเมื่อครู่เขายังส่งเสียงดังลั่น แต่บัดนี้กลับเงียบเสียงลงแล้ว“ขอถามหน่อยเถิด ผู้ใดบอกว่าจะลดค่าจ้างพวกเจ้ารึ?”เสียงของฉินหมิงถามขึ้นอย่างแช่มช้าทุกคนต่างเหลือบมองไปที่หลี่เอ้อร์หนิวผู้ซึ่งเมื่อครู่ยังทำตัวหยิ่งผยองส่วนหลี่เอ้อร์หนิวนั้น ยามนี้ก็ได้แต่พูดอึกอักว่า“ก็ในประกาศมีความหมายเช่นนั้นมิใช่หรือ…”เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเองเหตุผลที่ไม่อยากให้มีการย้ายคนงานเกิดขึ้น ก็เพราะเขามีลูกน้องหลายคนมาจากต่างพื้นที่กันบางคนมีบ้านอยู่ใกล้โรงช่าง บ้างก็อยู่ใกล้โรงย้อมผ้า ล้วนแต่ร้องขออยากย้ายที่ทำงานกันทั้งสิ้นเมื่อเห็นว่าลูกน้องอยากย้ายที่ทำงานกันเหลือเกิน หลี่เอ้อร์หนิวก็ยิ่งไม่อยากปล่อยมือตัวเขาอุตส่าห์ฝึกฝนลูกน้องจนกลายเป็นคนสนิท ถึงขั้นทำตัววางอำนาจใน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 254

    เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านประสิทธิภาพการผลิต และคนงานจำนวนมากที่ไม่รู้หนังสือดังนั้น ฟางชิงหย่วนจึงไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก เพียงนำข้อสรุปไปติดประกาศไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวแต่คนงานหลายพันคนในโรงทอผ้า อยู่ดี ๆ จะให้พวกเขาย้ายที่ทำงานอย่างกะทันหัน ย่อมมีบางส่วนไม่พอใจเป็นธรรมดาสิ้นเสียงของฉินหมิง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในฝูงชน“ให้ตายเถิด คิดจะลดค่าจ้างกับสวัสดิการของพวกเราใช่หรือไม่? อย่างไรข้าก็ไม่ไป!”คนที่พูด มีนามว่าหลี่เอ้อร์หนิวเขาเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านกว่างสุ่ยทางตอนเหนือของเมืองหลินเจียง ว่ากันว่ามีชื่อเสียงในหมู่บ้านพอสมควรหลังมาถึงโรงทอผ้า เนื่องจากมีผลงานโดดเด่น และผู้คนนับหน้าถือตาไม่น้อย จึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยในเวลาไม่นาน“บังอาจนัก!”ซ่งติ้งเซิงขมวดคิ้ว โบกมือเรียกเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ข้างกาย ให้เตรียมเข้าไปจับตัวหลี่เอ้อร์หนิวในยามที่โรงทอผ้ากำลังจะจัดสรรจำนวนคนงาน เพื่อไปส่งเสริมอุตสาหกรรมอื่น ๆ หากมีคนเสนอหน้าออกมาขัดขวางย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานของโรงทอผ้าอย่างใหญ่หลวงนัก!ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องก็ย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 253

    “ตอนแรกเมื่อเริ่มใช้คนงานเยอะขึ้น ปริมาณการผลิตก็เพิ่มขึ้นเร็ว แต่พอเพิ่มคนเข้าไปเรื่อย ๆ ปริมาณการผลิตกลับเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฟางชิงหย่วนหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา อธิบายการค้นพบของตนให้ฉินหมิงฟังด้วยความเคร่งเครียด“นี่คงเรียกว่ากฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่ม”ฉินหมิงใช้ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เท่าหางอึ่งของตน รำพึงออกมาโดยไม่รู้ตัว“อะไรคือกฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่มรึพ่ะย่ะค่ะ?”ฟางชิงหย่วนรั้งฉินหมิงไว้ ขณะถามบนขั้นบันได“ก็คือการลงทุนลงแรงไปกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป ผลตอบแทนก็จะเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้ว”“เป็นเช่นนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าที่กระหม่อมศึกษามาจะถูกต้องแล้ว”ฟางชิงหย่วนผงกศีรษะ หยิบแท่งถ่านสีดำยาวออกมาจากอกเสื้อ แล้วเริ่มขีดเขียนลงบนสมุดเล่มเล็กที่เย็บเล่มอย่างประณีตตรงหน้าในยุคนี้มีเพียงพู่กัน ซึ่งใช้งานค่อนข้างลำบากหากอยากจดบันทึกทุกที่ทุกเวลาเช่นเขา ก็ต้องใช้แท่งถ่านกับสมุดเล่มเล็กเท่านั้น“ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่อยากขยายการผลิตของโรงงานแล้ว รักษาสภาพเดิมไว้ก็พอ สิ่งที่เราต้องคิดในตอนนี้คือ จะรักษาระดับการเติบโตให้เร็วขึ้นได้อย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 252

    “จับได้กี่คน?”“สองคนพ่ะย่ะค่ะ ประตูเมืองทิศอื่น ๆ ก็น่าจะมีเช่นกัน”เมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าวว่า“จับต่อไป ไว้ชีวิตแค่จำนวนหนึ่งก็พอ เอาไว้เค้นถามกำลังคนที่แน่ชัดในภายหลัง ถือโอกาสที่ฝนตกหลายวันมานี้ คนเดินถนนมีน้อย ปิดล้อมอำเภอไว้ก่อน รอให้สังหารองครักษ์เงาหมดสิ้นเมื่อใด ค่อยเปิดประตูเมือง”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงรับคำสั่ง พลางมองอู๋สื่อจงที่ยังคงยืนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่พูดคำใด ในใจพลันรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง“อะแฮ่ม!”เขากระตุกชายเสื้ออู๋สื่อจงตอนนั้นเอง อู๋สื่อจงถึงได้สติ“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”หลังปิดล้อมสังหารคนอยู่สองวันครึ่ง ฉางไป๋ซานก็นำกองกำลังองครักษ์ของฉินหมิง สังหารองครักษ์เงาทั้งยี่สิบเจ็ดคนที่มาถึงอำเภออินซานจนหมดสิ้นขณะมองดูรายชื่อผู้เสียชีวิตที่เขียนด้วยหมึกสีแดงสด ฉินหมิงก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกซ่งติ้งเซิงผู้ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า“ท่านอ๋อง โรงทอผ้าส่งข่าวมา บอกว่าพวกเขาสร้างเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว สามารถเริ่มการผลิตจำนวนมากได้ทันที เวลานี้อยากให้ท่านส่งคนงานไปที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”อุตสาหกรรมสิ่งทอได้รับการยกระดับอีกครั้ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status