Share

บทที่ 3

Author: หออักษร
ภายในจวนองค์รัชทายาท

ฉินหมิงนั่งฟังอย่างเงียบ ๆ อยู่ในห้องโถง

จ้าวสี่ขุนนางของกรมพิธีการแสดงสีหน้าราวกับคางคกขึ้นวอ พลางถ่ายทอดราชโองการของฮ่องเต้เฉียน

“ฝ่าบาทตรัสว่า หากองค์ชายจะไปยังหลิ่งหนาน ก็ให้พาคนทั้งหมดในจวนไปด้วยกัน จวนองค์รัชทายาทก็ต้องย้ายออก...”

“ที่หลิ่งหนานมีกองทัพรักษาการณ์ชายแดนอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเกณฑ์คนจากเมืองหลวงไปอีก”

“อ้อ จริงสิ ยังมีเรื่องพระราชพิธีอีกนะพ่ะย่ะค่ะ เนื่องจากท่านเป็นฝ่ายร้องขอไปรักษาการณ์ชายแดนด้วยตนเอง ราชสำนักไม่เคยมีกรณีเช่นนี้มาก่อน พวกเราจึงจัดการทุกอย่างให้เรียบง่ายที่สุด พิธีการที่ขุนนางทั้งหลายต้องมาส่งเสด็จก็ให้งดเว้นไป...”

จ้าวสี่คือหนึ่งในศัตรูคู่อาฆาตในราชสำนักของฉินหมิง

เพื่อที่จะแก้แค้นฉินหมิง เขาทุ่มเทความพยายามไปไม่น้อย

จนในที่สุดก็ได้โอกาสจากในมือของโจวหลี่ มาดูหมิ่นฉินหมิงด้วยตนเองถึงที่นี่

แต่สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาก็คือ ฉินหมิงเพียงแค่ยกถ้วยชาขึ้นจิบ แล้วนั่งฟังอย่างเงียบ ๆ

ใบหน้าถึงกับปรากฏความคาดหวังอยู่หลายส่วน

“พูดจบหรือยัง?”

“จบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

จ้าวสี่ตอบกลับอย่างไร้อารมณ์ ภาพที่เขาจินตนาการไว้ว่าฉินหมิงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไม่ได้เกิดขึ้น

สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกขัดใจอย่างยิ่ง

ฉินหมิงโบกมือแล้วกล่าวว่า

“เสี่ยวชุ่ย ส่งแขก”

“เพคะ องค์ชาย”

เสี่ยวชุ่ยเป็นสาวใช้ของฉินหมิง นางมีรูปโฉมงดงามราวกับเทพธิดา รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น

ผิวพรรณขาวราวหิมะ เนียนนุ่มละเอียดอ่อน เอวบางคอดราวกับจะโอบได้ด้วยมือเดียว

แต่หลายปีมานี้ องค์รัชทายาทที่หัวโบราณคร่ำครึผู้นี้ กลับไม่เคยแตะต้องนางเลยสักครั้ง

เลวร้ายยิ่งกว่าเดรัจฉานเสียอีก!

ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว บางทีเขาอาจจะมีตัวเลือกที่ดีกว่าเสี่ยวชุ่ยก็ได้

อย่างไรเสียก็เป็นถึงองค์รัชทายาท ฐานะสูงส่ง...

ฉินหมิงคิดเช่นนี้ แต่สายตาของเขากลับมองไล่ไปตามเอวที่ส่ายไปมาของเสี่ยวชุ่ยลงไปเรื่อย ๆ

จ้าวสี่แสดงสีหน้าไม่พอใจ แล้วกล่าววาจายั่วยุต่อไป

“องค์ชาย หากท่านไม่พอใจสิ่งใด ก็สามารถกล่าวออกมาได้ทันทีนะพ่ะย่ะค่ะ อย่าให้ถึงตอนที่จะไปแล้ว ค่อยมาก่อเรื่องอันใดขึ้นมาอีก”

ฉินหมิงที่เพิ่งได้สติเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง

“เจ้าอยากเห็นข้าก่อเรื่องมากนักหรือ?”

“มิกล้าพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นหากไม่มีเรื่องอันใดแล้ว กระหม่อมขอทูลลา”

จ้าวสี่รู้สึกหน้าแตก จึงหันหลังเดินออกจากจวนองค์รัชทายาทไป

แต่ทันทีที่เดินออกมาถึงถนน เขาก็เห็นหญิงสาวงดงามคนหนึ่ง ถือทวนเงินยืนอยู่หน้าประตูจวนองค์รัชทายาท

บนทวนยาวของนาง มีธงรบของค่ายทหารอู่เวยผืนหนึ่ง กำลังสะบัดพลิ้วไหวตามสายลม

ท่ามกลางผู้คนที่มุงดูอยู่รอบ ๆ ก็มีเหล่าคุณชายและคุณหนูจากตระกูลขุนนางชั้นสูงอยู่ไม่น้อยที่รู้เรื่องราวภายใน

“นั่นใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลกวนหรือไม่? ข้าได้ยินว่านางถูกสู่ขอให้กับองค์รัชทายาทแล้วนี่?”

“แม้ว่าองค์รัชทายาทจะหมดอำนาจแล้ว แต่ก็ยังคงมีอิทธิพลอยู่ อย่างไรเสียก็พอจะให้การคุ้มครองแก่ตระกูลกวนได้บ้าง”

“แม่ทัพใหญ่อู่เวยก็ตายไปแล้ว ตอนนี้ตระกูลกวนก็เป็นแค่ตัวถ่วง องค์รัชทายาทจะยังต้องการอีกหรือ?”

“ข้าได้ยินมาว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ในราชสำนักยังเคยหารือกันเรื่องนี้...”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของฝูงชนดังเข้าหูของหญิงสาว

นางแสดงสีหน้าเย็นชา กล่าวกับองครักษ์ที่ประตูว่า

“ให้ฉินหมิงออกมา!”

องครักษ์หลายคนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็คาดเดาได้ว่าคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่

รีบพยักหน้ารับคำ แล้ววิ่งเข้าไปในจวนอย่างร้อนรน

จ้าวสี่ที่เข้ามาหาเรื่องแต่ก็ไม่เป็นผล ได้เห็นคุณหนูใหญ่ตระกูลกวนผู้ตกอับเข้าพอดี

เขานึกถึงเรื่องการแต่งงานของฉินหมิงขึ้นมาทันที จึงเดินเข้าไปกล่าวเย้ยหยัน

โอ้ นี่ไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลกวนหรอกหรือ?”

“อะไรกัน คิดจะมาแต่งงานกับองค์ชาย แล้วไปหลิ่งหนานด้วยกันหรือ?”

“ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า!”

กวนเยว่แค่นเสียงเย็น จ้องมองจ้าวสี่ด้วยสายตาคมกริบ

จ้าวสี่หดคอเล็กน้อย เบ้ปากแล้วเอ่ยขึ้น

“คุณหนูใหญ่กวน ลืมบอกท่านไป ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทตรัสแล้วว่า จะแต่งกับท่านหรือไม่ ให้องค์รัชทายาทเป็นคนเลือกเอง”

“แม่ทัพใหญ่อู่เวยก็ตายในสนามรบไปแล้ว ตระกูลกวนก็ไร้ซึ่งรากฐานอีกต่อไป ทายสิว่าองค์รัชทายาทจะยังต้องการท่านหรือไม่?”

สีหน้าของกวนเยว่ยิ่งดูย่ำแย่ลงไปอีก

“ตระกูลกวนไม่ต้องการการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์หรือการคุ้มครองใด ๆ ทั้งสิ้น! ข้ามาเพื่อถอนหมั้น!”

“ถอนหมั้น!?”

ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบ ๆ ต่างพากันตกตะลึง แล้วชี้ไม้ชี้มือไปที่นาง

ในยุคสมัยนี้ สตรีที่มาขอถอนหมั้นถึงหน้าประตูบ้าน ในอนาคตจะยังแต่งออกไปได้อย่างไร?

จ้าวสี่จิ๊ปาก กล่าวพลางถอนหายใจ

“เฮ้อ ช่างเป็นจริงดั่งคำกล่าวที่ว่า ผู้ที่เคยมีฐานะสูงส่ง เมื่อตกอับแล้วย่อมด้อยกว่าคนธรรมเสียอีก ฮ่า ๆ !”

ในฝูงชนพลันระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น

“เจ้าสารเลว!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงการเยาะเย้ยของทุกคน

กวนเยว่โกรธอย่างยิ่ง ตวัดทวนยาวขึ้น ปลายทวนก็จ่ออยู่ที่ลำคอของจ้าวสี่แล้ว

จ้าวสี่ตกใจจนเหงื่อกาฬไหลท่วมตัว

แต่แล้วเขาก็สงบสติอารมณ์ลงได้ในทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงอำมหิต

“คุณหนูใหญ่กวน ข้าขอเตือนให้ท่านสงบเสงี่ยมไว้หน่อย อย่าให้ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่ไก่ป่าก็ยังไม่มีโอกาสได้เป็น!”

...

บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด

มุมปากของจ้าวสี่ยังคงแฝงไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อย

ทวนยาวในมือของกวนเยว่ ไม่สามารถขยับเข้าไปได้อีกแม้แต่นิดเดียว

นางโกรธจนตัวสั่น แต่กลับไม่มีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว

นับตั้งแต่บิดาเสียชีวิต นางก็คือประมุขน้อยของตระกูลกวน นางจะร้องไห้ไม่ได้

ในขณะนี้ เสียงตวาดดังลั่นก็ดังออกมาจากในจวน

“ใครเป็นไก่ป่า? เจ้าสารเลวนี่ยังไม่ไปอีกหรือ?”

“ใครก็ได้ จับเขาไปโบยเสีย!”

ฉินหมิงวิ่งออกมาจากในจวน

ตึก ๆ ๆ !

องครักษ์หลายคนที่ถือกระบองยาวอยู่ในมือ ตรงเข้าไปจับตัวจ้าวสี่เอาไว้ ก่อนที่เขาจะได้ทันตั้งตัว

“องค์ชาย ท่าน... อ้วก!”

จ้าวสี่ยังพูดไม่ทันจบประโยค ก็โดนเตะเข้าที่ชายโครงอย่างแรง!

ข้าวที่กินไปเมื่อคืนแทบจะทะลักออกมา

พร้อมกับนำคนสิบกว่าคน ไล่ตามรุมกระทืบอย่างไม่ปรานี

เสียงหมัดกระทบเนื้อดังตุ้บตั้บ ทำให้ผู้คนที่มุงดูอยู่รู้สึกเสียวสันหลัง

โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!

ต้องมีความแค้นกันขนาดไหนกัน!

การรุมทำร้ายครั้งนี้ ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งก้านธูป

เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่ทางการเริ่มมุ่งหน้ามาทางนี้แล้ว

จ้าวสี่ก็แทบจะลุกไม่ขึ้น ฉินหมิงถึงได้พยักหน้าอย่างพอใจ แล้วกล่าวกับลูกน้องว่า

“พาตัวไปเถิด”

จ้าวสี่กุมใบหน้าที่บวมเป่งราวกับหัวหมู ตะโกนอย่างเดือดดาล

“องค์ชาย ข้าเป็นขุนนางของราชสำนัก ท่านทำกับข้าเช่นนี้ ไม่กลัวว่าข้าจะทูลฟ้องฝ่าบาทหรือ!”

ฉินหมิงคาดเดาไว้แล้วว่าเขาจะพูดเช่นนี้

“เจ้าจะทูลฟ้องหรือ? ข้าก็จะทูลฟ้องเหมือนกัน! เจ้าดูหมิ่นคู่หมั้นของข้า สร้างข่าวลือว่าข้าจะถอนหมั้น ทำให้พระเกียรติของราชวงศ์เสื่อมเสีย จิตใจชั่วช้าสามานย์ยิ่งนัก!”

“วันนี้ที่โบยเจ้าไปถือว่าเบาแล้ว คอยดูเถอะ ข้าจะฟ้องเจ้าให้ถึงตาย!”

อย่างไรเสีย ก็กำลังจะถูกส่งไปยังหลิ่งหนานแล้ว ต้องบอกลากับไอ้พวกสารเลวในราชสำนักนี้ไปตลอดกาล

ตอนนี้ฉินหมิงอยู่ในสภาพของคนไม่มีอะไรจะเสีย

ใครก็ตามในเมืองหลวงที่มีความแค้นต่อเขา ขอเพียงแค่มีโอกาส เขาจะไม่ปล่อยให้ใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!

“ท่าน...!”

จ้าวสี่ถึงกับตกตะลึง

องค์ชายผู้ซึ่งปกติแล้วมีจิตใจเมตตากรุณา เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?

ยังไม่ทันจะได้สงสารจ้าวสี่ ทันใดนั้นก็มีคนในฝูงชนนึกอะไรขึ้นได้ ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“คู่หมั้น? หรือว่าองค์ชายจะแต่งกับคุณหนูใหญ่ตระกูลกวนหรือ?”

สายตาของกวนเยว่พลันคมปลาบ นางเงยหน้าขึ้นมองไปยังฉินหมิงเช่นกัน

บรรยากาศเงียบสงัดลง

ทุกคนต่างรอคอยคำตอบของเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

สายตาของฉินหมิงจับจ้องอยู่ที่ร่างของกวนเยว่ ในใจรู้สึกมีความสุขราวกับดอกไม้บาน

ทันทีที่เห็นกวนเยว่ เขาก็เข้าใจในทันที!

มิน่าเล่า องค์รัชทายาทถึงไม่เคยแตะต้องเสี่ยวชุ่ยมาหลายปี

ที่แท้ก็มีเทพธิดาตัวจริงรอคอยเขาอยู่นี่เอง!

ภรรยาคนนี้ ต้องเอามาให้ได้!

ต่อหน้าสาธารณชน ฉินหมิงเดินตรงเข้าไป คว้าทวนยาวในมือของกวนเยว่มาถือไว้

เมื่อชูธงใหญ่ของค่ายทหารอู่เวยขึ้น ร่างของฉินหมิงภายใต้แสงอาทิตย์ก็ดูเจิดจ้าจนแสบตา

“คุณหนูตระกูลกวน ข้าจะแต่งกับเจ้า!
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 100

    “กระไรนะ?!”เมื่อเว่ยกว่างซวินลองคิดดู ก็พบว่ามีความเป็นไปได้นี้จริงๆเดิมหานหมิงรุ่ยก็ถูกปลดลงมาจากราชสำนักจะรู้จักฉินอ๋องก็ไม่แปลกที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!ซุนเฉิงคาดเดาต่อไปว่า“ท่านยังจำได้หรือไม่ ครั้งก่อนตอนที่ฉินอ๋องพบว่าพวกเราหาคนมาช่วย ก็ไม่ตระหนกแม้แต่น้อย”“ใช่แล้ว ที่แท้พวกเขารู้จักกันอยู่ก่อนแล้วนี่เอง”ภายในใจของเว่ยกว่างซวินเย็นยะเยียบขึ้นมาดูท่ามีแต่พวกเขาสองพี่น้อง ที่ถูกปั่นหัวอยู่เล่นอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่น“เรื่องนี้อย่าได้พูดถึงอีก วันหลังพวกเราให้ถือเสียว่าไม่เคยเสียเปรียบเพราะฉินอ๋องแล้วกัน”เว่ยกว่างซวินได้วิธีการรับมืออย่างรวดเร็วซุนเฉิงก็พยักหนักอย่างหนักเช่นกันอย่างรวดเร็ว ความไม่พอใจแต่เดิมที่มีต่อฉินหมิงก็ถูกพวกเขาเก็บซ่อนไปเป็นอย่างดีภายหลังจากจินตนาการเรื่องราวออกมามากมาย พวกเขาสองคนก็รีบตามไปอย่างว่าง่ายมิได้สร้างปัญหาใดอีก…… ในฐานะผู้ที่ชักนำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ฉินหมิงนั้นไม่รู้ว่าซุนเฉิงและเว่ยกว่างซวินพูดคุยสิ่งใดกันเพียงพบว่าหลังพวกเขาทั้งสองเดินเข้ามา ก็ต่างมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เบิกบานราวดอกไม้บนใบหน้าก็ไม่พบร่องรอยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 99

    หานหมิงรุ่ยเป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการทหารท้องถิ่นดังนั้นคำพูดของเขา ย่อมแสดงถึงท่าทีของทางการฉินหมิงจึงมิได้ถกเถียงกับเขา แต่กล่าวอย่างแย้มยิ้มว่า“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ กลับเป็นข้าที่ไม่เข้าใจสถานการณ์แล้ว”“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ทรงมีเจตนาดี เพียงแต่บรรดาทหารในกองทัพก็ต้องการความสมดุลระหว่างหน้าที่และการพักผ่อนเช่นกันมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”เพราะอยากเล่นพนัน ท่าทีในการพูดจาของหานหมิงรุ่ยต่อฉินหมิงในยามนี้จึงดีขึ้นไม่น้อย“เช่นเดียวกันกับกระหม่อม ยามปกติก็ชอบเล่นตาสองตา การพนันเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเพิ่มพูนความสุขและความสัมพันธ์ได้อย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ”หานหมิงรุ่ยมิได้มีชื่อเสียงมากนัก ดังนั้นยามเกิดเรื่องในตอนนั้น ผู้ที่รู้จึงมีไม่มากยกตัวอย่างเช่นพวกเฉาชวน คนเหล่านี้ล้วนไม่รู้เลยโชคดีที่ครอบครัวของกวนเยว่กับเยว่โส่วเจียงเป็นเพื่อนเก่ากันมานานปกติแล้ว เมื่อแม่ทัพระดับสูงอย่างพวกเขาพูดคุยกันในยามว่าง ถึงจะมีการเปิดเผยข้อมูลบางอย่างออกมาด้วยเหตุนี้ จนถึงตอนนี้หานหมิงรุ่ยจึงยังคงคิดว่า เรื่องของตนนั้นที่นี่น่าจะมีคนรู้ไม่มากดังนั้นต่อหน้าพวกฉินหมิง ตนจึงสามารถแสร้งแสดงเป็นผู้ทรงคุณธรรมไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 98

    พวกเขาสวมเครื่องแบบทหาร ปลอมตัวเป็นทหารที่กำลังพักผ่อนเล่นไพ่โกวกันอยู่ที่นี่เมื่อเห็นฉินหมิงเดินเข้ามา เหล่ามืออาชีพที่กำลังนั่งไข้วขาอยู่บนพื้นก็ให้ความร่วมมืออย่างมาก“ย๊าก! กิน!”“เพิ่มร้อยยี่สิบแปดเท่า! จ่ายเงินมา!”หานหมิงรุ่ยชะงักเท้าลงจริงๆ สายตาเหลือบมองไปที่การเรียงไพ่ด้านล่างอย่างอดไม่ได้ฉินหมิงไม่ค่อยเข้าใจวิธีการเล่นของเจ้าสิ่งนี้นักรู้เพียงว่าไพ่โกวของต้าเฉียน มีรูปร่างหน้าตาคล้ายไพ่นกกระจอก ปกติเป็นแผ่นไม้ เพียงแต่รูปร่างจะแบนกว่ายาวกว่าในขณะที่กำลังกังวลว่าพวกเขาจะแสดงมากเกินไปจนโป๊ะแตกหานหมิงรุ่ยซึ่งเหลือบมองเพียงครั้งเดียวก็เห็นไพ่โกวที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ก็พยักหน้าแล้วพึมพำว่า“ร้อยยี่สิบแปดเท่า เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว…”ดูจากท่าทางแล้ว ต้องคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วเป็นแน่ฉินหมิงสบตากับซ่งติ้งเซิงคราหนึ่ง คนทั้งสองล้วนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหานหมิงรุ่ยแต่การตกปลานั้นจะต้องมีความอดทนฝีเท้าของฉินหมิงมิได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย กระทั่งยังหันศีรษะไปมองหานหมิงรุ่ยที่รั้งท้ายอยู่ด้านหลังด้วยหานหมิงรุ่ยก็รู้ตัวว่าพลาดไป มองเกมไพ่เบื้องล่างทีหนึ่งอย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 97

    ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของหานหมิงรุ่ยขาดความซื่อสัตย์ ผู้ที่รู้ถึงการกระทำในอดีตของเขาล้วนไม่มีทางมอบหมายงานสำคัญและเป็นเพราะอาศัยผลงานทางทหารที่สั่งสมมานานหลายปี เขาถึงสามารถดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการในหลิ่งหนานได้ทว่าเมื่ออยู่ในค่ายทหาร การมีตัวตนของเขายังคงประดุจสุนัขที่ไร้ผู้เหลียวแลเมื่อเวลาผ่านไป หนังหน้าหนาของเจ้าตัวนี้จึงหนาขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไร้ยางอายถึงขึ้นปล่อยตัวปล่อยใจอย่างเหลวแหลกเสียเลยเพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดสนใจ แบบใดสบายใจก็ทำแบบนั้น เห็นผู้ใดไม่ถูกใจก็ชักสีหน้าก็เหมือนกับตอนนี้ ที่แม้แต่ฉินหมิงเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตานี่ค่อนข้างคล้ายพวกระดับผู้นำในองค์กรต่างๆ ที่ผ่านไปนานหลายปีก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งอยู่บ้างซึ่งพวกเขาเองก็รู้ว่า อนาคตไร้หนทางก้าวหน้าแล้วจึงคร้านที่จะเสแสร้งอีก ทำตามอำเภอใจเสียเลยเฉาชวนมองความไม่สบอารมณ์ของฉินหมิงออก จึงเป็นตัวแทนเขาเริ่มเข้าไปพูดคุยกับหานหมิงรุ่ยแทน“ยากนักที่ท่านแม่ทัพหานจะมาเยือนสักครั้ง นั่งลงสนทนากันก่อนเถอะขอรับ”“คุยอะไร? ท่านอ๋อง เรื่องนี้เดิมก็เป็นพวกท่านที่ทำไม่ถูก”หานหมิงรุ่ยเบะปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 96

    ซ่งติ้งเซิงเดินไปที่ข้างกายฉินหมิงแล้วกล่าวว่า“ท่านอ๋อง ทรงไม่ต้องสอนพวกเขาดอกพ่ะย่ะค่ะ”“คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นพวกฝีมือแก่กล้ามากประสบการณ์ หากต้องการวางแผน พวกเขาสามารถทำได้เอง ไม่แน่ว่าผลงานที่ออกมายังอาจทำได้ดีกว่าที่ทรงกำกับอีกพ่ะย่ะค่ะ”“ที่แท้เป็นเช่นนี้”มุมปากของฉินหมิงกระตุก เดิมคิดจะเตือนพวกเขาว่าควรเล่นอย่างไรตอนนี้ดูไปคงไม่จำเป็นแล้ว“งั้นก็ไปเถอะ อีกครู่เจ้ามอบผลประโยชน์ให้พวกเขาหน่อย ให้คนปิดปากให้สนิทขึ้น”“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อกลับมาถึงค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงก็ให้พวกเขาใส่เครื่องแบบทหาร แล้วนั่งอยู่ในบริเวณที่สะดุดตารอเหยื่อมาติดกับในเวลาเดียวกัน ฉินหมิงยังเรียกหลิวฉ่วงมาด้วย“เหล่าหลิว เจ้าพาคนจำนวนหนึ่งไปลาดตระเวนในค่ายทหาร”เรื่องอื่นไม่พูดถึง หากต้องการลงไม้ลงมือแล้วล่ะก็ หลิวฉ่วงนั้นเป็นพวกสายลุยตัวจริงมีบางครั้งหากไม่ทันระวัง เขากระทั่งทุบตีคนจนตายได้เมื่อเรียกแม่ทัพผู้ดุดันคนนี้มาเข้าร่วม ฉินหมิงก็ถือว่าได้ทำประกันเพิ่มให้ตนเองอีกชั้นหลิวฉ่วงรู้จักฉินหมิงเป็นอย่างดี เห็นเขาท่าทางมีลับลมคมใน จึงบ่นพึมพำอยู่ด้านข้างว่า“ท่านอ๋อง ท่านเรียกกระหม่อมมาต้องไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 95

    “สร้างกับดักหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ใช่แล้ว เจ้ากินก่อนเถอะ กินเสร็จแล้วค่อยออกมา เราไปทำธุระกันสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงดื่มโจ๊กข้าวกล้องหมดภายในไม่กี่คำ สวมชุดขุนนางเสร็จ ก็สาวเท้าออกจากประตูใหญ่ทันทีฉินหมิงที่รออยู่บริเวณมุมกำแพง กระซิบเล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิตของหานหมิงรุ่ยแก่เขาหลังฟังจบ ซ่งติ้งเซิงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดในเวลาเดียวกัน เขาก็ถอนใจอย่างอดไม่ได้ เรื่องสกปรกในราชสำนักช่างมีมากมายเสียจริงเขาถูกมือไปมา แล้วถามอย่างสงสัยว่า“ท่านอ๋อง กระหม่อมมีคำถามข้อหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”“คำถามอะไร?”“หานหมิงรุ่ยผู้นั้น คืนเงินท่านแม่ทัพเย่แล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ?”“ไร้สาระ ย่อมไม่น่ะสิ เจ้าคนไร้เมียนั่นตอนนี้แม้แต่ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด ยังจะหวังให้เขาคืนเงิน?”ฉินหมิงค้อนเขาทีหนึ่งโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณธรรมจริยธรรมแม้น ‘ติดหนี้ต้องชดใช้’ จะเป็นหลักการแห่งฟ้าดินที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ก็ยังมีอีกคำกล่าวที่ว่า ‘เหาเยอะไม่กลัวคัน’ ด้วย“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ อย่างนั้นหากพวกเรายังเล่นงานเขาเช่นนี้อีก มิเท่ากับไร้คุณธรรมอย่างยิ่งหรือพ่ะย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status