共有

บทที่ 3

作者: หออักษร
ภายในจวนองค์รัชทายาท

ฉินหมิงนั่งฟังอย่างเงียบ ๆ อยู่ในห้องโถง

จ้าวสี่ขุนนางของกรมพิธีการแสดงสีหน้าราวกับคางคกขึ้นวอ พลางถ่ายทอดราชโองการของฮ่องเต้เฉียน

“ฝ่าบาทตรัสว่า หากองค์ชายจะไปยังหลิ่งหนาน ก็ให้พาคนทั้งหมดในจวนไปด้วยกัน จวนองค์รัชทายาทก็ต้องย้ายออก...”

“ที่หลิ่งหนานมีกองทัพรักษาการณ์ชายแดนอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเกณฑ์คนจากเมืองหลวงไปอีก”

“อ้อ จริงสิ ยังมีเรื่องพระราชพิธีอีกนะพ่ะย่ะค่ะ เนื่องจากท่านเป็นฝ่ายร้องขอไปรักษาการณ์ชายแดนด้วยตนเอง ราชสำนักไม่เคยมีกรณีเช่นนี้มาก่อน พวกเราจึงจัดการทุกอย่างให้เรียบง่ายที่สุด พิธีการที่ขุนนางทั้งหลายต้องมาส่งเสด็จก็ให้งดเว้นไป...”

จ้าวสี่คือหนึ่งในศัตรูคู่อาฆาตในราชสำนักของฉินหมิง

เพื่อที่จะแก้แค้นฉินหมิง เขาทุ่มเทความพยายามไปไม่น้อย

จนในที่สุดก็ได้โอกาสจากในมือของโจวหลี่ มาดูหมิ่นฉินหมิงด้วยตนเองถึงที่นี่

แต่สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาก็คือ ฉินหมิงเพียงแค่ยกถ้วยชาขึ้นจิบ แล้วนั่งฟังอย่างเงียบ ๆ

ใบหน้าถึงกับปรากฏความคาดหวังอยู่หลายส่วน

“พูดจบหรือยัง?”

“จบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

จ้าวสี่ตอบกลับอย่างไร้อารมณ์ ภาพที่เขาจินตนาการไว้ว่าฉินหมิงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไม่ได้เกิดขึ้น

สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกขัดใจอย่างยิ่ง

ฉินหมิงโบกมือแล้วกล่าวว่า

“เสี่ยวชุ่ย ส่งแขก”

“เพคะ องค์ชาย”

เสี่ยวชุ่ยเป็นสาวใช้ของฉินหมิง นางมีรูปโฉมงดงามราวกับเทพธิดา รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น

ผิวพรรณขาวราวหิมะ เนียนนุ่มละเอียดอ่อน เอวบางคอดราวกับจะโอบได้ด้วยมือเดียว

แต่หลายปีมานี้ องค์รัชทายาทที่หัวโบราณคร่ำครึผู้นี้ กลับไม่เคยแตะต้องนางเลยสักครั้ง

เลวร้ายยิ่งกว่าเดรัจฉานเสียอีก!

ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว บางทีเขาอาจจะมีตัวเลือกที่ดีกว่าเสี่ยวชุ่ยก็ได้

อย่างไรเสียก็เป็นถึงองค์รัชทายาท ฐานะสูงส่ง...

ฉินหมิงคิดเช่นนี้ แต่สายตาของเขากลับมองไล่ไปตามเอวที่ส่ายไปมาของเสี่ยวชุ่ยลงไปเรื่อย ๆ

จ้าวสี่แสดงสีหน้าไม่พอใจ แล้วกล่าววาจายั่วยุต่อไป

“องค์ชาย หากท่านไม่พอใจสิ่งใด ก็สามารถกล่าวออกมาได้ทันทีนะพ่ะย่ะค่ะ อย่าให้ถึงตอนที่จะไปแล้ว ค่อยมาก่อเรื่องอันใดขึ้นมาอีก”

ฉินหมิงที่เพิ่งได้สติเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง

“เจ้าอยากเห็นข้าก่อเรื่องมากนักหรือ?”

“มิกล้าพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นหากไม่มีเรื่องอันใดแล้ว กระหม่อมขอทูลลา”

จ้าวสี่รู้สึกหน้าแตก จึงหันหลังเดินออกจากจวนองค์รัชทายาทไป

แต่ทันทีที่เดินออกมาถึงถนน เขาก็เห็นหญิงสาวงดงามคนหนึ่ง ถือทวนเงินยืนอยู่หน้าประตูจวนองค์รัชทายาท

บนทวนยาวของนาง มีธงรบของค่ายทหารอู่เวยผืนหนึ่ง กำลังสะบัดพลิ้วไหวตามสายลม

ท่ามกลางผู้คนที่มุงดูอยู่รอบ ๆ ก็มีเหล่าคุณชายและคุณหนูจากตระกูลขุนนางชั้นสูงอยู่ไม่น้อยที่รู้เรื่องราวภายใน

“นั่นใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลกวนหรือไม่? ข้าได้ยินว่านางถูกสู่ขอให้กับองค์รัชทายาทแล้วนี่?”

“แม้ว่าองค์รัชทายาทจะหมดอำนาจแล้ว แต่ก็ยังคงมีอิทธิพลอยู่ อย่างไรเสียก็พอจะให้การคุ้มครองแก่ตระกูลกวนได้บ้าง”

“แม่ทัพใหญ่อู่เวยก็ตายไปแล้ว ตอนนี้ตระกูลกวนก็เป็นแค่ตัวถ่วง องค์รัชทายาทจะยังต้องการอีกหรือ?”

“ข้าได้ยินมาว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ในราชสำนักยังเคยหารือกันเรื่องนี้...”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของฝูงชนดังเข้าหูของหญิงสาว

นางแสดงสีหน้าเย็นชา กล่าวกับองครักษ์ที่ประตูว่า

“ให้ฉินหมิงออกมา!”

องครักษ์หลายคนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็คาดเดาได้ว่าคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่

รีบพยักหน้ารับคำ แล้ววิ่งเข้าไปในจวนอย่างร้อนรน

จ้าวสี่ที่เข้ามาหาเรื่องแต่ก็ไม่เป็นผล ได้เห็นคุณหนูใหญ่ตระกูลกวนผู้ตกอับเข้าพอดี

เขานึกถึงเรื่องการแต่งงานของฉินหมิงขึ้นมาทันที จึงเดินเข้าไปกล่าวเย้ยหยัน

โอ้ นี่ไม่ใช่คุณหนูใหญ่ตระกูลกวนหรอกหรือ?”

“อะไรกัน คิดจะมาแต่งงานกับองค์ชาย แล้วไปหลิ่งหนานด้วยกันหรือ?”

“ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า!”

กวนเยว่แค่นเสียงเย็น จ้องมองจ้าวสี่ด้วยสายตาคมกริบ

จ้าวสี่หดคอเล็กน้อย เบ้ปากแล้วเอ่ยขึ้น

“คุณหนูใหญ่กวน ลืมบอกท่านไป ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทตรัสแล้วว่า จะแต่งกับท่านหรือไม่ ให้องค์รัชทายาทเป็นคนเลือกเอง”

“แม่ทัพใหญ่อู่เวยก็ตายในสนามรบไปแล้ว ตระกูลกวนก็ไร้ซึ่งรากฐานอีกต่อไป ทายสิว่าองค์รัชทายาทจะยังต้องการท่านหรือไม่?”

สีหน้าของกวนเยว่ยิ่งดูย่ำแย่ลงไปอีก

“ตระกูลกวนไม่ต้องการการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์หรือการคุ้มครองใด ๆ ทั้งสิ้น! ข้ามาเพื่อถอนหมั้น!”

“ถอนหมั้น!?”

ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบ ๆ ต่างพากันตกตะลึง แล้วชี้ไม้ชี้มือไปที่นาง

ในยุคสมัยนี้ สตรีที่มาขอถอนหมั้นถึงหน้าประตูบ้าน ในอนาคตจะยังแต่งออกไปได้อย่างไร?

จ้าวสี่จิ๊ปาก กล่าวพลางถอนหายใจ

“เฮ้อ ช่างเป็นจริงดั่งคำกล่าวที่ว่า ผู้ที่เคยมีฐานะสูงส่ง เมื่อตกอับแล้วย่อมด้อยกว่าคนธรรมเสียอีก ฮ่า ๆ !”

ในฝูงชนพลันระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น

“เจ้าสารเลว!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงการเยาะเย้ยของทุกคน

กวนเยว่โกรธอย่างยิ่ง ตวัดทวนยาวขึ้น ปลายทวนก็จ่ออยู่ที่ลำคอของจ้าวสี่แล้ว

จ้าวสี่ตกใจจนเหงื่อกาฬไหลท่วมตัว

แต่แล้วเขาก็สงบสติอารมณ์ลงได้ในทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงอำมหิต

“คุณหนูใหญ่กวน ข้าขอเตือนให้ท่านสงบเสงี่ยมไว้หน่อย อย่าให้ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่ไก่ป่าก็ยังไม่มีโอกาสได้เป็น!”

...

บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด

มุมปากของจ้าวสี่ยังคงแฝงไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อย

ทวนยาวในมือของกวนเยว่ ไม่สามารถขยับเข้าไปได้อีกแม้แต่นิดเดียว

นางโกรธจนตัวสั่น แต่กลับไม่มีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว

นับตั้งแต่บิดาเสียชีวิต นางก็คือประมุขน้อยของตระกูลกวน นางจะร้องไห้ไม่ได้

ในขณะนี้ เสียงตวาดดังลั่นก็ดังออกมาจากในจวน

“ใครเป็นไก่ป่า? เจ้าสารเลวนี่ยังไม่ไปอีกหรือ?”

“ใครก็ได้ จับเขาไปโบยเสีย!”

ฉินหมิงวิ่งออกมาจากในจวน

ตึก ๆ ๆ !

องครักษ์หลายคนที่ถือกระบองยาวอยู่ในมือ ตรงเข้าไปจับตัวจ้าวสี่เอาไว้ ก่อนที่เขาจะได้ทันตั้งตัว

“องค์ชาย ท่าน... อ้วก!”

จ้าวสี่ยังพูดไม่ทันจบประโยค ก็โดนเตะเข้าที่ชายโครงอย่างแรง!

ข้าวที่กินไปเมื่อคืนแทบจะทะลักออกมา

พร้อมกับนำคนสิบกว่าคน ไล่ตามรุมกระทืบอย่างไม่ปรานี

เสียงหมัดกระทบเนื้อดังตุ้บตั้บ ทำให้ผู้คนที่มุงดูอยู่รู้สึกเสียวสันหลัง

โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!

ต้องมีความแค้นกันขนาดไหนกัน!

การรุมทำร้ายครั้งนี้ ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งก้านธูป

เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่ทางการเริ่มมุ่งหน้ามาทางนี้แล้ว

จ้าวสี่ก็แทบจะลุกไม่ขึ้น ฉินหมิงถึงได้พยักหน้าอย่างพอใจ แล้วกล่าวกับลูกน้องว่า

“พาตัวไปเถิด”

จ้าวสี่กุมใบหน้าที่บวมเป่งราวกับหัวหมู ตะโกนอย่างเดือดดาล

“องค์ชาย ข้าเป็นขุนนางของราชสำนัก ท่านทำกับข้าเช่นนี้ ไม่กลัวว่าข้าจะทูลฟ้องฝ่าบาทหรือ!”

ฉินหมิงคาดเดาไว้แล้วว่าเขาจะพูดเช่นนี้

“เจ้าจะทูลฟ้องหรือ? ข้าก็จะทูลฟ้องเหมือนกัน! เจ้าดูหมิ่นคู่หมั้นของข้า สร้างข่าวลือว่าข้าจะถอนหมั้น ทำให้พระเกียรติของราชวงศ์เสื่อมเสีย จิตใจชั่วช้าสามานย์ยิ่งนัก!”

“วันนี้ที่โบยเจ้าไปถือว่าเบาแล้ว คอยดูเถอะ ข้าจะฟ้องเจ้าให้ถึงตาย!”

อย่างไรเสีย ก็กำลังจะถูกส่งไปยังหลิ่งหนานแล้ว ต้องบอกลากับไอ้พวกสารเลวในราชสำนักนี้ไปตลอดกาล

ตอนนี้ฉินหมิงอยู่ในสภาพของคนไม่มีอะไรจะเสีย

ใครก็ตามในเมืองหลวงที่มีความแค้นต่อเขา ขอเพียงแค่มีโอกาส เขาจะไม่ปล่อยให้ใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!

“ท่าน...!”

จ้าวสี่ถึงกับตกตะลึง

องค์ชายผู้ซึ่งปกติแล้วมีจิตใจเมตตากรุณา เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?

ยังไม่ทันจะได้สงสารจ้าวสี่ ทันใดนั้นก็มีคนในฝูงชนนึกอะไรขึ้นได้ ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“คู่หมั้น? หรือว่าองค์ชายจะแต่งกับคุณหนูใหญ่ตระกูลกวนหรือ?”

สายตาของกวนเยว่พลันคมปลาบ นางเงยหน้าขึ้นมองไปยังฉินหมิงเช่นกัน

บรรยากาศเงียบสงัดลง

ทุกคนต่างรอคอยคำตอบของเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

สายตาของฉินหมิงจับจ้องอยู่ที่ร่างของกวนเยว่ ในใจรู้สึกมีความสุขราวกับดอกไม้บาน

ทันทีที่เห็นกวนเยว่ เขาก็เข้าใจในทันที!

มิน่าเล่า องค์รัชทายาทถึงไม่เคยแตะต้องเสี่ยวชุ่ยมาหลายปี

ที่แท้ก็มีเทพธิดาตัวจริงรอคอยเขาอยู่นี่เอง!

ภรรยาคนนี้ ต้องเอามาให้ได้!

ต่อหน้าสาธารณชน ฉินหมิงเดินตรงเข้าไป คว้าทวนยาวในมือของกวนเยว่มาถือไว้

เมื่อชูธงใหญ่ของค่ายทหารอู่เวยขึ้น ร่างของฉินหมิงภายใต้แสงอาทิตย์ก็ดูเจิดจ้าจนแสบตา

“คุณหนูตระกูลกวน ข้าจะแต่งกับเจ้า!
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 426

    “ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็รายงานขึ้นไปเถิด แต่ค่ายทหารในมือข้าไม่มีทางมอบให้ราชสำนักเด็ดขาด”คำพูดของพวกเขา อันที่จริงฉินหมิงคาดการณ์ได้นานแล้วแต่ค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงเป็นคนสร้างขึ้นมากับมือไม่ว่าจะเป็นโรงช่าง โรงทอผ้า ร้านขายผ้า หรือโรงผลิตเกลือ ต่างก็เป็นของเขาทั้งสิ้น“ท่านอ๋อง เกรงว่าจะไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”หลี่เหรินโซ่วผู้อยู่ด้านข้างเพิ่งได้ยินฉินหมิงกล่าวตอบ ก็คัดค้านขึ้นทันทีแต่ฟู่เจิ้งเซวียนกลับห้ามเขาไว้“ท่านอ๋อง ท่านจะคิดอย่างไรก็ได้ แต่พวกกระหม่อมจะรายงานต่อราชสำนักตามความเป็นจริงพ่ะย่ะค่ะ”ฟู่เจิ้งเซวียนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับฉินหมิงให้มากความที่พวกเขามาครั้งนี้ก็แค่ทำตามขั้นตอนเท่านั้นส่วนความผิดที่แท้จริงของฉินหมิงนั้น ถูกกำหนดไว้ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงเสียอีก“ย่อมได้”ฉินหมิงพยักหน้าเชื่องช้าระยะนี้ โรงช่างของพวกเขาเดินหน้าผลิตเต็มกำลัง สามารถติดอาวุธให้ทั้งค่ายทหารได้อย่างทั่วถึงแม้แต่จำนวนปืนคาบศิลา ก็มีถึงหนึ่งพันกว่ากระบอกยาเม็ดยิ่งเตรียมไว้นับไม่ถ้วนถ้าราชสำนักมาจริงก็พร้อมสู้นับตั้งแต่ที่ฉินหมิงมาถึงโลกใบนี้ เขาก็ตระหนักดีว่า ไม่ว่ายุคใดสมัยใดควา

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 425

    อีกด้านหนึ่ง ภายในจวนของฉินหมิงหลิ่วเยว่หลีกำลังรายงานตำแหน่งของเหล่าองครักษ์เงา“ท่านอ๋อง ครั้งนี้ตรวจพบสิบกว่าคน พวกเขารวมตัวกันอยู่ที่อำเภอซี ในสังกัดเมืองเฉียนถังเพคะ”“ข้ารู้แล้ว”ฉินหมิงพยักหน้าแช่มช้า จากนั้นจึงเหน็บดาบยาวไว้ข้างเอว ก่อนขี่ม้าตรงไปที่อำเภอซีด้วยตนเองไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าครั้งนี้ ฉินหมิงจะไปกำจัดเหล่าองครักษ์เงาเพียงลำพัง!กลุ่มข่าวกรองของหลิ่วเยว่หลี เพียงระบุตำแหน่งให้เขารู้เท่านั้นการลงมือฉายเดี่ยวของฉินหมิงนั้นทั้งรวดเร็ว แม่นยำ และเด็ดขาด โดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสตั้งตัวสักนิด!ฉินหมิงมีความสามารถถึงขั้นนั้นแล้วแม้การออกกระบวนท่าต่าง ๆ จะยังไม่ชำนาญนัก แต่สิ่งที่เขาขาดในยามนี้ก็คือการฝึกฝน“หวังว่าคู่ซ้อมในวันนี้จะทำให้ข้าพอใจก็แล้วกัน”ขณะนั่งอยู่บนหลังม้า ฉินหมิงก็พึมพำกับตนเองอาศัยพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ฉินหมิงย่อมต่อสู้กับพวกเขาได้อย่างสูสีแม้จะมีเพียงตัวคนเดียว แต่เขาก็สามารถสังหารหมู่กลุ่มคนขนาดเล็กของฝ่ายตรงข้ามได้ถึงสิบกว่ากลุ่มเขาลงมือเพียงลำพัง ไม่มีผู้ใดพบเห็นหรือต่อให้พบเห็น พวกเขาก็คงไม่คิดว่าฉินหมิงผู้ควบม้าอยู่ด้านนอกเพียงลำพ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 424

    พวกเขาล้วนเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักเดิมทีฟางชิงหย่วนก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่หลังถูกลดตำแหน่งมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีอำนาจเหมือนเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งใหญ่อีกต่อไปย่อมทำให้บรรดาเพื่อนขุนนางที่เคยร่วมงานกัน คิดดูแคลนเล็กน้อยประกอบกับจุดยืนของพวกเขาในยามนี้แตกต่างกันขุนนางส่วนใหญ่ล้วนยืนอยู่ข้างเซียวซูเฟย จึงไม่คิดเปิดโอกาสให้ฉินหมิงกับฟางชิงหย่วนได้แข็งข้อส่วนหลี่เหรินโซ่วผู้เป็นถึงรองเจ้ากรมกลาโหม ด้วยความที่กรมกลาโหมมักไปเบิกเงินและเสบียงจากกรมคลังอยู่บ่อยครั้งแต่ฟางชิงหย่วนเป็นคนที่ยึดมั่นในหลักการจึงปฏิเสธคำขอของหลี่เหรินโซ่วเป็นประจำ ทำให้หลี่เหรินโซ่วแค้นฝังใจในเวลานี้เมื่อเห็นเขาตกต่ำ หลี่เหรินโซ่วจึงต้องเข้ามาเหยียบย่ำซ้ำเติมเป็นธรรมดาเมื่อได้ยินคำพูดดูแคลนของอีกฝ่าย บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของฉินหมิงอย่างซ่งติ้งเซิงและหลิวฉ่วง ต่างก็รู้สึกไม่พอใจฟางชิงหย่วนเองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมผู้ใดโดยง่าย จึงกล่าวขึ้นทันที“ใต้เท้าหลี่ หากท่านไม่เข้าใจบัญชีของกรมกลาโหม ก็มากราบข้าเป็นอาจารย์สิ เดี๋ยวข้าสอนท่านเอง”“จะให้ข้ากราบเจ้าเป็นอาจารย์น่ะหรือ?”หลี่เหรินโซ่วเบะปากด้วยคว

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 423

    “รับบัญชาเพคะ!”หลิ่วเยว่หลีพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนหันหลังเตรียมตัวเดินจากไปนางจะนำกลุ่มองครักษ์ลับ ไปสืบหาร่องรอยขององครักษ์เงาเหล่านั้นส่วนฉินหมิง ช่วงนี้คงต้องลบล้างอิทธิพลที่เกิดจากสำนักหลัวให้ได้ก่อนรัตติกาลมาเยือน กวนเยว่ต้มชาโสมถ้วยหนึ่ง นำมาวางลงตรงหน้าฉินหมิงฉินหมิงสวมเสื้อคลุมตัวหนึ่ง นั่งรับลมฤดูใบไม้ร่วงอยู่ในศาลา“หากราชสำนักใช้เรื่องสำนักหลัวเป็นข้ออ้าง นำทัพเข้ามาในหลิ่งหนาน พวกเราจะทำอย่างไร?”กวนเยว่กังวลใจเรื่องค่ายทหารอู่เวยยิ่งนักเนื่องจากนี่คือกองทัพสำคัญที่บิดานางทิ้งไว้ให้ฉินหมิงเคยกล่าวไว้ว่า จะฟื้นฟูมันขึ้นมาใหม่บัดนี้ เขาทำได้แล้ว แต่ก็มีแรงกดดันจากราชสำนักตามมาติด ๆ เช่นกัน“กองทัพเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ราชสำนักจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ รอให้พวกเขาเคลื่อนไหวก่อนค่อยว่ากัน”“อืม”หลายวันต่อมา คณะผู้ตรวจสอบจากราชสำนักก็เดินทางมาถึงหลิ่งหนานคนที่มาในครั้งนี้คือ หัวหน้าผู้ตรวจการฝ่ายซ้ายแห่งสำนักตรวจสอบ ฟู่เจิ้งเซวียนผู้ช่วยของเขาคือรองเจ้ากรมกลาโหม หลี่เหรินโซ่วนอกจากนี้ยังมีลู่เหยียนเหนียนจากกรมทหารม้า เริ่นหลิงอวิ๋นจากกรมโยธาธิการและผู้คน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 422

    ในอดีตครั้งที่เฉินซื่อเม่าอยู่ในราชสำนัก เขายังพอจะกดข่มคำพูดว่าร้ายฉินหมิงจากฝ่ายพระสนมเซียวซูเฟยได้บ้างแต่เมื่อเขาออกมาจากเมืองหลวง พระสนมเซียวซูเฟยและเหล่าขุนนางใต้สังกัดนางก็สบโอกาสลงมือพวกเขาอาศัยจังหวะนี้ เริ่มโจมตีฉินหมิงทันทีเมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนสอบถาม“แล้วศึกทางเหนือเล่า พวกเขาไม่สนใจแล้วหรือ?”“ได้ข่าวว่ายังรบกันอยู่ แต่ฝ่ายต้าเฉียนน่าจะใกล้ขอเจรจาสงบศึกสำเร็จแล้วเพคะ”“เจรจาสงบศึก!?”ฉินหมิงถึงกับตกตะลึงแม้ชนเผ่าทางเหนือจะมีกำลังรบที่แข็งแกร่ง แต่กำลังรบของต้าเฉียนก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น ต้าเฉียนเป็นเพียงฝ่ายตั้งรับรอโต้กลับ แต่บัดนี้กลับคิดยอมจำนนนี่ช่างน่าอัปยศเสียจริงหากเป็นฝ่ายเริ่มขอเจรจาสงบศึก เมื่อถึงเวลาก็ต้องชดใช้ด้วยเงินมหาศาล มิหนำซ้ำอาจต้องยกดินแดนให้อีกฝ่ายต้าเฉียนก่อตั้งประเทศมาหลายชั่วอายุคน ยังไม่เคยปรากฏสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน!“จากการสืบสวนของกองเงาทมิฬ ราชสำนักคงอยากถอนตัวโดยเร็ว เพื่อมาจัดการกับท่านอ๋องเพคะ”หลิ่วเยว่หลีกล่าวถึงการคาดเดาของนางด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและนี่ก็สอดคล้องกับวิธีการทำงานของราช

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 421

    เมื่อเห็นดังนั้น ฉินหมิงก็รีบชักมือกลับทันทีเฉาชวนกับหลิวฉ่วงจึงทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น พลางหอบหายใจหนักหน่วง“สำนักหลัวช่างน่าสะพรึงกลัวโดยแท้!”ยามนี้บนใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงพูดตามตรง พลังลมปราณของฉินหมิงเวลานี้ หากบอกว่าเป็นอันดับสองในใต้หล้า ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าบอกว่าตนเป็นอันดับหนึ่งแล้ว“ท่านอ๋อง กระหม่อมจะไปรวบรวมตำราวรยุทธ์ให้ท่านเองพ่ะย่ะค่ะ!”แม้หลิวฉ่วงจะพ่ายแพ้ให้แก่ฉินหมิง แต่เมื่อฟื้นตัวแล้ว เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้งหากฉินหมิงมีพลังต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ หลังฝึกฝนวรยุทธ์ ก็สามารถขึ้นเป็นยอดแม่ทัพอีกคนหนึ่งของค่ายทหาร และเข้าร่วมสงครามได้อย่างแน่นอนและการค้าขายของพวกเขาขณะนี้ก็เป็นไปด้วยดี กิจการทุกประเภทล้วนได้รับผลกำไรมากมายกระทั่งเงินที่เคยหยิบยืมจากหอการค้าหลิ่งหนาน ก็ชดใช้คืนหมดสิ้นและเมื่อมีเงินแล้ว ก็ซื้อตำราฝึกวรยุทธ์เหล่านั้นได้ไม่มีปัญหา“จะลำบากเช่นนั้นไปไย”ฉางไป๋ซานพลันขวางเขาไว้ และโบกมือเบา ๆจากนั้นก็ชี้ไปที่หน้าผากของตนเองพลางกล่าว“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามาจากที่ใด?”“ตอนแรกที่ข้าติดตามท่านอ๋องนั้น ความจริงก็เพื่อฝึ

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status