แกรก!
เมื่อทนฟังวาจาปรักปรำเหล่านั้นไม่ไหว แพรวพรรณจึงเปิดประตูออกมา
“.....”
“.....”
หญิงสาวทั้งสองหันไปพร้อม ๆ กัน ดวงตาของพวกเธอเบิกโพลงเมื่อเห็นว่าเป็นใครเดินออกมาจากด้านหลัง
“ตกใจเหรอคะที่เป็นฉัน!” ดวงตาวาวโรจน์มองหญิงสาวทั้งสอง ชุดที่พวกเธอสวมใส่ล้วนหรูหราดูแพงแต่วาจากลับต่ำตมสิ้นดี เธอเดินออกมายืนด้านนอก
“อย่าคิดว่าคนอื่นจะนิสัยเหมือนตัวเองสิ” แพรวพรรณพูดต่อ
“อย่าแก้ตัวไปหน่อยเลย” หญิงสาวในชุดเกาะอกสีดำขลับยาวละพื้นพูดอย่างเย้ยหยัน ในน้ำเสียงของเธอก็ยังดูแคลนแพรวพรรณอยู่
“ฉันไม่ได้แก้ตัว อีกอย่างก็ไม่เคยคิดที่จะไปนอนให้ผู้ชายเอาเล่น ๆ แล้วเที่ยวออกมาป่าวประกาศในที่สาธารณะ ให้คนอื่นรับรู้อย่างพวกคุณ ไม่อายกันบ้างหรือคะ”
“นี่แก!”
คำบริภาษของแพรวพรรณทำให้สองสาวโมโห จนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ หนึ่งในนั้นปรี่เข้าหาหมายจะฟาดฝ่ามือบนแก้มเนียน ด้วยความที่ระวังตัวอยู่ก่อนแล้วเธอจึงคว้าข้อมือของหล่อนเอาไว้ได้ทัน
“สันดานคนมองกันจากภายนอกไม่ได้จริง ๆ พวกคุณแต่งตัวดูดีมีชาติตระกูล ใส่เพชรใส่พลอยหรูหรา แต่ทำไมถึงมีความคิดที่ต่ำ ให้ร้ายผู้หญิงด้วยกันได้ถึงขนาดนี้” พูดจบแพรวพรรณก็ผลักหญิงสาวออกห่างจากตัว
“โอ๊ย!” เพราะอยู่บนรองเท้าขนาดสูง จึงทำให้เสียหลักจนเกือบล้ม ดีมีเพื่อนประคองไว้ด้านหลัง
ด้วยจำนวนของอีกฝ่ายมีมากกว่า บวกกับความโมโหทำให้แพรวพรรณเลือกใช้สิ่งของที่อยู่ต่ำสุดมาเป็นอาวุธ รองเท้าส้นสูงขนาดสามนิ้ว ถูกเจ้าของถอดออกมาถือไว้ในมือ
“จะแลกกับที่ฉันถืออยู่ก็เข้ามา” เนื้อตัวของเธอสั่นเทิ้ม เพราะไม่เคยเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อนแต่สถานการณ์ได้บังคับให้ต้องสู้
“แกออกไปกันเถอะฉันว่าไม่คุ้มหรอก”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาจริงหญิงสาวทั้งสองจึงล่าถอยออกมา
แพรวพรรณวางรองเท้าลงพื้น เรี่ยวแรงเมื่อครู่ได้หายไปหมด
“มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับฉันกันเนี่ย ทำไมถึงมีแต่เรื่อง ฉันเกลียดคุณเกลียดที่สุดเลยคุณณภัทร!”
มาถึงช่วงท้ายของงาน แขกบางรายทยอยกลับกันไปบ้างแล้ว การแสดงผลงานครั้งนี้ถือได้ว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก สำหรับตำแหน่งนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่พึ่งขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานบริษัทอย่างณภัทร
“ภัทรเห็นแพรวไหม” พอมองหาหญิงสาวจนทั่วทั้งงานแล้วแต่ไม่เจอ เจตจึงเดินมาถามณภัทรที่ยืนอยู่กับเพื่อนอีกสองคน
“กลับบ้านไปแล้วมั้ง” ณภัทรตอบเจตเสียงเรียบ
เมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่ได้สนใจไยดีของณภัทร ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังทำเป็นหวงแหนแพรวพรรณอยู่เลย
“ไอ้ภัทรกูถามหน่อย มึงกับแพรวรู้จักกันมาก่อนเหรอ” เจตตัดสินใจถามในสิ่งที่ค้างคาใจมาตลอด
“.....”
แต่สิ่งที่ได้รับก็ยังเป็นความเงียบ
“ถ้าไม่อยากมีปัญหากับมัน ผู้หญิงคนนี้มึงต้องปล่อย!” ธาดาตอบแทน เพราะดูจากสถานการณ์แล้ว ณภัทรคงจะไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมาแน่
“ทำไมวะ มีอะไรที่พวกมึงยังไม่ได้บอกกูงั้นเหรอ” เจตหันไปมองเพื่อนอีกสองคน
“เธอคือลูกสาวของคนที่ทำให้พ่อไอ้ภัทรตรอมใจไง” ทิวตอบคำถามของเจตแทนณภัทรอีกคน
“ว่าไงนะ! พวกมึงพูดอะไร แพรวจบมาจากมหาลัยการแสดง แล้วยังสนิทกับอากูด้วย เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”
คิ้วเข้มขมวดจรดกัน ยังไม่เชื่อในคำพูดของเพื่อนทั้งสอง เพราะถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้นจริง ทำไมแพรวพรรณถึงต้องมาเป็นครูสอนพิเศษ แทนที่จะไปทำงานในบริษัทของตนเอง
“จริง!” ณภัทรหันมาตอบด้วยตัวเองเสียงแข็งกร้าว นัยน์ตาคมฉายแววกรุ่นโกรธแลดูน่ากลัว
แพรวพรรณมุ่งหน้ามาทางลิฟต์ กดปุ่มลงไปชั้นล่าง เป้าหมายของเธอคือกลับบ้าน ไม่มีทางจะย้อนกลับเข้าไปในงานอีกเป็นแน่ ในเมื่อรู้ถึงจุดประสงค์ของณภัทรแล้ว
“คุณมันเลวจริง ๆ” น้ำเสียงโกรธขึ้งเปล่งออกมา
ติ้ง!
ข้อความมือถือของณภัทรดังขึ้น เขาล้วงมือเข้าไปหยิบเครื่องมือสื่อสารยี่ห้อหรูออกมาจากกระเป๋ากางเกง นิ้วเรียวยาวกดเข้าไปดู
ครรชิต: คุณแพรวพรรณลงมาที่ลานจอดรถครับนาย
ณภัทร: ตามเธอไปอย่าให้คลาดสายตา
ตอบกลับเสร็จสรรพริมฝีปากหยักหนาก็กระตุกยกยิ้มขึ้นอย่างมาดร้าย
‘ร้ายไม่เบา’
ชายหนุ่มไม่คิดว่าเธอจะกล้าทำแบบนี้ ทั้งที่ก็ได้เตือนไปหลายรอบแล้ว
การยื้ออีกคนไว้ด้วยเครื่องช่วยหายใจเป็นการรั้งแสนเจ็บปวดที่สุด เธออยากให้เขาไปอย่างสงบถึงแม้จะจากกันไกลแสนไกลไม่อาจหวนกลับมาพบกันได้อีก ทว่าความรักและผูกพันก็ยังคงอยู่เสมอ“ฮึก ฮือออ พ่อ⁓ พ่อ ฮือ...”แพรวพรรณยอมรับในการตัดสินใจของผู้เป็นแม่ก็จริงแต่ก็ยากจะหักห้ามความเสียใจอย่างอาดูรนี้ได้ เสียงร่ำร้องปานจะขาดใจเรียกพ่อซ้ำ ๆ อย่างน่าเวทนา!เช่นเดียวกับเกวรินไม่อาจทนเห็นการจากไปของพี่ชายได้ หญิงสาวกุมมือสั่นเทาไว้อีกชั้นต่อจากนั้นแพรวพราวก็พยักหน้าให้กับหมอหนุ่ม ให้เขาหยุดการทำงานของเครื่องมือซึ่งกำลังยื้อไพศาลเอาไว้ชานเดินไปยังเครื่องสีขาวอยู่ข้างเตียง ทันทีที่นิ้วยาวกดลงปุ่มสีแดง เส้นกราฟเลื่อนสลับขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอก็ค่อย ๆ บางเบาไปเรื่อยจนกระทั่งเหลือเพียงเส้นตรงเป็นแนวยาวตี๊ดดดดดด.....‘สิ้นสุดการยื้อชีวิตของ นายไพศาล วีรกุล นักธุรกิจผู้มากความสามารถในเวลา 09:17 นาฬิกา’ไม่มีร่มโพธิ์ร่มไทรให้คอยพักพิง ไม่มีเสียงขับกล่อมปลอบโยนยามลูกสาวร้องไห้จ้า ไม่มีอ้อมกอดแสนอบอุ่นจากวงแขนกว้างของผู้เป็นพ่ออีกต่อไป แพรวพรรณทรุดลงข้างเตียงไร้เรี่ยวแรงจะพยุงให้ยืนหยัดอีกต่อไป!!หนึ่งเดือนต่
ICUภายในห้องสีขาวสะอาดตาบนเตียงขนาดกว้างมีชายวัยกลางคนนอนนิ่งไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดรอบตัวเต็มไปด้วยสายระโยงระยาง ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอก็ล้วนมาจากเครื่องช่วยหายใจเท่านั้นแพรวพราว เกวรินและแพรวพรรณยืนมองผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวด้วยความเศร้าโศกเสียใจน้ำตาไม่มีโอกาสได้หายไปจากดวงตาของพวกเธอเลย นับตั้งแต่ไพศาลเข้ารับการรักษามาตลอดหลายคืน“ผมช่วยอย่างเต็มที่แล้วครับแต่พี่ไพศาลไม่สู้ไปพร้อมกับเราแล้ว” หมอหนุ่มบอกกับญาติของคนไข้ด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกช่วงที่ผ่านมาชานรู้ว่าคนป่วยสู้กับโรคร้ายนี้มากแค่ไหน ทว่าแค่จิตใจอย่างเดียวยากเกินกว่าจะยับยั้งเมื่อความเครียดเข้ามามีบทบาทอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ก็เกิดขึ้นอย่างง่ายดาย จึงเป็นเหตุให้เขาทรุดลงอย่างรวดเร็ว“อย่างที่ผมบอกไปครับ พี่ไพศาลอยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจ อวัยวะส่วนอื่นไม่ตอบสนองในการรักษา อยู่ที่การตัดสินใจของพี่พราวแล้วก็แพรวแล้วล่ะครับ” ในช่วงท้ายหมอหนุ่มได้หันไปหาเพื่อนสาว“ผมขอโทษที่ต้องบอกตรง ๆ ถ้าอยากจะทำใจก่อน ผมก็จะยังไม่ถอดเครื่องช่วยหายใจนี้ออก แต่ถ้าหากว่าต้องการให้พี่ไพศาลไปอย่างสงบ ผมก็จะหยุดการทำงานเครื่องนี้ทันทีครับ”ว
เกวรินกล้ำกลืนกลั้นก้อนสะอื้นที่มันอัดแน่นจุกอยู่ข้างในเอาไว้อย่างสุดฤทธิ์แล้วความเงียบก็เกิดขึ้นชั่วขณะแพรวพรรณยืนนิ่งค้างไม่ไหวติงราวกับเป็นหุ่นยนต์ ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยอาการช็อก แม้จะมีอุ้งมือใหญ่บีบกระชับก็ไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกถึงความห่วงใยที่เขาส่งมาให้เลยหยาดน้ำตาค่อย ๆ หลั่งไหลยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนราวกับเปิดก๊อก สายตาพร่ามัวหันไปยังประตูบานใหญ่ด้วยความรู้สึกปวดร้าวเกินจะบรรยายตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้เป็นพ่อมักจะบอกว่าเอางานกลับมาทำเพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศของการทำงานและเห็นว่าท่านก็มีความสุขเมื่อได้ทำอยู่ที่นั่น“ฮึก ๆ พ่อ ฮึก เป็นมะเร็งอย่างนั้นเหรอคะ” เสียงสะอื้นร้องไห้ขาดห้วงเป็นระยะเอ่ยถามออกมาปานจะขาดใจเป็นภาพน่าเวทนาเหลือเกินตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเลยสักครั้งที่แพรวพรรณ ผู้ถูกฟูมฟักเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีจะร้องไห้ฟูมฟายได้มากมายขนาดนี้“ใช่ พ่อเป็นมะเร็งมาระยะหนึ่งแล้ว ที่ไม่ได้บอกลูกก็เพราะว่าท่านขอไว้” แพรวพราวบอกความจริงกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกลัวว่าหากพูดดังจะทำให้อีกคนแตกสลายไปมากกว่านี้ด้วยความโศกเศร้าเสียใจจนไม่สามารถยืนด้วยขาของตนเองได้ร่างบอบบางซวนเซเข้าหา
โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งแพรวพรรณสับขาเร่งจังหวะการเดินให้ถี่ขึ้น จากลานจอดมายังห้องฉุกเฉินด้วยความเร่งรีบเพื่อให้ถึงที่หมายโดยเร็วก่อนหน้านี้ก็ไม่แม้จะเช็กความเรียบร้อยในการแต่งกายหยิบเสื้อตัวไหนได้ก็สวมใส่ลวก ๆ ก่อนจะออกมา ยังเป็นแฟนหนุ่มที่คอยเตือนสติว่าควรสวมเสื้อคลุมทับมาด้วยจนกระทั่งมาถึงหน้าห้องฉุกเฉินก้อนสะอื้นกักเก็บเอาไว้ก็ตีขึ้นมาอีกครั้ง เธอคลายมือออกจากณภัทรแล้วเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่และอาสาวด้วยความร้อนใจ“แม่ อาเกศ พ่อเป็นอะไรคะ” เสียงสั่นเครือเอ่ยถามบุคคลทั้งสอง ดวงตากลมโตผ่านการร้องไห้มาก่อนแดงช้ำจนแลดูน่าสงสารมองใบหน้าอิดโรยของผู้ใหญ่ทั้งสองแพรวพราวเดินเข้ามาใกล้ด้วยหัวใจอันบอบช้ำไม่แพ้กัน ร่างสั่นไหวโผล่เข้าหาบุตรสาวโอบกอดแก้วตาดวงใจไว้แนบอก“พ่อล้ม...แล้วหัวใจก็หยุดเต้นไปตอนสี่ทุ่ม” เสียงสั่นตอบลูกสาวแผ่วเบาคำตอบของผู้เป็นแม่ทำหัวสมองขาวโพลนและอื้ออึง เนื้อตัวสั่นเทาอยู่ภายใต้อ้อมกอดรัดแน่น“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้คะ” เสียงแผ่วเบาไร้น้ำหนักเอ่ยถาม ดวงตาสั่นระริกมองไปยังผู้เป็นอาซึ่งไม่ได้หันมาในทิศทางของตนเองกับแม่“อาเกศ”เกวรินเลื่อนสายตากลับมาหาสองแม่ลู
อกอวบใหญ่ถูกครอบครอง ลิ้นสากดุนยอดดอกบัวแสนสวยอย่างเมามัน“อื้อ พี่ภัทร อ๊า”เสียงหวานครวญครางด้วยความวาบหวิว ดวงตาหลับพริ้มรับสัมผัสแสนรัญจวนใจอย่างมีความสุข มือเล็กโอบกอดแฟนหนุ่มลูบไล้ครูดปลายนิ้วบนแผ่นหลังกว้าง“อื้ม” ณภัทรครางรับในลำคอแหบห้าวไฟสวาทลุกโชนแผดเผาร่างกายกำลังเสียดสีกันอย่างร้อนแรง ชายหนุ่มจับขาเรียวยกขึ้นสูงกดเอวสอบเข้าชิดดอกไม้เบ่งบานสะพรั่ง“พี่เข้าไปตอนนี้เลยได้ไหม พี่ต้องการแพรวเหลือเกิน” ณภัทรกระซิบเสียงสั่นพร่า“แพรวก็ต้องการพี่ค่ะ”ไม่รอช้าเมื่อแฟนสาวเองก็เรียกร้อง ณภัทรกดแท่งเนื้อเข้าไปในปากทางรักฉ่ำแฉะเนิบนาบลำท่อนแข็งแกร่งสอดสวมเข้าลึกจนสุดโคน บดเอวเน้นจุดอ่อนไหวสร้างความเสียดเสียวซาบซ่านให้คนใต้อาณัติ“อ่า พี่ภัทร แพรวเสียว พี่เข้าลึกไปแล้ว” ปากบอกอย่างห้ามปราม ทว่าสะโพกบางกลับขยับส่ายเร่าด้วยความรัญจวนใจเมื่อเพลิงอารมณ์แห่งแรงราคะแล่นปราดทั่วร่างกาย“แพรวตอดพี่ถี่ยิบเลย ซี้ดดด”เอวสอบขยับแท่งเนื้อเข้าออกโพรงนุ่มเร็วขึ้น ณภัทรกอดรัดคนรักแนบเข้าลำตัว ป้อนจูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม“อ๊ะ พี่ภัทร อ๊ะ อ๊า”“ซี้ด แพรว ซี้ดด”บทรักแสนบ้าคลั่งดังขึ้นถี่ยิบเสียงเนื้
แพรวพรรณเดินตรงไปยังอ่างใบใหญ่ หมุนเปิดน้ำไหลลงสู่พื้นสีขาว หย่อนตัวลงนั่งบริเวณขอบแข็งมือเล็กจุ่มลงแกว่งเล่นไปมาภายในหัวก็หวนกลับไปนึกถึงเรื่องที่เพื่อนสาวกล่าวมาทั้งหมดดวงตากลมโตทิ้งอยู่กับระดับน้ำค่อย ๆ เพิ่มขึ้นมาเรื่อย อุณหภูมิกำลังพอดีทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้มากทีเดียว ริมฝีปากอวบอิ่มจึงยกยิ้มพอนึกไปถึงคนอยู่ด้านนอกความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขารุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานณภัทรกลายเป็นคนรู้ทุกความเคลื่อนไหวของตนเองเป็นอย่างดีไปเสียแล้วในระหว่างกำลังตกอยู่ในห้วงของความคิด พลันร่างบอบบางก็สะดุ้งตกใจ จากวงแขนกว้างเข้ามาโอบอยู่รอบเอว จูบนุ่มนวลก็สัมผัสแก้มนุ่มแพรวพรรณเอียงหน้าหันไปมองค้อนแฟนหนุ่มที่เข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง“ตกใจหมดเลย”“นั่งเหม่อคิดถึงใครอยู่เหรอ หื้ม” เสียงทุ้มกระซิบถามข้างซอกคอขาวแพรวพรรณส่ายสายตามองคนเปลี่ยนชุดมาแล้วเรียบร้อย ร่างสูงมีเพียงผ้าขนหนูพันเอวสอบจากนั้นก็เลื่อนขึ้นมาสบตากับนัยน์ตาคม ส่งยิ้มมาให้อย่างออดอ้อนแฟนหนุ่มค่อนข้างติดสกินชิพเมื่ออยู่กันตามลำพัง ประเดี๋ยวกอด เดี๋ยวจูบคลอเคลียข้างกายอย่างเช่นตอนนี้“คิดอะไรไปเรื่อยค่ะ น้ำเต็มพอดีลงไปแช่เลย