การเดินทางกลับสู่เมืองหลวงนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด อลิซในร่างของเซเรน่าและคล้าวเดินทางอย่างระมัดระวังที่สุด พวกเขาเลือกใช้เส้นทางที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน หลีกเลี่ยงเมืองใหญ่และจุดตรวจของทหาร แม้จะต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่าปกติ แต่ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้
ระหว่างทาง อลิซได้ใช้เวลาพูดคุยกับคล้าวมากขึ้น เธอพยายามทำความเข้าใจโลกนี้ให้ลึกซึ้งกว่าแค่สิ่งที่นิยายบรรยายไว้ คล้าวเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับระบบชนชั้นของอาณาจักร ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน การเก็บภาษีที่สูงเกินจริง และความไม่พอใจที่เริ่มก่อตัวขึ้นเงียบๆ ในหมู่ประชาชน ซึ่งล้วนเป็นผลมาจากนโยบายที่บีบคั้นของมหาเสนาบดีซิลเวสเตอร์
“ซิลเวสเตอร์กำลังทำลายอาณาจักรนี้จากภายใน” คล้าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เขาบิดเบือนกฎหมาย กดขี่ประชาชน และพยายามควบคุมทุกอย่างในวังหลวง”
อลิซพยักหน้าเห็นด้วย นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เธอต้องหยุดซิลเวสเตอร์ให้ได้ ไม่ใช่แค่เพื่อช่วยเจ้าหญิงเอลิเซียและล้างมลทินให้ตัวเอง แต่เพื่ออนาคตของอาณาจักรนี้ด้วย
ในวันที่สามของการเดินทาง ขณะที่พวกเขากำลังผ่านป่าทึบแห่งหนึ่ง คล้าวพลันหยุดชะงัก สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที
“มีอะไรคะคุณคล้าว?” อลิซถามอย่างกังวล
“เราโดนสะกดรอยตาม” คล้าวตอบเสียงเรียบ แต่ดวงตาของเขากลับคมกริบ “น่าจะเป็นคนของซิลเวสเตอร์”
อลิซรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว เธอรู้ว่าซิลเวสเตอร์ไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้เซเรน่าหายตัวไปเฉยๆ โดยไม่สืบหา ความรู้จากนิยายทำให้เธอตระหนักว่าซิลเวสเตอร์มีนักเวทสายลับที่เชี่ยวชาญในการติดตามและลอบสังหาร
“เราต้องหลบไปทางนี้” คล้าวชี้ไปทางพุ่มไม้หนาทึบที่ดูรกทึบกว่าปกติ “มันเป็นทางลัดที่ผมใช้เมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนที่หาของป่า”
พวกเขารีบวิ่งเข้าไปในพุ่มไม้นั้น คล้าวใช้กิ่งไม้และใบไม้บดบังร่องรอยอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าที่ไล่ตามมาดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หัวใจ ของอลิซเต้นระรัว
“อยู่นิ่งๆ นะครับคุณเซเรน่า” คล้าวกระซิบเบาๆ
ไม่นานนัก เงาร่างของชายฉกรรจ์ชุดดำสามคนก็ปรากฏขึ้น พวกเขาสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า และถือมีดสั้นเล่มยาวในมือ นี่คือหน่วยลอบสังหารของซิลเวสเตอร์ที่อลิซเคยอ่านเจอในนิยาย! พวกเขามีความสามารถในการพรางตัวและเคลื่อนที่เงียบเชียบ
“หายไปไหน?” หนึ่งในนักฆ่ากระซิบ “เมื่อกี้ยังได้กลิ่นอยู่ตรงนี้เลย”
อีกคนหนึ่งใช้มือแตะพื้นดิน พลันมีแสงสีเขียวอ่อนเรืองขึ้นจากมือของเขา เขากำลังใช้เวทมนตร์ติดตามร่องรอย อลิซรู้ว่านี่คือเวทมนตร์ติดตามรอยเท้าขั้นสูงที่นักเวทของซิลเวสเตอร์ใช้
“ทางนี้!” นักฆ่าคนนั้นเอ่ยขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงร่องรอยที่จางมากๆ ของพวกเขา
คล้าวรู้ว่าไม่สามารถหลบซ่อนได้นาน เขาตัดสินใจลงมือก่อนที่ศัตรูจะเข้าประชิดตัว คล้าวพุ่งตัวออกจากที่ซ่อนอย่างรวดเร็วราวกับเงา เขาใช้ดาบในมือฟันเข้าใส่นักฆ่าคนแรกอย่างรวดเร็ว นักฆ่าคนนั้นไม่ทันตั้งตัว ล้มลงไปพร้อมกับเสียงร้องที่ถูกกลืนหายไปในลำคอ
นักฆ่าที่เหลืออีกสองคนตกใจกับการจู่โจมที่รวดเร็วของคล้าว พวกเขารีบง้างมีดสั้นเตรียมเข้าต่อสู้ แต่คล้าวก็เร็วกว่า เขาปล่อยพลังเวทมนตร์ธาตุพฤกษาเข้าใส่ต้นไม้ใกล้ๆ ต้นไม้พลันงอกรากออกมาพันธนาการนักฆ่าคนหนึ่งไว้ ส่วนอีกคนหนึ่งถูกคล้าวเข้าประชิดตัวและปลดอาวุธได้อย่างง่ายดาย
อลิซมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง คล้าวแข็งแกร่งและมีฝีมือมากกว่าที่เธอคิดไว้มากจริงๆ
“คุณคล้าวเก่งมากค่ะ!” อลิซเอ่ยด้วยความชื่นชม
คล้าวหันมายิ้มให้เธอเล็กน้อย “ฝึกมานานแล้วครับคุณเซเรน่า” เขาเดินเข้าไปปลดนักฆ่าที่ถูกรากไม้พันธนาการไว้ แล้วจับทั้งสองคนมัดรวมกันไว้กับต้นไม้
“เราต้องรีบไปต่อครับ” คล้าวกล่าว “ซิลเวสเตอร์คงจะส่งคนมาอีกแน่ๆ”
อลิซพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้เธอตระหนักว่าการเดินทางกลับเมืองหลวงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และอันตรายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
พวกเขาเดินทางต่อไปด้วยความระมัดระวังที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว อลิซรู้ว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของการต่อสู้ที่แท้จริง และเส้นทางสู่การเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของอาณาจักรยังอีกยาวไกล
ความเงียบเข้าปกคลุมโถงจัดเลี้ยงทันทีที่คล้าวเอ่ยประโยคนั้น ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขาและอลิซ ซิลเวสเตอร์เองก็ชะงักไปเล็กน้อย ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ แต่ก็ยังคงแฝงไว้ด้วยความเยือกเย็น"บังอาจ! เจ้าเป็นใครถึงกล้ามากล่าวหาข้าในที่แห่งนี้!" ซิลเวสเตอร์ตะโกนเสียงกร้าว "ทหาร! จับตัวพวกมัน!"แต่ก่อนที่ทหารองครักษ์จะก้าวเข้ามา เจ้าชายคาเลบที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็ก้าวออกมาข้างหน้าทันที แววตาของเขาคมกริบและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น"เดี๋ยวก่อน!" เจ้าชายคาเลบออกคำสั่งเสียงดังก้อง "ท่านมหาเสนาบดี! การกล่าวหาเช่นนี้ไม่อาจมองข้ามได้! เราควรให้โอกาสพวกเขาได้ชี้แจงความจริง"ซิลเวสเตอร์มองเจ้าชายคาเลบอย่างไม่พอใจ แต่ก็จำใจพยักหน้า เพราะไม่อยากสร้างความขัดแย้งกับเจ้าชายต่อหน้าสาธารณะชนมากไปกว่านี้"เอาล่ะ! ถ้าพวกเจ้าคิดจะกล่าวหาข้า ก็จงแสดงหลักฐานมาให้ทุกคนเห็น!" ซิลเวสเตอร์ท้าทาย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจว่าไม่มีใครหาหลักฐานใดๆ มาเล่นงานเขาได้คล้าวส่งจดหมายลับในมือให้อลิซ อลิซรับจดหมายมาด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย แต่เธอก็รวบรวมสติและก้าวขึ้นไปยืนข้างๆ คล้าวต่อหน้าทุกคน เธอเปิดจดหมายออก และเริ่มอ่านเนื้อ
แสงเทียนระยิบระยับส่องสว่างไปทั่วโถงจัดเลี้ยงอันโอ่อ่าของวังหลวง เสียงดนตรีบรรเลงคลอเบาๆ ผู้คนในชุดหรูหราเดินไปมาอย่างสง่างาม จิบไวน์และสนทนากันอย่างออกรส ราวกับไม่มีเรื่องร้ายใดๆ เกิดขึ้นเบื้องหลังฉากหน้าอันงดงามนี้อลิซในชุดผ้าไหมสีเข้มเรียบๆ แต่ดูมีรสนิยม ซึ่งคล้าวหามาให้จากร้านค้าลับในเมืองหลวง เธอใช้ผ้าคลุมผมสีเข้มปิดบังใบหน้าบางส่วน และคล้าวเองก็สวมชุดพ่อค้าผ้าเนื้อดีที่ดูสุภาพ เธอพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับแขกคนอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นขุนนางระดับล่างหรือพ่อค้าผู้มั่งคั่ง เธอแอบซ่อนดอกไม้รัตติกาลไว้ในช่องลับของชุดอย่างมิดชิด"จำไว้นะครับคุณเซเรน่า เราต้องหาโอกาสที่ซิลเวสเตอร์อยู่ต่อหน้าสาธารณะชนมากที่สุด" คล้าวเอ่ยเสียงเบาขณะที่เดินนำอลิซเข้าไปในงาน "ยิ่งมีพยานมากเท่าไหร่ แผนการของเราก็ยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้นเท่านั้น"อลิซพยักหน้า เธอพยายามรวบรวมสติและสวมบทบาทให้แนบเนียนที่สุด เธอเป็นเลดี้เซเรน่าผู้ที่กำลังจะถูกปรักปรำ และเธอกำลังจะพลิกชะตากรรมของตัวเองพวกเขาเดินสำรวจไปรอบๆ โถงจัดเลี้ยง อลิซมองหาบุคคลสำคัญจากในนิยาย เธอเห็น เจ้าหญิงเอลิเซีย ในชุดราตรีสีขาวบริสุทธิ์ยืนอยู่กับกลุ่มสุภาพสต
หลังจากเหตุการณ์ปะทะกับนักฆ่าของซิลเวสเตอร์ อลิซและคล้าวก็เดินทางด้วยความระมัดระวังสูงสุด พวกเขาหลีกเลี่ยงถนนสายหลักและเลือกใช้เส้นทางที่ซับซ้อนและลับตาคนมากขึ้น แม้จะทำให้การเดินทางช้าลง แต่ก็ปลอดภัยกว่ามากตลอดเส้นทาง อลิซได้ใช้เวลาเรียนรู้จากคล้าวเกี่ยวกับโลกนี้มากขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง แต่รวมถึงวิถีชีวิตของผู้คน วัฒนธรรม และความเชื่อต่างๆ คล้าวสอนวิธีเอาตัวรอดในป่า การอ่านแผนที่จากดวงดาว และแม้แต่การใช้สมุนไพรพื้นบ้านบางชนิด สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เลดี้เซเรน่าตัวจริงไม่มีวันได้เรียนรู้"คุณคล้าว... คุณดูมีความรู้รอบด้านจริงๆ นะคะ" อลิซเอ่ยชมขณะที่พวกเขากำลังพักทานอาหารง่ายๆ ริมลำธารคล้าวเพียงยิ้มเล็กน้อย "ผมใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ข้างนอกครับคุณเซเรน่า การได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงมันมีค่ามากกว่าการอ่านจากตำรามากนัก" เขาหยุดชั่วครู่แล้วมองไปที่ดอกไม้รัตติกาลที่อลิซห่อเก็บไว้อย่างดี "ตอนนี้เราก็ใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้วนะครับ คุณมั่นใจไหมว่าแผนการของเราจะสำเร็จ?"อลิซมองไปที่ดอกไม้รัตติกาลในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคล้าวด้วยแววตาที่มุ่งมั่น "ฉันไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกค่ะค
การเดินทางกลับสู่เมืองหลวงนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด อลิซในร่างของเซเรน่าและคล้าวเดินทางอย่างระมัดระวังที่สุด พวกเขาเลือกใช้เส้นทางที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน หลีกเลี่ยงเมืองใหญ่และจุดตรวจของทหาร แม้จะต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่าปกติ แต่ความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ระหว่างทาง อลิซได้ใช้เวลาพูดคุยกับคล้าวมากขึ้น เธอพยายามทำความเข้าใจโลกนี้ให้ลึกซึ้งกว่าแค่สิ่งที่นิยายบรรยายไว้ คล้าวเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับระบบชนชั้นของอาณาจักร ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน การเก็บภาษีที่สูงเกินจริง และความไม่พอใจที่เริ่มก่อตัวขึ้นเงียบๆ ในหมู่ประชาชน ซึ่งล้วนเป็นผลมาจากนโยบายที่บีบคั้นของมหาเสนาบดีซิลเวสเตอร์“ซิลเวสเตอร์กำลังทำลายอาณาจักรนี้จากภายใน” คล้าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เขาบิดเบือนกฎหมาย กดขี่ประชาชน และพยายามควบคุมทุกอย่างในวังหลวง”อลิซพยักหน้าเห็นด้วย นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เธอต้องหยุดซิลเวสเตอร์ให้ได้ ไม่ใช่แค่เพื่อช่วยเจ้าหญิงเอลิเซียและล้างมลทินให้ตัวเอง แต่เพื่ออนาคตของอาณาจักรนี้ด้วยในวันที่สามของการเดินทาง ขณะที่พวกเขากำลังผ่านป่าทึบแห่งหนึ่ง คล้าวพลันหยุดชะงัก สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็
หลังจากความจริงเบื้องหลังตัวตนของคล้าวได้ถูกเปิดเผย และดอกไม้รัตติกาลอันล้ำค่าก็อยู่ในมือของพวกเขาแล้ว อลิซและคล้าวก็ตัดสินใจที่จะไม่รอช้า พวกเขาพากันออกจากถ้ำในตำนาน พร้อมด้วยความมุ่งมั่นที่จะกลับไปยังเมืองหลวงเพื่อเปิดโปงมหาเสนาบดีซิลเวสเตอร์และช่วยเหลือเจ้าหญิงเอลิเซีย“เราต้องวางแผนให้ดีค่ะคุณคล้าว” อลิซเริ่มเอ่ยขึ้นขณะที่พวกเขากำลังเดินทางกลับ “ซิลเวสเตอร์ไม่ได้เป็นแค่คนธรรมดา เขามีเครือข่ายอำนาจที่แข็งแกร่ง และมีกำลังทหารในมือ”คล้าวพยักหน้า สีหน้าของเขาจริงจังขึ้น “ผมเองก็มีคนของผมอยู่บ้าง แต่ก็คงไม่มากพอที่จะเผชิญหน้ากับซิลเวสเตอร์ได้ตรงๆ” เขามองไปที่ดอกไม้รัตติกาลในมือของอลิซ “เราจะใช้พลังของดอกไม้นี้ยังไงครับ?”“ในนิยายไม่ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้งานดอกไม้นี้โดยตรงค่ะ” อลิซตอบ “แต่ระบุว่ามันสามารถชำระล้างความชั่วร้ายได้ และเป็นยาอายุวัฒนะ บางทีมันอาจจะไม่ได้หมายถึงการใช้เพื่อโจมตีโดยตรง แต่อาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดเผยความจริง หรือใช้รักษาคนที่ถูกซิลเวสเตอร์ทำร้าย”อลิซเริ่มประมวลผลข้อมูลในหัวของเธออีกครั้ง เธอต้องใช้ความรู้จากนิยายผสมผสานกับสถานการณ์จริงให้มากที่สุด
เงาที่เคลื่อนไหวในมุมมืดของโถงถ้ำค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แสงสีฟ้าอ่อนจากดอกไม้รัตติกาลทำให้เงามืดนั้นดูบิดเบี้ยวและน่าขนลุก เสียงกระซิบที่ไม่เป็นภาษาดังชัดเจนขึ้น มันไม่ใช่เสียงกระซิบของมนุษย์ แต่เป็นเสียงที่ฟังดูเก่าแก่และเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น อลิซกำตะเกียงในมือแน่น หัวใจของเธอเต้นระรัวราวกับกลองรบคล้าวขยับตัวมายืนบังอลิซไว้เล็กน้อย มือของเขาจับด้ามดาบที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อคลุมอย่างมั่นคง ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังเงานั้นอย่างไม่กะพริบ เขาเป็นคนคุ้นเคยกับป่าและอันตรายที่ซ่อนอยู่ในนั้น แต่ความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากเงามืดนี้ มันแตกต่างออกไป มันไม่ใช่สัตว์ป่าธรรมดา“คุณคล้าวระวังค่ะ” อลิซกระซิบเตือนพลางนึกถึงนิยายที่ได้อ่านมา‘ในนิยายไม่ได้บอกว่ามีอะไรอยู่ในถ้ำนี้ แต่ถ้าเป็นดอกไม้รัตติกาล…’ก่อนที่อลิซจะคิดจบ เงาสีดำก็พุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างรวดเร็ว มันมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่สูงใหญ่กว่า และมีดวงตาสีแดงฉานเรืองรองในความมืด อลิซรู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตทั่วไป มันคือวิญญาณหรือภูตผีที่เฝ้าสมบัติคล้าวชักดาบออกมาทันที แสงคมกริบของดาบสะท้อนกับแสงสีฟ้าของดอกไม้รัตติกาล เขาปัดป้อง