เสียงสะอื้นแผ่วเบาดังขึ้นอีกครั้งในห้องนั่งเล่น
“อึก... อึก... อึก...”
รามยืนพิงผนังมองหญิงสาวที่นั่งกอดเข่าอยู่ตรงโซฟา ความรู้สึกปนเปกันในสายตาเขา ทั้งสงสาร ทั้งปลง และก็เหนื่อยใจ
“อยากตายรึไง...” เขาถามเสียงต่ำ
“ตายได้ก็ดี...” เธอตอบกลับด้วยเสียงอ้อแอ้ ริมฝีปากยังคงมีกลิ่นเบียร์ติดอยู่ชัดเจน
หลังจากได้นอนพักสักหน่อย อาการเมาของเธอดูจะเริ่มทุเลาลง แต่ความเสียใจกลับไม่ได้จางหายไปตามสติที่เริ่มกลับคืนมา เธอแค่ต้องการดื่ม ดื่มให้ลืมเรื่องแย่ ๆ ดื่มเพื่อฆ่าความทรงจำทั้งหมดที่มีเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น
ริรินเหลือบมองกระป๋องเบียร์ที่วางกองอยู่บนโต๊ะ — หลักฐานความพยายามลืมใครบางคนที่แสนจะน่าสมเพช
“เห้อ...”
เสียงถอนหายใจของรามดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะหมุนตัวเดินหายเข้าไปในห้อง ปล่อยให้เธออยู่ในความเงียบอย่างตั้งใจ
เธอกอดเข่าตัวเองแน่น ร่างกายหดเล็กเหมือนอยากหายเข้าไปในเบาะ โซฟากลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยหนึ่งเดียวในค่ำคืนนี้ที่เธอพอจะเกาะเกี่ยวได้
น้ำตาเริ่มไหลอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกมันพังทลายลงเหมือนตึกสูงที่ถล่มลงมาทับหัวใจของเธอจนแหลกไม่มีชิ้นดี
“ฮื่ออออ แงงงง...”
ทำไมต้องเป็นเธอ? ทำไมผู้ชายอย่างเจมส์ถึงเลือกหลอกเธอ ทั้ง ๆ ที่เธอรักเขาแทบทั้งหัวใจ แล้วเขาล่ะ รักเธอจริงบ้างมั้ย หรือทั้งหมดมันก็แค่เกมลวงจากผู้ชายเลวทรามคนหนึ่ง
เบียร์ที่เคยคิดว่าอร่อย กลับรสชาติแย่จนกลืนไม่ลงเมื่อดื่มเพียงลำพัง
“ไอ้เจมส์... ไอ้สารเลว... ถ้าได้เจอหน้าอีกที ฉันจะหยุมหัวแกให้เละเลย คอยดู!”
เสียงสบถนั้นแหบพร่าเต็มไปด้วยความแค้นเจือปนกับความเสียใจที่ยังไม่จาง เธอยังคงนั่งร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ตรงนั้น ในค่ำคืนที่ทั้งเย็นชาและเดียวดายที่สุดของชีวิต
“ฮึก... ทำไม... ฮือ ทำไมกัน...”รามยืนมองร่างบางที่นั่งร้องไห้ไม่หยุดตั้งแต่รู้ความจริงว่าเจมส์ผู้ชายที่เธอรักเป็นแค่คนหลอกลวง ความผิดหวังในแววตานั้นหนักหนาเกินกว่าจะพูดได้ เธอกระดกเหล้าเพียว ๆ ไปทั้งขวด ก่อนจะเริ่มพูดเพ้อเจ้อไม่หยุด ซึ่งเขาก็ทำได้แค่ยืนมองเงียบ ๆ
Rrrrr...
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รามเหลือบตามองริรินอีกครั้ง เธอยังคงนั่งร้องไห้ไม่ได้ขยับไปไหน
“อยู่นิ่ง ๆ ล่ะ” เขาบอกเธอสั้น ๆ โดยไม่รู้ว่าเธอจะได้ยินหรือเปล่า ก่อนจะเดินออกไปคุยสายที่โทรเข้ามา
“ครับ?”
(พ่อกับแม่ได้ยินมาว่าริรินอยู่กับราม... จริงรึเปล่าลูก?) เสียงปลายสายเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและกังวล
“ครับ ขอโทษนะครับที่ไม่ได้โทรบอก พอดีมัวแต่เป็นห่วงริริน เลยลืมไปหมดเลยครับ”
(ไม่เป็นไรหรอกลูก พ่อกับแม่แค่เป็นห่วง ริรินไม่ยอมรับสายเลย)
“ขอโทษจริง ๆ ครับ” เขาเอ่ยอย่างสุภาพ
(ฝากริรินด้วยนะลูก)
“ครับ ผมจะดูแลเธอให้ดีที่สุดครับ” รามตอบก่อนสายจะถูกตัด โชคดีที่ครอบครัวเธอค่อนข้างไว้ใจเขา อาจเพราะเป็นลูกของเพื่อนสนิทนั่นเอง
หลังวางสาย เขากลับไปที่โต๊ะ ริรินก็ยังคงร้องไห้อยู่ที่เดิม ท่าทางของเธอมันช่างน่าสงสารเกินจะปล่อยทิ้งไว้ เขาจึงตัดสินใจจะพาเธอไปส่งบ้าน แต่พอเธอร้องขอว่าไม่อยากให้พ่อแม่เห็นสภาพตัวเองแบบนี้ เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง นอกจากพาเธอกลับมาที่คอนโดของตัวเอง
คอนโด
รามมองหญิงสาวที่เดินโซเซเข้าครัวด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เธอบ่นหิวน้ำแล้วเปิดตู้เย็น แต่แทนที่จะหยิบน้ำเปล่า ริรินกลับหยิบเบียร์กระป๋องของเขาออกมาเปิดอย่างรวดเร็ว แล้วยกกระดกเข้าไปเต็มคำ
“สดชื่นจัง...” เธอเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม หน้าแดงก่ำจากฤทธิ์เหล้า แม้จะเมาแต่ยังดูมีแรงเหลือเฟือ ไม่ธรรมดาจริง ๆ
“ขอกินอีกได้มั้ย~”
“ตามใจเถอะ” เขาตอบสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงหมดแรง ก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง ทิ้งให้เธออยู่ที่โซฟา ไม่นานนักก็คงจะหมดแรงแล้วหลับไปเอง
30 นาทีต่อมา
เขาเปิดประตูออกมาอีกครั้งด้วยความคิดว่าเธอคงน็อกไปแล้ว แต่กลับเห็นเธอยังคงนั่งดื่มต่ออยู่ แถมยังร้องไห้ไปด้วยอีก รามถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้าง ๆ
“อยากตายรึไง...” เขาถามขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า
“ตายได้ก็ดี...” เธอตอบพร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสมเพชตัวเอง เขามองแล้วก็อดสงสารไม่ได้ แม้จะเคยเตือนแต่เธอไม่เคยฟัง เจ็บปวดตอนนี้ก็ไม่แปลก
“เห้อ...” เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะกลับเข้าไปในห้อง ปล่อยให้เธอร้องไห้อยู่ตามลำพังอีกครั้ง
1ปีต่อมา“ยินดีด้วยนะริริน”“ขอบคุณค่ะคุณลุง”“ลุงอะไรกันเรียกพ่อสิ^^”“ฮ่าๆ ขอบคุณค่ะคุณพ่อ^^” ฉันยิ้มให้กับพ่อของพี่รามที่มาร่วมแสดงความยินดีในวันรับปริญญาของฉันส่วนข้างๆ ก็เป็นพ่อกับแม่ที่ยิ้มไม่หุบที่ลูกสาวคนนี้เรียนจบพร้อมจะช่วยงานได้บ้างแล้ว“ยัยริรินมาถ่ายรูปกัน!” “เดี๋ยวหนูมานะคะ” ฉันบอกกับทั้งสามก่อนจะเดินไปถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ของฉันที่ฉันรักมากเพราะถ้าไม่มีพวกนางฉันกับพี่รามก็คงไม่ได้คืนดีกันนแน่นอนว่าพวกนางก็บอกให้ฉันสำนึกบุญคุณตลอดจนฉันเริ่มจะหมั่นไส้ละ“แล้วพี่รามล่ะ?”“ไม่มาหรอกเขาติดงานอยู่ที่ญี่ปุ่นอ่ะ” ฉันบอกออกไปพี่รามเรียนจบไปปีที่แล้วและเข้ามาทำงานกับพ่อของเขาเต็มตัวพักหลังๆ ก็มักจะต้องบินไปดูงานตลอดจนช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่แต่เราก็ยังวิดีโอคอลหากันทุกวันแต่มันก็ไม่ได้ทำให้หายคิดถึงเลยเพราะฉันอยากกอดเขาแบบตัวเป็นๆ มากกว่าแล้วก็ฉันหมั้นกับพี่รามแล้วนะแต่ก็แอบหวงจังกลัวจะไปหลงสาวญี่ปุ่นน่ะสิ“เออนี่พวกแกรู้ข่าวพี่เจมส์ยัง?” ฉันนิ่งไปทันทีกับชื่อนั่นพี่เจมส์เขาหายไปเลยตั้งแต่วันที่ฉันทะเลาะกับพี่รามได้ข่าวว่าเขาเรียนไม่จบด้วยซ้ำ“ทำไมอ่ะ”“ก็นางอ่ะไปหลอกฟันผู้ห
เช้าวันต่อมาพี่รามขับรถมาส่งฉันที่บ้านหลังจากพาฉันไปหาหมอเขาบอกว่าจะเข้าไปขอโทษพ่อแม่ฉันด้วยที่เคยทำให้ผิดหวังแล้วก็จะขออนุญาตคบกับฉันอย่างเป็นทางการตอนแรกฉันก็แอบกังวลนะเพราะกลัวพ่อแม่จะห้ามแต่ไม่ใช่เลยพ่อกับแม่ฉันพอเจอหน้าพี่รามก็ยังคงยิ้มทักทายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแถมยังไฟเขียวให้ฉันกับพี่รามได้คบกันอีกพอเห็นแบบนี้ฉันก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขในที่สุดฉันก็จะได้มีความรักดีๆ กับเขาบ้างแล้วสินะราม PART“จริงสิลูก..แม่มีเรื่องจะวานหน่อย”“เรื่องอะไรหรอครับ” ผมเอ่ยถามอย่างสุภาพในขณะที่ได้ทานข้าวร่วมกับครอบครัวของริรินโชคดีที่ทั้งคู่เอ็นดูผมมากเลยเปิดทางให้ผมได้คบกับริรินง่ายๆ แบบนี้“พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะไปดูงานที่ต่างประเทศน่ะกว่าจะกลับก็หลายอาทิตย์แม่ฝากดูแลน้องหน่อยได้มั้ย?”“แม่คะหนูโตแล้วนะมาฝากดูอะไรกัน” ใบหน้าสวยบึ้งตึงทันทีเมื่อรู้ว่าทุกคนชอบทำตัวเหมือนเธอเป็นเด็ก“ได้สิครับ” ผมตอบตกลงไปด้วยความยินดีพร้อมกับส่งยิ้มให้กับริรินที่หรี่ตามองผมอย่างจับพิรุธได้หลายวันต่อมา“ขับรถกลับดีๆ นะคะ” ใบหน้าสวยโบกมือลาผมด้วยรอยยิ้มแต่ผมกลับไม่ยินดีด้วยเลยสักนิด“ริรินครับ” ผมคว้ามือบางที่กำล
“พี่โทรบอกพ่อกับแม่เราแล้วนะว่าคืนนี้จะค้างกับพี่”“อ่าค่ะ”“ขอพี่ดูขาหน่อยสิ” หลังจากนั้นพี่รามก็เข้ามาดูขาให้ฉันเขาบิดๆ มันถามตลอดว่าเจ็บมั้ยแต่ฉันไม่ค่อยเจ็บแล้วเขาเลยทายาแก้ปวดกับพันเท้าเอาไว้แล้วบอกว่าพรุ่งนี้จะพาไปให้หมอเช็คอีกที“พี่รามไม่เข้ามานอนหรอคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่กำลังนั่งอยู่ที่โชฟา“พี่จะนอนตรงนี้ริรินนอนเตียงพี่ไปเลย” ฉันขมวดคิ้วทันทีกับคำพูดของเขาอะไรกันจะมาทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเอาตอนนี้เนี่ยนะ“ก็ได้ชิ!”ปัง!ฉันปิดประตูเสีงดังอุส่าห์ให้ท่าแล้วก็ยังไม่รีบมาอีกปล่อยให้นอนแห้งตายอยู่ตรงนั้นไปเลยนั้นแหละงอนแล้ว!“ริริน..” ฉันเงียบและหลับตาทำเป็นไม่สนใจเขา“ริรินเป็นอะไรครับ..หืมโกรธอะไร” มือหนาเข้ามาลูบหัวฉันเบาๆ แต่ฉันก็ปัดออกอย่างงอนๆ“อยากให้พี่นอนด้วยหรอ” ฉันพยักหน้ารับพี่รามหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาในผ้าห่มและดึงฉันไปกอด“พี่ทำแบบนี้ได้ใช่มั้ย?”“แล้วทำไมจะไม่ได้” ฉันถามออกไป“พี่นึกว่าเรายังโกรธพี่อยู่”“ไม่ได้โกรธแล้ว”“จริงหรอครับ”“ค่ะ” ฉันรีบมุดหน้าหนีทันทีเมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกเขินขึ้นมา“ริริน”“คะ?”“คบกันมั้ย” ฉันรีบเงยหน้าขึ้นทันทีด้วยความตกใจม
“หนูเจ็บขาลุกไม่ได้” เธอบอกเสียงเบา“เดี๋ยวพี่อุ้ม” พอพูดจบผมก็ช้อนตัวริรินขึ้นอุ้มในท่าเจ้าหญิงใบหน้าสวยมุดเข้ากับอกของผมเหมือนกำลังเขินอายอยู่ทำเอาผมอดยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ โชคดีที่เธออยู่ที่ลานจอดรถพอดีผมเลยพาเธอไปนั่งที่รถของผมแทน“เจ็บมากมั้ย” ผมนั่งยองยกเท้าของเธอมาสำรวจดูมองคนตัวเล็กที่พยักหน้ารับช้าๆ“งั้นไปโรงพยาบาลก่อนเสร็จแล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งบ้าน” ผมเอ่ยบอกก่อนจะรีบเข้าไปในรถทันที“จริงสิ..อ่ะนี่มือถือพิมพ์ไปบอกเพื่อนๆ ด้วยว่าโอเคดี” ผมส่งมือถือให้กับริรินซึ่งเจ้าตัวก็มีสีหน้ามึนงงเล็กน้อย“ทำไมถึงไปอยู่กับพี่ล่ะ?”“เพื่อนๆ ของเราเป็นห่วงน่ะสิ..เลยมาตามพี่ให้ไปตามหาเพราะเห็นยังไม่กลับโต๊ะสักที” ใบหน้าสวยทำหน้าหงอยเล็กน้อยก่อนจะเปิดมือถือพิมพ์ข้อความผมที่เห็นแบบนั้นก็รีบขับรถไปโรงพยาบาลทันที“เอ่อพี่รามหนูไม่ไปโรงบาลได้มั้ย?”“ทำไมล่ะ”“ชุดมัน..” เจ้าตัวเอ่ยขึ้นก่อนจะส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้ผมจริงสิชุดเธอมันก็ออกจะไม่เหมาะที่จะใส่ไปโรงพยายาบาลจริงๆ นั้นแหละถ้าใส่ไปแล้วเจอหมอผู้ชายมาตกหลุมรักผมคงหึงแย่“งั้นไปคอนโดพี่มั้ย”“ค่ะ!” ริรินตอบกลับด้วยรอยยิ้มทันทีนานแล้วแหะที่ไม่ได้เห็นรอ
ราม PART“มึงดูผู้หญิงโต๊ะนั้นดิอย่างแจ่ม!” ผมมองเพื่อนๆ ที่กำลังสนุกกับการส่องสาวไปเรื่อยๆ ซึ่งผมก็ค่อนข้างชินแล้ว“เชี่ยสวยทั้งโต๊ะ!แต่มีคนนึงโคตรเด่นผิวขาวยังกับเรืองแสงได้” ผมขมวดคิ้วมองเพื่อนที่ลูบปากอย่างหื่มกามด้วยความอยากรู้ด้วยก็เลยหันไปดูก่อนจะชะงักเพราะผู้หญิงที่มันพูดถึงคือริรินว่าแต่ทำไมเธอถึงแต่งตัวแบบนี้กันพ่อแม่เธอปล่อยออกมาได้หรอ“กูเข้าไปจีบดีป่ะ”“ไม่ๆ ขอกูก่อน” ผมมองเพื่อนๆ ที่พากันจะลุกเข้าไปหาริรินแต่ว่าก็ต้องถอดใจไปเพราะดันมีคนเข้าไปหาเธอซะก่อนผมมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจเป็นอย่างมากรู้ว่าไม่มีสิทธิ์หึงหวงหรือเดินไปห้ามอะไรแล้วแต่มันก็ห้ามใจไม่ได้อยู่ดีเพราะผมยังคงชอบเธอมากอยู่แม้ว่าจะมีช่วงที่เราสองคนสบสายตากันริรินก็ทำเป็นไม่สนใจและเดินไปกับผู้ชายคนนั้นทำเอาผมกำหมัดด้วยความโกรธแต่ก็ต้องข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้“อ่าวโดนคาบไปแดกซะละ” “ว่าแต่หน้าคุ้นๆ ใช่แฟนไอเจมส์ป่ะแต่ได้ข่าวว่าเลิกกันแล้ว”“เออๆ ใช่ๆ กูก็ได้ยินมาเหมือนกัน” หลังจากนั้นผมก็พยายามทำจิตใจให้ตัวเองสงบแม้ว่าอยากจะเดินไปกระชากแขนเล็กๆ นั่นให้ออกห่างจากผู้ชายคนนั้นแต่ถ้าทำแบบนั้นริรินก็คงจะยิ่งเกลียดผมเข้าไ
ผ่านไปไม่นานเพื่อนอีกสองคนของฉันก็มาถึงพวกนางหิ้วถุงชุดมาให้ฉันเปลี่ยนจริงๆ ฉันเลยต้องไปเปลี่ยนในห้องน้ำจังหวะที่ดูตัวเองในกระจกก็รู้สึกแปลกตาชะมัดเพราะชุดมันเว้าหน้าเห็นเนินอกไม่พอยังเว้าหลังยาวลงไปเกือบถึงก้นด้วยซ้ำสาบานเถอะว่านี่คือชุดที่คนเขาใส่กันจริงๆ หรอมันแทบจะเปิดให้เห็นทุกส่วนของร่างกายแล้วเนี่ยติ๊ง ติ๊งฉันหยิบมือถือขึ้นมาดูเพื่อนๆ ฉันส่งข้อความมาบอกว่าพี่รามมาจริงๆ ด้วยเขามากับกลุ่มเพื่อนของเขาแต่ไม่นานก็มีอีกข้อความส่งมาพร้อมแนบรูปภาพมาซึ่งนั่นทำฉันจุกที่อกไม่น้อยเลยเพราะมันเป็นภาพที่เขากำลังนั่งพร้อมกับมีผู้หญิงเซ็กซี่ๆ นั่งอยู่ข้างๆ ด้วย“เป็นไงเป็นกัน” ฉันพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะสูดลมหายใจเอาปอดลึกๆ เก็บมือถือแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำแน่นอนว่ามีแต่คนมองฉันไมว่าจะหญิงหรือชายฉันเองก็คิดว่าตัวเองดูดีอยู่นะแม้ว่าจะไม่ค่อยมั่นใจกับชุดนี้เท่าไหร่แต่ก็คงสวยในสายตาคนอื่นนั้นแหละพอมาถึงโต๊ะฉันก็มีแอบมองไปฝั่งโต๊ะของพี่รามบ้างพวกเพื่อนเขามองฉันเป็นตาเดียวเลยแต่ยกเว้นพี่รามที่เอาแต่ยกแก้วเหล้าดื่มกับสาวข้างกายของเขา“เริ่ศมากสาวชุดขลับผิวสุดๆ” พวกเพื่อนๆ เอ่ยชมฉันแต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกดี