แชร์

บทที่ 20 : เหตุบังเอิญ

ผู้เขียน: Coffee Lemonade / Gemini Leo
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-08 22:31:12

            “ค่ะ.. ได้ค่ะเดี๋ยวแป้งดูแลให้ค่ะ พี่ศศิไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ทางนี้น้องๆ เอาอยู่ค่ะพี่”

            พูดจบปวริศาก็พ่นลมหายใจก้อนใหญ่ออกมา แล้วปวีณาก็บ่นกระปอดกระแปด

            “นี่อย่าบอกนะยายแป้งว่า พี่ศศิโทรมาฝากงานอีก”

            “ลูกค้าพี่ศศิเขาบินมากะทันหันนะ พี่ศศิเลยให้แป้งไปต้อนรับแทน แต่ทำอย่างไรดี ออเดอร์ของอเมริกาบอกว่าจะส่งให้ตั้งแต่เมื่อคืนเช้านี้ยังไม่ได้รับเลย ออเดอร์ด่วนด้วยสิ”

            ปวริศาหันไปบอกปวีณาทำคิ้วย่น ปวีณาได้ยินก็บ่นอุบอิบ ใจก็อยากช่วยเพื่อนแต่งานตัวเองก็ด่วนก็ล้นมือทำไม่ทันเหมือนกัน

            “ฉันอยากจะช่วยนะ แต่เช้านี้ฉันแน่นมากเลย ออเดอร์ฝั่งยุโรปฉันพึ่งจะเข้ามาต้องรีบคีย์ด้วยอ่ะ โอ๊ย..ทำไมงานมันต้องเข้ามาเวลาที่พวกเราทำงานหนักหน่วงแบบนี้ด้วยนะ”

            “แป้งไปดูลูกค้าของพี่ศศิก่อนได้เลยนะ เดี๋ยวเราคีย์ออเดอร์ของอเมริกาเข้าระบบให้ เอ่อ.. แต่เธอต้องทิ้งพลาสเวิร์ดเข้าเครื่องไว้ให้ด้วยนะ”

ปรียาพรที่ฟังอยู่ก็ยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยไมตรีพร้อมเสนอตัวช่วยงานเพื่อน ปวริศาดีใจลุกขึ้นไปกอดปรียาพรด้วยความซาบซึ้งใจ

            “ขอบใจมากนะใบหม่อน เนี่ยงานของแป้งผ่านไปได้ด้วยดีก็เพราะมีเพื่อนร่วมงานที่ดีที่น่ารักแบบใบหม่อน วีณาและก็มีหัวหน้าที่ใจดีแบบพี่ศศินี่แหละ ขอบใจจริงๆ เป็นนางฟ้าชัดชัด ช่วยแก้ปัญหาให้เราได้ตลอดเลย”

            ปรียาพรยิ้มรับกอดจากเพื่อนสาว

            “อย่าคิดอะไรมากเลย พวกเราทีมเดียวกัน เวลาสำเร็จก็สำเร็จไปด้วยกัน”

            “น่ารักที่สุดเพื่อนฉัน..งั้นแป้งเก็บของแล้วไปก่อนนะ ขอบใจใบหม่อนกับวีณามากนะ ส่วนพลาสเวิร์ดเข้าเครื่องเราเขียนแปะไว้ตรงนี้นะหม่อน”

            “โอเคจ้ะ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวทางนี้เราจัดการให้”

            หลังจากที่ปวริศาไปรับรองลูกค้าของศศิวิมล ทางปวีณาและปรียาพรก็เร่งมือทำงานอย่างขะมักเขม้น ปรียาพรทำงานของตัวเองเสร็จก็ย้ายตัวมานั่งทำงานที่โต๊ะของปวริศา เปิดโน้ตบุ๊กของปวริศาเช็คอีเมลจากลูกค้า แล้วก็เจอกับอีเมลที่ต้องการ

            ด้านปวริศาก็ออกจากบริษัทก็ไปพบลูกค้าที่ตอนนี้ที่มาดูงานที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคที่บางนา ความจริงแล้วทางลูกค้านัดกับศศิวิมลว่าจะเข้ามาพูดคุยและเยี่ยมชมที่บริษัทในวันรุ่งขึ้น แต่เกิดเปลี่ยนใจกะทันหันอยากให้เข้ามาคุยกันที่งานนี้ก่อน เพราะคิววันรุ่งขึ้นไม่ว่างแล้ว ปวริศาเดินตรงไปที่บูชที่นัดหมายก็พบกับลูกค้าสัญชาติออสเตรเลียสองคน ทั้งสามพูดคุยทักทายกัน ตลอดจนเคลียร์งานจนเสร็จก็เกือบบ่ายโมงจึงได้แยกย้ายกันไป

            ปวริศามองดูเวลาเห็นเวลาใกล้บ่ายโมงก็ตัดสินใจว่าจะไปกินข้าวที่ศูนย์อาหารของที่นี่นั่นแหละ แล้วค่อยนั่งรถไฟฟ้ากลับไปออฟฟิศเพื่อไปเคลียร์งาน ซึ่งตามปกติแล้วถ้าออกมาทำงานนอกสถานที่แบบนี้ไม่จำเป็นต้องกลับเข้าออฟฟิศก็ได้ แต่ปวริศาก็เกรงใจเพื่อนที่ตนเองฝากงานเพื่อนไว้ ในขณะที่ก้าวลงจากบันไดเลื่อนกำลังจะก้าวเดินไปทางศูนย์อาหารก็มีเสียงหนึ่งเรียกเธอไว้

            “สวัสดีครับคุณแป้ง”

            ปวริศาหันหน้าไปหาต้นเสียงพอเห็นว่าเป็นใครก็ตกใจเล็กน้อย แล้วรีบปรับสีหน้ายิ้มให้

            “สวัสดีค่ะคุณแพทริก”

            “โลกกลมจัง ดีใจนะครับที่เจอคุณแป้งที่นี่ วันนี้คุณแป้งมาทำอะไรครับ เอ๊ะมาคนเดียวด้วยหรือเปล่า”

            “พอดีลูกค้าแป้งมาจากต่างประเทศเข้ามาดูงานที่นี่ค่ะ แป้งเลยออกมาพบ แป้งมาคนเดียวค่ะ”

            แพทริกมองหน้าแล้วยิ้มให้ เขาเห็นปวริศาเดินลงมาจากบันไดเลื่อนชั้นบนแล้วเดินไปทางด้านศูนย์อาหารซึ่งอยู่คนละฟากฝั่งกับลานจอดรถเขาก็คิดว่าปวริศาน่าจะกำลังจะไปหาอะไรกินแน่ๆ

            “อ๋อ.. แล้วนี่คุณแป้งกำลังจะไปไหนครับนี่เกือบบ่ายโมงแล้วคุณแป้งทานข้าวเที่ยงหรือยังครับ”

            “ยังค่ะ แป้งกำลังจะไปกินข้าวที่ศูนย์อาหารนี่แหละค่ะแล้วค่อยกลับออฟฟิศ”

            “นี่คุณแป้งยังต้องกลับออฟฟิศอีกหรือครับ ขยันจัง โล่ห์พนักงานดีเด่นต้องเข้าแล้วไหมละครับ”

            “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่ได้ขยันหรอกค่ะ พอดีช่วงนี้งานรัดตัวนะค่ะ”

            “ถ้าอย่างงั้นก็พอดีเลย ผมกำลังจะออกไปหาอะไรกินพอดียังคิดอยู่เลยว่านั่งกินคนเดียวต้องเหงาและไม่อร่อยแน่เลย คุณแป้งไปทานเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับ แล้วเดี๋ยวผมไปส่งที่ออฟฟิศ”

            “เอ่อ.. เดี๋ยวแป้งกินที่นี่ดีกว่าค่ะ”

            “ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ไปเถอะ ร้านอยู่ใกล้ๆ แถวนี้เอง นะ นะครับ”

            ปวริศามีสีหน้ากังวลเล็กน้อยเพราะมีคนเคยขอเธอไว้ว่าให้อยู่ห่างๆ แพทริกซึ่งเขาก็ไม่ได้บอกเหตุผลให้เธอทราบ แต่พอเจอลูกตื้อแบบนี้เธอก็ปฏิเสธไม่ออกเสียด้วยสิก็เลยต้องจำยอมไปกับแพทริกในใจก็คิดว่าก็แค่กินข้าวไม่เป็นไรหรอกมั้ง

            แพทริกขับรถออกจากอาคารจอดรถไปด้วยใบหน้าที่แฝงรอยยิ้ม วันนี้ถือว่าโชคเข้าข้างเขาที่ทำให้เขาได้เจอปวริศา เพราะที่ผ่านปวริศามักจะเลี่ยงการสนทนากับเขาแทบทุกช่องทาง

แพทริกพาปวริศามาที่ร้านอาหารที่ตกแต่งสไตล์ยุโรป สักพักสเต๊กจานโตก็ถูกเสิร์ฟตรงหน้าคนทั้งสองคน

“คุณแป้งลองชิมดูนะครับ ดูสิว่าร้านนี้จะถูกใจคุณแป้งไหม ถ้าไม่ถูกใจเดี๋ยวผมมีแนะนำอีกหลายร้านเลยครับ”

            ปวริศาได้แต่ยิ้มแล้วค่อยๆ ใช้มีดค่อยๆ กดเฉือนลงไปบนชิ้นเนื้อแล้วใช้ส้อมจิ้มเข้าปาก เคี้ยวไปก็ยิ้ม

“อร่อยมากค่ะ เนื้อนุ่มหอมมาก ไม่เหนียวเลยค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นต้องทานเยอะๆ นะครับ แล้วเดี๋ยววันหลังผมจะพาไปลองอีกร้าน ร้านนั้นเขาก็ดังทางด้านสเต๊กเหมือนกัน”

            “ไม่เป็นไร แป้งเกรงใจ”

            “เกรงใจทำไม ผมเต็มใจถ้าคุณแป้งไม่ไปนี่สิผมคงเสียใจแย่เลย”

ปวริศาได้แต่ยิ้ม

“เมื่อกี้ได้ยินคุณแป้งบอกว่างานยุ่ง งานเยอะใช่ไหมครับ ย้ายค่ายมาอยู่กับผมไหมละครับ ยังมีตำแหน่งว่างรอคุณแป้งอยู่นะครับ”

“แป้งต้องขอบคุณคุณแพทอีกครั้งนะคะ ที่ไว้ใจแป้ง แต่แป้งคงไปทำงานกับคุณแพทไม่ได้จริงๆ”

“ทำไมละครับ ผมเสียใจนะเนี่ย ชวนคุณแป้งตั้งสองครั้งแล้ว โดนคุณแป้งปฏิเสธตลอดเลย”

“แป้งขอโทษนะคะ แป้งทิ้งที่นี่ไปไม่ได้จริงๆ”

ปวริศาพยายามที่จะรีบกินเพื่อที่จะได้รีบกลับ แพทริกคว้ามือปวริศามากุมไว้

“ในส่วนของงานผมทึ่งการทำงานของคุณแป้งมากนะครับและในส่วนตัวของผมเอง ผมก็ชอบคุณแป้งมากจริงๆ คุณแป้งให้โอกาสผมได้ไหมครับ”

ปวริศาตกใจนี่เหมือนว่าแพทริกกำลังจะสารภาพรักกับตนเองเลย เธอได้แต่ยิ้มแหยออกมาแล้วค่อยๆ ดึงมือออกจากการกอบกุมอย่างนุ่มนวล

“ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดีอีกครั้งนะคะ แต่แป้งต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่ไม่สามารถรับความปรารถนาดีทั้งสองได้ คือแป้งมีคนรักอยู่แล้วค่ะ”

แพทริกทำหน้างงเพราะมันไม่ตรงกับข้อมูลที่เขามี เขาจึงยิ้มแล้วบอกปวริศาไปว่า

“เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้น หรือคุณแป้งต้องการความช่วยเหลืออะไรให้นึกถึงเพื่อนคนนี้นะครับ ผมหวังว่าคุณแป้งคงไม่ปฏิเสธการเป็นเพื่อนกับผมนะครับ”

            “ได้เลยค่ะ”

            ปวริศายิ้ม

“เดี๋ยวผมไปส่งคุณแป้งที่บริษัทนะครับ”

            “ไม่เป็นไรค่ะ แป้งไปรถไฟฟ้าสะดวกกว่า”

            “อย่าปฏิเสธเพื่อนคนนี้เลยนะครับ”

เมื่อแพทริกยกคำว่าเพื่อนมาพูดจึงทำให้ปวริศาปฏิเสธไม่ออก ยอมให้แพทริกไปส่งที่บริษัท

แพทริกขับรถมาจอดส่งปวริศาที่หน้าตึก เขารีบลงจากรถเพื่อมาเปิดประตูให้หญิงสาวซี่งเขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ แต่เขาเลือกที่จะทำ ปวริศาก้มศีรษะให้เล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณแล้วเดินขึ้นตึกไป ซึ่งเหตุการณ์ตั้งแต่รถสปอร์ตหรูขับมาจอดแล้วมีชายหนุ่มใส่สูทเดินมาเปิดประตูรถให้หญิงสาวนั้นอยู่ในสายตาใครบางคนที่นั่งจิบกาแฟที่โต๊ะติดผนังที่เป็นกระจกโดยตลอด

“ฮึ.. ยังไปไหนมาไหนกับมันอยู่อีกหรือ พูดกันดีดีไม่เชื่อใช่ไหมพี่แป้ง”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทวงรักคืนใจนายเจย์เดน   ตอนพิเศษ 2 บทเรียนรัก

    ตอนพิเศษ 2 บทเรียนรัก เจย์เดนเอามือไล้ไปตามเรียวขาขาว แล้วพรมจูบตั้งแต่ปลายเท้า ปลีน่อง ต้นขา แล้วเน้นสัมผัสไปที่โคนขาด้านใน ส่วนเนินสามเหลี่ยมที่อวบอูมมีไรขนบางๆ ถูกตัดแต่งไว้ดูสะอาดตา เขาใช้มือทั้งสองข้างประคองเนินนุ่มแล้วค่อยๆ รั้งให้แยกทำให้กลีบกุหลาบด้านในค่อยผลิบานออกมายั่วยวนสายตา เจย์เดนบรรจงจูบที่กลีบกุหลาบสวยอย่างแผ่วเบาละเลียดชิมความหวานทุกซอกทุกมุม มีหลายครั้งที่เรียวลิ้นอุ่นชื้นเร่งดูดดึง แหย่ล้วงลึก ส่งผลให้คุณแม่มือใหม่เสียวสะท้านไปทั้งครางเสียงหวานไม่ได้หยุดพัก มือน้อยทั้งหยุมไปที่หัวคนพ่อ เอวบางก็เด้งรับความเสียวซ่านโดยไม่รู้ตัว “อ๊ะ.. ผัวขา เมียเสียวจังเลยค่ะ อ่าห์” ไม่บ่อยนักที่ปวริศาจะหลุดคำแบบนี้ออกมา ยิ่งฟัง ก็ยิ่งกระตุ้นให้คนทำได้ใจเร่งรัวปลายลิ้นเบิร์นไม่ได้หยุด สักพักร่างขาวก็กระตุกเล็กน้อยพร้อมปลดปล่อยน้ำรักออกมา คนตัวโตก็เลียเช็ดกลืนกินจนหมดโดยไม่รังเกียจ ปรวิศามองภาพที่ชายคนรักก้มเลียน้ำรักของตนอยู่ตรงหว่างขาก็เกิดความเขินอาย เลือดสาวในกายสูบฉีดพุ่งขึ้นมาเต็มใบหน้า ทำให้ทั้งใบหน้าลำคอเปลี่ยนเป็นสีแดงระเร

  • ทวงรักคืนใจนายเจย์เดน   ตอนพิเศษ 1 ลูกชายพ่อมันดื้อ มันฟังแม่คนเดียว

    ตอนพิเศษ 1 ลูกชายพ่อมันดื้อ มันฟังแม่คนเดียวที่คอนโด เจย์เดนเปิดประตูเข้ามาเขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปที่โซนที่ถูกจัดเป็นห้องครัวที่ตอนนี้ดูมีชีวิตชีวาไม่ปล่อยว่างเหมือนแต่ก่อน เขายืนมองดูหญิงสาวคนรักที่ตอนนี้กำลังตั้งใจทำอาหารตรงหน้าเลยไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนมาลอบมอง ปวริศามาอยู่คอนโดกับเขาตามที่เขาร้องขอและก็จะมีบางวันที่ปวริศากลับไปอยู่กับแม่ที่บ้าน วันนี้ปวริศาอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงผ้าใส่สบาย เนื่องจากอายุครรภ์ยังน้อยถ้าไม่บอกก็จะไม่รู้เลยว่าเธอกำลังท้องอยู่ ผมยาวสวยวันนี้ถูกรวบไว้หลวมๆ เผยให้เห็นต้นคอขาว นี่สินะคือภาพความสุขที่เจย์เดนวาดฝันมาตลอดคือการกลับจากทำงานแล้วมีคนรักรออยู่ที่บ้าน ยิ่งมองก็ยิ่งหลงรัก เขาไม่รู้เลยว่าเขาตกหลุมรักคนรักของตัวเองไปรอบที่เท่าไหร่แล้ว ภาพของปวริศาที่หยิบจับโน่นนี่นั่น ผัดอาหารในกะทะดูคล่องแคล่วชวนมองไปหมด เขายืนกอดอกหลังพิงกำลังแพงแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ปวริศาวันนี้เธอวางแผนทำอาหารง่ายๆ มีต้มข่าไก่ของโปรดของเด็กดื้อตัวโต ผัดผักรวมมิตรกุ้ง และยำไข่ต้ม อาหารธรรมดารสไ

  • ทวงรักคืนใจนายเจย์เดน   บทที่ 40: ทวงรักคืนหัวใจ [END]

    “เอ... ทุกคนมีเรื่องสงสัยอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีผมมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องจะแจ้งคนะรับ พร้อมรับฟังเรื่องสำคัญของผมแล้วหรือยัง”ทุกคนหันหน้าไปมองหน้าเจฟฟ์ด้วยความสงสัย และปนกับความหวาดระแวงเล็กน้อย เจฟฟ์เดินมายืนหลังเก้าอี้ที่ปวริศานั่ง แล้วเอื้อมไปจับมือปวริศาพร้อมประคองให้ลุกยืนขึ้นข้างๆ เขา“บอสจะทำอะไรคะ”ปวริศาร้องทัก เจฟฟ์ยิ้มหวานแล้วโอบกระชับที่ไหล่ของปวริศาดึงเข้ามาให้แนบชิดกับไหล่ของเขา ทุกคนในห้องประชุมต่างมองมาที่คนทั้งคู่ด้วยสายตาที่สงสัยและแปลกประหลาดใจ“ผมก็จะประกาศข่าวดีของเราให้ทุกคนได้ทราบอย่างไรล่ะครับพี่แป้ง”ปวีณาทำตาโตอ้าปากค้าง ส่วนศศิวิมลเห็นแล้วยิ้มกว้างออกมาเพราะเป็นไปอย่างที่เธอคาดการณ์ไว้ ส่วนปรียาพรก็งงกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็ยิ้มตามไปทั้งที่คราบน้ำตาบนใบหน้าเธอยังไม่แห้งดี“อีกไม่นานเราสองคนจะมีข่าวดีนะครับ ผมเลยอยากมาบอกทุกคนไว้ก่อน จะได้เตรียมตัวกันอย่างเนิ่นๆ เผื่อใครอยากจะปั้นหุ่นไว้ใส่ชุดสวยๆ เรื่องธีมของงานต้องรอเจ้าสาวของผมบอกอีกทีนะครับ” “ฮะ.. อะไรนะคะ เจ้าสาวเหรอ บอสกับยายแป้ง ..... อุ๊ยตายว้ายกรี๊ดดดดดดดดดด” ปวีณากรี๊ดดีใจดังลั่น

  • ทวงรักคืนใจนายเจย์เดน   บทที่ 39: ข่าวดี

    “ลูกจ๋า.. บอกพ่อสิครับว่าอยากเที่ยงหนูอยากกินอะไรครับ”เจฟฟ์เอื้อมมือไปวางแปะบนพุงน้อยๆ ของปวริศา“อย่ามาเวอร์นักเลยน่ะ เอามือออกไปไม่ต้องมาจับ”ปวริศาพยายามจะดึงมือเจฟฟ์ออกจากหน้าท้องของตนแต่กลับถูกเจฟฟ์กอบกุมไว้แน่นกว่าเดิม“ลูกจ๋าดูแม่ของหนูสิ หงุดหงิดใส่พ่ออีกแล้ว”เจฟฟ์เอามือของปวริศามาแนบที่แก้มของตนเอง และเอียงคอมองปวริศาด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก“พี่แป้งรู้ไหมครับว่าคุณย่าผมท่านตื่นเต้นมากเลยนะที่รู้ว่าผมจะมีหลานสะใภ้ให้ท่าน วันก่อนคุณย่าบอกว่าจะบินมาไทยเพราะอยากมาเจอหน้าหลานสะใภ้ เนี่ยเดี๋ยวผมต้องกลับไปอัปเดตมูลใหม่ว่า กลับมาครั้งนี้จะเจอทั้งหลานสะใภ้พร้อมกับเจ้าตัวเล็ก รับรองว่าท่านต้องดีใจมากแน่เลย” เจฟฟ์จบก็หันไปทางปิ่นมณี“คุณแม่ครับคุณแม่หาฤกษ์แต่งงานให้เราหน่อยสิครับ”“จะมาหาฤกษ์แต่งงานอะไร ใครเขาจะแต่งด้วย”“เลิกงอนได้แล้วนะครับคุณแม่คนสวย ตอนนี้เรามีเจ้าก้อนน้อยที่ผมตั้งใจปั้นขึ้นมาอยู่ในนี้แล้วนะ”เจฟฟ์เอามือจิ้มจิ้มไปที่หน้าท้องของปวริศา“งอนนานไป เดี๋ยวเจ้าก้อนน้อยตัวโตขึ้น คุณแม่จะใส่ชุดเจ้าสาวไม่สวยนะครับ เอ.. หรือว่าจะรอให้เจ้าก้อน

  • ทวงรักคืนใจนายเจย์เดน   บทที่ 38 : สถานะที่เธอมอบให้

    เช้าวันอาทิตย์ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เจฟฟ์ก็ยังคงมาที่บ้านปวริศาแต่เช้า มาใส่บาตรด้วย ทั้งที่เมื่อวานกว่าเขาจะกลับบ้านก็เล่นเอาเสียมืด พอใส่บาตรเสร็จหลวงพ่อให้พร ทุกคนก็กรวดน้ำแล้วรับพร“อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้าจงมีความสุข สาธุ”“ไปก่อนนะโยม พรุ่งนี้อาตมามีกิจนิมนต์ไปทำบุญขึ้นบ้านใหม่ จะไม่ได้มารับบาตรนะ” “เจ้าค่ะหลวงพ่อ”แล้วหลวงพ่อก็เดินออกไป ทั้งสามค่อยลุกขึ้น แล้วปวริศาก็เซไปนิดเจฟฟ์ที่อยู่ข้างๆ รีบเข้าไปประคอง“พี่แป้งเป็นอะไรไปครับ”“ไม่ได้เป็นอะไร ปล่อยได้แล้ว”ปวริศาพยายามจะเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดนั้น แต่เจฟฟ์ก็ยังแข็งขืนดื้อดึงประคองไว้อยู่“เห็นไหมละครับ พี่ยังเซอยู่เลย ให้ผมประคองแหละดีแล้ว”เจฟฟ์ประคองปวริศามานั่งที่โต๊ะ“เดี๋ยวพี่นั่งเฉยๆ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้”เจฟฟ์เดินไปกดน้ำเย็นจากเครื่องกรองน้ำในห้องครัว ส่วนปิ่นมณีมองลูกสาวด้วยความเป็นห่วง“พักผ่อนน้อยหรือเปล่าลูก”“เมื่อคืนแป้งก็ไม่ได้นอนดึกนะคะแม่ แค่สี่ทุ่มครึ่งเอง” “นี่น้ำเย็นครับ เดี๋ยวผมไปเตรียมจัด

  • ทวงรักคืนใจนายเจย์เดน   บทที่ 37 : สารภาพ

    ภายในห้องเช่าขนาดไม่ได้ใหญ่มาก ปรียาพรกำลังนั่งร้องไห้ฟูมฟาย และพร่ำกล่าวคำว่าขอโทษเจฟฟ์ ขอโทษปวริศา สาเหตุทั้งหมดเกิดความโง่ของตนเอง ปวริศาเข้าไปโอบกอดใช้ฝ่ามือลูบหลังปลอบโยนเพื่อน“ฉันขอโทษเธอนะแป้ง เป็นเพราะฉันโง่เอง ฉันคิดว่าถ้าทำสำเร็จแล้วเขาจะรักฉัน ฉันมันโง่เอง แป้ง ฉันขอโทษ ฮือ ฮือ”“โอเค ฉันเข้าใจเธอนะ แต่เธอก็ใจร้ายไปหน่อยนะ เธอก็น่าจะรู้ว่าถ้าทำแบบนี้คนที่จะมารับเคราะห์ก็จะเป็นฉัน เธอไม่คิดห่วงฉันบ้างเลยหรือไง”“ตอนนั้นฉันยอมรับนะ ว่าฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลย ฉันคิดว่าถ้าทำสำเร็จเขาจะรักฉันจะขอฉันเป็นแฟน แต่ความจริงแล้วมันกลับเฉดหัวฉันทิ้ง ฮือ ฮือ”ปวริศาหันไปสบตากับเจฟฟ์ ปรียาพรก็เงยหน้ามองเจฟฟ์เช่นกัน“บอสคะ หม่อนขอโทษ หม่อนผิดไปแล้ว บอสอย่าไล่หม่อนออกเลยนะคะ”ปรียาพรพนมมือไหว้ขอให้เจฟฟ์ยกโทษให้ทั้งน้ำตา“ครั้งก่อนตอนที่คุณปวริศาตกเป็นผู้ต้องสงสัย เขาไม่เคยมาขอให้ผมไม่ไล่ออก แต่เป็นตัวเขาเองต่างหากที่แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกเอง ซึ่งผมก็ยังไม่อนุมัติเอกสารนั้น เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าปวริศาไม่มีทางทำหักหลังผมแน่นอน คุณมาขอแบบนี้มันจะไม่ดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือ ความจริงเ

  • ทวงรักคืนใจนายเจย์เดน   บทที่ 36 : แกะรอย

    บรรยากาศในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้มีคนให้ความสนใจกับคู่ของแพทริกและปวริศาเป็นอย่างมาก แพทริกนั้นดูจะมีความสุขและยิ้มกว้างกว่าใครเพื่อน เขาเดินควงปวริศาพาทักทายพูดคุยกับคนไปทั่วงาน จนมีหลายคนถามเขาว่าคนข้างกายของเขาคนสวยคนนี้คือใคร เขาก็ตอบไปเพียงว่า“เธอคือเป็นคนพิเศษสำหรับผมคืนนี้” “หิวมั้ยครับคุณแป้ง ผมเห็นคุณแป้งทานไปนิดหน่อยเองหรือว่าอาหารที่นี่ไม่ถูกปากให้ผมพาไปกินข้างนอกไหมครับ”เขาถามด้วยความใส่ใจหญิงสาวข้างกาย“ไม่เป็นไรค่ะ แป้งกินไปหลายอย่างแล้ว ถ้ากินเยอะไปกว่านี้เดี๋ยวจะพุงป่อง น่าเกลียดแย่เลย” “อย่างคุณแป้งเอาตรงไหนมาน่าเกลียดครับ ผมเห็นแต่ความน่ารัก และความสวยเต็มไปหมด” แพทริกพูดไปส่งสายตาหวานให้หญิงสาว แล้วโทรศัพท์ในกระเป๋าของหญิงสาวก็สั่นไม่หยุด จนปวริศาต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ก็เห็นว่ามีใครบางคนกดส่งข้อความมาให้เธอไม่ได้หยุด เธอเงยหน้าขึ้นก็รับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ถูกส่งพุ่งตรงมาที่เธอ ใช่แล้วเป็นเจฟฟ์ที่กำลังมองมาที่เธออย่างตาไม่กะพริบซึ่งเขาก็เป็นคนส่งข้อความหาเธอแล้วส่งสายตาจ้องเขม็งเชิงบังคับและขอร้องให้เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่าน

  • ทวงรักคืนใจนายเจย์เดน   บทที่ 35 : เมื่อคนข้างกายเธอไม่ใช่เรา

    เจฟฟ์นั่งมองโทรศัพท์ที่ตอนนี้เขาพยายามจะโทรไปหาใครบางคน โทรยังไงเขาก็ไม่รับ ไลน์ไปเขาก็ไม่เปิดอ่าน “ทำไมดื้อแบบนี้ล่ะพี่แป้ง”เขาหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจะดื่มแต่ก็พบกับความว่างเปล่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะกดโทรศัพท์แล้วให้ใครบางคนขอให้ชงกาแฟเข้ามาให้ แล้วก็แอบหาเศษหาเลยนิดหน่อยให้พอชื่นใจ แค่นี้ก็มีแรงทำงานต่อแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว เฮ้อ... เจฟฟ์เอามือกุมหัวจากการที่เขาตามแกะรอยเรื่องงานประกวดราคาที่เขาแพ้ให้กับคู่แข่งอย่างแพทริกแบบที่มีเงื่อนงำให้ชวนคิด ทำให้เขาต้องมาไล่เจาะข้อมูลซึ่งมันก็ไม่ยากเกินกว่าที่เขาจะหาตัวต้นเหตุเจอ ซึ่งเป็นคนใกล้ตัวของปวริศาเขาจึงอยากบอกให้ปวริศารู้และเป็นผู้ร่วมในการตัดสินใจที่จะลงโทษคนผิด แต่ปัญหาคือตอนนี้เขาติดต่อปวริศาไม่ได้เลย ความจริงเขาก็อยากจะพุ่งเข้าไปหา แต่ติดว่าช่วงนี้คิวงานเขาก็แน่นมาก เขาตัดสินใจแล้วว่าเดี๋ยววันเสาร์นี้เขาจะรีบไปเฝ้าหาปวริศาแต่เช้าตรู่เลย มันเลยทำให้เขาหงุดหงิดที่เห็นคนผิดยังคนลอยหน้าลอยตาทำงานอยู่ก๊อก ก๊อก ก๊อก ศศิวิมลเดินเข้ามาแล้วนำเอกสารมาวางที่ชั้นเอกสารนำเข้ารอเซ็นบนโต๊ะ เจฟฟ์พยักหน้

  • ทวงรักคืนใจนายเจย์เดน   บทที่ 34 : ไดอารี่

    หลังจากที่เจฟฟ์คลาดกับปวริศาไปเพียงเสี้ยวนาที เขาก็พยายามครุ่นคิดอยู่ว่าคนที่พาปวริศาออกไปคือใคร“น้าขอคุยอะไรหน่อยได้ไหม พอมีเวลาคุยกับน้าไหมจ๊ะ”เจฟฟ์รีบพยักหน้ารับ“ได้ครับคุณน้าวันนี้ผมตั้งใจจะมาหาพี่แป้ง จะมาขอโทษและอธิบายความจริงให้ฟังครับ”“น้าเองก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของเราสองคนนะ แต่น้ามีลูกคนเดียว ไม่ว่าเขาเป็นอย่างไรน้าก็รักของน้า น้าจะไม่มากล่าวหาว่าใครผิดใครถูกหรืออย่างไร แต่น้าแค่อยากบอกว่า ตั้งแต่น้าเลี้ยงลูกน้ามา น้าเห็นเขาเสียใจหนักๆ สองครั้ง ครั้งแรกก็ตอนที่เจย์เดนย้ายไปอเมริกา ครั้งที่สองก็เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และน้าก็ไม่อยากเห็นลูกสาวน้าต้องเสียใจอีก น้าพูดแค่นี้หวังว่าเจย์เดนจะเข้าใจนะ”เจฟฟ์ก้มหน้า“ครับผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นครับคุณน้า”“น้าไม่รู้ว่าอนาคตของคนทั้งคู่จะเป็นอย่างไร ทั้งคู่รักกันมากน้อยแค่ไหน”“ผมรักพี่แป้งจริงๆ นะครับ คุณน้า”“เจย์เดนก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือว่า แค่คำว่ารักมันอาจจะไม่เพียงพอ แต่มันจะต้องมีความไว้ใจและเชื่อใจกันด้วย” เจฟฟ์สบตากับปิ่นมณีแล้วทั้งคู่ก็พูดคุยกันไปเกือบสองชั่วโมงทำให้เจฟฟ์คิดอะไรได้หลายอย่าง“น้าว่าเจย์

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status