บทที่ 6 รักมากเกลียดมาก
“ปล่อยนะคะ ฉันเจ็บ!”
ยิ่งบิดแขนออกมากเท่าไหร่ แรงบีบจากฝ่ามือของสหรัฐก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ความโกรธเกลียดที่ชายหนุ่มมีต่อเธอไม่เคยลดลงเลย มีแต่จะมากขึ้นเมื่ออีกฝ่ายมาอยู่ตรงหน้าแบบนี้
รักมาก...ก็เกลียดมาก...และแค้นมาก...
หลากหลายความรู้สึกตีกันจนยุ่งเหยิง เขาอยากทำให้เธอเจ็บเหมือนที่ครั้งหนึ่งพิมพ์พธูเคยยัดเยียดความทรมานเจียนตายนั้นให้กับเขา โดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ทว่าเพียงแค่ได้สบตากัน...หัวใจแข็งกระด้างของชายหนุ่มแทบจะอ่อนยวบแล้วลืมสิ้นถึงสิ่งที่อีกฝ่ายเคยทำเอาไว้
“เจ็บแค่นี้มันยังน้อยไป อย่ามาสำออย!”
พลั่ก!
เขาสะบัดเธอทิ้งจนคนตัวเล็กล้มถลาลงไปกองกับพื้นทราย พิมพ์พธูพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ด้วยคิดว่ามันคือสิ่งที่ต้องชดใช้ให้กับชายหนุ่ม ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดเริ่มมาจากที่เธอทิ้งเขาไป แล้วจะเรียกร้องเอาอะไรได้ หากจะถูกเขาเกลียดชังมากขนาดนี้
มันก็สมควรแล้ว
“เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้เถอะ พองานแต่งงานเสร็จสิ้นลง เธอจะไม่ต่างอะไรกับลูกนกในกำมือของฉัน จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด”
“ค่ะ”
หญิงสาวรับคำโดยไม่เงยหน้ามองเขา เธอรอจนกระทั่งเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ทิ้งห่างออกไปจึงเริ่มส่งเสียงสะอื้นเบา ๆ ออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ กอดเข่าตนเองแล้วซบหน้าลงร้องไห้
ให้เธอทนคิดถึงเขาตลอดไปทั้งชีวิตยังดีเสียกว่า ให้ต้องมาทนเห็นเขาทุกวันแต่ไม่สามารถแสดงความรักที่มีในใจให้เขารับรู้ได้ เธอไม่มีความกล้ามากพอจะทำแบบนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำขออภัยจากสหรัฐด้วยซ้ำ เพราะการถูกเขาเกลียดมันคือบทลงโทษของผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอแล้ว
เมื่อหวนนึกถึงวันที่โชคชะตาเล่นตลกให้ต้องทำร้ายจิตใจเขาอีกครั้ง
‘ไม่...พี่ไม่เลิก พิมพ์อยากให้พี่ทำอะไรพี่ยอมทุกอย่างเลย ขออย่างเดียว อย่าทิ้งพี่เลยนะ’
‘พิมพ์รำคาญ! พี่ได้ยินมั้ย ว่าพิมพ์รำคาญพี่ จะอะไรนักหนา ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยค่ะ’
หล่อนแกะมือเขาออกแล้วค่อย ๆ เดินหันหลังจากมา ได้ยินเพียงเสียงสะอื้นไห้ของชายหนุ่มชัดเจน แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้
เขาไม่มีวันรับรู้เลยว่า...ขณะที่ตนเองกำลังร้องไห้อยู่นั้น ผู้หญิงที่กำลังเดินจากมาคนนี้…ก็ร่ำไห้แทบขาดใจไม่แพ้กัน หัวใจของหญิงสาวแตกละเอียดเป็นผุยผง
ลาก่อน...รักแรกและรักสุดท้ายของพิมพ์
จากนี้ไปพิมพ์พธูจะขอเป็นคนจดจำความรักครั้งนี้และเขาตลอดไปเอง
“ฮึก...ฮือ...”
เสียงหวานเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด เธอเงยหน้ามองฟ้าและดวงดาวพร่างพราวบนนั้นราวกับต้องการจะโทษลิขิตพวกนี้ที่ส่งเธอกลับมาเจอสหรัฐอีกครั้ง
ผลคือเมื่อคืนพิมพ์พธูกลับมาร้องไห้ต่อในห้อง จนกระทั่งผล็อยหลับไป โชคดีที่ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ในมือถือจนเป็นนิสัยทุกหกโมงเช้า เลยทำให้ไม่ตื่นสายตั้งแต่วันแรก แค่นี้เขาก็ดูถูกต่อว่าเธอเป็นผู้หญิงไม่ดีตั้งเท่าไหร่แล้ว ถ้ามาเห็นนอนตื่นสายตะวันโด่งคงไม่พ้นเหยียดหยามกันอีก
หลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยเธอก็ออกมาที่ห้องครัว และเจอกับป้าชื่นที่กำลังเตรียมมื้อเช้าสำหรับวันนี้อยู่พอดี หญิงสาวจึงรีบเข้าไปทักทาย เพราะเมื่อวานมีเรื่องยุ่งเยอะแยะไปหมดจนไม่ได้ทำความรู้จักกับใครเลย
“สวัสดีค่ะ”
เธอยกมือไหว้ ทำเอาป้าชื่นรีบยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน
“ตายแล้วคุณนาย อย่าไหว้ป้าค่ะ ป้าเป็นแค่คนใช้ ส่วนคุณนายคือเมียของนายหัวนะคะ”
“ไม่หรอกค่ะ ป้าเป็นผู้ใหญ่กว่าหนู หนูต้องเคารพป้าถูกแล้วค่ะ”
คำตอบแสนน่ารักทำให้ป้าชื่นเอ็นดูเธอแต่แรกเห็นทันที รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งให้พิมพ์พธูอย่างเป็นมิตร
“คุณนายน่ารักอย่างนี้นี่เอง นายหัวถึงได้เลือกมาแต่งงานด้วย”
“ระ...เหรอคะ”
เธอส่งยิ้มแห้ง ๆ กลับไป ความจริงคือเขาแต่งงานเพื่อจะแก้แค้นเธอต่างหาก จากนี้ไปยังไม่รู้ชะตากรรมของตนเองเลยว่าจะถูกเขากระทำย่ำยีแค่ไหน
“แล้วคุณนายมาทำอะไรในครัวหรือคะ หรือว่าหิวแล้ว”
“เปล่าค่ะ หนูอยากมาช่วยทำมื้อเช้าได้มั้ยคะ”
ป้าชื่นมองด้วยสายตามีเลศนัย เพราะคิดว่าว่าที่ภรรยาของเจ้านายอยากจะเอาใจเขาด้วยการโชว์เสน่ห์ปลายจวักของตนเอง
“ได้สิคะ ทำไมจะไม่ได้ วันนี้คุณนายอวดฝีมือได้เลยค่ะ เดี๋ยวป้าเป็นลูกมือเอง”
“อุ๊ย ไม่เป็นไรค่ะ หนูเป็นลูกมือก็ได้ หนูไม่ได้อยากทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาป้าชื่นนะคะ”
พิมพ์พธูอธิบาย กลัวจะถูกเข้าใจผิดว่าพยายามเอาหน้า เธอก็แค่ทำนู่นทำนี่ด้วยตัวเองมาตลอดชีวิตจนชินแล้วก็เท่านั้น
“ตามสบายเลยค่ะ ป้าไม่คิดมากหรอก ว่าแต่...คิดไว้หรือยังคะว่าจะทำอะไรเป็นอาหารเช้า”
“อืม...”
หญิงสาวทำท่าครุ่นคิด ทุกเรื่องเกี่ยวกับสหรัฐหล่อนยังจำได้แม่นยำทุกอย่าง ตั้งแต่สีที่ชอบไปจนถึงไซซ์กางเกงใน เรื่องทำมื้อเช้าให้ถูกปากมันง่ายนิดเดียว
พิมพ์พธูเปิดตู้เย็นดูวัตถุดิบอื่น ๆ ที่ต้องการว่ามีหรือไม่ ก่อนจะพบว่ามีครบราวกับในตู้นี้คือซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดย่อม ช่างต่างจากตอนหล่อนอยู่กับบิดา บางวันแทบไม่มีข้าวสารกรอกหม้อเสียด้วยซ้ำ พอได้มาเห็นของมากมายรอให้เธอนำพวกมันมาประกอบอาหารแล้วก็อดดีใจไม่ได้
เข้าทางคนชอบทำกับข้าวจริง ๆ!
“อย่าบอกนะว่าจะทำ...”
“ค่ะ คุณสหรัฐชอบมาก หนูเลยจะทำอันนี้ค่ะ”
ความประทับใจต่อว่าที่คุณนายของเกาะมุกดายิ่งเพิ่มขึ้นในใจของป้าชื่น นอกจากจะอ่อนหวานน่ารัก หล่อนยังรู้สิ่งที่เจ้านายของป้าชอบโดยไม่ต้องบอก มันคือความใส่ใจที่มีแต่คนรักกันเท่านั้นจะจำได้และพร้อมทำให้
พิมพ์พธูลงมือทำเองทุกขั้นตอนจนป้าชื่นแทบไม่ต้องช่วยเหลืออะไร หล่อนได้แต่ยืนมองดูความคล่องแคล่วของหญิงสาว แล้วรู้สึกได้เลยว่าสหรัฐคิดถูกที่เลือกแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ ไม่นานนักข้าวผัดกระเทียมเบค่อนของโปรดของชายหนุ่มก็เสร็จส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งครัว เธอตักมันใส่จานแล้ววางผักตกแต่งอย่างสวยงาม
“เสร็จแล้วค่ะ”
“น่ากินมากเลยค่ะคุณนาย เดี๋ยวป้ายกไปเตรียมไว้ที่โต๊ะนะคะ”
หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะตักข้าวผัดใส่จานอื่นต่อสำหรับส่วนของเธอและบิดา และเปิดตู้เย็นเพื่อเอาวัตถุดิบที่ยังเหลือเก็บแช่ตามเดิม
“ป้าชื่น กลิ่นอะไรเหรอ หอมจนผมตื่นเลยเนี่ย”
“อ้าวนายหัว กลิ่นข้าวผัดกระเทียมเบค่อนของโปรดนายนั่นแหละค่ะ”
ป้าชื่นหยุดอยู่ตรงประตูทางเข้าห้องครัวพอดิบพอดี โดยมีร่างสูงยืนขวางอยู่ตรงหน้า เขามองไม่เห็นพิมพ์พธูเพราะประตูตู้เย็นมันบังอยู่
“จริงเหรอ ไหนผมขอชิมหน่อย”
“เชิญเลยค่ะ”
เขารับช้อนไปแล้วตักกินก่อนดวงตาคมจะวาววับ
“อร่อยมากเลยป้าชื่น ฝีมือพัฒนาขึ้นนะเนี่ย”
เสียงทุ้มเอ่ยชม ก่อนตักคำต่อไปเข้าปาก และดูท่าน่าจะเจริญอาหารกว่าทุกครั้ง
“ป้าไม่ได้เป็นคนทำหรอกค่ะ”
“อ้าว แล้วใครทำ...”
ถามยังไม่ทันจบประตูตู้เย็นก็ปิดลง เผยให้เห็นร่างเล็กที่ยืนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ หล่อนสวมผ้ากันเปื้อนเอาไว้ แค่นั้นก็พอจะเป็นคำตอบให้เขาได้แล้วว่าใครคือคนทำข้าวผัดที่แสนจะถูกปากเขาจานนี้
ตอนพิเศษ ของขวัญที่แสนพิเศษหลายปีต่อมา…“เอ้า ดื่ม!”เสียงโหวกเหวกโวยวายตามประสาผู้ชายขี้เมาดังขึ้น ธีรภัทร์ชูแก้วเหล้าไปตรงหน้าเพื่อนทั้งสี่คน ที่นัดมาดื่มสังสรรค์กันที่บ้านด้วยตัวเขาเองไม่อยากจะออกไปดื่มกินที่ไหน“พวกเราต้องกินให้เต็มที่นะเว้ย เพราะตั้งแต่ไอ้ภีมแต่งงานมีเมียเนี่ย มันเหมือนพระเข้าไปทุกวัน นอนเร็ว งดเที่ยว จนเพื่อนฝูงแทบจะจำหน้ามันไม่ได้แล้ว”เสียงหัวเราะร่วนอย่างสนุกสนานดังขึ้นอีกครั้ง“ถามจริงเถอะครับไอ้คุณภีม เมียเด็กของมึงนี่ โหดมากเหรอวะ มึงถึงได้ทำตัวเป็นลูกเสือแรกเกิดอยู่ในโอวาทเมียเสียเหลือเกิน”เสียงแซวของกันต์เพื่อนรักดังขึ้นอีกหน“มึงเมาก็กลับบ้านไปนอนไป”ธีรภัทร์ส่ายหน้าให้ ก่อนจะกระดกเหล้าในแก้วดื่มพรวดลงคอ ตั้งแต่มาถึงบ้านแต่ละคนไม่หยุดล้อเลียนเขาเรื่องเขมมิกาเลย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบสายตาจับผิดของพวกเพื่อน ๆ“มองอะไรกัน กูไม่ได้กลัวเมีย”“พวกกูก็ไม่ได้พูดสักคำว่ามึงกลัวเมีย”เหมือนจะร้อนตัวรีบบอกออกไป แต่นั่นกลายเป็นว่าเขายอมรับแล้วสินะว่าเขามันคนกลัวเมีย“กู…”ไม่ทันได้ปฏิเสธ ก็ต้องกลืนทุกอย่างลงคอไป เมื่อร่างบางระหงเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ใบหน้าของเ
บทที่ 30 จบบริบูรณ์ NCอาการของเขมมิกาดีขึ้นตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักตามร่างกาย มีเพียงร่องรอยฟกช้ำเท่านั้น อีกทั้งได้บุรุษพยาบาลดีทำให้สภาพจิตใจของเธอเองก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเช่นกันก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องผู้ป่วยดังขึ้นพอเป็นพิธี ก่อนที่ร่างสูงสง่าของเจ้าสัวธนาจะเดินเข้ามา ในมือของท่านมีกระเช้าของเยี่ยมติดมือไปมาด้วย มากไปกว่านั้นใบหน้าเกรงขามดุดันเวลานี้กลับประดับไปด้วยรอยยิ้มใจดีสองคู่รักหันหน้ามองกันเลิ่กลั่ก ธีรภัทร์ถึงขั้นขยี้ตาตัวเองด้วยไม่นึกไม่ฝันว่าจะเห็นบิดาที่นี่“สวัสดีค่ะ”มือเล็กยกขึ้นไหว้ ภาพจำในคืนดินเนอร์ยังตราตรึงไม่หาย ก็จะให้ลืมง่าย ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อพ่อของว่าที่สามีทำหล่อนร้องไห้กลับบ้าน แถมนั่งน้ำตาแตกนานอยู่หลายชั่วโมง“เป็นยังไงบ้าง”เจ้าสัวธนาวางกระเช้าของเยี่ยมลงบนโต๊ะข้างเตียง เอ่ยถามด้วยใบหน้าปกติอย่างที่สุด ราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางแคลงใจกันมาก่อน“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ มะรืนก็น่าจะกลับบ้านได้แล้วค่ะ”เขมมิกาตอบพลางชำเลืองสายตามองคนตัวสูงด้านข้าง“พักให้หายดีก่อน แล้วค่อยกลับ ค่ารักษาพยาบาลเดี๋ยวพ่อจ่ายเอง”“คะ?”พะ พ่ออย
บทที่ 29 พี่มาช่วยแล้ว“กรี๊ด!!!”เสียงกรีดร้องของเขมมิกาดังขึ้นเมื่อชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยมสองคนกระโจนเข้ามาแล้วลากเธอกลับขึ้นไปบนเตียง หมายจะปลุกปล้ำทำลายเธอ ที่ตรงมุมห้องหญิงสาวอีกคนที่คิดว่าเดินจากไปแล้วกำลังยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่ออัดคลิปวิดีโอ“ปล่อยนะ ปล่อยนะไอ้พวกชั่ว ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที”เขมมิกาพยายามปัดป้องไม่ให้ไอ้พวกคนชั่วข่มเหงเธอได้ ปากเล็กตะโกนร้องเรียกให้คนช่วย เวลานี้ในสถานที่แบบนี้ใครกันจะมาช่วยเธอได้ น้ำตาเม็ดแล้วเม็ดเล่าไหลพรากอาบสองแก้มบวมช้ำ ในใจคิดถึงแต่หน้าชายคนรัก‘พี่ภีมขา ช่วยขิมด้วย..’แควก! แควก!“กรี๊ด!!! ปล่อยนะ ปล่อย!”เสียงเสื้อผ้าขาดวิ่นจากการถูกกระชากดังขึ้น พร้อมเสียงกรีดร้องของเขมมิกา มือเล็กยกขึ้นปกปิดส่วนสงวนของตนเอง ร่างเล็กสั่นเทิ้มด้วยความกลัวจนสุดขีด เขมมิกาถดกายไปจนสุดขอบเตียงนอน แผ่นหลังเล็กแนบไปกับฝาบ้าน ดวงตากลมโตสั่นระริกส่ายหน้าไปมางันงก ตั้งแต่เกิดมาหล่อนไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้มาก่อนทำไมมนุษย์ถึงต่ำช้ากับมนุษย์ด้วยกันได้ลงคอ…หนึ่งในชายโฉด กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ยกมือข้างที่ถือเศษชิ้นส่วนเสื้อผ้าของหญิงสาวขึ้นมาสูดดมก่
บทที่ 28 แม่นกต่อ 2“ขิมขับเข้าไปอีกหน่อยนะลูก ห้องพักของแม่อยู่ในซอยข้างหน้านี้แหละจ้ะ”เอมอรชี้ไปที่ปากทางเข้าซอยเล็กแคบ ที่ดูยังไงรถของเธอก็เข้าไปไม่ได้“รถขิมน่าจะเข้าไปไม่ได้นะคะ ซอยเล็กขนาดนี้ เราคงต้องลงเดินแล้วล่ะค่ะ”เขมมิกาจอดรถตรงปากทางเข้า หล่อนชะโงกหน้ามองถนนเล็กน้อย ตรงนี้มันทั้งมืดทั้งเปลี่ยว ก่อนจะหันมามองมารดาที่เริ่มเมาได้ที่ หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองทางเข้าซอยอีกครั้งปล่อยแม่เดินกลับเข้าบ้านไปตามลำพังคงจะไม่ได้ มันอันตรายเกินไป ในใจก็คิดไปถึงการหาที่อยู่ใหม่ให้ผู้เป็นแม่ หญิงสาวตัดสินใจดับเครื่องยนต์แล้วเดินลงจากรถ อ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่ง ก่อนจะประคองร่างหนักอึ้งของมารดาออกมา“ไหวมั้ยคะ แม่ระวังหัวค่ะ ค่อย ๆ นะคะ เดี๋ยวขิมไปส่งที่บ้านนะ”“โอ๊ย ไม่เป็นไรหรอกลูก กลับไปพักเถอะ อีกนิดเดียวเอง แม่เดินไปเองได้”เอมอรยกมือโบก ทำท่าจะดันร่างเล็กของลูกสาวออก ก่อนจะขาอ่อนแรงเดือดร้อนเขมมิกาต้องรีบประคองช่วย พาหิ้วปีกเดินเข้าซอยเล็กอย่างทุลักทุเล ข้างหน้ามีแสงไฟสลัว ๆ จากหลอดไฟนีออนของบ้านคน เดินไปอีกนิดก็เจอสะพานไม้เก่าข้ามคูคลอง ได้กลิ่นน้ำเน่าลอยแตะจมูก สภา
บทที่ 27 แม่นกต่อ 1“เอางี้ดีกว่า แม่ไม่อยากคลาดกับขิมอีก เดี๋ยวแม่นั่งรอแถว ๆ นี้ก็ได้ หรือถ้าขิมกลัวอายคนอื่นเดี๋ยวแม่ไปนั่งรอตรงป้ายรถเมล์ก็ได้นะลูก ดะ.. ดูนี่สิ แม่เพิ่งได้ค่าแรงมา วันนี้ให้แม่ได้เลี้ยงข้าวลูกสักมื้อเถอะนะ”เอมอรล้วงเงินในกระเป๋าผ้าออกมานับรวมเหรียญแล้วได้เงินสามร้อยหกสิบแปดบาท ซึ่งเป็นค่าแรงที่หล่อนบอกว่า แบ่งเก็บไว้จากการทำงานสามวัน ใบหน้าอิดโรยพยายามยิ้มกว้างอวดเงินในมืออย่างภาคภูมิใจ“ก็ได้ค่ะ แต่แม่รอตรงป้ายรถเมล์หรือรอตรงนี้ไม่ได้หรอก อากาศร้อนแบบนี้ได้เป็นลมเป็นแล้งกันพอดี ฝั่งโน้นมีร้านสปา ขิมว่าแม่ไปนอนรอให้เขานวดตัวให้สักสามชั่วโมงดีกว่าค่ะ เดี๋ยววันนี้ขิมจะขอลาหัวหน้าขอกลับก่อน บ่ายสามเดี๋ยวขิมไปรับนะคะ หรือถ้าแม่หิวแม่หาอะไรรองท้องก่อนได้เลยนะคะ”“อื้อ ได้ ๆ เอาตามนี้ละกัน”เอมอรพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของลูกสาว เขมมิกาหยิบธนบัตรจากกระเป๋าเงินส่งให้ผู้เป็นแม่สองพันเงินจำนวนนี้ทำเอมอรตาลุกวาว ในใจก็เริ่มคิดว่าบางทีเขมมิกาก็อาจช่วยให้หล่อนไม่ลำบากได้เช่นกันคล้อยหลังเขมมิกา เอมอรก็ล้วงโทรศัพท์มือถือที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อออกมาก่อนจะพิมพ์ข้อความรายงานความคื
บทที่ 26 สารภาพรัก 2 NC“พี่รักขิมนะ”เสียงทุ้มกระซิบบอกรักซ้ำ ๆ คนตัวเล็กในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมอง น้ำตามากมายไหลอาบสองแก้มแดงเรื่อ ธีรภัทร์ก้มลงจูบซับสองเปลือกตาอย่างรักใคร่“พี่ภีมรักขิมจริง ๆ หรือคะ”เพราะเขาไม่เคยบอก และเธอก็ไม่เคยคาดหวังว่าจะได้ยินคำคำนี้ออกจากปากชายหนุ่ม ผู้ชายที่ตั้งกำแพงความสัมพันธ์ตั้งแต่วันแรกที่มาเหยียบที่นี่“ถ้าไม่จริงพี่คงไม่พาเธอไปเปิดตัวกับคุณพ่อ และก็คงไม่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่าจะเลือกเธอ”การกระทำของเขาสำคัญกว่าคำพูดเสมอ ถึงแม้จะรู้แบบนั้น แต่เขมมิกาก็อยากจะได้รับคำยืนยันจากปากของเขาอยู่ดี“พี่รักขิม”“…”“รักขิมคนเดียว”ธีรภัทร์โน้มใบหน้าลงมาอีกครั้ง สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดกันและกัน เขมมิกาหลับตาพริ้มปล่อยตัวปล่อยใจรับจูบอ่อนหวานจากเขา เรียวลิ้นสากชำแรกเข้ามาในโพรงปากเล็ก วงแขนแข็งแรงกอดรัดเอวบางแนบแน่น มือข้างหนึ่งบีบขยำเต้าอวบหนักสลับเบาปลุกเร้าอารมณ์คนในอ้อมกอด ก่อนจะใช้มือเพียงข้างเดียวปลดกระดุมเสื้อทั้งหมด ก่อนจะสอดมือไปปลดตะขอบราเซียและเปลื้องทุกอย่างออกในคราเดียวกัน นิ้วโป้งบีบบี้เม็ดทับทิมสีเรื่อจนเขมมิกาเสียวสะท้านไปทั้งร่าง ส่งเสียงค