หนิงเหมยที่ได้ยินคำพูดของนางโม่วโฉวก็จ้องมองอย่างสงสัย ก่อนจะเอ่ยถามออกมา
“ทำไมหรือคะ หรือคุณแม่คิดว่าฉันไม่กล้า?”
“คนอย่างหล่อนน่ะหรือจะกล้าทำอะไรแบบนั้น ฉันเป็นแม่ของของตงหยางถ้าเกิดเขารู้ว่าหล่อนทำอะไรกับฉันไว้บ้างเขาคงจะไม่พอใจแน่” นางโม่วโฉวเอ่ยแกมขมขู่
“ฮ่าๆ … คุณแม่อย่าคิดจะเอาสามีมาขู่ฉันเลยค่ะ เขาจะมาโกรธอะไรกับคนที่คอยดูแลเขาอย่างฉันได้”
“นั่นมันก็…” นางโม่วโฉวรู้สึกว่ายิ่งเถียงกับหนิงเหมยมากเท่าไหร่ตนเองก็ยิ่งเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยที่จะต้องมารู้สึกแบบนี้แท้ๆ!
นางหม่าที่เห็นว่านางโม่วโฉวได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ คิดคำเถียงไม่ออกจึงได้แต่เอ่ยขึ้นมาอย่างห้ามทัพหลังจากที่ฟังมานาน
“นางโม่วหล่อนจะมาเอาอะไรกับนังหนูเหมยอีกเล่า! ทุกวันนี้ครอบครัวลูกชายคนโตของหล่อนก็ลำบากมาตลอดไม่ใช่หรือ ที่ทุกวันนี้เขาพิการก็ไม่ใช่เพราะหล่อนหรือยังไง?
ทั้งๆ ที่หนิงเหมยเพิ่งจะหาทางอ้าปากรอดได้ แต่หล่อนก็คิดจะมาแย่งออกไปอีก หล่อนคิดจะให้พวกเขาตายจริงๆ เลยหรือยังไง ทำแบบนี้ไม่อำมหิตเกินไปหรือ?!”
‘นั่นสิ หล่อนคิดจะให้ทั้งสองคนตายจริงๆ เลยหรือยังไงกัน?!’
‘คนบ้านอี้ใจดำอำมหิตกันเกินไปแล้วหรือยังไงกัน ตงหยางก็ลูกชายของตัวเองไม่ใช่หรือยังไง’
'หล่อยอย่าพูดไปเลย ตั้งแต่แต่งนางโม่วโฉวเข้าบ้านมาฉันไม่เห็นตาเฒ่าอี้จะสนใจดูดำดูดีตงหยางเลยสักนิด!’
‘เฮ้อ… ฉันล่ะสงสารตงหยางจริงๆ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร’
‘นี่สินะที่เขาบอกกันว่ามีแม่เลี้ยงก็เหมือนได้พ่อเลี้ยง…’
‘ฉันสงสารหนิงเหมยจริงๆ ต้องขึ้นเขาเสี่ยงอันตรายไปล่าหมูป่ามาขายเพื่อหาเงินมารักษาตงหยางแท้ๆ แต่คนบ้านอี้ก็ยังตามรังควานไม่เลิก …น่าเห็นใจๆ’
เสียงซุบซิบนินทาของชาวบ้านที่พากันมายืนดูความสนุก เนื่องจากพวกเธอยืนโต้เถียงกันมานานแล้วนางโม่วโฉวก็เป็นคนเสียงดังทำให้ยิ่งเป็นจุดสนใจของชาวบ้าน
หนิงเหมยที่ได้ยินเสียงซุบซิบของชาวบ้านก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนอกจากชอบใจ ต่างจากนางโม่วโฉวที่เป็นต้นเหตุของการซุบซิบ
“หุบปาก! ไม่ใช่เรื่องของพวกหล่อน อย่าได้สอดปากเข้ามายุ่งเรื่องครอบครัวฉัน! ในเมื่อหนิงเหมยแต่งเข้าบ้านอี้มาก็ต้องกตัญญูต่อคนบ้านอี้ไม่ใช่หรือยังไง?!
ส่วนหล่อนนางหม่า หล่อนคิดว่าตัวเองเป็นใครกันที่จะมาพูดสอนฉัน!” นางโม่วโฉวตะหวาดออกมาด้วยความไม่พอใจ และรู้สึกอับอายที่โดนชาวบ้านพวกนี้ต่อว่านินทา!
“หล่อนจะพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก ในเมื่อหล่อนยื่นหนังสือตัดขาดกับลูกชายคนโตของหล่อนแล้วไม่ใช่หรือ?
ตั้งแต่ตงหยางบาดเจ็บจนเดินไม่ได้ฉันก็ไม่เห็นจะมีใครในคนบ้านอี้มาเยี่ยมเลยสักคน นอกจากคิดจะมาลักขโมยของจากบ้านตงหยาง หึ! ฉันล่ะไม่เข้าใจพวกหล่อนจริงๆ จิตใจทำด้วยอะไรกันถึงได้ทำร้ายพวกเขาได้ถึงขนาดนี้?!” นางหม่าที่รู้และเห็นทุกอย่างแล้วรู้สึกสงสารเวทนาในโชคชะตาของคนทั้งสองอยู่แล้ว ยิ่งเห็นนางโม่วโฉวคิดไม่ได้ก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ
‘จริงด้วย ตั้งแต่ที่ตงหยางป่วยฉันก็ไม่เคยเห็นคนบ้านอี้มาเยี่ยมเขาเลยสักครั้ง’
‘นั่นสิ แต่ฉันเคยเห็นนางโม่วโฉวไปบ้านตงหยางตอนเย็นๆ ด้วยล่ะ ตอนไปมือเปล่าแต่ตอนกลับได้ของเต็มมือ! ไม่รู้ว่าหล่อนไปขโมยของที่หนิงเหมยหามาได้หรือเปล่า’
‘ถ้าเป็นแบบนี้ไม่เกินไปหรือ หนิงเหมยหล่อนก็หาเลี้ยงสามีที่ป่วยเพียงคนเดียวยังจะไปขโมยของของหล่อนอีก คนบ้านอี้นี่โหดร้ายกันเกิดไปแล้ว’
เสียงซุบซิบนินทาของชาวบ้านเอ่ยขึ้นเป็นระยะๆ แต่ไปในทางเดียวกันคือเห็นด้วยกันกับนางหม่า ว่าคนบ้านอี้ใจดำอำมหิตเกินไป!
“แล้วมันเป็นธุระกงการอะไรของหล่อนหรือถึงได้สอดปากเข้ามายุ่ง? กะอีแค่คนแก่ข้างบ้านอย่าแส่ทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย ถุ้ย!”
หนิงเหมยที่เห็นป้าหม่าทำท่าทางจะโต้เถียงนางโม่วโฉวก็รีบจับแขนเอาไว้แล้วส่ายหัวไม่ให้ป้าหม่าต้องมาเถียงกับนางโม่วโฉวให้เสียสุขภาพจิต
นางหม่าที่รู้ว่าหนิงเหมยต้องการอะไรก็ได้แต่เงียบลง หุบปากฉับไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก
“คุณแม่อย่ามัวแต่เสียเวลาเถียงกับป้าหม่าอยู่เลยค่ะ ฉันว่าคุณแม่ไปเถอะ ถ้ายังไม่ไปฉันจะให้คนไปแจ้งหัวหน้าหมู่บ้านมาจริงๆ เพราะฉันเสียเวลามามากแล้วค่ะ”
“นี่…นี่! หล่อนกล้าหรือ?!”
หนิงเหมยได้แต่ยิ้มอ่อน ก่อนที่จะตอบออกมาอย่างไร้เยื่อใย
“ค่ะ ฉันกล้า! ฉันเบื่อที่จะต้องมายุ่งเกี่ยวกับคนเห็นแก่ตัวอย่างคนบ้านอี้แล้วค่ะ ชาตินี้ต่อให้ตายก็ไม่คิดยุ่งเกี่ยว!” หนิงเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่ารับรู้ได้ถึงความแน่วแน่
“ได้! ในเมื่อหล่อนจองหองอย่างนี้ ต่อให้เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็อย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีกเลย!”
นางโม่วโฉวที่คิดว่าอีกไม่นานเงินของหนิงเหมยก็จะต้องหมด อีกไม่นานหล่อนต้องคลานเข่ากลับมาขอโทษคนบ้านอี้อย่างแน่นอน!
วันนั้นแหละฉันจะเอาคืนหล่อนให้สาสมกับที่ทำให้ฉันขายหน้าเลยคอยดู!
“ดีค่ะ! ถ้างั้นเชิญคุณแม่ไปเลยนะคะ อย่าได้เดินมาเหยียบแถวบ้านหลังนี้อีกจะดีมากค่ะ!” หนิงเหมยกล่าวพร้อมกับสะบัดมือไล่ใส่นางโม่วโฉวอย่างไม่ใยดี
‘ชิ่วๆ! รีบๆ กลับไปสักทีเถอะ ฉันเหนื่อยจะเถียงกับมนุษย์ป้าจะแย่แล้ว!?’ หนิงเหมยมองนางโม่วโฉวก่อนจะคิดในใจอย่างเหนื่อยหน่าย
นางโม่วโฉวที่เห็นอย่างนั้นก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ นางรีบหันหลังสะบัดตูดเดินกลับออกไปอย่างโกรธแค้น
ส่วนชาวบ้านที่เห็นว่าหมดเรื่องสนุกแล้วต่างก็พากันเดินแยกย้ายกลับไปบ้านใครบ้านมัน
หนิงเหมยที่เถียงจนคอแห้งก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน! ก่อนที่จะหันมามองหน้ากับป้าหม่าแล้วหลุดหัวเราะกันออกมาอย่างขบขัน
ฮ่าๆๆ …“ป้าหม่าสุดยอดไปเลยค่ะ! เถียงสะแม่สามีฉันอึ้งไปเลย ฮิฮิ” หนิงเหมยเอ่ยชมแกมขบขัน“หึหึ! เธอก็ใช่ย่อย ฉันไม่ยักจะรู้ว่าเธอจะปากคอเราะร้ายขนาดนี้ อย่างนี้ฉันเชื่อว่าแค่เธอคนเดียวก็เอานางโม่วโฉวอยู่หมัด”“ป้าหม่าก็ชมเกินไปแล้วค่ะฮ่าๆ …”หนิงเหมยที่เห็นป้าหม่ากวาดตามองขึ้นบนท้องฟ้า“เอ่อ… นี่ก็เย็นแล้วป้าหม่ารีบเข้าบ้านเถอะค่ะ รบกวนป้าหม่ามานานแล้ว”“เพ้ย! รบกงรบกวนอะไรกัน เอาล่ะๆ ถ้าอย่างนั้นฉันเข้าบ้านก่อนส่วนเธอก็กลับบ้านไปได้แล้ว ป่านนี้ตงหยางไม่รอเก้อแล้วหรือ?”“โอ๊ะ! จริงด้วยค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ!”พูดจบหนิงเหมยก็รีบหันหลังสับขาวิ่ง4x100กลับบ้านจนลืมว่าต้องรอให้ป้าหม่าเข้าบ้านไปก่อนนางหม่าที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างยิ้มๆ ก่อนที่จะหันหลังกลับเข้าบ้านของตนเองเช่นกัน“สามีแฮ่กๆ … ฉ…ฉันมาแล้วค่ะ!” หนิงเหมยยืนหอบแฮ่กๆ เอ่ยบอกสามีอย่างขาดห้วงเพราะหายใจไม่ทัน“ภรรยาคุณมาแล้ว ทำไมไปนานจังเลยครับ? แล้วนี่คุณไปทำอะไรมาถึงได้หอบขนาดนี้ล่ะครับ”ตงหยางที่กำลังรอหนิงเหมยอยู่ เมื่อได้ยินเสียงหนิงเหมยก็รีบหันมามองทันที แต่เมื่อเห็นสภาพเหนื่อยหอบของคนเป็นภรรยาก็อดที
ตงหยางที่เห็นสีหน้าตื่นตะลึงของหนิงเหมยก็อดไม่ได้ที่หัวเราะออกมาด้วยความขบขันเอ็นดู“ฮ่าๆ … ภรรยารู้ไหมครับว่าสีหน้าของคุณตอนนี้น่ารักมากขนาดไหน?”“สามีก็พูดชมฉันเกินไปแล้ว แต่จะว่าไปฉันก็รู้ตัวมานานแล้วแหละค่ะว่าฉันน่ะสวย แล้วก็รวยมาก!” หนิงเหมยเอ่ยโอ้อวดตนเองก่อนที่จะค่อยๆ แสร้งเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง“เอ่อ…แต่ภรรยาครับ เรายังไม่รวยเลยกันเลยนะ แบบนี้จะเรียกว่าสวยแล้วก็รวยมากได้ยังไง?”เพล้ง!ไม่ใช่เสียงอะไร แต่เป็นเสียงเศษหน้าของเธอที่แตกเป็นเสี่ยงๆ เอง! สามีหน้าเหม็นคนนี้ชักจะเริ่มพูดจาไม่เข้าหูเธอแล้วจริงๆ!?ตอนนี้ฉันแทบจะถือว่ารวยที่สุดในหมู่บ้านเลยนะตอนนี้น่ะ แต่คุณแค่ไม่รู้ต่างหากเล่า ชิ!หนิงเหมยที่โดนสามีหน้าเหม็นคนนี้เอ่ยขึ้นขัดความสุข เธอก็ถึงกับต้องสะบัดใบหน้าหันไปจ้องมองสามีอย่างไม่ใคร่จะพอใจ!ตงหยางที่โดนภรรยาจ้องมองอย่างไม่พอใจ ก็ถึงกับสะดุ้ง แล้วได้แต่คิดในใจว่าตัวเองพูดอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า จึงเอ่ยปากถามออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ“อ…เอ่อ ภรรยาค…ครับ ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ?”“ไม่ค่ะ! คุณไม่ได้พูดอะไรผิดเลย ผิดที่ฉันมันจนเอง!” พูดจบหนิงเหมยก็สะบัดหน้าหนีสามีอย่างแง่
“อ้อ…ฉันกำลังจะปรับหน้าดินน่ะค่ะ คิดว่าจะใช้ประโยชน์จากแปลงผักที่เหลืออยู่พวกนี้ลองปลูกผักเอาไว้กินเองสักหน่อย”“โอ้! อย่างนั้นหรือ ดีๆๆ! ต่อไปจะได้ไม่ต้องไปซื้อกินปลูกเองแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน แต่การปรับหน้าดินที่เธอพูดมาฉันอยู่จนอายุป่านนี้แล้วก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”หนิงเหมยที่ได้ยินคำพูดของป้าหม่าก็ถึงกับตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนยุคนี้จะยังไม่รู้จักวิธีการปรับหน้าดิน ถึงว่าผักที่พวกชาวบ้านปลูกกันถึงไม่ค่อยจะโตเท่าที่ควร“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แค่บังเอิญไปเห็นในหนังสือตำราว่ามีวิธีการแบบนี้อยู่ด้วยว่าการปรับหน้าดินจะช่วยทำให้พืชผักเติบโตได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม ก็เลยลองทำดูน่ะค่ะ” หนิงเหมยเอ่ยแถออกมาจนสีข้างแทบจะถลอก!“อย่างนั้นหรือ เอาไว้ฉันจะรอดูผักที่เธอปลูกถ้าหากว่าดีจริงๆ เธอก็อย่าลืมมาสอนฉันด้วยล่ะ”“ได้สิคะ ถ้าฉันทำสำเร็จฉันจะไปสอนป้าหม่าเป็นคนแรกเลยค่ะ” ที่หนิงเหมยเอ่ยเช่นนี้ก็เพราะเธอเองก็ไม่ค่อยจะมั่นใจกับวิธีการปรับหน้าดินของเธอเช่นเดียวกัน ถึงเธอจะมีทฤษฎีอยู่เต็มหัวแต่ปฏิบัติเธอก็ยังไม่เคยลองเหมือนกัน!“ฮ่าๆ … ได้ๆ ฉันจะรอ ถ้าอย่างนั้นฉันไม่กวนเธอแล้วล่ะ ฉันกลับบ้านไปทำอาหาร
“ถ้าภรรยาไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมไม่รบกวนคุณหรอก” ตงหยางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาอย่างน่าสงสาร“ฉันยังไม่ได้ตอบคุณเลยว่านอนไม่ได้ แต่เดี๋ยวฉันขอไปอาบน้ำล้างตัวก่อนแล้วเดี๋ยวจะไปยกฟูกมานอนเป็นเพื่อนคุณนะคะสามี”“ได้ครับ ผมจะรอนะครับภรรยา”หนิงเหมยเอ่ยตอบทั้งที่ไม่ได้มองท่าทางตื่นเต้นเกินหน้าเกินตาของคนเป็นสามีเลยแม้แต่น้อยแต่จะตื่นเต้นก็คงไม่แปลกหรอกมั้ง เพราะหนิงเหมยคนเก่ากับตงหยางก็ไม่เคยที่จะเข้าหอกันเลยจริงๆ เลยสักครั้ง ถึงแม้ทั้งคู่จะนอนร่วมเตียงเคียงคู่กันตั้งแต่แต่งงานกันมาแต่นั่นก็เป็นเวลาเพียงแค่3วันเองไม่ใช่หรือ?ยังไม่ทันที่คนทั้งคู่จะได้มีความรู้สึกดีๆ ให้กันเลย ตงหยางก็ต้องกลับไปค่ายทหารโดยที่ต้องทิ้งหนิงเหมยให้ต้องอยู่ร่วมกับคนบ้านอี้อย่างทุกข์ทรมานใจ!ทว่าเวลาผ่านไปเพียงแค่5เดือน ตงหยางผู้เป็นสามีของเธอก็โดนหิ้วกลับมายังหมู่บ้านด้วยสภาพที่เลวร้ายสิ้นดี!“ค่ะ…”หนิงเหมยเอ่ยตอบก็หันหลังออกจากห้องนอนสามี แล้วกลับเข้าห้องตนเองก่อนจะทำการเข้าไปในมิติเพื่ออาบน้ำแต่งตัวเวลาผ่านไปพักใหญ่หนิงเหมยที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกมาจากมิติ พร้อมกับหอบหิ้วฟูก หมอน ผ้าห่มมายังห้
“ป้าหม่าคะ!? ป้าหม่าอยู่บ้านหรือเปล่าคะ” หนิงเหมยตะโกนส่งเสียงข้ามรั้วบ้านด้วยน้ำเสียงที่ดังทำให้ไม่นานภายในบ้านก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวแอ๊ด!“อยู่ๆๆ! เธอรอก่อนนะฉันจะรีบไปเปิดประตูให้” ป้าหม่าเอ่ยพร้อมกับค่อยๆ เดินออกมาเปิดประตูรั้วให้ “มาหาฉันมีอะไรหรือเปล่าล่ะ?”“ฉันจะเข้าตัวเมืองไปซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกน่ะค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะกลับมาทันเวลาที่ตงหยางต้องกินข้าวกินยาตอนเที่ยงไหมฉันเลยอยากจะมารบกวนป้าหม่าให้ดูตงหยางสักหน่อยน่ะค่ะ ถ้าหากฉันกลับไม่ทันก็ฝากป้าหม่านำซาลาเปาบนซึ้งในครัวไปให้ตงหยางกินหน่อยนะคะ …อ่า รบกวนป้าหม่าต้มยาให้เขาด้วยนะคะ ส่วนซาลาเปาบนซึ้งป้าหม่าก็แบ่งไปกินได้เลยนะคะ” หนิงเหมยเอ่ยออกมาอย่างเกรงใจ แต่เธอก็ไม่รู้จะไปรบกวนใครแล้วเช่นกัน“ได้ๆ เธอไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวฉันจะคอยแวะไปดูตงหยางให้เธอเอง” นางหม่าเอ่ยตอบออกมาด้วยท่าทีสบายๆ“ขอบคุณนะคะป้าหม่า เอาไว้ฉันจะซื้อขนมมาฝากอีกนะคะ”“เพ้ย! ไม่ต้องๆ ขนมพวกนั้นมันราคาแพงเกินไปไหนจะต้องใช้คูปองอาหารอีก แบบนั้นมันฟุ่มเฟือยเกินไป”“ถ้าอย่างนั้นเอาไว้พรุ่งนี้ฉันจะทำขนมอร่อยๆ มาให้ป้าหม่าลองชิมก็แล้วกัน ดีไหมคะ?” ในเมื่อป้าหม่าเก
“คุณป้าคะถังหูลู่นี่คุณป้าขายยังไงคะ?” หนิงเหมยมาหยุดยืนถ้าแผงขายถังหูลู่ที่เป็นพุทราเคลือบน้ำตาล“ไม้ละ5เหมาจ้ะ” คุณป้าเอ่ยตอบหนิงเหมยออกมาอย่างยิ้มแย้ม❃ (10 เหมา หรือ 10 เจียว มีค่าเท่ากับ 1 หยวน) เฟิน (10 เฟิน มีค่าเท่ากับ 1 เหมา หรือ 1 เจียว หรือ 100 เฟินมีค่าเท่ากับ 1 หยวน)“ฉันเอา2ไม้ค่ะคุณป้า อืม…เปลี่ยนเป็น4ไม้เลยก็แล้วกันค่ะคุณป้า” ซื้อกลับไปฝากสามีสักไม้สองไม้ก็แล้วกัน!“ได้จ้ะ เธอรอสักครู่นะ”ผ่านไปไม่นานหนิงเหมยก็ได้ถังหูลู่ครบ4ไม้สักที!“4ไม้ ทั้งหมด2หยวนจ้ะ”“นี่ค่ะคุณป้า” หนิงเหมยเอ่ยะร้อมกับยื่นเงินให้คุณป้า“ขอบใจน้ะจ้ะ คราวหน้ามาอุดหนุนใหม่สิเดี๋ยวป้าจะแถมให้เธอเป็นพิเศษเลยล่ะ” คุณป้าเอ่ยออกมาอย่างใจดี“ได้ค่ะคุณป้า เอาไว้คราวหน้าถ้าฉันเข้าเมืองฉันจะมาอุดหนุนอีกนะคะ”“ดีๆๆ”“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะคุณป้า”‘ผมเอาถังหูลู่นี่2ไม้ครับ’ ‘ได้จ้า รอสักครู่นะพ่อหนุ่ม’ “ได้จ้ะ” คุณป้าเอ่ยตอบเธอก่อนที่จะหันไปวุ่นวายกับการขายของให้ลูกค้าที่เข้ามาซื้อหลังจากเธอหนิงเหมยเดินออกจากแผงขายถังหูลู่ ก็หยิบถังหูลู่ขึ้นมา1ไม้ก่อนจะค่อยๆ กัดพุทราเคลือบน้ำตาล‘ก็อร่อยใช้ได้เลยนะเน
หนิงเหมยที่เห็นสายตาออดอ้อนของสามีก็ถึงกับใจอ่อนยวบ!“ได้ค่ะ คุณหลับตาสิคะถ้าคุณลืมตาแบบนี้ฉันจะเช็ดได้ยังไง” หนิงเหมยที่เห็นชายหนุ่มเอาแต่จ้องแต่เธอ เธอจึงแสร้งทำเสียงดุๆ ออกมา“ครับๆ ผมหลับตาแล้วครับภรรยา”หนิงเหมยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก ค่อยๆ ยืนมือที่ถือผ้าเปียกมาเช็ดหน้าให้สามีอย่างเบามือ“ลืมตาได้แล้วมั้งคะ ฉันเช็ดหน้าให้คุณเสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวจะออกไปทำอาหารมาให้คุณก่อน”ตงหยางลืมตามองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างหลงใหล ก่อนที่จะพยักหน้าตอบภรรยาอย่างรับรู้หนิงเหมยถือผ้าออกมาซักตากผึ่งลมเอาไว้ ก่อนที่จะเดินเข้าครัวไปทำอาหารเย็นให้คนเป็นสามีหนิงเหมยตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารอย่างตั้งใจ แล้วก็ไม่ลืมที่จะหยดน้ำวิเศษใส่ไปด้วยเล็กน้อย แม้ว่าหนิงเหมยจะอยากนำน้ำวิเศษไปให้สามีกินเพื่อที่จะได้หายเสียทีแต่เธอก็คิดว่าถ้าทำแบบนั้นไปมันจะเสี่ยงต่อตัวเธอเองเกินไปหรือเปล่ายิ่งยุคนี้ห้ามพูดถึงเรื่องความเชื่อผีสางปีศาจอะไรแบบนี้ด้วย ขืนถ้าสามีเธอรู้ความลับนี้ของเธอแล้วคิดว่าเธอเป็นปีศาจ เขาจะไม่จับเธอไปถ่วงน้ำจนตายเลยหรือ?!เธออยากรอให้มั่นใจกว่านี้เสียก่อนว่าถ้าหากบอกความลับนี้กับสามีไป สามีของเธอจ
นัยย์ตาเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา แต่ทว่าหญิงสาวกลับพยายามฝืนยื้มออกมาอย่างสุดกำลัง ก่อนจะค่อยๆ ยกถาดอาหารกลางวันเข้าไปให้สามี“สามีกินข้าวก่อนนะคะ จะได้กินยา”ทันทีที่หญิงสาววางถาดอาหารลงบนโต๊ะ กำลังจะช่วยสามีพยุงตัวขึ้นมานั่ง แต่เธอกับรู้สึกว่าสามีของเธอมีบางอย่างที่แปลกไป แต่ไม่รู้ว่าแปลกตรงที่ใดเมื่อช่วยสามีลุกขึ้นนั่งสำเร็จหญิงสาวก็หันไปยกถาดอาหารมาให้สามี แต่ถ้อยคำของสามีกับดึงความสนใจของเธอได้ชะงัดดังคาด“ภรรยา… ผมขอโทษนะครับที่ผมมันไร้ประโยชน์ คุณเสียใจมากหรือเปล่าครับที่ผมเป็นแบบนี้? ขนาดผมยังรู้สึกสมเพชตัวเองเลย!คุณเสียใจมากหรือเปล่าที่ได้แต่งงานกับผม ผม…ฮึก! ผมขอโทษนะครับภรรยาที่ทำให้คุณต้องมาลำบากขนาดนี้ ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะผม เพราะผมมันไม่ดีเองเพราะผมมันไม่ได้เรื่อง” ความรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์อย่างรุนแรงโถมทะลักออกมาจากเบื้องลึกของจิตใจ ทว่าถ้อยคำของเขากับแฝงไปด้วยความเย้ยหยันคำพูดของเขาทำให้เธอขอบตาร้อนผ่าว“ฉันไม่เคยรู้สึกเสียใจเลยค่ะ สามี…คุณอย่าโทษตัวเองไปเลยนะคะ คุณต้องเชื่อฉันนะคะเชื่อมั่นในตัวฉันว่าอีกไม่นานคุณจะต้องหายดี”“ภรรยาผม…อึก! ผมจะสามารถกลับมาเดินได้จร
นัยย์ตาเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา แต่ทว่าหญิงสาวกลับพยายามฝืนยื้มออกมาอย่างสุดกำลัง ก่อนจะค่อยๆ ยกถาดอาหารกลางวันเข้าไปให้สามี“สามีกินข้าวก่อนนะคะ จะได้กินยา”ทันทีที่หญิงสาววางถาดอาหารลงบนโต๊ะ กำลังจะช่วยสามีพยุงตัวขึ้นมานั่ง แต่เธอกับรู้สึกว่าสามีของเธอมีบางอย่างที่แปลกไป แต่ไม่รู้ว่าแปลกตรงที่ใดเมื่อช่วยสามีลุกขึ้นนั่งสำเร็จหญิงสาวก็หันไปยกถาดอาหารมาให้สามี แต่ถ้อยคำของสามีกับดึงความสนใจของเธอได้ชะงัดดังคาด“ภรรยา… ผมขอโทษนะครับที่ผมมันไร้ประโยชน์ คุณเสียใจมากหรือเปล่าครับที่ผมเป็นแบบนี้? ขนาดผมยังรู้สึกสมเพชตัวเองเลย!คุณเสียใจมากหรือเปล่าที่ได้แต่งงานกับผม ผม…ฮึก! ผมขอโทษนะครับภรรยาที่ทำให้คุณต้องมาลำบากขนาดนี้ ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะผม เพราะผมมันไม่ดีเองเพราะผมมันไม่ได้เรื่อง” ความรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์อย่างรุนแรงโถมทะลักออกมาจากเบื้องลึกของจิตใจ ทว่าถ้อยคำของเขากับแฝงไปด้วยความเย้ยหยันคำพูดของเขาทำให้เธอขอบตาร้อนผ่าว“ฉันไม่เคยรู้สึกเสียใจเลยค่ะ สามี…คุณอย่าโทษตัวเองไปเลยนะคะ คุณต้องเชื่อฉันนะคะเชื่อมั่นในตัวฉันว่าอีกไม่นานคุณจะต้องหายดี”“ภรรยาผม…อึก! ผมจะสามารถกลับมาเดินได้จร
หนิงเหมยที่เห็นสายตาออดอ้อนของสามีก็ถึงกับใจอ่อนยวบ!“ได้ค่ะ คุณหลับตาสิคะถ้าคุณลืมตาแบบนี้ฉันจะเช็ดได้ยังไง” หนิงเหมยที่เห็นชายหนุ่มเอาแต่จ้องแต่เธอ เธอจึงแสร้งทำเสียงดุๆ ออกมา“ครับๆ ผมหลับตาแล้วครับภรรยา”หนิงเหมยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก ค่อยๆ ยืนมือที่ถือผ้าเปียกมาเช็ดหน้าให้สามีอย่างเบามือ“ลืมตาได้แล้วมั้งคะ ฉันเช็ดหน้าให้คุณเสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวจะออกไปทำอาหารมาให้คุณก่อน”ตงหยางลืมตามองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างหลงใหล ก่อนที่จะพยักหน้าตอบภรรยาอย่างรับรู้หนิงเหมยถือผ้าออกมาซักตากผึ่งลมเอาไว้ ก่อนที่จะเดินเข้าครัวไปทำอาหารเย็นให้คนเป็นสามีหนิงเหมยตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารอย่างตั้งใจ แล้วก็ไม่ลืมที่จะหยดน้ำวิเศษใส่ไปด้วยเล็กน้อย แม้ว่าหนิงเหมยจะอยากนำน้ำวิเศษไปให้สามีกินเพื่อที่จะได้หายเสียทีแต่เธอก็คิดว่าถ้าทำแบบนั้นไปมันจะเสี่ยงต่อตัวเธอเองเกินไปหรือเปล่ายิ่งยุคนี้ห้ามพูดถึงเรื่องความเชื่อผีสางปีศาจอะไรแบบนี้ด้วย ขืนถ้าสามีเธอรู้ความลับนี้ของเธอแล้วคิดว่าเธอเป็นปีศาจ เขาจะไม่จับเธอไปถ่วงน้ำจนตายเลยหรือ?!เธออยากรอให้มั่นใจกว่านี้เสียก่อนว่าถ้าหากบอกความลับนี้กับสามีไป สามีของเธอจ
“คุณป้าคะถังหูลู่นี่คุณป้าขายยังไงคะ?” หนิงเหมยมาหยุดยืนถ้าแผงขายถังหูลู่ที่เป็นพุทราเคลือบน้ำตาล“ไม้ละ5เหมาจ้ะ” คุณป้าเอ่ยตอบหนิงเหมยออกมาอย่างยิ้มแย้ม❃ (10 เหมา หรือ 10 เจียว มีค่าเท่ากับ 1 หยวน) เฟิน (10 เฟิน มีค่าเท่ากับ 1 เหมา หรือ 1 เจียว หรือ 100 เฟินมีค่าเท่ากับ 1 หยวน)“ฉันเอา2ไม้ค่ะคุณป้า อืม…เปลี่ยนเป็น4ไม้เลยก็แล้วกันค่ะคุณป้า” ซื้อกลับไปฝากสามีสักไม้สองไม้ก็แล้วกัน!“ได้จ้ะ เธอรอสักครู่นะ”ผ่านไปไม่นานหนิงเหมยก็ได้ถังหูลู่ครบ4ไม้สักที!“4ไม้ ทั้งหมด2หยวนจ้ะ”“นี่ค่ะคุณป้า” หนิงเหมยเอ่ยะร้อมกับยื่นเงินให้คุณป้า“ขอบใจน้ะจ้ะ คราวหน้ามาอุดหนุนใหม่สิเดี๋ยวป้าจะแถมให้เธอเป็นพิเศษเลยล่ะ” คุณป้าเอ่ยออกมาอย่างใจดี“ได้ค่ะคุณป้า เอาไว้คราวหน้าถ้าฉันเข้าเมืองฉันจะมาอุดหนุนอีกนะคะ”“ดีๆๆ”“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะคุณป้า”‘ผมเอาถังหูลู่นี่2ไม้ครับ’ ‘ได้จ้า รอสักครู่นะพ่อหนุ่ม’ “ได้จ้ะ” คุณป้าเอ่ยตอบเธอก่อนที่จะหันไปวุ่นวายกับการขายของให้ลูกค้าที่เข้ามาซื้อหลังจากเธอหนิงเหมยเดินออกจากแผงขายถังหูลู่ ก็หยิบถังหูลู่ขึ้นมา1ไม้ก่อนจะค่อยๆ กัดพุทราเคลือบน้ำตาล‘ก็อร่อยใช้ได้เลยนะเน
“ป้าหม่าคะ!? ป้าหม่าอยู่บ้านหรือเปล่าคะ” หนิงเหมยตะโกนส่งเสียงข้ามรั้วบ้านด้วยน้ำเสียงที่ดังทำให้ไม่นานภายในบ้านก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวแอ๊ด!“อยู่ๆๆ! เธอรอก่อนนะฉันจะรีบไปเปิดประตูให้” ป้าหม่าเอ่ยพร้อมกับค่อยๆ เดินออกมาเปิดประตูรั้วให้ “มาหาฉันมีอะไรหรือเปล่าล่ะ?”“ฉันจะเข้าตัวเมืองไปซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกน่ะค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะกลับมาทันเวลาที่ตงหยางต้องกินข้าวกินยาตอนเที่ยงไหมฉันเลยอยากจะมารบกวนป้าหม่าให้ดูตงหยางสักหน่อยน่ะค่ะ ถ้าหากฉันกลับไม่ทันก็ฝากป้าหม่านำซาลาเปาบนซึ้งในครัวไปให้ตงหยางกินหน่อยนะคะ …อ่า รบกวนป้าหม่าต้มยาให้เขาด้วยนะคะ ส่วนซาลาเปาบนซึ้งป้าหม่าก็แบ่งไปกินได้เลยนะคะ” หนิงเหมยเอ่ยออกมาอย่างเกรงใจ แต่เธอก็ไม่รู้จะไปรบกวนใครแล้วเช่นกัน“ได้ๆ เธอไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวฉันจะคอยแวะไปดูตงหยางให้เธอเอง” นางหม่าเอ่ยตอบออกมาด้วยท่าทีสบายๆ“ขอบคุณนะคะป้าหม่า เอาไว้ฉันจะซื้อขนมมาฝากอีกนะคะ”“เพ้ย! ไม่ต้องๆ ขนมพวกนั้นมันราคาแพงเกินไปไหนจะต้องใช้คูปองอาหารอีก แบบนั้นมันฟุ่มเฟือยเกินไป”“ถ้าอย่างนั้นเอาไว้พรุ่งนี้ฉันจะทำขนมอร่อยๆ มาให้ป้าหม่าลองชิมก็แล้วกัน ดีไหมคะ?” ในเมื่อป้าหม่าเก
“ถ้าภรรยาไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมไม่รบกวนคุณหรอก” ตงหยางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาอย่างน่าสงสาร“ฉันยังไม่ได้ตอบคุณเลยว่านอนไม่ได้ แต่เดี๋ยวฉันขอไปอาบน้ำล้างตัวก่อนแล้วเดี๋ยวจะไปยกฟูกมานอนเป็นเพื่อนคุณนะคะสามี”“ได้ครับ ผมจะรอนะครับภรรยา”หนิงเหมยเอ่ยตอบทั้งที่ไม่ได้มองท่าทางตื่นเต้นเกินหน้าเกินตาของคนเป็นสามีเลยแม้แต่น้อยแต่จะตื่นเต้นก็คงไม่แปลกหรอกมั้ง เพราะหนิงเหมยคนเก่ากับตงหยางก็ไม่เคยที่จะเข้าหอกันเลยจริงๆ เลยสักครั้ง ถึงแม้ทั้งคู่จะนอนร่วมเตียงเคียงคู่กันตั้งแต่แต่งงานกันมาแต่นั่นก็เป็นเวลาเพียงแค่3วันเองไม่ใช่หรือ?ยังไม่ทันที่คนทั้งคู่จะได้มีความรู้สึกดีๆ ให้กันเลย ตงหยางก็ต้องกลับไปค่ายทหารโดยที่ต้องทิ้งหนิงเหมยให้ต้องอยู่ร่วมกับคนบ้านอี้อย่างทุกข์ทรมานใจ!ทว่าเวลาผ่านไปเพียงแค่5เดือน ตงหยางผู้เป็นสามีของเธอก็โดนหิ้วกลับมายังหมู่บ้านด้วยสภาพที่เลวร้ายสิ้นดี!“ค่ะ…”หนิงเหมยเอ่ยตอบก็หันหลังออกจากห้องนอนสามี แล้วกลับเข้าห้องตนเองก่อนจะทำการเข้าไปในมิติเพื่ออาบน้ำแต่งตัวเวลาผ่านไปพักใหญ่หนิงเหมยที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกมาจากมิติ พร้อมกับหอบหิ้วฟูก หมอน ผ้าห่มมายังห้
“อ้อ…ฉันกำลังจะปรับหน้าดินน่ะค่ะ คิดว่าจะใช้ประโยชน์จากแปลงผักที่เหลืออยู่พวกนี้ลองปลูกผักเอาไว้กินเองสักหน่อย”“โอ้! อย่างนั้นหรือ ดีๆๆ! ต่อไปจะได้ไม่ต้องไปซื้อกินปลูกเองแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน แต่การปรับหน้าดินที่เธอพูดมาฉันอยู่จนอายุป่านนี้แล้วก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”หนิงเหมยที่ได้ยินคำพูดของป้าหม่าก็ถึงกับตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนยุคนี้จะยังไม่รู้จักวิธีการปรับหน้าดิน ถึงว่าผักที่พวกชาวบ้านปลูกกันถึงไม่ค่อยจะโตเท่าที่ควร“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แค่บังเอิญไปเห็นในหนังสือตำราว่ามีวิธีการแบบนี้อยู่ด้วยว่าการปรับหน้าดินจะช่วยทำให้พืชผักเติบโตได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม ก็เลยลองทำดูน่ะค่ะ” หนิงเหมยเอ่ยแถออกมาจนสีข้างแทบจะถลอก!“อย่างนั้นหรือ เอาไว้ฉันจะรอดูผักที่เธอปลูกถ้าหากว่าดีจริงๆ เธอก็อย่าลืมมาสอนฉันด้วยล่ะ”“ได้สิคะ ถ้าฉันทำสำเร็จฉันจะไปสอนป้าหม่าเป็นคนแรกเลยค่ะ” ที่หนิงเหมยเอ่ยเช่นนี้ก็เพราะเธอเองก็ไม่ค่อยจะมั่นใจกับวิธีการปรับหน้าดินของเธอเช่นเดียวกัน ถึงเธอจะมีทฤษฎีอยู่เต็มหัวแต่ปฏิบัติเธอก็ยังไม่เคยลองเหมือนกัน!“ฮ่าๆ … ได้ๆ ฉันจะรอ ถ้าอย่างนั้นฉันไม่กวนเธอแล้วล่ะ ฉันกลับบ้านไปทำอาหาร
ตงหยางที่เห็นสีหน้าตื่นตะลึงของหนิงเหมยก็อดไม่ได้ที่หัวเราะออกมาด้วยความขบขันเอ็นดู“ฮ่าๆ … ภรรยารู้ไหมครับว่าสีหน้าของคุณตอนนี้น่ารักมากขนาดไหน?”“สามีก็พูดชมฉันเกินไปแล้ว แต่จะว่าไปฉันก็รู้ตัวมานานแล้วแหละค่ะว่าฉันน่ะสวย แล้วก็รวยมาก!” หนิงเหมยเอ่ยโอ้อวดตนเองก่อนที่จะค่อยๆ แสร้งเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง“เอ่อ…แต่ภรรยาครับ เรายังไม่รวยเลยกันเลยนะ แบบนี้จะเรียกว่าสวยแล้วก็รวยมากได้ยังไง?”เพล้ง!ไม่ใช่เสียงอะไร แต่เป็นเสียงเศษหน้าของเธอที่แตกเป็นเสี่ยงๆ เอง! สามีหน้าเหม็นคนนี้ชักจะเริ่มพูดจาไม่เข้าหูเธอแล้วจริงๆ!?ตอนนี้ฉันแทบจะถือว่ารวยที่สุดในหมู่บ้านเลยนะตอนนี้น่ะ แต่คุณแค่ไม่รู้ต่างหากเล่า ชิ!หนิงเหมยที่โดนสามีหน้าเหม็นคนนี้เอ่ยขึ้นขัดความสุข เธอก็ถึงกับต้องสะบัดใบหน้าหันไปจ้องมองสามีอย่างไม่ใคร่จะพอใจ!ตงหยางที่โดนภรรยาจ้องมองอย่างไม่พอใจ ก็ถึงกับสะดุ้ง แล้วได้แต่คิดในใจว่าตัวเองพูดอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า จึงเอ่ยปากถามออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ“อ…เอ่อ ภรรยาค…ครับ ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ?”“ไม่ค่ะ! คุณไม่ได้พูดอะไรผิดเลย ผิดที่ฉันมันจนเอง!” พูดจบหนิงเหมยก็สะบัดหน้าหนีสามีอย่างแง่
ฮ่าๆๆ …“ป้าหม่าสุดยอดไปเลยค่ะ! เถียงสะแม่สามีฉันอึ้งไปเลย ฮิฮิ” หนิงเหมยเอ่ยชมแกมขบขัน“หึหึ! เธอก็ใช่ย่อย ฉันไม่ยักจะรู้ว่าเธอจะปากคอเราะร้ายขนาดนี้ อย่างนี้ฉันเชื่อว่าแค่เธอคนเดียวก็เอานางโม่วโฉวอยู่หมัด”“ป้าหม่าก็ชมเกินไปแล้วค่ะฮ่าๆ …”หนิงเหมยที่เห็นป้าหม่ากวาดตามองขึ้นบนท้องฟ้า“เอ่อ… นี่ก็เย็นแล้วป้าหม่ารีบเข้าบ้านเถอะค่ะ รบกวนป้าหม่ามานานแล้ว”“เพ้ย! รบกงรบกวนอะไรกัน เอาล่ะๆ ถ้าอย่างนั้นฉันเข้าบ้านก่อนส่วนเธอก็กลับบ้านไปได้แล้ว ป่านนี้ตงหยางไม่รอเก้อแล้วหรือ?”“โอ๊ะ! จริงด้วยค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ!”พูดจบหนิงเหมยก็รีบหันหลังสับขาวิ่ง4x100กลับบ้านจนลืมว่าต้องรอให้ป้าหม่าเข้าบ้านไปก่อนนางหม่าที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างยิ้มๆ ก่อนที่จะหันหลังกลับเข้าบ้านของตนเองเช่นกัน“สามีแฮ่กๆ … ฉ…ฉันมาแล้วค่ะ!” หนิงเหมยยืนหอบแฮ่กๆ เอ่ยบอกสามีอย่างขาดห้วงเพราะหายใจไม่ทัน“ภรรยาคุณมาแล้ว ทำไมไปนานจังเลยครับ? แล้วนี่คุณไปทำอะไรมาถึงได้หอบขนาดนี้ล่ะครับ”ตงหยางที่กำลังรอหนิงเหมยอยู่ เมื่อได้ยินเสียงหนิงเหมยก็รีบหันมามองทันที แต่เมื่อเห็นสภาพเหนื่อยหอบของคนเป็นภรรยาก็อดที
หนิงเหมยที่ได้ยินคำพูดของนางโม่วโฉวก็จ้องมองอย่างสงสัย ก่อนจะเอ่ยถามออกมา“ทำไมหรือคะ หรือคุณแม่คิดว่าฉันไม่กล้า?”“คนอย่างหล่อนน่ะหรือจะกล้าทำอะไรแบบนั้น ฉันเป็นแม่ของของตงหยางถ้าเกิดเขารู้ว่าหล่อนทำอะไรกับฉันไว้บ้างเขาคงจะไม่พอใจแน่” นางโม่วโฉวเอ่ยแกมขมขู่“ฮ่าๆ … คุณแม่อย่าคิดจะเอาสามีมาขู่ฉันเลยค่ะ เขาจะมาโกรธอะไรกับคนที่คอยดูแลเขาอย่างฉันได้”“นั่นมันก็…” นางโม่วโฉวรู้สึกว่ายิ่งเถียงกับหนิงเหมยมากเท่าไหร่ตนเองก็ยิ่งเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยที่จะต้องมารู้สึกแบบนี้แท้ๆ!นางหม่าที่เห็นว่านางโม่วโฉวได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ คิดคำเถียงไม่ออกจึงได้แต่เอ่ยขึ้นมาอย่างห้ามทัพหลังจากที่ฟังมานาน“นางโม่วหล่อนจะมาเอาอะไรกับนังหนูเหมยอีกเล่า! ทุกวันนี้ครอบครัวลูกชายคนโตของหล่อนก็ลำบากมาตลอดไม่ใช่หรือ ที่ทุกวันนี้เขาพิการก็ไม่ใช่เพราะหล่อนหรือยังไง?ทั้งๆ ที่หนิงเหมยเพิ่งจะหาทางอ้าปากรอดได้ แต่หล่อนก็คิดจะมาแย่งออกไปอีก หล่อนคิดจะให้พวกเขาตายจริงๆ เลยหรือยังไง ทำแบบนี้ไม่อำมหิตเกินไปหรือ?!”‘นั่นสิ หล่อนคิดจะให้ทั้งสองคนตายจริงๆ เลยหรือยังไงกัน?!’ ‘คนบ้านอี้ใจดำอำมหิตกันเกินไปแล้ว