“คุณบัวคะ ถึงเวลาแล้วนะคะ”
ออแกไนซ์สาวเร่งเตือนอีกครั้ง หล่อนไม่อยากให้ตารางของงานแต่งล่าช้าไปกว่านี้ แต่ในตอนนี้บัวรัตนากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
ถ้าเหตุการณ์เป็นไปตามเนื้อเรื่องในนิยาย หลังจากนี้เธอจะต้องขึ้นเวทีไปพร้อมกับนรกานต์ กล่าวขอบคุณแขกและแสดงความรักอันหวานชื่น แต่ในวันนั้นเองมีโอเมก้าคนหนึ่งเกิดเจ็บท้องคลอดขึ้นมากลางงานแต่งของเธอ เขาก็คือชลธาร—คนรักของนรกานต์ในปัจจุบัน นรกานต์รีบพาชลธารไปโรงพยาบาลทันที ทำให้ข่าวหน้าหนึ่งพาดหัวว่า ‘ทายาทสาวตระกูลดังถูกเจ้าบ่าวเทกลางงานแต่ง’
นั่นคือครั้งแรกที่เธอได้เจอกับชลธารเช่นกัน
บัวรัตนารู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบตัวหมุนวนไปหมด หัวใจเธอเต้นระรัวกับความคิดที่ประเดประดังเข้ามา เธอรู้ดีว่านี่เป็นจุดสำคัญที่อาจจะเปลี่ยนแปลงอนาคตที่เธอจำได้จากนิยาย แต่คำถามคือ เธอจะทำอย่างไร? จะยอมให้เหตุการณ์ซ้ำรอย หรือจะลองทำอะไรที่ต่างออกไป?
“คุณบัวคะ?” เสียงออแกไนซ์สาวดังขึ้นอีกครั้ง กระตุ้นให้บัวรัตนาตัดสินใจ เธอลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ สูดหายใจลึกแล้วหันไปสบตากับหญิงสาวคนนั้นพร้อมพยักหน้า
“ฉันพร้อมแล้วค่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยายามเก็บซ่อนความสั่นไหว แล้วเดินออกจากห้องเพื่อขึ้นเวทีไปพร้อมกับนรกานต์ ความคิดในหัวหมุนวนตลอดเวลา
‘ในเมื่อฉันได้โอกาสย้อนกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกรอบ หรือว่าฉันสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้?’
บัวรัตนาครุ่นคิดในใจ ความทรงจำจากอดีตที่เลวร้ายคอยย้ำเตือนเธอถึงความผิดพลาดที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เธอมีโอกาสที่จะเขียนเรื่องราวของตัวเองใหม่ เธอไม่ต้องเป็นแค่ตัวร้ายในนิยายอีกต่อไป หากเธอสามารถป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายเหล่านั้นเกิดขึ้น เธอก็อาจเปลี่ยนชะตากรรมของตัวเองได้
บัวรัตนารู้ว่าความสำเร็จไม่ได้มาโดยง่าย แต่ความหวังที่เกิดขึ้นในใจ ทำให้เธอตัดสินใจแน่วแน่ เธอจะไม่ยอมให้เรื่องราวในนิยายมาบงการชีวิตเธออีกต่อไป ไม่ว่าอะไรก็ตามที่รออยู่ข้างหน้า เธอจะต่อสู้เพื่อสร้างเส้นทางชีวิตที่แท้จริงของเธอเอง
งานแต่งงานสุดอลังการที่จัดขึ้นนั้นสะท้อนถึงความฟุ่มเฟือยและฐานะในสังคม ผู้จัดงานทุ่มเงินหลักล้านเพื่อให้ทุกอย่างหรูหราสมบูรณ์แบบ แม้ว่าตระกูลเจริญผลวัฒนาจะใกล้ล้มละลายเต็มที แต่ทุกคนในครอบครัวรู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้มีความหมายกับพวกเขามากเพียงใด
นอกเหนือจากเจ้าภาพและแขกผู้มีเกียรติแล้ว ส่วนสำคัญที่ทำให้งานในวันนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่นก็คือทีมออแกไนซ์มืออาชีพ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคชะตาหรือฟ้าลิขิต หนึ่งในทีมงานนั้นมีโอเมก้าท้องแก่อยู่ด้วย เขาเป็นชายร่างบอบบาง สูงไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร แต่ต้องแบกท้องโตมาทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย
“ดูนั่นสิ หมอนั่นยังต้องทำงานอยู่อีก ท้องโตขนาดนั้นแล้วแท้ ๆ”
“จริงแก เป็นฉันลาคลอดนอนอยู่บ้านไปแล้ว แต่ก็นั่นแหละนะ ต่อให้อยู่บ้านก็ใช่ว่าจะมีคนดูแล ก็ท้องไม่มีพ่อนี่นา”
เสียงซุบซิบแว่วมาใกล้ ๆ ชลธารได้ยินทุกคำแต่ไม่แม้แต่จะหันไปมอง เขารู้ดีว่าพวกเธอกำลังพูดถึงเขาแน่ ๆ เพราะในที่นี้ไม่มีใครท้องเลยสักคน แม้ภายในใจจะรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดเหล่านั้น แต่เขาก็เลือกที่จะเมินเฉยและทำเป็นไม่สนใจ
“แกอย่าพูดดังสิ เดี๋ยวมันก็ได้ยินกันพอดี”
“โอ๊ย! แกจะกลัวอะไร หมอนั่นเคยมีเรื่องกับใครที่ไหน ก่อนหน้านี้หัวหน้าด่าผิดคนเขายังรับไปเฉย ๆ ไม่แก้ตัวสักคำ ฉันเห็นแล้วหงุดหงิดแทน คนเราจะอ่อนแอได้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ผู้หญิงสองคนนั้นยังคงไม่หยุดพูด
ชลธารได้แต่ถอนหายใจ งานนี้เป็นงานสุดท้ายก่อนที่เขาจะลาคลอดแท้ ๆ ‘ไม่มีพ่อแล้วไงล่ะ ผมจะดูแลลูกคนนี้ให้ดีที่สุดเอง ถึงแม้จะไม่มีใครเข้าใจหรือสนับสนุนก็ตาม...’ ชลธารย้ำเตือนตัวเองอีกครั้ง ก่อนหันไปจดจ่อกับงานที่อยู่ตรงหน้าอย่างเต็มที่
“ธาร ช่วยเข้าไปดูโซนทำอาหารหน่อยว่าเรียบร้อยไหม ไม่มีใครติดต่อมานานแล้ว” เสียงหนึ่งในทีมงานขอความช่วยเหลือผ่านวิทยุ อาหารคงจะมีปัญหาแน่นอน และตอนนี้ใกล้ถึงช่วงเปิดตัวบ่าวสาวแล้ว หากอาหารมาเสิร์ฟไม่ทัน แขกในงานอาจจะโมโหมากก็ได้
“ครับ จะไปเดี๋ยวนี้” ชลธารรีบเดินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ มุ่งหน้าไปยังพื้นที่จัดเตรียมอาหาร ความกดดันในใจของเขาทวีคูณขึ้นทุกขณะ แต่เขารู้ว่าต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ที่บ้านพักตากอากาศสุดหรูแบบพูลวิลล่าขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ติดริมทะเลภูเก็ตซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ทั้งคนไทยและต่างชาตินิยมมาพักผ่อน แม้ว่าจะไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่นก็ตาม คนไทยที่มีฐานะส่วนใหญ่ ถ้าชื่นชอบการเที่ยวทะเล มักจะซื้อบ้านพักตากอากาศไว้ตามที่ต่าง ๆ บางคนถึงกับลงทุนหลายล้านเพื่อครอบครองที่ดินและบ้านพักริมทะเลที่ตนเองชอบนรกานต์ บัวรัตนา และชลธารเดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศแห่งนี้ในช่วงค่ำ เนื่องจากบัวรัตนามีงานสำคัญในช่วงกลางวันที่ต้องจัดการก่อน แม้ว่าทั้งสามคนจะตกลงกันไว้แล้วว่าจะมาฮันนีมูนที่นี่ แต่สำหรับบัวรัตนา งานก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยบ้านหลังนี้เป็นบ้านของบัวรัตนาที่เธอตัดสินใจซื้อไว้หลังจากถูกใจบ้านนี้เข้าเต็มเปา แต่ด้วยงานที่รัดตัว ทำให้เธอแทบไม่มีเวลาได้มาใช้ชีวิตในบ้านพักหลังนี้เลย ทั้งที่เธอเคยเป็นคนชอบเที่ยวทะเลมาก นอกจากนี้ บัวรัตนายังเป็นหุ้นส่วนในรีสอร์ทที่มีพูลวิลล่าหลายหลังอีกด้วยเมื่อมาถึง บัวรัตนาก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่หราบนเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน นรกานต์มองดูเธอด้วยความเอ็นดูเล็กน้อย เพราะเขาไม่ค่อยได้เห็นบัวรัตนาแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าแบบนี้บ่อยนัก งานที่เธอเผ
เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้กลับกลายเป็นความจริงในโลกของบัวรัตนา จากความสับสนและความไม่แน่นอนที่เคยบดบังเส้นทางของเธอไป เมื่อเวลาผ่านไป เธอได้เรียนรู้และเข้าใจตัวเองมากขึ้น รวมถึงคนสำคัญที่อยู่เคียงข้างในชีวิต ความเข้าใจนี้ทำให้เธอตระหนักว่าเธอรักทั้งนรกานต์และชลธารพร้อมกันอย่างแท้จริงความเคียดแค้นที่เคยมีต่อนรกานต์ได้ถูกลบล้างจนหมดสิ้น เมื่อบัวรัตนาเริ่มเห็นความเปราะบางในตัวเขาแทนที่ความเย่อหยิ่ง ความรู้สึกเหล่านี้เปลี่ยนเป็นความรักและความปรารถนาที่จะดูแล ส่วนชลธารที่เริ่มต้นด้วยความสบายใจ กลับค่อย ๆ พัฒนาเป็นความรักที่มั่นคงและลึกซึ้งยิ่งขึ้นการใช้ชีวิตร่วมกันทั้งสามคน แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาและท้าทาย แต่กลับเป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิตของพวกเขาอย่างที่ไม่เคยคาดคิด แต่ละคนมีบทบาทเฉพาะในการช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย จนทำให้ความสัมพันธ์นี้ก้าวสู่ความสมบูรณ์แบบ ความรักของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงความรู้สึกที่แบ่งปัน แต่เป็นการหล่อหลอมให้กลายเป็นหนึ่งเดียวที่แน่นแฟ้น“ธาร อย่าลืมกระเป๋าใบนั้นนะ มันสำคัญมาก!” บัวรัตนาเอ่ยกำชับ พร้อมชี้ไปยังกระเป๋าถือขนาดกลางที่วางตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง“ทำไม
“แต่ฉันจริงจัง...”คำพูดนั้นทำให้นรกานต์รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงกลางใจ ความหนาวเย็นไหลวูบผ่านสันหลัง เขาเริ่มตระหนักว่าเขาอาจจะพูดจาไม่คิด และตอนนี้คงหาเรื่องใส่ตัวตั้งแต่เช้าเข้าให้แล้ว ความรู้สึกกังวลพลันเข้ามาครอบงำเขาอย่างรวดเร็วนรกานต์พยายามเบี่ยงเบนความเครียดด้วยการเล่นมุก เขาเอื้อมมือไปดึงแก้มบัวรัตนาเบา ๆ “อย่าคิดมากสิ คุณบัว ขำ ๆ น่า อย่าหน้าบึ้งเลย” เขาพยายามดึงรอยยิ้มจากเธอ แต่บัวรัตนากลับหัวเราะเบา ๆ เพียงชั่วครู่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น“จะว่าอะไรไหมถ้าฉันอยากจะเริ่มต้นใหม่กับคุณ?” บัวรัตนาถามขึ้น ทำให้นรกานต์ชะงักไป เขาไม่เข้าใจแน่ชัดว่าหมายความว่ายังไง“หมายความว่ายังไงนะ ผมไม่เข้าใจ” นรกานต์ขมวดคิ้ว สายตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความกังวลบัวรัตนาสูดหายใจลึก เธอรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องพูดความในใจ “ฉันคิดดูแล้ว... ฉันไม่อยากให้เรายึดติดกับสถานะคู่แต่งงานใช้หนี้บ้า ๆ บอ ๆ นั่น ตอนนี้คุณสองก็รักฉัน ฉันก็รู้สึกดีกับคุณเหมือนกัน แต่...”“แต่...?” นรกานต์ถามต่อด้วยความสงสัย สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่สำคัญมากกำลังจะถูกพูดออกมา“แต่...อะไรล่ะ? ถ้าคุณบัวพูดแบบนี้ ฟัง
บัวรัตนายืนฟังทุกอย่างอยู่ที่หน้าประตูห้องเลี้ยงเด็ก ทุกคำพูดของนรกานต์และชลธารสะท้อนเข้ามาในความคิดของเธออย่างชัดเจน ทั้งสองคนกำลังเปิดเผยความในใจต่อกันอย่างตรงไปตรงมาเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จและตั้งใจจะมาเล่นกับเจ้าตัวน้อยเหมือนทุกครั้ง แต่เมื่อได้ยินบทสนทนาที่แฝงความรู้สึกเจ็บปวดนั้น เธอก็รู้สึกเหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากความเชื่อเดิม ๆ ที่เคยมีมา สุดท้ายบัวรัตนาก็ตัดสินใจถอยออกมาก่อนเงียบ ๆ ปล่อยให้นรกานต์และชลธารได้คุยกันต่อตัวเธอเองก็ต้องใช้เวลานี้เพื่อพิจารณาความรู้สึกของตัวเองด้วยบัวรัตนาเดินกลับมาที่ห้องของตัวเองด้วยฝีเท้าเบาหวิว ก่อนปิดประตูลงแผ่วเบา อัลฟ่าสาวเดินไปนั่งอยู่หน้ากระจก มองดูเงาสะท้อนของตัวเองที่ปรากฏอยู่ในบานกระจกใส เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาของตัวเอง รู้สึกได้ถึงความสับสนและคำถามที่ค่อย ๆ ถาโถมเข้ามาเธอครุ่นคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในชาติที่แล้ว ตอนที่เธอตัดสินใจตกลงแต่งงานกับนรกานต์ ทุกอย่างตอนนั้นมันดูเต็มไปด้วยความหวัง แต่หลังจากนั้นเธอพบว่าความรักที่เธอวาดฝันไว้นั้นกลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง การแต่งงานครั้งนั้นพังทลายลงเพราะความเชื่อผิด ๆ และความคาดหวังที่ไม่เป็นจริง
ความทรงจำเกี่ยวกับชลธารหวนกลับมาเล่นงานนรกานต์อีกครั้ง ภาพในหัวของเขาพาให้คิดย้อนกลับไปถึงวันที่เขาขืนใจชลธาร มันไม่ใช่การกระทำที่เกิดจากความรักหรือความผูกพันใด ๆ แต่มันเต็มไปด้วยความรุนแรงและการบังคับ ความรู้สึกผิดเริ่มถาโถมเข้าใส่ เมื่อเขาตระหนักว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่คล้ายกัน การถูกบีบให้ต้องแบกรับสิ่งที่ไม่คาดคิดและความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับมันเขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ชลธารจะรู้สึกอย่างไรตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องนั้น? จะรู้สึกทุกข์ทรมานเหมือนกับที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้หรือไม่? นรกานต์ได้ยินมาว่าชลธารยังคงทำงานต่อไปแม้จะตั้งท้อง แม้ต้องแบกรับน้ำหนักของท้องที่ใหญ่ขึ้นทุกวัน เขายังคงพยายามทำงานตลอดเก้าเดือนที่ยาวนานในที่สุดนรกานต์ก็เริ่มยอมรับในความแข็งแกร่งของชลธาร ความอดทนและความพยายามของโอเมก้าคนนี้เกินกว่าที่เขาเคยประเมินไว้มาก เขาไม่เคยคิดว่าโอเมก้าที่เขาเคยมองว่าอ่อนแอ จะมีความอดทนและหัวใจที่แข็งแกร่งขนาดนี้ มันทำให้เขาเริ่มมองเห็นความผิดพลาดของตัวเองในอดีตมากขึ้น ความโกรธ ความรุนแรง และความเย่อหยิ่งที่ทำให้เขาทำลายทุกอย่าง ตอนนี้กลับมากัดกร่อนหัวใจของเขาเอง
เวลาผ่านไปหลายเดือน เรื่องการตั้งครรภ์ของนรกานต์ยังคงเป็นความลับที่รู้กันเฉพาะในครอบครัว บัวรัตนาจัดการทุกอย่างอย่างรอบคอบ เธอให้เหตุผลกับบริษัทว่านรกานต์ต้องไปดูงานที่สาขาใหม่ในต่างจังหวัด เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยในการหายตัวไปชั่วคราวของเขา แต่ในความเป็นจริง นรกานต์ต้องอยู่ภายใต้การดูแลใกล้ชิดเนื่องจากภาวะแท้งคุกคามที่ทำให้เขาไม่สามารถทำงานหนักได้การตั้งครรภ์ทำให้ชีวิตของนรกานต์เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยเป็นอัลฟ่าที่ทรงพลังและทำงานเก่ง ตอนนี้เขาต้องประสบกับความยากลำบากในการเดินหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ แม้แต่การขึ้นบันไดก็กลายเป็นภาระ แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เพราะบัวรัตนาไม่เคยห่างเขา เธอมักหาเวลามาดูแล ทั้งก่อนออกไปทำงานและหลังเลิกงาน และในวันที่เธอไม่ได้เข้าบริษัท เธอก็จะใช้เวลาอยู่กับนรกานต์ให้มากที่สุดแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จะยังคงเต็มไปด้วยความซับซ้อนและความขัดแย้งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่ช่วงเวลาที่พวกเขาได้ใช้ร่วมกันก็ทำให้บัวรัตนาเริ่มคิดทบทวนหลาย ๆ อย่างในชีวิต ความผูกพันที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างการดูแลนรกานต์ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ทำให้