Share

ตอนที่ 13 ปลอบโยน

last update Last Updated: 2025-04-30 19:17:28

หยางฉิงยิ้มเย็นในใจ ‘สิ่งที่ข้าทำไว้คงออกฤทธิ์แล้วสินะ’ นางกล่าวเสียงเรียบ “ท่านแม่กล่าวหาอะไรข้ากัน? คนที่ควรจ่ายเงินควรเป็นท่านแม่มากกว่า เพราะลูกสาวสุดที่รักของท่านแม่มาทำร้ายข้าถึงหน้าบ้าน จนปากข้ามีเลือดออก หน้าข้าก็มีรอยแดงจากนิ้วมือของลูกท่าน ชาวบ้านทุกคนเห็นกันทั่ว ว่าใครเป็นฝ่ายถูกกระทำ”

จางเฟิงโต้กลับด้วยความโมโห “เจ้าเป็นลูกสะใภ้ ไม่ว่าลูกหรือครอบครัวแม่สามีจะทำอะไรกับเจ้าก็ได้ทั้งนั้น! ตั้งแต่วันที่ลูกข้าตบตีกับเจ้า นางก็เจ็บท้องอย่างหนัก! ถ้าไม่ใช่เจ้าทำ แล้วใครจะทำ!”

หลี่เซิงที่ฟังสองคนทะเลาะกัน รู้สึกปวดหัวหนักขึ้น เขาคิดในใจว่าทำไมแม่ของเขาถึงได้เป็นแบบนี้ ทั้งที่เขายอมแยกบ้าน ยอมยกเงินทั้งหมดที่เขามีให้แม่ เพื่อแลกกับที่ดินผืนนี้เพียงอย่างเดียว และเขาก็ไม่เคยไปรบกวนบ้านหลักเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“ท่านแม่มาที่นี่ ท่านพ่อรู้หรือไม่? ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูชาวบ้าน ท่านแม่คิดว่าจะหาใครมาแต่งงานให้พี่หลี่เจิงได้อีกหรือ? ท่านแม่ลองคิดดูให้ดี ถ้าไม่อยากโดนท่านพ่อว่า” เขาเอาท่านพ่อมาอ้าง เพราะรู้ว่าท่านแม่กลัวท่านพ่อที่สุด

จางเฟิงได้ฟังที่หลี่เซิงพูด นางก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ถ้าชาวบ้านรู้ คนที่นางหาให้แต่งกับลูกสาวต้องไม่แต่งแน่ ถ้าหลี่เจิงไม่ได้แต่งกับคนนี้ พ่อของนางจะจับนางแต่งงานกับพ่อม่าย

จางเฟิงยืนกำมือแน่น ตาของนางเบิกโพลงด้วยความโกรธ “หึย!” นางโมโหมากที่ทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้

“จำไว้ ต่อไปนี้ถ้าพวกเจ้าจะเป็นจะตายก็ไม่ต้องมาเรียกข้า!” จางเฟิงพูดจบกำลังจะเดินออกไป ยังไม่ทันพ้นประตูดี นางก็ได้ยินเสียงดังไล่หลังมา

“ข้าจะเป็นจะตาย ท่านแม่เคยสนใจข้าด้วยหรือ? ต่อจากนี้ท่านแม่ก็อย่ามาที่นี่อีกเลย ถือว่าลูกชายคนนี้ของท่านตายไปเสียเถอะ!”

จางเฟิงได้ยินเสียงของหลี่เซิง นางหยุดเท้าที่กำลังเดินด้วยใจที่รู้สึกสับสน แต่เพียงครู่เดียว นางก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองทั้งสองคนอีก

หยางฉิงเห็นบรรยากาศเศร้าหมองของครอบครัวหลี่เซิง นางรู้สึกสงสารเขา แต่ทันทีที่นางหันไปเห็นบาดแผลของหลี่เซิงที่มีเลือดไหลออกมา นางรีบพูดขึ้น

“ท่านทำไมถึงเป็นแบบนี้? ทำไมไม่ระวังตัวเองเสียบ้าง! ข้าจะไปเอายามาทำแผลให้ท่าน ส่วนเรื่องที่ท่านแม่พูดก็อย่าได้เก็บมาใส่ใจเลย” นางพูดจบก็เดินออกจากห้องไป

หลังจากหยางฉิงเดินออกไป หลี่เซิงก็นั่งนิ่ง จมอยู่กับความคิดของตัวเอง ‘อย่างที่นางบอก เขาควรปล่อยวางได้แล้ว ทุกคนมีชีวิตเป็นของตัวเอง’

หยางฉิงกลับไปที่คอนโด หยิบสิ่งของที่ใช้ทำแผลออกมา แม้รูปลักษณ์ของมันจะดูแปลกตาไปบ้าง แต่ก็ดีกว่าให้แผลของเขาติดเชื้อ นางได้เตรียมอุปกรณ์มาครบแล้ว จากนั้นจึงเดินกลับไปยังห้องของหลี่เซิง

“ข้ามาแล้ว ท่านเจ็บแผลหรือไม่?” หยางฉิงนั่งลงข้างเตียง แกะผ้าพันแผลออกจนหมด เมื่อเห็นว่าเลือดไหลออกมาไม่มาก นางก็โล่งใจ

“ยังดีที่แผลของท่านไม่เป็นอะไรมาก เลือดก็ออกไม่เยอะ แถมรอบ ๆ บาดแผลก็ยุบลงแล้ว แสดงว่ายาที่ท่านหมอให้มานั้นเห็นผลดี” นางก้มหน้าทำแผล พร้อมอธิบายให้เขาฟัง

หลี่เซิงนั่งอยู่บนเตียงอย่างสงบนิ่ง เขามองดูท่าทางเอาใจใส่ของนางแล้วรู้สึกดีกับนางมากขึ้นไปอีก เขาคิดว่า หากขาเขาเดินได้ เขาคงปกป้องนางได้มากกว่านี้

“ข้าจะล้างแผล อาจจะแสบนิดหน่อยนะ” หยางฉิงใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดรอบ ๆ บาดแผล จากนั้นใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดซ้ำอีกครั้ง นางไม่ได้ใส่ยา เพราะต้องรอให้บาดแผลติดกันดีก่อน จากนั้นจึงพันแผลที่ขาเขาจนเสร็จ

“ข้าทำแผลเสร็จแล้วนะ ระวังแค่อย่าให้โดนน้ำก็พอ” นางพูดพร้อมเงยหน้ามองหลี่เซิง และสบตาเขาพอดี นางรู้สึกเหมือนเขาสังเกตนางอยู่ตลอด นางทำตัวไม่ถูก หน้านางร้อนขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“ข้าไปทำอาหารให้ท่านกินดีกว่า” นางรีบเสมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาเขา ไม่รอให้เขาตอบ นางรีบเดินออกจากห้องทันที

เมื่อมาถึงคอนโด นางเอามือจับที่หัวใจตัวเอง ‘ทำไมถึงได้เต้นเร็วขนาดนี้กันเนี่ย’ นางคิดในใจ อาจจะเพราะตกใจจึงเป็นเช่นนั้น หยางฉิงยกมือเรียวตบหน้าตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนจะจัดอุปกรณ์ทำแผลให้เรียบร้อย

วันนี้นางตั้งใจทำอาหารปลอบใจหลี่เซิง นางเปิดตู้เย็น พบเส้นก๋วยเตี๋ยวสองถุงที่ยังไม่ได้กิน นางเทน้ำซุปลงหม้อ ตั้งไฟให้เดือด แล้วใส่เส้นบะหมี่ขาวลงในถ้วย

พอน้ำซุปเดือด นางเทมันลงบนเส้นที่เตรียมไว้ จากนั้นต้มไข่สี่ฟอง โดยให้ไข่ข้างในยังไม่สุกดี นางผ่าไข่เป็นสองซีก จัดใส่จานอย่างสวยงาม เติมหมูชิ้นเพิ่มเข้าไป เพราะนางเชื่อว่าการกินของอร่อยจะช่วยให้คนสบายใจขึ้น ‘ฝีมือของเราก็ดูน่ากินเหมือนกันนะเนี่ย’ หลี่เซิงกินคงทำให้อารมณ์ดีขึ้น

เตรียมของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว หยางฉิงก็นำถ้วยก๋วยเตี๋ยวของหลี่เซิงไปให้ถึงในห้องนอน

หลี่เซิงตอนนี้ดูดีขึ้นมาก หลังจากได้ฟังคำพูดปลอบใจของหยางฉิง กลิ่นหอมจากอาหารลอยเข้ามาถึงหน้าประตูห้อง เขาสงสัยว่าวันนี้นางทำอะไรมาให้กิน เพราะกลิ่นหอมน่าลิ้มลองยิ่งนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาหารฝีมือของนางอร่อยทุกอย่าง

หยางฉิงเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะเดินเข้ามา ในมือของนางถือถ้วยก๋วยเตี๋ยวขนาดใหญ่ที่หามาได้จากในครัว

“ข้ามาแล้ว ท่านหิวมากหรือไม่ วันนี้ข้าทำอาหารสุดฝีมือเลยนะ เขาว่าการกินอาหารอร่อยจะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น ท่านลองกินดูสิว่าอร่อยหรือยังขาดอะไรอีกหรือเปล่า” นางวางถ้วยอาหารไว้บนโต๊ะเล็กข้างตัวเขา

หลี่เซิงมองถ้วยอาหารในมือของนาง มันเป็นหมี่น้ำ แต่หน้าตาดูแตกต่างจากที่เขาเคยกิน ด้านบนมีทั้งเนื้อและไข่ ดูน่ากินจนอดไม่ได้ที่จะลองชิม

เขาตักก๋วยเตี๋ยวขึ้นมากิน พร้อมกับสายตาที่เหลือบมองหยางฉิงซึ่งจ้องเขาอยู่ไม่ห่าง

“ของเจ้าไม่มีหรือ?” เขาไม่ชอบให้ใครมานั่งจ้องตอนเขากินแบบนี้

“ของข้าก็มีเหมือนกัน” นางตอบพร้อมรอยยิ้ม “แต่ข้าก็แค่อยากรู้ว่าท่านกินแล้วถูกใจหรือไม่”

“ถ้าเจ้าคอยมองข้ากินเช่นนี้ ข้าก็คงไม่กล้ากิน ถ้าอย่างไร เจ้าก็เอาอาหารของเจ้ามากินพร้อมข้าดีกว่า” เขาพูดพลางรู้สึกเกือบหลุดปากว่าเหงา

“ข้ามากินพร้อมท่านได้หรือ? ท่านกินคนเดียวคงจะไม่อร่อยสินะ ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปเอาของข้ามากินด้วย” หยางฉิงเดินกลับไปในครัว หยิบถ้วยก๋วยเตี๋ยวของนาง และนำจานใส่พริกกับน้ำตาลติดมือมาด้วย

“ข้ามาแล้ว ท่านชอบกินรสเผ็ดไหม?” นางถามด้วยความตื่นเต้น เพราะนางเป็นคนชอบกินเผ็ด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติทั้งทีดันมีสามีเป็นผู้พิการ   ตอนที่ 102 รักษาสัญญา [จบ]

    วันหนึ่ง นางเดินทอดน่องชมร้านดอกไม้ มีเพียงบ่าวรับใช้หนึ่งคนติดตามมาด้วย ขณะกำลังเพลิดเพลินกับดอกไม้ตรงหน้า นางก็เดินชนใครบางคนเข้าอย่างจังสายตาทั้งคู่สบกันหัวใจของหลี่หยูฟางพลันเต้นแรงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่นางจดจำได้ไม่ลืม เพียงแวบเดียว...นางรู้ทันทีว่าเขาคือใครทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยทัก เขาก็เบือนหน้าหนีแล้วรีบเดินจากไป‘เขาหนีข้าไปอีกแล้ว...’ นางคิดในใจด้วยความเจ็บปวด คราวนี้นางไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว นางเติบโตพอจะออกเรือนได้ด้วยซ้ำ...ฝ่ายชายหนุ่มเมื่อเหลือบเห็นสีหน้าผิดหวังของหญิงสาว ก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้ นางโตขึ้นมากจริง ๆ งดงามยิ่งนักผู้ติดตามที่คอยเฝ้าดูอยู่ข้างกายเขา ถึงกับไม่เชื่อสายตาตนเอง เมื่อนายท่านของเขาแย้มยิ้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตานั้น ชายหนุ่มจึงหุบยิ้มลงทันที สายตาเหม่อมองเมืองหลวงเบื้องหน้า เมืองที่เขาเคยมาเมื่อห้าปีก่อน บัดนี้เปลี่ยนไปมากจนแทบจำไม่ได้...เว้นเสียแต่กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของนาง ที่ยังคงติดอยู่ในใจเขาไม่จางหายหลังจากวันนั้น เขาก็หาเรื่องใกล้ชิดนางอยู่หลายครั้ง บ้างแกล้งเดินชน บ้างแกล้งทำของตก เพื่อให้มีโอกาสพูดค

  • ทะลุมิติทั้งทีดันมีสามีเป็นผู้พิการ   ตอนที่ 101 ส่งถึงฝั่ง

    ด้านหลี่หยูฟาง นางลอบออกมานอกเรือน เดินไปยังจุดที่เคยพบเด็กชายผู้นั้น ตามที่นางสังเกต เด็กคนนั้นน่าจะมีอายุมากกว่านางเล็กน้อย และอาจจะน้อยกว่าพี่ชายของตนอยู่บ้างแต่เมื่อมาถึงจุดเดิม กลับไม่พบร่างของเด็กชายคนนั้นเสียแล้ว...นางถอนหายใจเบา ๆ ด้วยความเสียดาย แล้วกำลังจะหันหลังกลับทว่าในเงามืดเบื้องหลัง ปรากฏร่างของเด็กชายผู้หนึ่ง ผมยาวสลวยรวบเป็นมวยต่ำด้านหลัง ใบหน้าขาวกระจ่าง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมีแววเจ้าเล่ห์แฝงอยู่เพียงชั่วครู่ เขามองเด็กหญิงวัยสิบขวบตรงหน้าด้วยสายตานิ่งเฉยเขาเห็นว่านางกำลังมองหาใครบางคนอยู่ และเฝ้ามองนางเงียบ ๆ ไม่เผยตัว จนกระทั่งนางหันหลังกลับ จึงจงใจขยับตัวให้เกิดเสียงเสียงเบา ๆ ที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้หลี่หยูฟางหันขวับไปมอง และเมื่อพบว่าเป็นคนที่นางกำลังตามหา ดวงตาของนางก็เปล่งประกายทันใด “เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย! ข้านึกว่าเจ้ากลับไปเสียแล้ว” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดีเด็กชายผู้นั้นกลับไม่ตอบอะไร เพียงจ้องมองนางอย่างนิ่งเงียบเมื่อนางไม่ได้รับคำตอบ สีหน้าของหลี่หยูฟางก็พลันหม่นลงเล็กน้อย นางรู้สึกเสียใจลึก ๆ กับท่าทีเย็นชาของเขา...เมื่อเห็นเขาไม่ตอบ หลี่หยูฟางจึงถ

  • ทะลุมิติทั้งทีดันมีสามีเป็นผู้พิการ   ตอนที่ 100 เติบโต

    ภายในห้องนอน หยางฉิงหลับใหลไปด้วยความเหนื่อยล้า โดยมีหลี่เซิงนอนกอดอยู่เคียงข้าง ทั้งสองใช้เวลาร่วมกันตลอดทั้งคืน จนกระทั่งยามนี้จึงได้หลับพักผ่อนอย่างแท้จริงเมื่อทั้งสองตื่นขึ้นมาก็สายมากแล้ว จึงออกมาจากมิติ หลี่เซิงดูสดชื่นกว่าทุกวัน เพราะเมื่อคืนเขาได้เติมเต็มช่วงเวลาที่ขาดหายไป หยางฉิงมองเขาอย่างหมั่นไส้น้อย ๆ เมื่อออกจากห้อง นางก็พบว่าลูกชายทั้งสองออกจากห้องไปนานแล้ว ตอนนี้พวกเขาโตพอที่จะไม่ติดแม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว...เวลาแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้เข้าสู่ปีที่สอง หยางฉิงตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้ว ท้องครั้งนี้ของนางไม่ใหญ่เท่าตอนท้องลูกชาย ทำให้นางคิดว่าน่าจะได้ลูกเพียงคนเดียวนางมาพักอยู่ในเรือนที่เมืองหลวง เพราะอย่างน้อยก็สามารถออกมานั่งเฝ้าร้าน ดูแลกิจการหน้าร้านได้บ้าง จึงไม่รู้สึกเบื่อมากนักเมื่อเข้าสู่เดือนที่เก้า หยางฉิงคลอดลูกตามที่คาดหวังไว้ เป็นเด็กหญิงตัวอวบอ้วนน่ารักน่าชัง เด็กน้อยเปรียบเสมือนสีสันใหม่ของครอบครัว หยางฉิงจึงตั้งชื่อให้ลูกสาวว่า ‘หลี่หยูฟาง’ แปลว่า กลิ่นหอมละมุน เพราะนางเกิดมาพร้อมกลิ่นกายหอมอ่อน ๆ เป็นเอกลักษณ์ ใครเข้าใกล้ก็อดที่จะอยากอุ้มนางไม่

  • ทะลุมิติทั้งทีดันมีสามีเป็นผู้พิการ   ตอนที่ 99 สั่งสอน (แสดงความรักนิดหน่อย)

    เมื่อชายชรานั่งรถเกวียนมาจนถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ก็มีผู้คนออกมาต้อนรับมากมาย พร้อมกับเสียงเรียกขานว่า“เชิญเสด็จพะยะค่ะ ฝ่าบาท!”เสียงเรียกขานเปี่ยมด้วยความยินดีดังขึ้นพร้อมกันเมื่อชายชราได้ยินคำเรียกขานนั้น เขาถึงกับถอนหายใจเบา ๆ ความสนุกตลอดหลายวันที่เขาแอบออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ตนเคยปกป้องดูแล บัดนี้จำต้องวางลงเสียแล้ว...ทางด้าน หยางฉิง นางยืนอยู่ต่อหน้าเด็กน้อยทั้งสองคนที่มีนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งสุขุมเยือกเย็น อีกคนกลับซุกซนเอาเรื่อง นางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะส่ายหน้าให้ลูกชายคนโตหยางฉิงเพิ่งได้ฟังเรื่องราวจากท่านตาโจวเล่อ นางหันไปมองหลี่เต๋อชางด้วยแววตาภาคภูมิใจ เขาช่างละม้ายคล้ายสามีของนาง เพียงแต่เงียบขรึมกว่า ต่างจากหลี่เจียเฉิงโดยสิ้นเชิงนางถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ เมื่อคิดว่าลูกชายคนโตแอบออกไปเล่นตอนไหน ถึงกับไปแกล้งลูกของท่านอ๋องสามจนร้องไห้ ดีที่ท่านอ๋องไม่ติดใจเอาความอะไรหยางฉิงปรายตามองหลี่เจียเฉิงด้วยสายตาดุเมื่อหลี่เจียเฉิงเห็นสายตาของมารดา เขาก็หลบตาลงทันที“เจ้ารู้ไหมว่าวันนี้เจ้าทำอะไรผิดไป?” นางถามด้วยน้ำเสียงเข้มได้ยินเช่นนั้น หลี่เจียเฉิงสะด

  • ทะลุมิติทั้งทีดันมีสามีเป็นผู้พิการ   ตอนที่ 98 ชายชรา

    หลี่เจียถิง บุตรชายคนโต เป็นเด็กฉลาด ช่างพูด และกล้าแสดงออก ต่างจากหลี่เต๋อชาง ซึ่งเป็นเด็กช่างสังเกต เงียบขรึม และไม่ค่อยพูดเท่าใดนัก นางให้ลูกทั้งสองทดลองฝึกงานในกิจการของนางทั้งหมด หลี่เจียถิงชอบฝึกฝนในโรงเตี๊ยมและโรงทำน้ำมันพริก ส่วนหลี่เต๋อชางกลับชอบกิจการในเมืองหลวงและโรงเรือนทำยามากกว่า โดยเฉพาะเรื่องสมุนไพรที่เขาสนใจเป็นพิเศษนางไม่คิดจะบังคับ หากพวกเขาชอบหรือไม่ชอบสิ่งใด นางก็จะตามใจ ไม่ว่าในอนาคตพวกเขาจะสานต่อกิจการหรือไม่ก็ตาม เพราะตอนนี้พวกเขายังเด็กนัก นางจึงไม่อยากให้ต้องคิดมากเหมือนผู้ใหญ่วันหนึ่ง ขณะที่นางกำลังยุ่งกับการดูแลร้านเทียนเจินถัง นางจึงฝากหลี่เต๋อชางให้อยู่กับท่านตาโจวเฉียวทางด้านโจวเฉียวกำลังนั่งคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาได้ทำงานกับหยางฉิงมาเกือบห้าปีแล้ว เขามีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำงานที่นี่ ตอนนี้โจวเล่อก็เติบโตพอจะช่วยงานได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นเด็กเรียนดี เขาจึงไม่ค่อยเป็นกังวลนักโจวเฉียวเหลือบมองหลี่เต๋อชาง ซึ่งนั่งอยู่ตรงโต๊ะคิดเงินด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจ เขารู้สึกเอ็นดูเด็กชายผู้นี้เหมือนเป็นหลานแท้ ๆ หลี่เต๋อชางเป็นเด็กฉลาดเกินวัย นั่นทำให้เขาอด

  • ทะลุมิติทั้งทีดันมีสามีเป็นผู้พิการ   ตอนที่ 97 เป็นคนดี?

    เมื่อพูดจบ นางก็เหลือบมองสีหน้าของทั้งสองคนอ๋องสามที่รู้ว่ายาร้าน เทียนเจินถัง เป็นของดีจริง ๆ เคยกลับไปเพื่อซื้อยาเพิ่ม แต่กลับได้รับข่าวว่ายาทั้งหมดถูกขายหมดไปแล้ว ช่างเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่งนัก เมื่อรู้ว่าอาจารย์ของนางจะส่งยาชนิดใหม่มา เขาจึงไม่อยากพลาดโอกาสนี้เช่นกัน“ถ้าอาจารย์ของเจ้านำยาเข้ามาขายอีก เจ้าส่งคนมาแจ้งข้าได้หรือไม่?” เขาถามเสียงเรียบหวังจวิ้นเจี้ยงที่ถูกท่านอ๋องตัดบทไปก็รีบพูดขึ้นทันที “ถ้าเช่นนั้น เจ้าส่งคนมาแจ้งข้าด้วย ข้าเองก็อยากรู้ว่ายาตัวใหม่ของอาจารย์เจ้าจะเป็นยาแบบใดกันแน่”หยางฉิงเห็นความวุ่นวายตรงหน้าแล้วอดยิ้มไม่ได้ “ท่านทั้งสองวางใจได้เจ้าค่ะ ข้าจะให้คนเข้าไปแจ้งทั้งสองท่านอย่างแน่นอน”เมื่อพูดจบ นางก็แย้มยิ้มออกมา อาจารย์ที่ว่านั้นก็คือตัวนางเอง หากมีเวลาว่างเมื่อใด นางก็จะคิดค้นและปรุงยาขึ้นในเวลานั้น ร้านของนางไม่ได้เป็นร้านขายยาโดยตรง เพียงแต่นำยามาขายเสริม แต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้ร้านของนางเป็นที่อิจฉาของร้านยาดัง ๆ หลายแห่งแล้ว อย่างไรก็ตาม นางยังโชคดีที่มีคนคอยคุ้มกันอย่างดี พวกนั้นจึงไม่กล้าก่อเรื่องกับครอบครัวของนางโดยตรงเมื่อทั้งสองได้รับคำมั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status