บทที่ 112
เดินทางเข้าเมืองหลวง
หลังงานเทศกาลไหว้พระจันทร์จบลง โจวหวังเยว่กับผู้ติดตามเดินทางกลับทางเหนือ
ตอนลู่ซินฟางมาส่งพวกเขาก็ต้องตกใจ เนื่องจากสินค้าที่โจวหวังเยว่ซื้อจากร้านของนางต้องจ้างรถม้าถึงสองคันรถถึงจะขนหมด
สองวันให้หลัง กงเยียนซูก็ส่งจิ่นเซี่ยมาแจ้งกำหนดการเดินทางเข้าเมืองหลวง
“นายท่านให้ข้ามาแจ้งว่า อีกสามวันจะเดินทางเข้าเมืองหลวง เรื่องรถม้า นายท่านเตรียมเผื่อนายหญิงไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ หากมีอะไรเพิ่มเติม ส่งคนมาบอกได้ทุกเมื่อขอรับ”
คำพูดของจิ่นเซี่ยเรียบง่าย แต่ไม่รู้ทำไมถึงทำเอามุมปากของลู่ซินฟางกระตุก
สรรพนามที่เรียกนี้มันอะไรกัน หา!!??
“นายหญิงมีอะไรจะฝากบอกนายท่านหรือขอรับ” จิ่นเซี่ยเอ่ยถาม สีหน้าจริงจังและเหมือนไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้ง
ครั้นจะโมโหองครักษ์หนุ่ม ลู่ซินฟางก็ทำไม่ลง เพราะจิ่นเซี่ยไม่ได้ทำอะไรผิด คนของนางเรียกนางว่า นายหญิง จิ่นเซี่ยเรียกตามคนอื่นๆ ก็เท่านั้นเอง
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ โบกมือให้กับจิ่นเซี่ยพลางบอกว่า “กลับไปบอกว่า ทางนี้ก็เตรียมพร้อมแล้วเช่นกัน ตอนนี้เจ้ากลับไปได้แล้ว”
องครักษ์หนุ่มโค้งศีรษะให้ลู่ซินฟางทีหนึ่งแล้วก้าวออกจากห้องทันที
หลังจากจิ่นเซี่ยกลับออกไป จู่ๆ หลางไป๋ก็หรี่ดวงตามองลู่ซินฟางเหมือนกำลังตั้งข้อสงสัย
“อยากพูดอะไรก็พูดมาสิ”
“นายท่านกับนายหญิงหรือ พวกท่านพัฒนาความสัมผัสถึงขั้นนั้นตั้งแต่เมื่อไร เหตุใดพวกเราถึงไม่มีใครรู้ ยังไงก็ยินดีด้วยขอรับ” หลางไป๋กล่าวด้วยน้ำเสียงเรีบบนิ่ง กึ่งประชดกึ่งพูดเล่น
“จิ่นเซี่ยเรียกข้าว่า ‘นายหญิง’ ตามพวกเจ้าต่างหากเล่า ข้ากับกงเยียนซูไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิดสักหน่อย”
“ข้าก็นึกว่านายหญิงตั้งใจปิดบังพวกเราเสียอีก”
“ไม่มีอะไรปิดบังทั้งนั้นแหละ...เปลี่ยนเรื่องเถอะ เรื่องคนติดตามไปเมืองหลวง เจ้าเลือกเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่”
“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องห่วง ข้าคัดคนเรียบร้อยแล้วขอรับ”
หมาป่าหนุ่มตอบกลับด้วยท่าทีสุภาพ จากนั้นก็เสนอรายชื่อคนติดตามทั้งสี่ และยังอธิบายหน้าที่ของแต่ละคนให้ลู่ซินฟางฟัง
จวินหยางกับหลิวลู่จะทำหน้าที่คุ้มกัน และทำงานจิปาถะ
หยูต้านกับเฮ่อจางคอยดูแลงานเอกสาร รวมไปถึงเรื่องปรับปรุงร้านค้าใหม่
“ทำงานรอบคอบเสมอเลยนะ ดี ข้าเลือกพวกเขา” ลู่ซินฟางอดกล่าวชมหมาป่าหนุ่มไม่ได้
แต่ละคนที่หลางไป๋เลือกนั้น ล้วนทำงานเก่งและมีไหวพริบ หากให้พวกเขาคอยดูแลร้านที่เมืองหลวงก็ไม่มีปัญหา
“ขอบใจที่เหนื่อยนะ หลางไป๋”
“นายหญิงอย่าคิดมากเลยขอรับ ข้าเองก็รู้สึกสนุกที่ได้ทำงาน”
“อืม”
“เช่นนั้นขอตัวก่อนขอรับ”
จากนั้นหลางไป๋ก็ออกจากห้อง ทำงานของตนต่อไป
ตอนนี้หลางไป๋ได้ผู้ช่วยคนที่สอง และกำลังฝึกสอนฝ่ายนั้นทำงานเอกสาร เห็นว่าชื่อหลางฉื่อ เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
เมื่อในห้องไม่มีใครอื่นนอกจากลู่ซินฟาง ความเงียบทำให้นางใจลอย คิดถึงเรื่องของกงเยียนซู
ตั้งแต่หมดงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ กงเยียนซูแวะเวียนมาที่คฤหาสน์ของลู่ซินฟางทุกเย็น
บางวันอยู่ทานมื้อค่ำด้วยกัน บางวันแค่แวะมาหาเจ้าแฝด
เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ก็สนิทสนมกับชายหนุ่มตั้งแต่งานเทศกาลไหว้พระจันทร์เช่นกัน
พอเห็นกงเยียนซูมาที่คฤหาสน์ พวกเขาจะกระโดดโลดเต้นเข้าไปเกาะแขนซ้ายขวา และยังติดชายหนุ่มแจ
กงเยียนซูเองก็เอาแต่ยิ้มกว้างเหมือนคนโง่ คงดีใจที่สนิทกับเจ้าแฝดได้
คิดมาถึงตรงนี้ ลู่ซินฟางก็ส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอผุดรอยยิ้มออกมา
สามวันให้หลัง
ยามเช้าตรู่ รถม้าที่กงเยียนซูเตรียมไว้มาถึงหน้าคฤหาสน์ตระกูลลู่
พอเห็นรถม้ามาถึง เจ้าแฝดก็เกาะเอวของลู่ซินฟางแน่นหนึบ
“ท่านแม่ ข้าเองก็อยากไปด้วย” เป่าเอ๋อร์ร้องอย่างอ้อนๆ
“ท่านแม่ ท่านรีบกลับพรุ่งนี้เลยได้หรือไม่” เฉิงเอ๋อร์พูดเสียงสั่น
อันที่จริง ลู่ซินฟางก็อยากพาเจ้าแฝดไปด้วย แต่ให้เด็กเล็กๆ เดินทางไกลก็ค่อนข้างลำบาก อีกอย่าง หากเป็นที่มิติ ต่อให้อยู่ไกลแค่ไหนก็สามารถเจอกันได้ตลอด เรื่องนี้ลู่ซินฟางเคยพูดกับเจ้าแฝดแล้ว แต่พวกเขาคงลืมกระมัง
หญิงสาวย่อตัวนั่งยองๆ ตรงหน้าลูกแฝด ลูบศีรษะเล็กๆ ของพวกเขาพลางพูดไปด้วย
“สัญญากันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะไม่งอแง”
“แต่ว่า แต่ว่า…”
เด็กๆ ก้มหน้าอย่างเชื่องซึม
“เดินทางครั้งนี้แม่ไม่ได้ไปเที่ยว ต้องดูทำเลสร้างร้านใหม่ ติดต่อจ้างคนปรับปรุงร้าน และไหนจะงานจิปาถะ ถึงพาพวกเจ้าไปด้วยก็ไม่มีเวลาให้ ที่สำคัญ พวกเจ้ายังเด็กเกินกว่าจะเดินทางไกล แม่เป็นห่วงพวกเจ้านะ”
เจ้าแฝดก้มหน้างุดขณะฟังคำมารดา
ลู่ซินฟางยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “แม่ให้สัญญาแล้วไม่ใช่หรือ เดินทางเข้าเมืองหลวงครั้งถัดไป แม่จะพาพวกเจ้าไปด้วย”
“จริงๆ นะ” เป่าเอ๋อร์ถามย้ำ
“แม่ไม่เคยโกหกพวกเจ้าใช่หรือไม่”
เจ้าแฝดพยักหน้าอย่างเชื่อมั่น
“พวกเราจะรอท่านแม่กลับมา”
“เป็นเด็กดี เชื่อฟังพี่สาวชุนด้วยนะ”
“เข้าใจแล้ว”
ตอนนั้นเองกงเยียนซูเดินเข้ามายืนข้างหญิงสาว “เฉิงเอ๋อร์ เป่าเอ๋อร์ พวกเจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าจะปกป้องท่านแม่ของพวกเจ้าเป็นอย่างดี”
“ท่านลุง”
“สัญญาลูกผู้ชายแล้วนะ”
“ข้าให้สัญญา”
เด็กๆ มองชายหนุ่มตาใส จากนั้นก็พยักหน้ายอมรับ
ลู่ซินฟาง หลางไป๋กับผู้ติดตามอีกสี่คนขึ้นรถม้า พอรถม้าหลายคันเคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์ลู่ ฝ่ายที่นั่งปาดน้ำตาทำท่ากระซิกกลับเป็นลู่ซินฟางเสียอย่างนั้น
“ถ้าคิดถึงพวกเขาขนาดนี้ จะพามาด้วยก็ได้ไม่ใช่หรือ” กงเยียนซูที่นั่งเบาะฝั่งตรงข้ามเอ่ย
ลู่ซินฟางส่ายหน้า เอ่ยด้วยสีหน้าหงอยๆ
“เดินทางครั้งนี้ข้าตั้งใจทำงานให้ลุล่วง ไม่มีเวลาดูแลพวกเขาแน่ๆ เพราะอย่างนั้นเลยตัดใจไม่พามาด้วยเจ้าค่ะ”
“เรื่องนี้ข้าเองก็เข้าใจ”
“แต่ว่านะ คิดถึงเด็กๆ จังเลย”
ลู่ซินฟางน้ำตาซึมครั้งที่สอง แต่เมื่อผ่านสักพัก นางก็สูดหายใจลึกทีหนึ่ง สีหน้าซึมๆ พลันกลับทำแน่วแน่จริงจัง
“ข้าจะต้องทำให้เสร็จ เสร็จแล้วจะขลุกอยู่ที่บ้านไม่ไปไหนอีกแล้ว คอยดูสิ!”
“ถ้านายหญิงไม่ทำงาน จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าจ้างคนงานขอรับ” หลางไป๋แย้งพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ให้เจ้าดูแลแทนยังไงเล่า”
“นายจ้างอย่างท่านนี่ เอาเปรียบลูกจ้างเสียจริง”
คำบ่นของหลางไป๋ไม่ทำให้ลู่ซินฟางโกรธแต่อย่างใด กลับกัน นางหัวเราะคิกๆ
ในที่สุดหญิงสาวก็อารมณ์ดี ชายหนุ่มทั้งสองเห็นแบบนั้นต่างก็ยิ้มอย่างขบขัน
ตอนพิเศษ (5)จบบริบูรณ์ หลังจากปรับอารมณ์ได้แล้ว จิ้งจอกสาวก็เช็ดน้ำตาบนแก้มจนแห้ง สูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะออกจากห้องเพื่อไปขอโทษหลางไป๋ ทว่าทุกครั้งที่นางเข้าใกล้ เขากลับผละหนี แสร้งทำทีเป็นยุ่งง่วนกับงาน ท่าทางแบบนั้นราวกับจงใจหลบหน้านางไม่มีผิด เมื่อตระหนักได้เช่นนั้น เจียงจวีก็น้ำตาซึม รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก นับวันหัวใจของนางก็ยิ่งปวดแปลบ ท้ายที่สุด นางที่รู้สึกระอายใจเป็นทุนเดิม ยิ่งไม่กล้าสู้หน้าเขา หลายวันต่อมา เจียงจวีเก็บข้าวของ หนีกลับเผ่าจิ้งจอก ณ เผ่าจิ้งจอก ผู้นำเผ่าจิ้งจอกในร่างของชายวัยคนกับจิ้งจอกหนุ่มต่างยืนกอดอกหน้าตาขึงขัง ในขณะที่มองจิ้งจอกสาวกอดเข่าน้ำตาซึม “ตั้งแต่นางกลับมาก็เอาแต่นั่งอมทุกข์ทั้งวันทั้งคืน สงสัยจะเจอแย่ๆ มา หากรู้อย่างนี้ ข้าไม่น่าอนุญาตให้นางออกไปเจอโลกภายนอกเลย เป็นข้าที่ตัดสินใจผิดพลาดเอง” ผู้นำเผ่าพูดกับลูกชาย “ท่านพ่อไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาดหรอกขอรับ ให้นางออกไปเผชิญโลกภายนอก นับเป็นประสบการณ์ของนางด้วย” จิ้งจอกหนุ่มกล่าว
ตอนพิเศษ (4) หลังจากเห็นว่าเจียงจวีเหมาะกับตำแหน่งพนักงานขาย หลางไป๋ก็ให้นางทำงานในร้านซินหลินคู่กับห่จือเหมย เพียงไม่กี่อาทิตย์ เจียงจวีก็เป็นพนักงานขายอันดับต้นๆ ของร้าน ด้วยความที่เป็นจิ้งจอกใสซื่อ จึงทำให้ผู้คนชื่นชอบและเอ็นดูไม่น้อย ไม่เว้นแม้แต่หลางไป๋ “ทำงานแค่ไม่กี่อาทิตย์ เจ้าก็ทำกำไรให้ร้านซินหลินไม่น้อย…ทำดีมาก” หลางไป๋เอ่ยชมเจียงจวี พร้อมกับยื่นมือไปลูบศีรษะ ตอนแรก หมาป่าหนุ่มทำไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่พอเห็นจิ้งจอกสาวผงะ ทั้งแก้มนวลเนียนยังขึ้นสีแดงระเรื่อ มือใหญ่ที่กำลังลูบศีรษะของนางพลันชักกลับมา จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินไปตรวจงานแผนกอื่น และไม่พูดไม่จาใดๆ หัวใจของเจียงจวีเต้นระส่ำระส่ายไม่หยุด แม้ยกมือขึ้นลูบหน้าอกพร้อมสูดหายลึกๆ แล้ว หากแต่หัวใจยังคงเต้นแรงเหมือนจะกระเด็นออกมา อย่างไรก็ตาม อาการใจเต้นแรงนี้ ทำให้จิ้งจอกสาวอดรู้สึกกังวลไม่ได้ หมิงฮวาเข้าร้านมาในจังหวะนั้นพอดี นางมองหลางไป๋สลับกับมองเจียงจวี สักครู่ ดวงตาของอสรพิษสาวก็หรี่ลงเล็กน้อย เมื่อเห็นหลางไป๋ขึ้นไปที่ชั้
ตอนพิเศษ (3) วันต่อมา จิ้งจอกสาวหอบห่อผ้ามาที่ฟาร์มอีกครั้ง แต่หนนี้นางมาพร้อมกับพี่ชาย “พวกเจ้าสองพี่น้องจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกันหรือ” หลางไป๋สอบถาม การได้คนหน่วยกร้านดีเพิ่ม มีใครบ้างไม่ชอบ ทว่าจิ้งจอกหนุ่มโบกมือแล้วตอบ “ไม่ใช่ขอรับ ข้าแค่มาส่งน้องสาว อีกอย่าง ที่มาวันนี้ก็เพื่อขอร้องท่านให้ช่วยดูแลนางด้วย นางค่อนข้างซื่อน่ะขอรับ” หลางไป๋พยักหน้าเหมือนเข้าใจ หญิงสาวเผ่าจิ้งจอกยิ้มใสซื่อ โค้งศีรษะให้กับหลางไป๋ทีหนึ่ง “จากนี้ข้าต้องขอฝากตัวด้วยเจ้าค่ะ” หลางไป๋หันไปยิ้มให้กับหญิงสาวเผ่าจิ้งจอกพลางตอบว่า “ทางนี้ก็ต้องฝากตัวด้วยเช่นกัน” จากนั้นก็หันไปพูดกับทางพี่ชายด้วยสีหน้าเสียดาย “พูดก็พูดเถอะ เจ้าเองก็หน่วยกร้านดีไม่เบา น่าจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกัน” “ความจริงข้าก็อยากมาทำงานที่นี่นะขอรับ แต่เพราะท่านพ่อของพวกเรากำลังป่วย ข้าที่เป็นลูกชาย และยังเป็นว่าที่หัวหน้าเผ่าคนต่อไป ต้องคอยจัดการหลายๆ เรื่อง ตอนนี้ก็เลยออกจากเผ่าไม่ได้” “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ” “ขอบคุณท่านผู
ตอนพิเศษ (2) สถานที่นี้เรียกว่าฟาร์ม มีทั้งสวนผัก สวนผลไม้ ทุ่งดอกไม้ โรงเรือนเพาะต้นกล้า ไหนจะโรงผลิตสารพัดที่เพิ่มขึ้นเหมือนกับดอกเห็ด หนำซ้ำ ยังมีหมู่บ้านของเหล่าสัตว์อสูร ถนนที่ปูด้วยอิฐ ตรงลานกว้างของเมืองก็มีน้ำพุขนาดใหญ่ พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข…น่าอิจฉาและดูน่าสนุกกันจังเลย จิ้งจอกสาวคิด ก่อนจะถอนหายเฮือกออกมาหนึ่ง หญิงสาวชอบความตื่นตาตื่นใจของฟาร์ม ถึงได้แอบมาดูทุกวัน ในตอนที่ลำแสงสีทองสาดเข้ามาในป่ารกทึบ จากนั้นเหล่าสัตว์ก็มีวิวัฒนาการกลายร่างเป็นมนุษย์ ตอนนั้นนางตื่นเต้นมาก กระโดดโลดเต้นรอบป่า ยิ่งค้นพบว่ายังมีสัตว์เผ่าอื่นที่กลายร่างเป็นมนุษย์ นางก็ยิ่งอยากเป็นเพื่อนกับทุกคน เพราะอย่างนั้นตอนที่หมาป่าเพศผู้นามว่าหลางไป๋มาเจรจาขอเป็นพันธมิตรกับเผ่าจิ้งจอก นางอยากให้ท่านพ่อตอบรับการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับท่านภูต แต่ว่า ท่านพ่อกลับปฏิเสธ แม้ผิดหวังอย่างมาก แต่คำสั่งของผู้นำเผ่าถือเป็นเด็ดขาด เช้าตรู่ของวันนี้ จิ้งจอกสาวก็ยังแอบมาที่ฟาร์ม นางหลบหลังต้นไม้ใหญ่ แ
ตอนพิเศษ (1) ต้นฤดูหนาวของปีนั้น ชุนกับจิ่นเซี่ยได้จัดพิธีแต่งงานแบบเรียบง่าย โดยหลางไป๋เป็นญาติฝ่ายหญิง ส่วนจิ่นเซี่ยนั้น เนื่องจากองครักษ์หนุ่มผู้นี้เป็นเด็กกำพร้า ญาติฝ่ายชายจึงเป็นกงเยียนซู แม้เป็นงานแต่งที่เรียบง่าย แต่เพราะได้ลู่ซินฟางเป็นแม่งาน อาหารสุราจึงขึ้นเต็มโต๊ะตลอดทั้งวันทั้งคืน แขกเหรื่อที่มาร่วมงานล้วนเป็นคนกันเอง งานแต่งของชุนกับองครักษ์หนุ่ม จึงเหมือนกับวันรวมญาติมากกว่าเป็นงานมงคล ลู่ซินฟางอนุญาตให้ชุนหยุดได้เท่าที่ต้องการ หลังเสร็จสิ้นงานแต่ง ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม หลายวันหลังจากนั้น อุณหภูมิเริ่มลดต่ำ สายลมหนาวเย็นพัดมาเป็นระลอก ลู่ซินฟางยืนอยู่บนระเบียง มองพวกเด็กๆ วิ่งเล่นกันที่ลานกว้าง “เด็กๆ เนี่ย ไม่รู้จักความหนาวกันเลยหรือไงนะ” ลู่ซินฟางพึมพำด้วยความเอ็นดู “แอร๊…!” ตอนนั้นเอง เสียงเล็กๆ ของจินเอ๋อร์ดังมาจากในเปล ลู่ซินฟางผละสายตาออกจากพวกเฉิงเอ๋อร์ เดินกลับมาหาลูกน้อยที่นอนในเปล จินเอ๋อร์อา
บทที่ 128บทพิเศษ มิติที่สมบูรณ์ และ รักจนแก่เฒ่า (ครึ่งหลัง) จบบริบูรณ์ เมื่อกลับมาจากมิติ ซินหลินก็มาหาลู่ซินฟางที่คฤหาสน์ เจ้าแฝดพอเห็นพี่ชายมาหา ก็วิ่งเข้าไปเกาะแขน กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “พี่ชายซินหลิน เมื่อกี้พวกเราไปมิติมาด้วย” “พี่ชายซินหลิน พวกเราไปอ่านหนังสือกันเถอะ” ซินหลินส่ายหน้าพร้อมเคาะปลายจมูกน้อยๆ ของเด็กทั้งสองเบาๆ คนละที “พวกเจ้าเรี่ยวแรงเหลือเฟือจริงๆ เลยนะ เพิ่งกลับมาจากมิติไม่ใช่หรือ คิดจะเล่นกันอีกแล้ว?” “ฮะๆ” “คิๆ” เจ้าแฝดหัวเราะชอบใจ ซินหลินยิ้มให้กับน้องๆ ก่อนหันมาบอกลู่ซินฟางว่า “ข้าเพิ่งเอาผักไปให้เหนียงซิ่น นางบอกว่าอากาศน่าจะเริ่มหนาวแล้ว นางว่าจะทำหม้อไฟชุดใหญ่ เลยให้ข้ามาบอกน่ะ” “ขอบใจมาก รอเยียนซูกลับมาแล้วข้าจะพาเด็กๆ ไปที่คฤหาสน์นะ” ลู่ซินฟางตอบกลับ “อืม” “หม้อไฟ” “เย่ หม้อไฟ!” หม้อไฟฝีมือเหนียงซิ่นอร่อยมาก แถมนานๆ ครั้งจะได้สักที พวกเด็กๆ จึงชูแขนร้องด้วยความดีใจ