บทที่ 45
สวนของบ้านลู่
หลังจากนั้น รถม้าก็จอดสนิทหน้าบ้านไม้หลังใหญ่ซึ่งถูกสร้างขึ้นใหม่เมื่อไม่นานมานี้ บ้านสวนหลังนี้เป็นบ้านของลู่ซินฟาง สามห้องนอน หนึ่งห้องโถง และหนึ่งห้องครัว แถมยังมีลานบ้านอีกด้วย ลู่ซินฟางใช้ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนชั่วคราวในตอนที่มาดูแลสวน
ลู่ซินฟางอุ้มลูกลงจากรถม้าทีละคน
เด็กน้อยทั้งสองมองสวนของบ้านลู่ด้วยดวงตาใสเป็นประกาย ก่อนจะหันมามองลู่ซินฟาง
พวกเขาคงอยากไปหาสยงอู๋กับซินหลินเร็วๆ
นางยิ้มๆ แล้วพยักหน้าเป็นการอนุญาต
รอยยิ้มเบ่งบานบนดวงหน้าเล็ก จากนั้นเด็กน้อยทั้งสองก็จูงมือกันก้าวเข้าไปยังสวนผักที่อยู่ทางซ้ายมือด้วยความคุ้นชิน
สยงจวินเป็นหัวหน้าคนงานทำสวน เขาแบ่งโซนปลูกผักผลไม้อย่างชัดเจน สวนผักอยู่ทางซ้าย สวนผลไม้อยู่ทางขวา โรงเรือนปลูกดอกไม้สำหรับผลิตเป็นใบชาก็อยู่อีกทางหนึ่ง ท้ายสุดคือโรงเลี้ยงไก่กับบ่อปลา ถัดออกไปคือตีนเขาและลำธาร
ทั้งที่ไม่กี่เดือนก่อน พื้นที่ตรงนี้ยังเป็นเพียงที่ดินว่างเปล่าเต็มไปด้วยหญ้ารกๆ หลังจากทุกคนช่วยกันปรับปรุงอย่างแข็งขัน ที่ดินว่างเปล่าขนาด 18 หมู่ก็ได้กลายเป็นสวนที่มีระบบระเบียบ แม้เทียบกับฟาร์มในโลกต่างมิติไม่ติด หากก็ใกล้เคียงกับสวนในความคิดของลู่ซินฟางหลายส่วน
ลู่ซินฟางมองบ้านสวนที่มีควันลอยสีขาวขึ้นมาจากป่องไฟ เดาว่าเหนียงซิ่นคงกำลังเตรียมมื้อเที่ยงสำหรับทุกคน
นางยิ้มอย่างภูมิใจ ก่อนทอดสายตามองลูกๆ ที่จูงมือเดินไปหาซินหลิน
ซินหลินกำลังเก็บมะเขือเทศใส่ตะกร้า พอได้ยินเสียงแจ๋วๆ ของเด็กน้อยทั้งสองก็เงยหน้ามอง
“พี่ซินหลิน”
“พี่ซินหลิน ข้ามาแล้ว”
“มากันแล้วหรือ”
“ให้ข้าช่วยนะ ข้าอยากช่วย” เป่าเอ๋อร์เดินเข้าไปนั่งยองๆ ข้างซินหลิน ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ ขณะมองลูกมะเขือเทศแดงฉ่ำ
“เจ้าอยากกินหรืออยากช่วยกันแน่” เฉิงเอ๋อร์ขัดจังหวะน้องสาว
“ข้าก็คิดเหมือนเฉิงเอ๋อร์ เอ้า น้ำลายหกแล้วนั่น” ซินหลินยิ้มขบขัน พร้อมกับเช็ดน้ำลายบนมุมเล็กๆ ให้เด็กหญิง
“แหะๆ” เด็กหญิงตัวน้อยหัวเราะแห้งๆ
ความซื่อตรงของเป่าเอ๋อร์ทำเอาพี่ชายทั้งสองถึงกับส่ายหน้า สักพักพวกเขาก็หัวเราะออกมา
“ถ้าอย่างนั้นก็มาช่วยกันเก็บ เก็บเสร็จแล้วเดี๋ยวจะให้กิน” ซินหลินบอกพลางยื่นตะกร้าให้เป่าเอ๋อร์
“อืม” เป่าเอ๋อร์รับตะกร้าที่สานจากไม้ไผ่มาวางข้างๆ ตัว มือเล็กป้อมเด็ดมะเขือเทศลูกแดงฉฉ่ำด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจ
แม้ว่าฐานะบ้านลู่ในตอนนี้จะต่างจากเมื่อก่อนมากโข แต่ลู่ซินฟางยังพาลูกน้อยทั้งสองมาที่สวนเพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ
เป่าเอ๋อร์ชอบทำสวน เด็กน้อยมักป้วนเปี้ยนใกล้ๆ ซินหลินกับสยงอู๋เพื่อให้พี่ชายทั้งสองสอนนางทำสวน
ซินหลินเกิดจากเลือดและวิญญาณของลู่ซินฟางกับหลิน ถึงจะอายุ 10 ขวบ หากกลับมีทักษะความรู้ของทั้งสองติดตัวมา การทำสวนไม่ใช่เรื่องยาก เขาจึงส่งต่อความรู้เหล่านั้นให้กับเป่าเอ๋อร์
เวลานั้นเอง สยงอู๋ยกกระบะต้นกล้าเดินผ่านมาพอดี จึงโบกมือทักทายเด็กๆ
“เฉิงเอ๋อร์ เป่าเอ๋อร์!”
“พี่อู๋”
“พี่อู๋ละ”
“วันนี้พวกเจ้าก็มาช่วยทำสวนหรือ”
“ใช่แล้ว” เป่าเอ๋อร์ตอบแล้วก็ยิ้มแป้น
“เจ้าตัวเล็ก สดใสเสมอเลยนะ” สยงอู๋พูดพลางหัวเราะ
พอย้ายมาอยู่บ้านหลังเดียวกัน กินข้าวร่วมโต๊ะด้วยกันทุกวัน ทุกคนก็ยิ่งสนิทสนมราวกับพี่น้องแท้ๆ
“พี่อู๋จะเอาผักลงดินหรือ” เฉิงเอ๋อร์ถามสยงอู๋
“เจ้าอยากมาช่วยหรือไม่” สยงอู๋ตอบและถามประโยคเดียวกัน
“อือ” เฉิงเอ๋อร์พยักหน้า แล้วเดินตามสยงอู๋ไป
ทางหนึ่งเก็บมะเขือเทศ ทางหนึ่งเอาต้นกล้าลงดิน พวกเขาขยันและไม่ลืมฐานะเดิมของตน ช่างน่ารักเสียจริงๆ
ลู่ซินฟางยืนมองพวกเด็กๆ จากตรงที่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก
“น่าปลื้มใจจังเลยนะเจ้าคะ” เสียงของเหนียงซิ่นดังขึ้นข้างหลัง
ลู่ซินฟางหันมองแม่หมี แล้วตอบว่า อืม
เหนียงซิ่นเป็นเผ่าหมีก็จริง แต่กลับมีรูปร่างเพรียวสมส่วน ทั้งการวางตัวทั้งการใช้ชีวิตไม่ต่างจากมนุษย์สักเท่าไร ตอนนี้ยังปรับตัวเข้ากับสถานที่ได้แล้ว
“นายหญิง ข้าเตรียมน้ำชาไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ” สยงเหยา ลูกชายคนเล็กของเหนียงซิ่นและสยงจวินวัยแปดขวบ เดินมาบอก
“อาเหยาทั้งขยันและเป็นเด็กดี อายุแค่นี้ แต่ได้แม่มาเต็มๆ เลยนะเนี่ย” ลู่ซินฟางเอ่ยชม
สยงเหยายิ้มปลื้มใจ
“แล้ว...พวกตงตงมารังแกเจ้าหรือไม่” ลู่ซินฟางถามต่อด้วยความเป็นห่วง
ตอนที่นางกับลูกอาศัยอยู่ที่นี่ ตงตงมักพาเพื่อนๆ มารังแกเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ ดังนั้นนางจึงกลัวว่าเด็กเกเรพวกนั้นจะมารังแกเด็กมีนิสัยเงียบๆ อย่างสยงเหยา
แต่...
สยงเหยาส่ายหน้า “พวกเขาชอบมาด้อมๆ มองๆ แถวนี้ แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้ข้าหรอกขอรับ เพราะพวกเขากลัวพี่ใหญ่”
“ค่อยยังชั่ว” ลู่ซินฟางก้มตัวลง ลูบศีรษะเด็กชายด้วยความเอ็นดู จากนั้นเปลี่ยนเรื่อง “ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปนั่งคุยกันต่อที่โต๊ะหน้าบ้านดีหรือไม่”
เหนียงซิ่วตอบว่า “เจ้าค่ะ”
แต่สยงเหยาขอไปช่วยงานสยงอู๋
ดังนั้นจึงเหลือลู่ซินฟางกับเหนียงซิ่น พวกนางเดินไปที่ลานหน้าบ้าน นั่งคุยกันด้วยเรื่องทั่วไป
บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา
บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่
บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร
บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก
บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่
บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ