บทที่ 53
ขยายสาขา
แม้ว่าลู่ซินฟางพยายามควบคุมราคาสินให้อยู่ในขอบเขตพอดี แต่ก็ยังมีบางเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้
หลังจากแก้วชาชุดแรกนำมาวางแสดงในร้าน ยอดจองก็ถล่มถลาย ทำให้สินค้าตัวอื่นได้รับความนิยมและขายดีไปด้วย
คนทำมาค้าขาย การได้เห็นลูกค้าเข้าร้านอย่างหนาแน่นไม่มีใครไม่รู้สึกยินดี
แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง ลูกค้าที่เข้าร้านคือตัววัดทิศทางของร้าน
ร้านซินหลินในตอนนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าคนกลาง เหล่าขุนนางและเหล่ามหาเศรษฐี
ความตั้งใจเดิมของลู่ซินฟางคือขายส่งสินค้าจำนวนมากๆ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้ละเลยลูกค้ารายเล็กๆ ภายในร้านจึงแบ่งโซนขายสินค้าเบ็ดเตล็ดในราคาย่อมเยา
ทว่า…
พักหลังมานี้ กลับเห็นว่าชาวบ้านหลายคน ยืนมองเข้ามาในร้านด้วยสายตาเสียดาย ก่อนจะเดินผ่านไป
ขืนเป็นเช่นนี้ ร้านซินหลินจะเสียโอกาสรับลูกค้ารายย่อย
คิดไปคิดมา ทันใดนั้นลู่ซินฟางก็ฉุกคิดถึงคำพูดของเจิ้งหาน
เจิ้งหาน ตัวแทนร้านชื่อดัง ‘ไฉฟู่’ เคยบอกไว้ ในแต่ละปีร้านไฉฟู่สร้างกำไรมหาศาลจากลูกค้ากลุ่มชนชั้นสูง แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะกลุ่มคหบดีหรือเหล่าขุนนางผู้มากทรัพย์ พวกเขายังเปิดร้านเครือข่ายย่อยๆ ขายสินค้าให้กับกลุ่มชนชั้นกลางและชาวบ้านทั่วไป
แม้คุณภาพสินค้าไม่ได้ดีเด่นอะไร หากเน้นขายคล่องในจำนวนมากๆ แล้ว ถือเป็นการสร้างเส้นทางหาผลกำไรได้อีกทางหนึ่ง
พอคิดมาถึงเรื่องนี้ ลู่ซินฟางก็บรรเจิดไอเดียใหม่
หญิงสาวหยิบพู่กัน กระดาษ จากนั้นเขียนแผนโครงการร้านค้าสาขาย่อย ชื่อร้านที่แวบเข้ามาในหัวคือ ‘เฉิงเป่า’
คงถึงเวลาแล้วที่ต้องขยายสาขาเพิ่ม!
พอเขียนแผนงานเสร็จ ลู่ซินฟางถือกระดาษแผ่นนั้น สาวเท้าตรงไปยังห้องทำบัญชีเพื่อขอคำปรึกษาจากหลางไป๋กับชิงเหลียน
พูดถึงชิงเหลียน ตอนนี้ไม่ต่างจากคนของลู่ซินฟาง เวลาทำงานก็ทำอย่างจริงจัง ทั้งยังซื่อสัตย์อีกด้วย
พอยื่นกระดาษโครงงานให้ทั้งสองคนได้อ่าน ผ่านไปสักพัก หลางไป๋ก็พยักหน้าแล้วกล่าว “ร้านซินหลินสาขาย่อยหรือ น่าสนใจมากเลยขอรับ”
เมื่อหลางไป๋พูดจบ ชิงเหลียนก็เดินไปหยิบสมุดบัญชีรายรับ แล้วยื่นให้กับลู่ซินฟาง
ลู่ซินฟางเลิกคิ้ว ถามด้วยความแปลกใจ “บัญชีมีปัญหาหรือ”
ชิงเหลียนส่ายหน้าแล้วตอบ “ข้าตั้งใจจะรายงานพี่ซินฟางมาสักพักแล้ว ทุกครั้งที่สรุปบัญชีรายรับ ลูกค้าส่วนใหญ่ล้วนเป็นพ่อค้าคนกลาง เอ่อ ข้าไม่ได้หมายความว่าได้เงินก้อนใหญ่แล้วจะไม่ดี มีเงินย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่…ท่านลองตรวจสอบดูรายละเอียดตรงนี้ สังเกตว่าลูกค้ารายเล็กจะค่อยๆ หายไป”
อันที่จริง การขายส่งสินค้าจำนวนมาก รับผลกำไรเป็นกอบเป็นกำ ทำให้ร้านซินหลินตั้งตัวได้เร็ว แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ภาพลักษณ์ของร้านเปลี่ยนไป ชาวบ้านเลยเกิดความสับสน ไม่กล้าเข้ามาเลือกสินค้า ผู้ดูแลบัญชีอย่างหลางไป๋กับชิงเหลียนทราบถึงปัญหานี้ ก่อนหน้านั้นก็เคยปรึกษากันมาก่อน
ลู่ซินฟางไล่สายตาดูจำนวนตัวเลขตามที่ชิงเหลียนแนะนำ
“ถูกของเจ้า ลูกค้ารายเล็กลดลงไปเยอะมาก”
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเราต้องเสียลูกค้ารายย่อยเป็นแน่” หลางไป๋บอก สีหน้ากังวลเล็กน้อย
ในเรื่องนี้ ทั้งสามคนมีความเห็นที่ตรงกัน ดังนั้นแผนขยายสาขาเพื่อรับลูกค้ารายย่อยจึงเป็นอีกหนทางหนึ่ง
“ดังนั้นแล้วข้าถึงมาปรึกษาพวกเจ้า หากเปิดอีกสาขาหนึ่ง พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร”
“ข้าเห็นด้วยนะ แต่ว่า พี่ซินฟางจะทำร้านแบบไหนหรือ หากเป็นร้านซินหลินสาขาสอง เกรงว่าคนจะจำภาพลักษณ์ของที่นี่ไปแล้วน่ะสิ” ชิงเหลียนถามพร้อมกับออกความคิดเห็น
“เจ้าพูดถูก เพราะแบบนั้น ข้าถึงจะใช้ชื่อร้านว่า ‘เฉิงเป่า’ สินค้าที่วางขายในร้านจะลงเฉพาะของที่มีราคาถูก คนทั่วไปจับต้องได้” ลู่ซินฟางอธิบายคร่าวๆ
“ใช้ชื่อของเด็กๆ มาเป็นชื่อร้านนี่เอง ประสบความสำเร็จพร้อมๆ กับความร่ำรวยหรือ ฟังดูไม่เลวเลย” ชิงเหลียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ลู่ซินฟางเองก็ยิ้มออกมา ตอนคิดชื่อร้าน นางไม่ลังเลเลยที่จะใช้ชื่อของเด็กๆ อย่างที่รู้กันดี การเปิดร้านค้า ลู่ซินฟางทำเพื่อสร้างรากฐานให้กับลูกทั้งสอง และถือโอกาสแบ่งกำไรมาขยายฟาร์มที่ต่างมิติไปพร้อมกัน
“แล้วคนดูแลร้านล่ะขอรับ ท่านคนเดียวคงไม่ไหว” หลางไป๋ถามต่อ
“ถามได้ถูดจุด” ลู่ซินฟางทุบโต๊ะเบาๆ จากนั้นพูดอีกครั้งอย่างทีเล่นทีจริง “เพราะฉะนั้นนะ เจ้าช่วยมาเป็นตัวแทนร้านให้ข้าทีสิ หลางไป๋”
ชายหนุ่มร้อง “เอ๋!!??” เสียงดังราวกับอุทาน
ชิงเหลียนกะพริบตาปริบๆ สายตาเลื่อนมองหลางไป๋ ปกติผู้ชายคนนี้มีความสุขุมตลอดเวลา ทำไมจู่ๆ ถึงเสียอาการเช่นนี้ได้
ผ่านไปสักพักหนึ่ง หลางไป๋กระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเหมือนประท้วงและแฝงความน้อยใจนิดๆ
“นายหญิงคนดี ท่านก็รู้ ข้าพอใจติดตามรับใช้พวกท่าน ถ้าต้องรับตำแหน่งเป็นตัวแทนร้าน ข้าก็ต้องอยู่ห่างจากพวกท่านถูกต้องหรือไม่ เช่นนั้นข้าขอทำงานเล็กๆ ไปวันๆ ยังจะดีเสียกว่า”
สำหรับหลางไป๋ ‘พวกท่าน’ ในความหมายของเขาคือลู่ซินฟางกับภูตน้อยหลิน
แต่ทางชิงเหลียน เข้าใจว่าเป็นลู่ซินฟางกับลูกแฝดทั้งสอง คิดแล้ว ก็อดยกย่องความซื่อสัตย์ของผู้ชายคนนี้ไม่ได้
ลู่ซินฟางยิ้มอย่างสดใส แล้วกล่าวขอโทษหลางไป๋ “ข้าไม่ควรเอาความมุ่งมั่นของเจ้ามาล้อเล่น ขอโทษด้วย ในเมื่อเจ้ายืนยันเช่นนี้ ข้าก็จะไม่บังคับ เรื่องหาคนมาเป็นตัวแทนร้าน ต้องรบกวนให้หลางไป๋ช่วยหาแล้ว ส่วนลูกจ้างในร้าน ข้าจะลองคิดป้ายรับสมัครคนจากเมืองเล่ออัน แบบนั้นคงไม่มีใช่หรือไม่”
“ไม่มีปัญหาขอรับ”
“จริงสิ ข้าคิดว่าพวกเจ้าทั้งสองคน ควรหาคนมาเป็นผู้ช่วย งานดูแลร้านจุกจิกวุ่นวาย หลางไป๋คนเดียวคงดูแลไม่ทั่ว ฝ่ายบัญชีเอง แค่สรุปรายรับรายจ่ายทุกวันก็ยุ่งยากแล้ว หากพวกเจ้ารู้จักคนที่ทำงานและไว้ใจได้ ก็พามาแนะนำกับได้นะ”
ในเรื่องนี้ ทั้งสองคนฟังแล้วต่างก็เห็นด้วยกับลู่ซินฟาง พวกเขาตอบพร้อมกันว่า “ขอรับ/เจ้าค่ะ”
นอกจากนี้ ลู่ซินฟางยังกำหนดวันหยุดให้กับร้าน เพื่อเป็นสวัสดิการสำหรับพนักงาน แต่หากพวกเขาต้องการหยุดในวันธรรมดาก็สามารถทำได้เช่นกัน
การจัดการร้าน แม้จะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป หากก็เข้าใกล้คำว่าองค์กรมากขึ้น
ตกเย็นวันนั้น ชิงเหลียนปรึกษากับเถี่ยฮ่าวซือผู้เป็นสามี เรื่องทำเลร้านค้าแห่งใหม่
เถี่ยฮ่าวซือนั้น นอกจากทำงานสวนของที่บ้านแล้ว เขายังรับจ้างก่อสร้างทั่วไป ดังนั้นแล้วจึงรู้จักผู้คนและสถานที่ในเมืองเล่ออันมากกว่าชิงเหลียน
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก เถี่ยฮ่าวซือก็บอกว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าเพิ่งไปซ่อมแซมบ้านให้กับผู้เฒ่าอี๋ บังเอิญว่าผู้เฒ่าหลวนก็อยู่ที่นั่นด้วย ได้ยินพวกเขาคุยกับทำนองว่าผู้เฒ่าหลวนจะย้ายไปอยู่กับลูกหลานในเมืองหลวง เลยจะปล่อยเช่าอาคารที่อยู่บนถนนทางใต้ ติดกับประตูเข้าออกเมือง”
“ถนนติดประตูทางใต้หรือ” ชิงเหลียนพึมพำพลางครุ่นคิด
ถนนเส้นนั้นมีร้านค้าไม่มากนัก ร้านค้าส่วนใหญ่ก็เป็นร้านเล็กๆ หากกลับมีชาวบ้านใช้เส้นทางนั้นสัญจรเข้าออกไม่น้อย
พอใคร่ครวญแล้ว ชิงเหลียนก็เอ่ยขึ้น “บางทีอาจตรงตามเงื่อนไขที่พี่ซินฟางต้องการก็ได้”
“พรุ่งนี้ข้าจะไปถามผู้เฒ่าหลวนให้แล้วกัน”
“ขอบคุณ พี่ฮ่าวซือ” ชิงเหลียนยิ้มอย่างสดใส
ชายหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ ให้กับภรรยา ก้มหน้าดื่มชาต่อ
ตั้งแต่ชิงเหลียนเริ่มทำงานที่ร้านซินหลิน สีหน้าของนางดูความสุขเป็นอย่างมาก พอเห็นแบบนี้ หัวใจของเขาก็พลอบอบอุ่น ถึงต่อให้พวกเขาไม่สามารถมีทารกตัวน้อยๆ สืบสกุลก็ไม่เป็นไร ขอแค่เห็นภรรยามีความสุขก็พอแล้ว
บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา
บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่
บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร
บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก
บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่
บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ