บทที่ 54
ความใสซื่อของหมาป่าสาว ชุน
ด้วยความร่วมมือจากทุกคน ผ่านไปเพียงหนึ่งสัปดาห์ ลู่ซินฟางก็ได้อาคารหลังใหม่มาครอบครอง เหลือก็แค่ตกแต่งร้านกับรับคนงานเพิ่ม
อย่างหลังพักเอาไว้ก่อน เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด และตรงกับวันที่ชิงเหลียนมาสอนวิชาเลข ลู่ซินฟางที่ต้องการพักสมองจึงเข้าครัวทำขนมแป้งไส้ถั่วหวานกับอาหารกลางวันของเด็กๆ ด้วยตัวเอง
พูดถึงเรื่องน่าปวดหัวในช่วงนี้ ไม่พ้นเรื่องการสั่งจองชุดแก้วชา พ่อค้าบางคนก็ใจร้อน เร่งให้ร้านซินหลินผลิตสินค้าออกมาเร็วๆ บางคนถึงขั้นมากดดันทุกวัน วันละหลายๆ รอบ พ่อค้าบางคนก็หัวหมอ อยากกักตุนชุดแก้วชาจำนวนมากๆ ในครั้งเดียว เลยจ้างวานพ่อค้าจากร้านเล็กๆ ทำทีมาสั่งจอง ส่วนบางคนถึงกับทุ่มทุนให้เงินใต้โต๊ะหลางไป๋
หลางไป๋ไม่ใช่คนเห็นแก่เงิน และมองเห็นพิรุธของพ่อค้าเหล่านั้น เลยแก้ปัญหาได้เร็ว
พอนึกเรื่องชวนให้ปวดหัว ลู่ซินฟางก็พ่นลมหายใจยาวๆ ออกมา
“เฮ้อ…”
ชุนที่เดินไปส่งเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ที่ห้องเรียนแล้วย้อนกลับมาหาลู่ซินฟางที่ครัว เห็นตอนนายหญิงถอนหายใจพอดี เกิดความเข้าใจผิด คิดว่านายหญิงคงเหนื่อยที่ต้องเตรียมอาหารคนเดียว นางจึงถลกแขนเสื้อ สาวเท้าไปยังอ่างล้างมือ
“วันนี้เด็กๆ มาเรียนเยอะมาก ให้ข้าช่วยนายหญิงทำหมั่นโถอีกแรงนะเจ้าคะ” ชุนกล่าวพร้อมกับเช็ดมือให้แห้ง
ลู่ซินฟางพยักหน้าตอบ “อืม”
แล้วทั้งสองก็ช่วยกันปั้นหมั่นโถเป็นรูปตัวการ์ตูน ทำแบบนี้เหมือนปล่อยให้สมองได้จินตนาการไปเรื่อยๆ ลู่ซินฟางรู้สึกสบายใจขึ้นมากทีเดียว
“พูดก็พูดเถอะ ไม่เจอแค่พักเดียว เจ้าเด็กตงตงคนนั้นสงบลงมากเลยเนอะ”
ลู่ซินฟางเปิดประเด็น พลางคิดถึงเรื่องเมื่อเช้า
ตอนที่จางต้วนมาส่งตงตงกับเม่ยเม่ย ใครจะคิดเล่าว่า เจ้าเด็กเกเรอย่างตงตงจะก้มศีรษะให้ความเคารพลู่ซินฟาง ทำเอานางเผลอตัวเบิกตามองด้วยความตะลึงเลยทีเดียว
ชุนเองก็คงคิดเหมือนกันจึงขำพรืดออกมา
ลู่ซินฟางเห็นหญิงสาวหัวเราะอย่างสนุกสนานก็พลอยยิ้มตามไปด้วย
ชุนปาดน้ำตาตรงหางตาหลังจากหยุดหัวเราะแล้ว พูดปนขบขำว่า “ถูกหลางไป๋อบรมไปทีเดียวไม่กล้าฮืออีกเลยเจ้าค่ะ คิกๆ นึกแล้วก็ตลก”
ชุนเคยเล่าว่า วันแรกที่ตงตงกับเม่ยเม่ยมาเรียน เด็กชายก็แผงฤทธิ์ทันที รบกวนเพื่อนๆ ในห้องเรียน ก้าวร้าวในหลางไป๋
ภายนอกหลางไป๋เป็นคนสุขุม แต่หากได้โกรธ ความน่ากลัวนั้นแม้แต่ลู่ซินฟางยังต้องยอม
หลางไป๋บอกให้ชุนนำของว่างของวันนั้นออกมา จากนั้นก็สั่งงดขนมในส่วนของตงตง
เด็กๆ ชอบของหวาน อีกอย่าง การที่เพื่อนๆ ทั้งห้องได้กินขนมอร่อย ยกเว้นตัวเอง เป็นใครก็ต้องรู้สึกสะเทือนใจเป็นธรรมดา
ถึงอย่างไร ตงตงก็เป็นแค่เด็ก 8 ขวบ ถูกดัดนิสัยด้วยวิธีนี้ย่อมไม่กล้าอวดเก่ง
“ท่านต้องเห็น ตอนเลิกเรียนก็ถูกหลางไป๋อบรมอีกรอบ สั่งให้เช็ดโต๊ะ เก็บหนังสือ เจ้าหนูนั่นยอมทำทุกอย่างเลยเจ้าค่ะ”
กว่าจะได้กินขนม ในวันนั้นตงตงถูกหลางไป๋อบรมเป็นชั่วยาม
“อย่าแกล้งเขานักล่ะ” ลู่ซินฟางพูดอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
ชุนหัวเราะฮ่าๆ แล้วตอบ “เห็นว่าตอนอยู่ที่บ้านก็เป็นเด็กดีด้วย รู้จักช่วยพ่อทำงานแล้ว”
ลู่ซินฟางยิ้มพลางส่ายหน้าเบาๆ
คงกลัวว่าความเกเรของตนจะรู้ถึงหูหลางไป๋แล้วจะถูกอบรมอีก เลยทำตัวเป็นเด็กดีสินะ
คิดจบ ลู่ซินฟางก็ขำคิกๆ ไม่ต่างจากชุน สักครู่ผ่านไป นางจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “ว่าแต่ ช่วงนี้ข้าไม่เห็นจิ่นเซี่ยแวะมาหาเจ้าเลย พวกเจ้าทะเลาะกันหรือ”
ชุนทำปากยื่นแล้วพูด “ไม่ได้ทะเลาะเจ้าค่ะ ครึ่งเดือนก่อนเขามาหาข้า บอกว่าต้องติดตามนายท่านเข้าเมืองหลวง จะไม่เจอกันพักหนึ่ง แล้วก็บอกว่าจะเอาของฝากมาให้ด้วย ก็ดีใจอยู่หรอกที่จะได้เนื้อชิ้นโต แต่ทำไมต้องมาบอกข้าด้วย ไม่เข้าใจเลย”
“เนื้อหรือ” ลู่ซินฟางกะพริบตาถี่ พร้อมทวนคำอย่างติดใจ
ทำไมคุยไปคุยมาถึงวกเข้าเรื่องเนื้อได้ล่ะ
“เวลาที่เผ่าหมาป่ามอบของฝากให้กันส่วนใหญ่ก็เป็นเนื้อชิ้นโต เนื้อกวาง เนื้อกระต่าย เอ…นายหญิงไม่ทราบหรือ” ชุนตอบพร้อมถามกลับด้วยสีหน้าพาซื่อ
มุมปากของลู่ซินกระตุกเล็กน้อย
เรื่องในต่างมิตินางจะไม่รู้ได้อย่างไร ก็คลุกคลีอยู่ที่นั่นมาตั้ง 10 ปี
แต่ว่า เจ้าเด็กคนนี้ไม่ซื่อเกินไปหน่อยหรือ ถึงคิดว่าของฝากจากจิ่นเซี่ยจะเป็นเนื้อน่ะ!
เฮ้อ…
และแล้ว ก็มีเรื่องให้ลู่ซินฟางต้องถอนหายใจเพิ่มอีกหนึ่งเรื่องจนได้
“อุบ!”
จู่ๆ ชุนก็ยกมือปิดปากตัวเอง ดวงตาเรียวรีสอดส่ายไปทางประตู เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร นางก็ตบหน้าอกตัวเองด้วยท่าทีโล่งใจ
“เป็นอะไรอีก?” ลู่ซินฟางถาม อยู่กันมาตั้งนาน แต่ไม่เคยเข้าใจความคิดของเด็กคนนี้เลย
ชุนขยับมาใกล้ๆ ตอบด้วยเสียงกระซิบ
“ข้าไม่ควรพูดคำว่าเนื้อกระต่าย เดี๋ยวจะทำให้อาอวิ๋นกับเสี่ยวเหมยหวาดกลัวเอา”
หมายถึงพี่น้องกระต่ายหู่จือหรอกหรือ!
หลงเข้าใจว่า ชุนจะตระหนักได้แล้วว่าจิ่นเซี่ยเป็นมนุษย์ และมนุษย์นั้นไม่มอบของฝากเป็นเนื้อ
ลืมไปเลย สมองของชุนคิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน
บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา
บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่
บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร
บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก
บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่
บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ