บทที่ 76
ต้องมองกงเยียนซูใหม่ (ครึ่งหลัง)
ตอนที่ตื่นขึ้นมาในร่างใหม่นี้ ลู่ซินฟางค้นหาความทรงจำของร่างเดิม นอกจากความโชคร้ายที่เจ้าของร่างต้องเผชิญ ยังพบว่ายุคนี้ไม่มีอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ แต่เมื่อเป็นยุคโบราณ ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ส่วนใหญ่เป็นสงคราแย่งชิงดินแดนและปราบปรามกลุ่มกบฏตามชายแดน
อย่างไรก็ตาม กงเยียนซูแม้ตอนนี้เล่นบทเป็นพ่อค้า แต่เขาก็เป็นถึงองค์ชาย การจัดหาเสบียงส่งให้กับกองทัพเป็นหน้าที่ขององค์ชายที่ต้องทำเพื่อแผ่นดินและราษฎร
ตอนที่กำลังคิดถึงความสำคัญของเสบียง หลางไป๋ก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาตรงหน้า
ลู่ซินฟางมองรายการสินค้าพร้อมฟังหลางไป๋อธิบาย
“ในกระดาษแผ่นนี้คือรายการสินค้าคร่าวๆ ที่ทางเราต้องจัดเตรียมขอรับ”
“ด่วนหรือไม่”
“เห็นว่าด่วน”
ข้าวสาลี ธัญพืช เกลือ ของตากแห้ง เครื่องเทศ ของพวกนี้ไม่ได้เตรียมยากอะไร ที่ถามว่าด่วนหรือไม่นั้น จะได้ช่วยคำนวณระยะเวลาจัดส่งสินค้าและการเดินทางได้ถูก
“ท่านกงบอกว่า จริงๆ แล้ว พ่อค้าที่เมืองโหยวเปยต้องเป็นคนจัดส่งเสบียงพวกนี้ แต่ปีนี้ผลผลิตเก็บเกี่ยวได้น้อย เสบียงที่ส่งไปจึงไม่พอ”
“เข้าใจแล้ว”
ในขณะที่ลู่ซินฟางตอบด้วยสีหน้าสบายๆ ชิงเหลียนกลับถามด้วยความกังวล
“นี่เป็นเสบียงของกองทัพเลยนะ พี่ซินฟาง ถ้ารับงานมาแล้ว แต่จัดเตรียมไม่ทันตามกำหนด ร้านเราจะไม่แย่เอาหรือ”
“ไม่ต้องห่วง ในโกดังสินค้าของเรามีสินค้าเพียงพอ” หลางไป๋พูดอย่างมั่นใจ
ชิงเหลียนขมวดคิ้ว ทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
สยงจวินเดินกลับมานั่งที่เดิม อ่านรายการสินค้าบนกระดาษ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสบายๆ อีกคน “ของแค่นี้ เตรียมทันอยู่แล้ว”
“จริงหรือ” ชิงเหลียนถามย้ำ
“แน่นอนอยู่แล้ว” สยงจวินพูดเสียงดังฟังชัดเหมือนเคย
ชิงเหลียนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “ในเมื่อทุกคนยืนยันกันเช่นนี้ ข้าก็จะเชื่อ”
เมื่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนามาเป็นเรื่องเสบียง ทุกคนก็ลืมแผนหาสามีปลอมๆ ให้ลู่ซินฟางสิ้นเชิง
การจัดเตรียมเสบียงให้กับกอทัพทหารจำนวนมากในเวลาจำกัด สำหรับร้านเปิดใหม่อย่างร้านซินหลิน อาจเป็นเรื่องเกินตัวและเสี่ยงมาก แต่นั่นไม่ใช่กับลู่ซินฟาง นางสามารถหาเสบียงทันเวลาอย่างแน่นอน กลับกันแล้ว งานนี้มาในจังหวะที่เหมาะเหม็งพอดีด้วยซ้ำ หากทำสำเร็จ ร้านซินหลินจะยิ่งมีชื่อเสียงและได้รับความไว้ใจมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากพรุ่งนี้มีงานด่วนที่ต้องทำ ลู่ซินฟางจึงบอกให้ทุกคนแยกย้ายกลับไปพักผ่อน
ในตอนนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้ง ก่อนใบหน้าน่ารักของหู่จือเหมยจะชะโงกหน้าผ่านกรอบประตูเข้ามา
“พี่ชิงเหลียน พี่ฮ่าวซือมารับแล้วเจ้าค่ะ”
“อ๊ะ เย็นขนาดนี้แล้วหรือ”
ลู่ซินฟางส่ายหน้าน้อยๆ “ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าให้รีบเตรียมตัวกลับบ้าน”
“ถ้าอย่างนั้น ข้ากลับก่อนนะเจ้าคะ”
“อืม”
เมื่อชิงเหลียนกลับไปแล้ว เหล่าเด็กๆ ของลู่ซินฟางก็ทยอยเก็บข้าวของแล้วเดินออกจากห้อง แต่ลู่ซินฟางก็ไม่ลืมเตือนเรื่องสำคัญกับหู่จือเหมยและหู่จืออวิ๋น พี่น้องเผ่ากระต่าย
“อาอวิ๋น ช่วงนี้อยู่ใกล้ๆ น้องสาวเจ้าไว้นะ”
“ทำไมขอรับ”
“ตอนที่ ‘ผู้ชายเฮงซวยคนนั้น’ เข้ามาในร้าน เขาจ้องเสี่ยวเหมยตาเป็นมัน เพราะฉะนั้น อย่าปล่อยให้นางอยู่คนเดียวเด็ดขาด”
พอได้ยินแบบนั้น หู่จืออวิ๋นก็เลือดขึ้นหน้า กำหมัดชูกำปั้น
“หนอย เจ้ามนุษย์เฮงซวยนั่น!”
“อาอวิ๋น เสี่ยวเหมย พวกเจ้าเป็นเหมือนครอบครัวของเรา ไม่ต้องกังวลไป พวกเราเองก็จะช่วยจับตาดูเจ้ามนุษย์เฮงซวยคนนั้นด้วย เขาไม่มีทางทำอันตรายคนของเราได้หรอก” หลางไป๋ตบบ่ากระต่ายหนุ่มน้อยเบาๆ
หู่จืออวิ๋นตอบกลับด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณ พี่หลางไป๋”
“พวกเจ้าไปเตรียมตัวกลับก่อนเถอะ”
“ขอรับ”
หลังจากสองพี่น้องกระต่ายออกจากห้องไปแล้ว หลางไป๋ก็หันมาทางลู่ซินฟางแล้วเอ่ยขึ้นเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก “อ้อ นายหญิง”
“หือ?”
“ท่านกงบอกว่าจะส่งมาคุ้มกันมาคอยปกป้องท่านกับเด็กๆ ด้วยขอรับ”
“เมื่อไร”
“วันนี้เลยขอรับ”
ลู่ซินฟางย่นหัวคิ้ว “เร็วเพียงนี้เชียว?”
“เท่าที่ข้าสังเกต เขาเป็นห่วงท่านมากขอรับ”
คำพูดนั้นของหลางไป๋ทำเอานางเหม่อลอยไปชั่วขณะ “ลำบากเขาแล้ว”
ถึงกงเยียนซูไม่ได้รับบทเป็นสามีปลอมๆ แต่การที่ส่งคนของตัวเองมาคุ้มกันนางกับเด็กๆ ทันทีแบบนี้ ไม่ว่าใครก็คงคิดว่า กงเยียนซูให้ความสำคัญกับลู่ซินฟางไม่น้อย…
บทที่ 86ผู้หญิงกับงูพิษ (ครึ่งหลัง) “ถะ แถวนี้มีหมาป่าด้วยหรือ!” นางเหอถามลูกชายพร้อมขยับร่างอวบอ้วนเบียดเข้าไปนั่งข้างในสุดของห้องโดยสาร “ของพรรค์นั้นจะมีได้อย่างไร นี่ ท่านแม่ สิ่งที่พวกเราต้องกลัวตอนนี้คือตระกูลจี๋ไม่ใช่หรือ!” เหอถิงขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด พร้อมตวาดใส่มารดา “แม่ฟังผิดไปเอง นั่นไม่ใช่เสียงของหมาป่า เจ้าอย่าอารมณ์เสียงนักเลยนะ เดี๋ยวจะเสียสุขภาพเอาได้” แม้จะมั่นใจว่านั่นเป็นเสียงของหมาป่า กระนั้น นางเหอกลับยอมเอ่อออตามเพื่อเอาใจลูกชาย “แต่ถ้าไม่รีบกลับไปอธิบายให้คนตระกูลจี๋เข้าใจ ตำแหน่งของข้าก็จบสิ้นเหมือนกัน” คนขับรถม้ารับจ้างที่อยู่ด้านนอก ได้ยินทุกคำพูดของคนว่าจ้าง อดจะส่ายหน้าอย่างเอือมระอาไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ทั้งเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว สักวันกรรมจะต้องตามสนอง! บรู๋วววว เสียงหอนของหมาป่าดังขึ้นมาอีกครั้ง มิหนำซ้ำ หนนี้ยังยังดังใกล้เข้ามาทุกที คนขับรถม้ารับจ้างร้องสะดุ้งตัวโหยงด้วยความกลัว แต่ด้วยความรับผิดชอบของผู้ถูกจ้าง เขาพยายามควบคุมสติ บังคั
บทที่ 85ผู้หญิงกับงูพิษ (ครึ่งแรก) แม้ว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายในร้านจะกลับมาสงบดั่งเดิม แต่หัวใจของลู่ซินฟางยังคงเต้นโครมครามไม่หยุด ใบหน้าและในลำคอร้อนผ่าวเหมือนคนมีไข้ ลู่ซินฟางรินชาดื่มเข้าไปหลายจอก หากกลับไม่สามารถดับความร้อนได้ ท้ายที่สุด ก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างยอมรับ ว่าอาการว้าวุ่นใจเป็นเพราะคำพูดของกงเยียนซู ในตอนนั้น กงเยียนซูแค่พูดออกไปตามสถานการณ์ นางจะคิดเป็นจริงเป็นจังไม่ได้เด็ดขาด เมื่อสรุปเช่นนั้น ลู่ซินฟางก็สูดหายใจเข้าเต็มปลอดเพื่อพยายามสงบใจ จากนั้นตั้งสมาธิกับงานตรงหน้า สักครู่หนึ่ง ประตูห้องก็มีเสียงเคาะเบาๆ ก่อนหลางไป๋จะเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง “ข้ามาบอกนายหญิงว่าจะออกเดินทางเลยขอรับ ตอนนี้ซินหลินพาหมิงฮวาออกมาจากมิติแล้ว” ลู่ซินฟางพยักหน้าแล้วตอบ “อืม ระวังตัวด้วยนะ แล้วก็ ห้ามฝืนตัวเองเกินไปนัก” “ขอรับ นายหญิง” “ถึงเจ้ากับซินหลินจะศึกษาเส้นทางมาก่อนแล้ว หรือต่อให้กงเยียนซูเตรียมการล่วงหน้าไว้ให้ แต่ห้ามประมาทเด็ดขาดเลยนะ” ลู่ซินฟางย้ำด้วยความกังวลอีกค
บทที่ 84เหอถิงถึงคราวซวย เหอถิงถึงคราวจบสิ้นแล้ว! แม้จะใช้เวลาเตรียมการถึงสี่วัน แต่ผลลัพท์ที่ได้ถือว่าไม่เลว…กงเยียนซูคิดพร้อมกับยิ้มอย่างเยือกเย็น ในขณะที่มองความลนลานบนใบหน้าสองแม่ลูกตระกูลเหอ ทางด้านของเหอถิง ได้แต่มองกงเยียนซูกับลู่ซินฟางสลับไปมาด้วยความสงสัย ตามหลักความจริง ตระกูลจี๋ที่อยู่เมืองชิ่งไม่ควรรู้การเคลื่อนไหวของเหอถิงในเมืองเล่ออันรวดเร็วถึงเพียงนี้ นอกเสียจากจะมีใครบางคนส่งม้าเร็วแจ้งข่าวไปบอก และคนคนนั้นต้องมีฐานะที่น่าเชื่อถือ ทันใดนั้น เหอถิงก็เบิกตาโพลง มองไปที่กงเยียนซูด้วยสังหรณ์ร้ายแปลกๆ “คุณชายเป็นใครกันแน่!” กงเยียนซูคลี่ยิ้มมุมปาก แต่ดวงตากลับไม่ได้ยิ้มตาม “ก่อนมาที่เมืองเล่ออัน จี๋หลิน ภรรยาของเจ้าไม่ได้บอกเอาไว้หรอกหรือ ว่าคนที่ไม่ควรยุ่งด้วยมากที่สุดคือเจ้าของโรงเตี๊ยมตระกูลกง” คำพูดเหล่านั้นทำเอาเหอถิงได้แต่ยืนแข็งทื่อ ไม่เพียงรู้จักตระกูลจี๋ ชายคนนี้ยังรู้ว่าจี๋หลินที่เป็นภรรยาของเขา อย่างไรก็ตาม คล้ายว่าจี๋หลินจะเคยเตือนให้ระวังคนส
บทที่ 83กงเยียนซูประกาศต่อหน้าทุกคน (ครึ่งหลัง) “ของปลอม?” กงเยียนซูถามซ้ำ “ใช่แล้ว มันคือของปลอม” เหอถิงยังคงแถอย่างหน้าด้านๆ “ที่แท้ก็เช่นนี้” กงเยียนซูตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ทางด้านลู่ซินฟาง ไม่คิดจะโต้แย้งใดๆ เช่นกัน หากทว่า ยิ่งทั้งสองนิ่งเงียบเท่าไร บรรยากาศรอบตัวยิ่งกดดันอย่างน่าประหลาดมากขึ้นเป็นเท่าตัว เหอถิงสังหรณ์ใจกับท่าทีแปลกๆ ของทั้งสองคน แต่แล้ว ในฉับพลันนั้นเอง กงเยียนซูก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ “ฮะๆ” เหอถิงขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล “คุณชาย มีอะไรให้ขำหรือ?” กงเยียนซูกลั้นขำ ตอบกลับด้วยรอยยิ้มกริ่ม “ชายแก่แซ่กงหรือ เป็นเรื่องตลกที่ข้าเพิ่งเคยได้ยินเลย” “ถึงข้าไม่เคยเห็นหน้า แต่ชายคนนั้นมีตัวตนจริงแท้แน่นอน” “คนในเมืองเล่ออันพูดเช่นนั้นหรือ พวกเขาบอกว่าคนแซ่กงเป็นชายแก่ๆ หรือ” กงเยียนซูทำทีเป็นถามเหอถิง “เรื่องนี้…” เหอถิงลังเล เพรา
บทที่ 82กงเยียนซูประกาศต่อหน้าทุกคน (ครึ่งแรก) เข้าสู่วันที่สาม ที่เหอถิงกับมารดาแสดงบทรันทดอยู่หน้าคฤหาสน์ของลู่ซินฟาง แต่การแสดงที่ซ้ำซาก บวกกับคำพูดเดิมๆ ทำให้ชาวบ้านหมดความสนใจพวกเขาในที่สุด เมื่อแผนเรียกร้องความสนใจไม่ได้ผล แม่ลูกตระกูลเหอจึงเปลี่ยนมาแอบดู ‘ชู้รัก’ ของลู่ซินฟางที่หน้าโรงเตี๊ยมตระกูลกงแทน อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงตัวกงเยียนซูกลับยากยิ่งกว่า จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่เคยเห็นหน้าตาแก่แซ่กงคนนั้นสักครั้ง นอกจากจะทำได้แค่ขุดคุ้ยข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ แม่ลูกตระกูลเหอกลับเข้าไม่ถึงตัวเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นลู่ซินฟาง เฉิงเอ๋อร์ หรือเถ้าแก่กง ในที่สุด พวกเขาก็คิดว่าแผนเรียกร้องความสนใจเริ่มไม่มีประโยชน์แล้ว ทางด้านลู่ซินฟางนั้น ยังคงใช้ชีวิตอย่างปกติทุกวัน ทั้งที่คิดว่าเหอถิงจะลงมือหนัก อย่างการจ้างคนมาชิงตัวเฉิงเอ๋อร์หรือบุกร้าน กลับกันแล้ว พวกเขาเลือกวิธีโง่ๆ ด้วยการสร้างข่าวลือปลอม อาศัยคำติฉินนินทาของฝูงชน กดดันให้ลู่ซินฟางอับอายจนต้องยอมพาเฉิงเอ๋อร์ออกมา หารู้ไม่ วิธีพวกนั้นไม่ได้
บทที่ 81บุรุษอันตรายทั้งสอง บ่ายคล้อย แสงแดดยังสาดส่อง ณ โรงเตี๊ยมตระกูลกง ชายหนุ่มสองคนกำลังหาลือธุระสำคัญอยู่ในเรือนรับรอง ในเวลานั้น เสียงเคาะประตูดังจากด้านนอกสองสามครั้ง จากนั้นจิ่นเซี่ยก็เปิดประตูเข้ามา “นายท่าน…” จิ่นเซี่ยพูดเพียงเท่านั้นแล้วปิดปากลง สายตาเหลือบมองหลางไป๋ที่นั่งฝั่งตรงข้ามกงเยียนซูอย่างลังเล “ต่างฝ่ายต่างลงเรือลำเดียวกัน ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง เจ้าพูดมาเถอะ จิ่นเซี่ย” กงเยียนซูบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตายังกวาดมองรายการสินค้าบนกระดาษที่อยู่ในมือ ทางด้านองครักษ์หนุ่ม หลังจากได้รับอนุญาต เขาก็รายงานเรื่องข่าวลือที่กำลังแพร่สะพัดทั่วเมืองเล่ออัน คร่าวๆ แล้วเป็นเรื่องของลู่ซินฟางที่ร่วมมือกับกงเยียนซูปลอมแปลงใบหย่า แล้วพาลูกหนีออกจากบ้านเหอ บัดนี้ เหอถิงผู้เป็นสามีได้เดินทางมาจากเมืองชิ่งเพื่อพาภรรยากับลูกกลับ แต่ถูกลู่ซินฟางกีดกันไม่ให้เจอลูก พอฟังจบ กงเยียนซูกับหลางไป๋ก็แหงนหน้าหัวเราะออกมาพร้อมกัน “ฮะๆๆ ฮะๆ” จิ่นเซี่ยมองคนทั้งสองด้วยความงุน