บทที่ 96
ตาลุงวิตถาร กับ ข้าวโพดทาเนย (ครึ่งแรก)
เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง การเก็บเกี่ยวก็เริ่มต้นขึ้น ทุกคนต่างยุ่งกันมาก โดยเฉพาะบ้านเจียงที่ต้องรับผิดชอบในส่วนของการทำนา
ก่อนจะลงมือเก็บเกี่ยว เจียงเฉาจิ้ง…เจ้าบ้านเจียงได้มาบอกกำหนดวันเกี่ยวข้าวกับลู่ซินฟาง นางจึงรบกวนให้หลางไป๋พาสัตว์อสูรออกมาจากมิติ สัตว์อสูรเหล่านี้เคยมาเรียนรู้การทำนากับเจียงเฉาจิ้งระยะหนึ่ง พอเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตา เจียงเฉาจิ้งกับนางเจียงก็ต้อนรับด้วยรอยยิ้ม
“โอ้โห รวงข้าวเม็ดใหญ่มากเลยขอรับ ทุ่งนากว้างขนาดนี้ต้องได้ผลผลิตเยอะมากแน่” เด็กหนุ่มเผ่าสัตว์อสูรร้องขึ้นเมื่อเห็นทุ่งนาสีทองอร่าม
“ปีนี้ได้พวกเจ้ามาช่วยทำนา ผลผลิตเลยดีกว่าปีก่อนๆ” เจียงเฉาจิ้งบอกพลางยิ้มอย่างปลื้มใจ ชาวนาอย่างเขา ไม่มีอะไรสุขเท่ากับการได้เห็นทุ่งนาอุดมสมบูรณ์ แม้ว่าตอนนี้ ทุ่งนาของตระกูลเจียงจะเป็นของบ้านลู่แล้วก็ตาม
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ความรู้การทำนาได้มาจากลุงเจียง พวกเราทำตามที่ท่านสอนเท่านั้นเอง” เด็กหนุ่มคนเดิมพูด
“ค่อยๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปนะ พวกเจ้ายังเติบโตได้อีกเยอะ” นางเจียงพูดพร้อมยื่นถ้วยชาเสิร์ฟให้กับทุกคน
พอนั่งพักดื่มชากันเรียบร้อย พวกเขาก็หยิบเคียวเกี่ยวข้าวขึ้นมา ลงไปในนาพร้อมกับเจียงเฉาจิ้ง
พื้นเพนิสัยของสามีภรรยาบ้านเจียงนับว่าเป็นคนดี ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับเหล่าสัตว์อสูรจึงค่อนข้างดีไม่น้อย
ย้อนกลับมาทางลู่ซินฟาง หลังจากพาเด็กๆ ของตนมาฝากเจียงเฉาจิ้งให้ช่วยสอนเกี่ยวข้าว นางก็เดินทางไปที่สวนบ้านลู่ต่อ ระหว่างทาง นางหยุดยืนมองทุ่งนาสีทองอยู่บนถนน
ทันใดนั้น สายตาพลันเห็นเจียงลิ่วกำลังก้มๆ เงยๆ ตวัดเคียวเกี่ยวข้าว ท่าทางของเจียงลิ่วคล่องแคล่วสมกับเป็นลูกชาวนา
“หลางไป๋ เจ้าคิดว่าเจียงลิ่วเปลี่ยนไปหรือไม่”
หลางไป๋ที่ยืนข้างๆ ลู่ซินฟางมองลงไปที่ท้องนา สักครู่ก็ตอบว่า “อุปสรรคที่เข้ามาในชีวิต บางทีก็ไม่ได้แย่ เพราะทำให้เจียงลิ่วคิดได้ ก่อนหน้านี้ นางเจียงเล่าให้ฟังว่าพอเจียงลิ่วรู้ว่าตงตงกับเม่ยเม่ยได้เรียนหนังสือเป็นเรื่องเป็นราว นางก็กลับมาช่วยทำนาของที่บ้านขอรับ”
“อืม”
หญิงสาวผงกศีรษะตอบ ก่อนจะหันปลายเท้า เดินทางไปที่สวนบ้านลู่
ในเมื่อเจียงลิ่วกลับตัวกลับใจได้ ก็ไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึง
หลางไป๋เดินตามหลังลู่ซินฟาง เอ่ยต่ออีกว่า “เจียเหว่ย ลูกชายของหัวหน้าจากเผ่าอสรพิษส่งรายงานมาขอรับ”
“ว่ายังไง?”
“สมุนไพรที่เก็บเกี่ยวของเดือนนี้มีจำนวนมาก แต่ก็ได้ทำการแบ่งประเภทไว้เป็นสัดส่วน และนำไปแปรรูปตามคำแนะนำของนายหญิงเรียบร้อยแล้ว หากนายหญิงต้องการ ทางนั้นก็ส่งมาให้ได้ทันทีขอรับ”
จริงๆ แล้ว วิธีเก็บสมุนไพรและนำมาแปรรูป หมอผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในเมืองเล่ออันเป็นคนแนะนำลู่ซินฟางอีกที
เผ่าอสรพิษมีความรู้เรื่องสมุนไพรดีอยู่แล้ว หนำซ้ำ สมุนไพรในโลกต่างมิติเติบโตขึ้นพร้อมกับดูดซับพลังเวทจึงมีคุณภาพสูง ถ้านำมารักษา สมุนไพรเหล่านั้นก็ไม่ต่างจากยาวิเศษ ขณะเดียวกัน ของที่มีคุณภาพสูงขนาดนั้น หากใช้พร่ำเพรือคงเป็นที่สังเกตแน่ๆ ลู่ซินฟางจึงต้องหาวิธีลดคุณภาพสมุนไพรของต่างมิติลงเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย นางจึงไปปรึกษาขอความรู้จากโรงหมอ
“แล้วเรื่องร้านสมุนไพรไปถึงไหนแล้ว” ลู่ซินฟางถาม
“กำลังหาทำเลสร้างร้านอยู่ขอรับ”
“อืม ไม่ต้องรีบร้อน ร้านสมุนไพรควรตั้งอยู่ในทำเลที่เข้าถึงง่าย เผื่อกรณีฉุกเฉิน ชาวบ้านจะได้ซื้อสมุนไพรได้สะดวก อีกอย่าง ช่วงนี้ก็ให้เจียเหว่ยศึกษาหาความรู้เพิ่มจากโรงหมอไปจนกว่าร้านจะเปิด การจะเปิดร้านขายสมุนไพรนั้น ต้องมีหมอหรือผู้เชี่ยวชาญแนะนำ ยิ่งมีใบรับรองได้ก็จะดีมาก”
“ขอรับ”
เจียเหว่ยเป็นลูกชายของหัวหน้าเผ่าอสรพิษ วัยไล่เลี่ยกับหลางไป๋ ที่ผ่านมาลู่ซินฟางไม่ค่อยได้ติดต่อกับเผ่าอสรพิษจึงไม่ค่อยรู้นิสัยใจคอของสัว์อสูรเผ่านี้เท่าไร ถึงอย่างนั้น หลินก็ยังยืนยันเสมอว่าพวกเขาไว้ใจได้ อยากให้ลู่ซินฟางวางใจด้วย
ในเมื่อหลินยืนยัน ลู่ซินฟางเองก็ไม่อยากกังขา
และแล้ว โครงการเปิดร้านสมุนไพรก็เกิดขึ้นด้วยเหตุผลนี้
ตอนพิเศษ (5)จบบริบูรณ์ หลังจากปรับอารมณ์ได้แล้ว จิ้งจอกสาวก็เช็ดน้ำตาบนแก้มจนแห้ง สูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะออกจากห้องเพื่อไปขอโทษหลางไป๋ ทว่าทุกครั้งที่นางเข้าใกล้ เขากลับผละหนี แสร้งทำทีเป็นยุ่งง่วนกับงาน ท่าทางแบบนั้นราวกับจงใจหลบหน้านางไม่มีผิด เมื่อตระหนักได้เช่นนั้น เจียงจวีก็น้ำตาซึม รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก นับวันหัวใจของนางก็ยิ่งปวดแปลบ ท้ายที่สุด นางที่รู้สึกระอายใจเป็นทุนเดิม ยิ่งไม่กล้าสู้หน้าเขา หลายวันต่อมา เจียงจวีเก็บข้าวของ หนีกลับเผ่าจิ้งจอก ณ เผ่าจิ้งจอก ผู้นำเผ่าจิ้งจอกในร่างของชายวัยคนกับจิ้งจอกหนุ่มต่างยืนกอดอกหน้าตาขึงขัง ในขณะที่มองจิ้งจอกสาวกอดเข่าน้ำตาซึม “ตั้งแต่นางกลับมาก็เอาแต่นั่งอมทุกข์ทั้งวันทั้งคืน สงสัยจะเจอแย่ๆ มา หากรู้อย่างนี้ ข้าไม่น่าอนุญาตให้นางออกไปเจอโลกภายนอกเลย เป็นข้าที่ตัดสินใจผิดพลาดเอง” ผู้นำเผ่าพูดกับลูกชาย “ท่านพ่อไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาดหรอกขอรับ ให้นางออกไปเผชิญโลกภายนอก นับเป็นประสบการณ์ของนางด้วย” จิ้งจอกหนุ่มกล่าว
ตอนพิเศษ (4) หลังจากเห็นว่าเจียงจวีเหมาะกับตำแหน่งพนักงานขาย หลางไป๋ก็ให้นางทำงานในร้านซินหลินคู่กับห่จือเหมย เพียงไม่กี่อาทิตย์ เจียงจวีก็เป็นพนักงานขายอันดับต้นๆ ของร้าน ด้วยความที่เป็นจิ้งจอกใสซื่อ จึงทำให้ผู้คนชื่นชอบและเอ็นดูไม่น้อย ไม่เว้นแม้แต่หลางไป๋ “ทำงานแค่ไม่กี่อาทิตย์ เจ้าก็ทำกำไรให้ร้านซินหลินไม่น้อย…ทำดีมาก” หลางไป๋เอ่ยชมเจียงจวี พร้อมกับยื่นมือไปลูบศีรษะ ตอนแรก หมาป่าหนุ่มทำไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่พอเห็นจิ้งจอกสาวผงะ ทั้งแก้มนวลเนียนยังขึ้นสีแดงระเรื่อ มือใหญ่ที่กำลังลูบศีรษะของนางพลันชักกลับมา จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินไปตรวจงานแผนกอื่น และไม่พูดไม่จาใดๆ หัวใจของเจียงจวีเต้นระส่ำระส่ายไม่หยุด แม้ยกมือขึ้นลูบหน้าอกพร้อมสูดหายลึกๆ แล้ว หากแต่หัวใจยังคงเต้นแรงเหมือนจะกระเด็นออกมา อย่างไรก็ตาม อาการใจเต้นแรงนี้ ทำให้จิ้งจอกสาวอดรู้สึกกังวลไม่ได้ หมิงฮวาเข้าร้านมาในจังหวะนั้นพอดี นางมองหลางไป๋สลับกับมองเจียงจวี สักครู่ ดวงตาของอสรพิษสาวก็หรี่ลงเล็กน้อย เมื่อเห็นหลางไป๋ขึ้นไปที่ชั้
ตอนพิเศษ (3) วันต่อมา จิ้งจอกสาวหอบห่อผ้ามาที่ฟาร์มอีกครั้ง แต่หนนี้นางมาพร้อมกับพี่ชาย “พวกเจ้าสองพี่น้องจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกันหรือ” หลางไป๋สอบถาม การได้คนหน่วยกร้านดีเพิ่ม มีใครบ้างไม่ชอบ ทว่าจิ้งจอกหนุ่มโบกมือแล้วตอบ “ไม่ใช่ขอรับ ข้าแค่มาส่งน้องสาว อีกอย่าง ที่มาวันนี้ก็เพื่อขอร้องท่านให้ช่วยดูแลนางด้วย นางค่อนข้างซื่อน่ะขอรับ” หลางไป๋พยักหน้าเหมือนเข้าใจ หญิงสาวเผ่าจิ้งจอกยิ้มใสซื่อ โค้งศีรษะให้กับหลางไป๋ทีหนึ่ง “จากนี้ข้าต้องขอฝากตัวด้วยเจ้าค่ะ” หลางไป๋หันไปยิ้มให้กับหญิงสาวเผ่าจิ้งจอกพลางตอบว่า “ทางนี้ก็ต้องฝากตัวด้วยเช่นกัน” จากนั้นก็หันไปพูดกับทางพี่ชายด้วยสีหน้าเสียดาย “พูดก็พูดเถอะ เจ้าเองก็หน่วยกร้านดีไม่เบา น่าจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกัน” “ความจริงข้าก็อยากมาทำงานที่นี่นะขอรับ แต่เพราะท่านพ่อของพวกเรากำลังป่วย ข้าที่เป็นลูกชาย และยังเป็นว่าที่หัวหน้าเผ่าคนต่อไป ต้องคอยจัดการหลายๆ เรื่อง ตอนนี้ก็เลยออกจากเผ่าไม่ได้” “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ” “ขอบคุณท่านผู
ตอนพิเศษ (2) สถานที่นี้เรียกว่าฟาร์ม มีทั้งสวนผัก สวนผลไม้ ทุ่งดอกไม้ โรงเรือนเพาะต้นกล้า ไหนจะโรงผลิตสารพัดที่เพิ่มขึ้นเหมือนกับดอกเห็ด หนำซ้ำ ยังมีหมู่บ้านของเหล่าสัตว์อสูร ถนนที่ปูด้วยอิฐ ตรงลานกว้างของเมืองก็มีน้ำพุขนาดใหญ่ พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข…น่าอิจฉาและดูน่าสนุกกันจังเลย จิ้งจอกสาวคิด ก่อนจะถอนหายเฮือกออกมาหนึ่ง หญิงสาวชอบความตื่นตาตื่นใจของฟาร์ม ถึงได้แอบมาดูทุกวัน ในตอนที่ลำแสงสีทองสาดเข้ามาในป่ารกทึบ จากนั้นเหล่าสัตว์ก็มีวิวัฒนาการกลายร่างเป็นมนุษย์ ตอนนั้นนางตื่นเต้นมาก กระโดดโลดเต้นรอบป่า ยิ่งค้นพบว่ายังมีสัตว์เผ่าอื่นที่กลายร่างเป็นมนุษย์ นางก็ยิ่งอยากเป็นเพื่อนกับทุกคน เพราะอย่างนั้นตอนที่หมาป่าเพศผู้นามว่าหลางไป๋มาเจรจาขอเป็นพันธมิตรกับเผ่าจิ้งจอก นางอยากให้ท่านพ่อตอบรับการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับท่านภูต แต่ว่า ท่านพ่อกลับปฏิเสธ แม้ผิดหวังอย่างมาก แต่คำสั่งของผู้นำเผ่าถือเป็นเด็ดขาด เช้าตรู่ของวันนี้ จิ้งจอกสาวก็ยังแอบมาที่ฟาร์ม นางหลบหลังต้นไม้ใหญ่ แ
ตอนพิเศษ (1) ต้นฤดูหนาวของปีนั้น ชุนกับจิ่นเซี่ยได้จัดพิธีแต่งงานแบบเรียบง่าย โดยหลางไป๋เป็นญาติฝ่ายหญิง ส่วนจิ่นเซี่ยนั้น เนื่องจากองครักษ์หนุ่มผู้นี้เป็นเด็กกำพร้า ญาติฝ่ายชายจึงเป็นกงเยียนซู แม้เป็นงานแต่งที่เรียบง่าย แต่เพราะได้ลู่ซินฟางเป็นแม่งาน อาหารสุราจึงขึ้นเต็มโต๊ะตลอดทั้งวันทั้งคืน แขกเหรื่อที่มาร่วมงานล้วนเป็นคนกันเอง งานแต่งของชุนกับองครักษ์หนุ่ม จึงเหมือนกับวันรวมญาติมากกว่าเป็นงานมงคล ลู่ซินฟางอนุญาตให้ชุนหยุดได้เท่าที่ต้องการ หลังเสร็จสิ้นงานแต่ง ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม หลายวันหลังจากนั้น อุณหภูมิเริ่มลดต่ำ สายลมหนาวเย็นพัดมาเป็นระลอก ลู่ซินฟางยืนอยู่บนระเบียง มองพวกเด็กๆ วิ่งเล่นกันที่ลานกว้าง “เด็กๆ เนี่ย ไม่รู้จักความหนาวกันเลยหรือไงนะ” ลู่ซินฟางพึมพำด้วยความเอ็นดู “แอร๊…!” ตอนนั้นเอง เสียงเล็กๆ ของจินเอ๋อร์ดังมาจากในเปล ลู่ซินฟางผละสายตาออกจากพวกเฉิงเอ๋อร์ เดินกลับมาหาลูกน้อยที่นอนในเปล จินเอ๋อร์อา
บทที่ 128บทพิเศษ มิติที่สมบูรณ์ และ รักจนแก่เฒ่า (ครึ่งหลัง) จบบริบูรณ์ เมื่อกลับมาจากมิติ ซินหลินก็มาหาลู่ซินฟางที่คฤหาสน์ เจ้าแฝดพอเห็นพี่ชายมาหา ก็วิ่งเข้าไปเกาะแขน กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “พี่ชายซินหลิน เมื่อกี้พวกเราไปมิติมาด้วย” “พี่ชายซินหลิน พวกเราไปอ่านหนังสือกันเถอะ” ซินหลินส่ายหน้าพร้อมเคาะปลายจมูกน้อยๆ ของเด็กทั้งสองเบาๆ คนละที “พวกเจ้าเรี่ยวแรงเหลือเฟือจริงๆ เลยนะ เพิ่งกลับมาจากมิติไม่ใช่หรือ คิดจะเล่นกันอีกแล้ว?” “ฮะๆ” “คิๆ” เจ้าแฝดหัวเราะชอบใจ ซินหลินยิ้มให้กับน้องๆ ก่อนหันมาบอกลู่ซินฟางว่า “ข้าเพิ่งเอาผักไปให้เหนียงซิ่น นางบอกว่าอากาศน่าจะเริ่มหนาวแล้ว นางว่าจะทำหม้อไฟชุดใหญ่ เลยให้ข้ามาบอกน่ะ” “ขอบใจมาก รอเยียนซูกลับมาแล้วข้าจะพาเด็กๆ ไปที่คฤหาสน์นะ” ลู่ซินฟางตอบกลับ “อืม” “หม้อไฟ” “เย่ หม้อไฟ!” หม้อไฟฝีมือเหนียงซิ่นอร่อยมาก แถมนานๆ ครั้งจะได้สักที พวกเด็กๆ จึงชูแขนร้องด้วยความดีใจ