Share

ตอนที่ 73 ขันทีใหญ่

last update Terakhir Diperbarui: 2025-12-03 12:15:41

ยามอาทิตย์คล้อยต่ำ แสงสีส้มทองทอดผ่านกำแพงจวนหลาน หลอมรวมกับเงาไม้ให้บรรยากาศแลดูสงบเงียบ...จนเงียบเกินไป ราวกับเป็นการอำพรางพายุที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าาอย่างเงียบงันเสียงล้อเกี้ยวทองหยุดลงหน้าประตู เสียงฝีเท้าที่แม้เบาแต่มั่นคง ดังสะท้อนเข้ามาในเรือน พร้อมกลิ่นเครื่องหอมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ประตูไม้ถูกผลักออกช้า ๆ ก่อนร่างหนึ่งจะก้าวข้ามธรณีเข้ามาหลี่เถี่ยนกวง ขันทีใหญ่แห่งราชสำนัก ผู้ที่แม้ไม่มียศทหาร ไม่สวมชุดขุนนาง กลับทำให้บ่าวไพร่ทั้งจวนต้องรีบหลบตาและก้มหน้าลงโดยไม่ต้องมีใครสั่ง

ชุดแพรไหมสีม่วงเข้มลายมังกรในม่านเมฆเปล่งประกายเรืองรองในแสงอาทิตย์ยามเย็น ใบหน้าเรียบเนียนขาวซีดปราศจากหนวดเครา ริมฝีปากแต้มรอยยิ้มบางที่ยากจะบอกได้ว่าเป็นมิตรแท้ หรืออสรพิษในคราบผ้าไหม

แม่ทัพหลานซือเหยียนซึ่งขณะนั้นกำลังชงชาให้หลานชาย หันกลับมาช้า ๆ แววตาที่เคยมั่นคงสั่นไหวเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะปรับสีหน้าให้สงบนิ่งดังเดิม

“ท่านหลี่…ข้ามิคิดเลยว่าจะได้รับเกียรติจากท่านถึงเรือนหลังเล็กนี้” เสียงเขานิ่งเรียบ แต่ในอกกลับคล้ายมีก้อนน้ำแข็งวางทับอยู่แน่นขันทีใหญ่หัวเราะเบา ๆ อย่างสุภาพ ทว่าทุกถ้อยคำกลับเปี่ยมด้วยแรงกดดันที่มองไม่เห็น“เรือนนี้หรือ…ข้าเฝ้ามองมานานแล้ว” สายตาเขากวาดมองร่างของแม่ทัพอย่างเปิดเผย ดวงตาวาววับเหมือนนักสะสมที่พบของล้ำค่า

“แสงเย็นกำลังงดงาม...เหมาะนักกับการดื่มชาสักถ้วย พร้อมสนทนากับบุรุษที่ข้าชื่นชม” เสียงนั้นคล้ายคำชม แต่กลับเจือกลิ่นความต้องการที่รุกเร้าเกินขอบเขตของคำว่ามารยาท แม่ทัพหลานซือเหยียนนิ่งครู่หนึ่ง แผ่นหลังตึงเครียด แววตาอ่านสถานการณ์ราวกับอยู่กลางสนามรบ

“ข้าเกรงว่า…ข้าไม่คู่ควรจะรบกวนเวลาอันสูงค่าของท่าน” เขาตอบอย่างสุภาพแต่ชัดเจน

ขันทีใหญ่ยิ้มรับ “อย่าถ่อมตัวนักเลย…แม่ทัพหลาน ใต้หล้านี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายนัก ผู้ที่สง่างามทั้งยามชูดาบ…และยามวางดาบลง”

ถ้อยคำอ่อนโยนนั้น แฝงความหมายที่แทงลึกเกินกว่าเปลือกเสียง ราวกับสายลมหอมที่ซ่อนเข็มพิษเสียงฝีเท้าดังขึ้นใกล้ขึ้นใกล้เกินขอบเขตแห่งความสุภาพแม่ทัพหลานซือเหยียนขยับตัวเล็กน้อยโดยไม่ทันรู้ตัวสัญชาตญาณนักรบตื่นตัว เขารู้ดี ศัตรูตรงหน้ามิใช่ใช้ดาบ...แต่ใช้ อำนาจขันทีใหญ่อยู่ห่างเพียงหนึ่งช่วงลมหายใจเขาเอ่ยเสียงเบาแต่หนักแน่น“ในราชสำนักนี้…คนที่ข้าปรานี ไม่มีวันตกต่ำ”“แม่ทัพ นายกองมากหน้าหลายตา…ต่างยินดีถวายทั้งใจและกายให้ข้าโดยไม่แม้ต้องเอ่ยปากขอ”

เขากล่าวพลางทอดสายตาต่ำลง ละเอียดชัดเจนราวกับกำลังประเมินราคาอัญมณีหายาก รอยยิ้มบางเยือกเย็นปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก “ทว่าท่าน…กลับดื้อดึงนัก ข้ายิ่งชื่นชม”

ยังไม่ทันจบประโยค เสียงของแม่ทัพหลานซือเหยียนก็พุ่งแทรกเข้ามาด้วยความกร้าวกระด้าง

“อย่าได้เอาข้าไปเปรียบกับหมาที่วิ่งไล้เลียบาทเพียงเพื่อเศษกระดูก!”

น้ำเสียงเขากระแทกกลางอากาศดังปานฟ้าผ่า กลบทุกเสียงภายในเรือน

“หากชีวิตนี้ต้องแลกศักดิ์ศรีกับความก้าวหน้า...ข้ายอมเป็นเพียงเงาในเรือนเก่า ดีกว่ายืนอยู่บนหอสูงที่เปื้อนคราบราคะของเจ้า!” คำพูดนั้นเสียดแทงลึก ราวกับตบกลางหน้าหลี่เถี่ยนกวงยังยืนนิ่ง ใบหน้าไม่สะท้าน แต่ในแววตาฉายประกายมืดวาบขึ้นชั่ววูบหนึ่งความเงียบปกคลุมก่อนที่ขันทีใหญ่จะหัวเราะเบา ๆ พร้อมหมุนกายกลับอย่างสง่างามแต่เพียงครู่เดียว ก่อนเท้าจะก้าวข้ามธรณีประตู เขาหยุด และกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่ว…แต่เปี่ยมด้วยอันตราย

“ข้าจะจำคำพูดของท่านไว้ให้แม่น...เพราะผู้ที่กล้าปฏิเสธข้า…มักจบด้วยชะตาที่ใคร ๆ ล้วนจำได้ไม่ลืม” จากนั้น ร่างของ หลี่เถี่ยนกวงจึงก้าวจากไปเหลือไว้เพียงลมหายใจที่ติดขัด...และเงาอำนาจที่มืดคลืนนอกประตู

เช้าตรู่วันถัดมา แสงแรกของอรุณยังแทบไม่ทันแทรกผ่านหมอกจาง เสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบก็ดังขึ้นที่หน้าจวนหลานซือเหยียน บ่าวไพร่วิ่งวุ่นด้วยสีหน้าวิตก ขณะที่ชายเจ้าของเรือนยังคงอยู่ในชุดคลุมเรียบง่าย เขาเดินออกมาช้า ๆ พร้อมแววตาแน่นิ่ง แต่ลึกในใจกลับเต้นระรัวอย่างไม่อาจควบคุม

“มีราชโองการ...ให้ท่านแม่ทัพหลานซือเหยียนเข้าเฝ้าโดยด่วน!” เสียงผู้นำสารกล่าวอย่างแข็งกร้าว แม้จะไม่ใช่เสียงของขันทีใหญ่หลี่เถี่ยนกวง แต่เพียงชื่อของบุคคลผู้นั้น...ก็คล้ายจะปรากฏอยู่ในเงาเบื้องหลังทุกถ้อยคำอยู่แล้ว

หลานซือเหยียนพยักหน้าเบา ๆ ไม่กล่าวอันใด เขาสวมอาภรณ์ทหารอย่างเรียบง่ายก่อนจะเดินออกจากเรือน

ภายในท้องพระโรง ณ ใจกลางราชสำนัก แผ่นกระดานทองทอดยาวใต้ฝ่าเท้าขุนนาง ผ้าม่านไหมสะท้อนแสงอรุณพาดผ่านปลายเสา เสียงสนทนาเงียบลงทันทีเมื่อหลานซือเหยียนปรากฏตัว ร่างสูงตรงดิ่งไปยังกลางห้องค้อมศีรษะลงอย่างนอบน้อมต่อเบื้องหน้าพระที่นั่งฮ่องเต้หนุ่มทอดพระเนตรเขาอย่างพินิจ ดวงเนตรแม้สงบนิ่งแต่กลับมีแววลังเลแฝงอยู่

“แม่ทัพหลาน…”“ราชสำนักมีมติเอกฉันท์ ให้ท่านเป็นผู้นำทัพออกไปปราบกลุ่มกบฏ”

คำประกาศนั้นเรียบง่าย แต่ทุกถ้อยคำกลับหนักอึ้งราวภูเขาทั้งลูกตกลงกลางอกแม่ทัพ เหล่าขุนนางบางคนหลุบตาลง บ้างก็กระซิบอย่างเงียบงัน แต่สายตาเพียงคู่เดียวที่มองมาโดยไม่ปิดบังเจตนาใดคือสายตาของ หลี่เถี่ยนกวงขันทีใหญ่ยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของท้องพระโรง แม้ไร้ตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่กลับอยู่สูงกว่าเสนาบดีหลายคน แววตาของเขาทอดมองมาราวกับจะกล่าวว่า “ข้าพูดแล้วใช่หรือไม่…ว่าเจ้า จะต้องจำคำข้าไปจนวันตาย”

หลานซือเหยียนก้มศีรษะลงอีกครั้ง แต่สายตายังคงจับจ้องพื้นอย่างหนักแน่น

“กระหม่อมรับพระบัญชา…”

เขากล่าวโดยไร้แววปฏิเสธ เพราะเขารู้ดีหน้าฉากคือภารกิจของแผ่นดิน แต่เบื้องหลังนั้น…คือกลอุบายของขันทีผู้มักมากในอำนาจ ผู้ไม่อาจทนต่อการถูกปฏิเสธได้

ยามเช้าใต้ฟ้าสาง เสียงกลองศึกดังก้องสนั่นไปทั่วลาน เหล่าทหารนับพันยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ ดวงตาเต็มไปด้วยแรงศรัทธาและความมุ่งมั่น ชุดเกราะวาววับรับแสงอรุณแรกของวัน อากาศในเช้าวันนั้นเย็นจัด แต่แรงกล้าของแม่ทัพหลานซือเหยียนกลับทำให้ทุกลมหายใจอบอุ่นด้วยไฟแห่งศึกที่ใกล้เข้ามา

แม่ทัพหลานซือเหยียนยืนอยู่เบื้องหน้ากองพลในชุดเกราะพิธี แววตาแม้ยังแน่วแน่และทรงอำนาจเช่นเดิม แต่กลับมีเงาร่วงโรยบาง ๆ ซ่อนอยู่ลึกในดวงตา มือข้างหนึ่งของเขาลูบด้ามดาบที่ครั้งหนึ่งเคยถือไว้ด้วยมือที่มั่นคงแต่ตอนนี้กลับสั่นน้อย ๆ ด้วยความเหนื่อยล้าที่ไม่อาจหลอกตัวเองได้อีก

เบื้องหลังเขา ไกลออกไปจากกองทหารชุดเกราะ มีอีกกลุ่มหนึ่งที่ยืนนิ่งเงียบราวกับภูตในเงาคือเหล่ามือสังหารชุดดำ ผู้เคลื่อนไหวราวกับไม่มีตัวตน ที่ติดตามมาพร้อมหลานเยว่หญิงสาวผู้มากับความตาย

"หากเจ้าไม่มา...ตระกูลหลานอาจสูญสิ้นทั้งตระกูล" ถ้อยคำที่เปล่งออกจากริมฝีปากของหลานซือเหยียน แม้จะเบา แต่หนักแน่นดั่งขุนเขาในแววตาของชายผู้ผ่านศึกนับไม่ถ้วน ไม่มีร่องรอยแห่งความหวาดหวั่นใดหลงเหลือ มีเพียงความแจ่มชัดจากประสบการณ์ที่เข้าใจดีถึงเล่ห์เหลี่ยมของโลกโดยเฉพาะโลกที่ชื่อว่า ราชสำนัก

"ข้าไม่ได้กลัวตาย" เขาเอ่ยเสียงเรียบ แผ่วต่ำ"แต่ตราบใดที่ข้ายังมีลมหายใจ...ชื่อของหลานซือเหยียน ยังเพียงพอจะทำให้พวกที่คิดกล้ำกรายตระกูลเราต้องหยุดคิด"

หลานเยว่ หญิงสาวผู้แบกหัวใจที่เย็นชาราวน้ำแข็งเธอ ไม่ใช่นายทหาร หากแต่คือ มือสังหาร ในเงามืดผู้ที่คุ้นชินกับกลิ่นคาวโลหิตยิ่งกว่าเสียงโห่ร้องในสนามรบเธอไม่เคยยอมใคร...และไม่เคยยอมแม้แต่โลก

แต่หลานซือเหยียนรู้ดีในใต้หล้านี้ มีเพียงคน ๆ เดียวที่เขาสามารถฝากความหวังไว้ได้ไม่ใช่เพราะความรัก...หากแต่เพราะความ แข็งแกร่งในยามที่เขาจับดาบได้ไม่มั่นคงเหมือนเก่าเขาจึงต้องพึ่งพานาง…แม้นางจะเคยเกลียดเขาจนไม่อยากเอ่ยนามเดียวกัน

และหลานเยว่...แม้จะไม่ต้องการศึก ไม่ปรารถนาอำนาจแต่ในใจลึกสุดของนาง นางเพียงต้องการ ความสงบนางต้องการเพียงที่แห่งหนึ่ง ที่ลูกของนาง หลานจิ่วอวิ๋น จะเติบโตโดยไม่มีใครแตะต้อง

หากการยื่นมือเข้าช่วยบิดา...คือราคาของความสงบในอนาคตนางก็ยินดีแลกมันไม่ใช่เพื่อตระกูลหลานไม่ใช่เพื่อบิดาผู้ไร้หัวใจแต่เพื่อ...เด็กชายผู้เดียวแสงสว่างเดียวในชีวิตที่มีแต่เงามืดของนาง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 117 สิบสี่ปีต่อมา (จบ)

    กาลเวลาล่วงเลยผ่านไปสิบสี่ปี… ชื่อเสียงของ นักฆ่าไร้นาม ค่อย ๆ กลายเป็นเพียงตำนานเล่าขานในหมู่ผู้คน ถึงแม้ในโลกมืดจะยังมีใบสั่งตายมากมาย แต่ไม่มีใครเคยเห็นพวกเขาออกมาเคลื่อนไหวอีก ราวกับได้หายลับไปจากยุทธภพ เหลือเพียงความเงียบงันที่แฝงไว้ด้วยปริศนาในเวลานี้ ภายในจวนตระกูลซู กลิ่นหอมอ่อนของชาอบอวลอยู่ในห้องโถง หลานเยว่ วัยสี่สิบปี นั่งอยู่ตรงหน้าต่าง แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องกระทบเรือนผมดำขลับที่ยังคงเงางาม ความงดงามของนางหาได้ลดทอนลงตามกาลเวลา หากแต่เพิ่มพูนด้วยเสน่ห์อันสงบเย็นและน่าเกรงขาม นางหันไปถามสามีด้วยเสียงอ่อนโยน แฝงด้วยความเย็นชาที่ไม่เคยเลือนหายไป“ท่านพี่… หลานจิ่วอวิ๋น ลูกของเราไปที่ใด?”คำถามของนางเหมือนหยดน้ำเย็นไหลผ่านกลางอก ซูจิ่งหลง ชายวัยหกสิบกว่า ที่แม้ร่างกายจะผ่านศึกและกาลเวลามานับไม่ถ้วน แต่ความสง่างามและอำนาจในแววตายังคงไม่เสื่อมคลาย เขายกยิ้มบาง ๆ ตอบเสียงนุ่ม แต่แฝงความเกรงใจ“เจ้าจะไปห่วงทำไมกัน… บัดนี้หลานจิ่วอวิ๋นเติบใหญ่แล้ว ไม่ใช่เด็กตัวน้อยอีกต่อไป”สายตาของ หลานเยว่ หันมาสบเขา ดวงตาคู่นั้นนิ่งสนิทและเย็นชา ราวกับคมดาบที่ซ่อนอยู่ใต้ฝัก คำตอบนั้นไม่ใช่สิ่งท

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 116 วันมงคล

    แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านซุ้มศาลาริมน้ำ เงาไม้ไหวระริกตามแรงลมเย็น เสียงน้ำกระทบฝั่งดังแผ่วเบา บรรยากาศรอบกายดูสงบสุขราวกับไม่มีคลื่นลมใด ๆ เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ซูจิ่งหลงนั่งนิ่ง สายตาเหม่อมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่รู้จักเบื่อ หลานเยว่ ยังคงสงบนิ่งเช่นเคย มือเรียวยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างอ่อนช้อย แววตาเย็นชาไร้อารมณ์ ทำให้เขารู้สึกว่าผู้หญิงผู้นี้…ไม่เพียงแต่เป็นมือสังหาร แต่ราวกับเป็นผู้ชี้ขาดโชคชะตาของผู้คนเพียงแค่ปรายตามอง นางไม่จำเป็นต้องลงมือเองเสมอไป เพียงกำหนดเส้นทางให้ เรื่องราวก็จะดำเนินไปอย่างที่นางปรารถนาชายหนุ่มพยายามสลัดภาพชะตากรรมอันน่าสมเพชของจ้าวหย่งหยูออกจากใจ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกสะท้านทั้งจากความโหดเหี้ยมของฟ้า และจากสตรีผู้ลึกลับตรงหน้า“เจ้ามองอะไร” เสียงของนางดังขึ้นเรียบเย็น แต่กลับกระทบเข้ากลางใจเขาราวกับใบมีดบางเฉียบซูจิ่งหลงสะดุ้งเล็กน้อย เขารีบยกยิ้มประดับใบหน้า พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกที่กำลังพลุ่งพล่าน “เปล่า… ข้าเพียงแค่รู้สึกดีที่มีเจ้าอยู่เคียงข้างเท่านั้น”รอยยิ้มของเขาดูจริงใจ แต่ดวงตากลับซ่อนความเขินอายไว้ไม่มิดหลานเยว่ไม่กล่าวสิ่งใด นางเพียงวางถ้วยชาลงบนโ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 115 จุดจบของกากเดนในร่างมนุษย์

    แรกเริ่ม จ้าวหย่งหยู ยังยกยิ้มเยาะบนใบหน้า มันแสดงสีหน้าถือดีนักที่ได้เห็นอดีตบ่าวรับใช้ทำตัวราวกับสุนัขเชื่อง ๆ ยอมหมอบคลานต่อหน้า ทว่ากาลเวลาไม่เคยเข้าข้างใคร การรอคอยที่เนิ่นนานเกินไปกลับค่อย ๆ เผาอารมณ์อันบิดเบี้ยวของมันให้พลุ่งพล่านมันมาถึงตั้งแต่ฟ้ายังไม่เปลี่ยนสี จนบัดนี้ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ คล้อยต่ำใกล้ตกดินแล้ว แต่เงาของเจ้าขี้ข้าก็ยังไม่กลับออกมาเสียที ใบหน้าที่เหยียดหยามในคราแรกจึงค่อย ๆ กลายเป็นความบิดเบี้ยวทั้งโกรธเกรี้ยวและน่าสมเพชเจ้าง่อยตะเบ็งเสียงพร่าหอบ ริมฝีปากสั่นกระตุก น้ำลายเหนียวไหลเลอะเป็นทาง“แค่กกก… อ่อกกก… เจ้า…เจ้าขี้-ชะ-ชั้นต่ำ! กล้าาา…ปล่อยให้ข้า…รอออ…นานถึงเพียงนี้เรอะะะ! ขะ-ข้ามาตั้งแต่ฟ้าา…ยังไม่ทันเปลี่ยนสี…จนตะวัน…จวนจะตกแล้ววว!”เสียงโวยวายแตกพร่า แผดก้องไปทั่วหน้าประตู ราวกับเด็กร่างพิการเอาแต่ใจในสลัมผู้ไม่รู้จักคำว่าอดทนหรือศักดิ์ศรีไม่นานนัก ประตูไม้เก่าโทรมค่อย ๆ ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดแล้วเปิดออกอย่างเชื่องช้า คล้ายเจตนาแอบทดสอบความอดกลั้นของนายเก่า อดีตบ่าวโค้งตัวลง น้ำเสียงราบเรียบคล้ายไร้เดียงสา“ขออภัยด้วยขอรับ… มันเป็นเพราะเรือนข้ารกและสกปรกมากเก

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 114 อดีตบ่าวรับใช้

    สำหรับบางคน…ความตายอาจเป็นเพียงการปลดปล่อย แต่สำหรับจ้าวหย่งหยู เศษเดนในร่างพิการผู้นี้ มันไม่ควรมีจุดจบที่เรียบง่ายถึงเพียงนั้นชีวิตของมันเต็มไปด้วยมลทินที่แม้ตัวมันเองยังจำไม่ได้ว่าก่อกรรมชั่วกับใครไปมากเท่าไรแล้วเคยสั่งลูกน้องรุมซ้อมบัณฑิตผู้ใฝ่ดีจนพิการ เพียงเพราะริษยาที่อีกฝ่ายมีสติปัญญาดีมากกว่าตนเคยฉุดคร่าสตรีงามที่สะดุดตา ไม่สนใจว่านางมีครอบครัวหรือฐานะเช่นไรเคยเหยียบย่ำชีวิตผู้คนจนพังพินาศนับครั้งไม่ถ้วนเพราะบารมีและอำนาจของบิดาอย่าง อัครเสนาบดีจ้าวเจี้ยนกั๋ว ที่คอยปกปิด เก็บกวาด และอุ้มชู ทำให้มันยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้จนถึงวันนี้แต่เมื่อเสาหลักล้มลงแล้ว โลกทั้งใบของมันก็ดิ่งลงเหวอย่างไร้ทางหนีค่ำคืนหนึ่ง ร่างพิการที่นั่งค่อมบนรถเข็นเก่า ๆ จมอยู่ในความมืด ดวงตาขุ่นหมองฉายแววโหยหวน น้ำเสียงแหบพร่าเล็ดลอดออกมาพร้อมหยาดน้ำตา“ท่ะ…ท่านพ่อ… ข้า…คึ-คิดถึงท่าน… เหลือเกิน…”เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของนายน้อยผู้เคยอหังการ แต่คือเสียงสะอื้นของเศษมนุษย์ที่ไร้ที่พึ่งตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่มีแม้แต่อาหารสักคำตกถึงปาก ความหิวกัดกินจนท้องไส้บิดเกร็ง แต่ถึงกระนั้น จ้าวหย่งหยู ก็ยังยึดมั่นในศักดิ์

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 113 ของขวัญแต่งงาน

    ภายในจวนร้างที่เงียบงัน เสียงล้อรถเข็นยังคงเสียดสีพื้นหินดังเอี๊ยดอ๊าดไม่ขาดสาย จ้าวหย่งหยู เข็นตัวเองไปอย่างทุลักทุเล ใบหน้าบิดเบี้ยวชุ่มไปด้วยน้ำตาและน้ำลายที่ไหลยืดเลอะเปรอะคาง ร่างพิการสั่นเทาคล้ายจะล้มพังได้ทุกเมื่อทุกห้องที่มันเปิดเข้าไป ภาพที่ปรากฏตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับฝันร้ายตู้หีบสมบัติถูกเปิดอ้า หยกงาม ทองคำ และเงินก้อนโตที่เคยเป็นภูเขาทรัพย์หายวับไปราวกับไม่เคยมีอยู่ ร่องรอยการกวาดล้างปรากฏทุกซอกมุม เหลือเพียงความว่างเปล่ากับความเย้ยหยันที่บีบคั้นหัวใจอันบิดเบี้ยวมันสั่นระริกทั้งร่าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น หัวเราะปนสะอื้นเสียงแหบพร่า“ฮึ่กก… ฮือออ… มะ-ไม่… ไม่นะะะ… ทรัพย์… ซะ-สินของข้าาาาา… ทองคำของข้าาา! ฮ่ะ…ฮึ่กก!”หยาดน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมานั้น มิใช่เพราะมันเสียใจที่ถูกเหล่าคนรับใช้ทอดทิ้ง แต่เป็นเพราะ เกราะกำบังเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของมันทรัพย์สมบัติที่พ่อทิ้งไว้ถูกพรากไปจนสิ้นมันรู้ดีแก่ใจ ว่าที่ผ่านมาอำนาจและรัศมีที่มันอวดอ้างล้วนแล้วแต่เป็นเพียงเงาของบิดาผู้ล่วงลับ กับกำแพงทองคำที่ห้อมล้อมคุ้มครองมัน หากปราศจากสิ่งเหล่านี้ มันก็เป็นเพียง ซากพิการอัปลักษณ์ที่ไร้ค่า เดิ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 112 นักฆ่าไร้นามเคลื่อนไหว

    ภายในห้องโถงที่เงียบสงัด แสงตะเกียงเพียงไม่กี่ดวงส่องให้เห็นเงาเรียงรายของผู้คนที่ยืนรอคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง มือสังหารนับร้อยในชุดดำสนิท ปิดบังใบหน้าแน่นหนา ราวกับเป็นเงามืดที่ไร้ตัวตน แต่ละคนแผ่รังสีอันตรายคล้ายคมดาบที่ซ่อนอยู่ในฝัก ทุกสายตาหันมาจับจ้องยังสตรีเพียงผู้เดียวที่นั่งอยู่เบื้องหน้าหลานเยว่ เอนกายเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้ แววตาคมเรียบเฉยดั่งผืนน้ำแข็งที่ไร้คลื่นกระเพื่อม ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเพียงเสี้ยว ราวกับกำลังพูดเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ต้องใส่ใจนัก ก่อนเสียงเย็นยะเยือกจะเอื้อนเอ่ยออกมา“สังหารสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำในร่างคนพวกนั้นให้สิ้นซาก… และชิงเอาทรัพย์สินของมันมาให้หมด”น้ำเสียงนั้นสงบนิ่งเสียจนชวนขนลุก คล้ายกับนางไม่ได้สั่งการล้างชีวิตผู้คนนับร้อย แต่เป็นเพียงการบอกให้คนของนางไปดูแลสวนหรือจัดการเรื่องบ้านเรือน ความเย็นชานี้เองทำให้ทุกคำยิ่งดังก้องและหนักหน่วงนางหยุดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยสายตาที่เฉียบคม “เหลือชีวิตไว้แต่เพียง…เจ้าง่อย และคนที่ไม่เกี่ยวข้อง”ถึงแม้นางจะสั่งฆ่าอย่างไร้ความปรานี แต่ก็ไม่มีวันเอ่ยคำให้พรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ คำสั่งของหลานเยว่เด็ดขาด นางต้องการเพ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status