LOGINถึงตระกูลฝูจะไม่ได้ร่ำรวยเท่าตระกูลหลี่ แต่ก็ถือว่าเป็นตระกูลผู้ดีเก่าแก่ที่มีคนนับหน้าถือตา การส่งบุตรบุญธรรมอย่างหลี่หยุนซีให้มาเข้าพิธีแต่งงาน บางคนอาจคิดว่าเป็นเหมือนการหยามเกียรติอีกฝั่งกรายๆ แต่ทางตระกูลฝูกลับไม่ว่าอะไร และยินดีที่จะแต่งเหมือนเดิม
ซึ่งความเป็นจริง... มารดาของฝูอี้หานจะมองหาคู่หมั้นดีๆ ฐานะทัดเทียมให้กับบุตรชายก็ได้ แต่ทางนั้นเลือกที่จะกลับมาทวงสัญญาที่หลี่กู้กงเคยให้ไว้ ซึ่งเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลก็มาจากฝูอี้หานที่สร้างเรื่องจนมีข่าวลือในทางไม่ดี และทำให้ไม่มีคุณหนูที่ไหนอยากพาตัวเองมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอาย 'ว่าที่คู่หมั้นถอนตัวอีกแล้ว' 'ไม่มีใครทนได้เกินสามวันจริงๆ' 'หน้าตาก็ดี ทำไมถึงไม่มีใครเอา' ว่าที่คู่หมั้นที่ว่าก็คือ 'คุณหนู' จากหลายๆ ตระกูลที่คุณนายฝูหมายตาไว้ หน้าตาของฝูอี้หานเป็นใบเบิกทางให้สาวๆ อยากเข้าหาและทำความรู้จักมากมาย แต่ก็ยังไม่มีใครที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ยอมเปิดปากคุยด้วยเลย "วันนี้ฉันนัดคุณหนูรองตระกูลหงมา อย่าทำให้ต้องขายหน้า เข้าใจไหม" 'ฝูจื้ออิง' บอกบุตรชายที่เอาแต่ทำงาน ไม่มีเวลาว่างสักวัน เธอคัดค้านไม่เห็นด้วยที่บุตรชายอยากรับราชการทหาร แต่ก็ไม่สามารถต้านทานความดื้อรั้นเอาแต่ใจ สามีบอกเธอว่าอย่าไปจู้จี้จุกจิกอะไรมากมาย แต่จะให้เธอมองบุตรชายต้องอยู่โดดเดี่ยวไม่มีครอบครัวได้อย่างไรกัน "ผมไม่ว่างครับ" คำตอบที่ดูไม่สนใจใยดีของบุตรชายไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้ยิน เธอพ่นลมหายใจทิ้งก่อนจะใช้น้ำเสียงแข็งตอกกลับไป ไม่ว่าบุตรชายของเธอจะโตแค่ไหน รูปลักษณ์น่าเกรงขามเพียงใดแต่ในสายตาของเธอก็ยังเป็นเจ้าตัวน้อยที่ชอบแผลงฤทธิ์ขัดคำสั่งเธอ "วันก่อนก็บอกไม่ว่าง วันนี้ก็ไม่ว่าง แล้ววันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ แกก็จะไม่ว่างด้วยไหม" คุณนายฝูเหน็บบุตรชายไป ถึงฝูอี้หานจะเป็นคนประเภทไม่ยอมใคร แต่จะมีคนหนึ่งที่เขาต้องยอมก้มหัวให้นั่นก็คือ 'มารดา' ที่ถลึงตาเท้าสะเอวใส่ ท่าทางเช่นนี้เขารู้ดีว่าต้องทำเช่นไร ชายหนุ่มลอบถอนหายใจ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง "ผมมีเวลาให้แค่ตอนเที่ยงเท่านั้นนะครับ" พอคุณนายฝูได้ยินคำตอบที่พอใจ เธอก็เปลี่ยนสีหน้าที่บึ้งตึงทันที ใบหน้าที่บูดบึ้งเมื่อกี้หายวับราวกับพายุฝนที่เพิ่งผ่านพ้นไป "เที่ยงนี้ฉันจะลงครัวเอง" ไม่ได้อยากจะอวยบุตรชาย แต่อี้หานของเธอจัดได้ว่าเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา คิ้วเข้ม จมูกโด่ง รับกับใบหน้าที่เกลี้ยงเกลา พอใส่ชุดทหารสีเขียวขี้ม้าก็ยิ่งดูองอาจเหลือเกิน "อี้หานเขาเป็นคนขี้อายน่ะ" "หนูต้องชวนพี่เขาคุยเยอะๆ นะ" "พี่เขาพูดไม่ค่อยเก่ง" มารดาก็คือมารดา พยายามหาข้อดีต่างๆ นานาเพื่อทำให้การดูตัวครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี ถึงตอนนี้อี้หานของเธอจะเป็นทหารยศผู้กอง แต่รับรองได้ว่าอีกไม่นานความดีความชอบที่มีจะทำให้อี้หานได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้พัน ไม่ผิดที่คนเป็นมารดาจะอวยบุตรชายจนออกนอกหน้า เธอมั่นใจว่าบุตรชายของตัวเองมีความสามารถไม่น้อยหน้า หน้าตาหล่อเหลาและรูปร่างสูงใหญ่ การศึกษาก็ไม่ด้อยกว่าใคร เรียนจบจากมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ฐานะ ทางสังคมก็มี จะติดก็ตรงที่.... นิสัยที่ไม่ชอบไว้หน้าใครนี่ล่ะ! "หนูหงเยี่ยนตักผัดผักให้พี่เขาสิจ๊ะ" ฝูจื้ออิงชี้นำพร้อมส่งยิ้มให้กับว่าที่คู่หมั้นในอนาคตอันใกล้ พอเห็นทีท่าของหนูหงเยี่ยนที่ดูสนใจในตัวบุตรชายก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับคนรับใช้ใกล้ตัว "พี่อี้หานกินเยอะๆ นะคะ" ว่าที่คู่หมั้นตักผัดผักใส่จานให้ผู้ชายที่ถึงจะนั่งตำแหน่งตรงกันข้ามก็ไม่ชวนเธอคุยสักคำ แต่เพราะถูกใจหน้าตาที่หล่อดุจภาพวาดนั้น ทำให้เธอมองข้ามกิริยานั้นไป และตักนั้นตักนี่ให้ชายหนุ่มตามคำแนะนำ "ผมไม่ชอบกินผัดผัก" เขาตอบด้วยสีหน้านิ่ง "ถ้าไม่ชอบผัก ลองหมูต้มซีอิ๊วดีไหมคะ" "ผมกำลังคุมน้ำหนักอยู่" มือที่ตักอาหารชะงักไป ดวงตาคู่สวยหันไปมองทางคนที่จะช่วยเธอได้ ผู้หญิงด้วยกันย่อมเข้าใจ ทำไมบุตรชายของเธอถึงได้ทำตัวสถุนเหลือเกิน "เป็นผู้ชายต้องใช้แรงทำงาน จะมาควบคง ควบคุมน้ำหนักไปเพื่ออะไร ปล่อยๆ สักวันก็ได้ น้องอุตส่าห์ตักกับข้าวให้ทั้งที ลองกินสักคำดูสิน้องจะได้ดีใจ" "ผมอิ่มแล้ว" ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฝูอี้หานหักหน้าคุณหนูหลายคนที่ตอบรับคำเชิญ ซึ่งการกระทำของเขาทำให้มารดารู้สึกเหนื่อยและหนักใจ ฝ่ายหญิงที่โดนหักหน้าอย่างไร้มารยาทล้วนพากันไม่พอใจ จึงปล่อยข่าวลือว่าบุตรชายของเธอไม่น่าคบหาเอาซะเลย "ทำไมถึงทำตัวอย่างนี้" "แล่วเมื่อไหร่จะได้แต่งงานสักที" "ฉันเหนื่อยหาให้แกแล้วนะ" พูดไปก็เหมือนลมบางเบาที่พัดผ่านหูไป ฝูอี้หานไม่มีทีท่าว่าสนใจ หรือนึกอยากจะแต่งงานมีครอบครัวเหมือนคนอื่นๆ สักที ทั้งๆ ที่ผู้ชายอายุเท่านี้ก็ถึงวัยที่ควรมีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว "ถ้าผมอยากแต่งผมจะบอกเอง" คำพูดที่ไร้กำหนดการของบุตรชายทำคุณนายฝูถอนหายใจ คำว่า 'อยากแต่ง' คือตอนไหน เธอต้องรออีกนานเท่าไหร่ จะมีแรงได้อุ้มหลานวิ่งไหม คำถามมากมายผุดขึ้นในใจ ในเมื่อฝูอี้หานตอบไม่ได้ มารดาคนนี้...จะเป็นคนกำหนดวันแต่งงานให้เอง ใช่แล้ว... ในเมื่อพูดดีๆ แล้วไม่ฟัง ก็คงต้องใช้ไม้แข็งบังคับสถานเดียว!!ถึงตระกูลฝูจะไม่ได้ร่ำรวยเท่าตระกูลหลี่ แต่ก็ถือว่าเป็นตระกูลผู้ดีเก่าแก่ที่มีคนนับหน้าถือตา การส่งบุตรบุญธรรมอย่างหลี่หยุนซีให้มาเข้าพิธีแต่งงาน บางคนอาจคิดว่าเป็นเหมือนการหยามเกียรติอีกฝั่งกรายๆ แต่ทางตระกูลฝูกลับไม่ว่าอะไร และยินดีที่จะแต่งเหมือนเดิมซึ่งความเป็นจริง...มารดาของฝูอี้หานจะมองหาคู่หมั้นดีๆ ฐานะทัดเทียมให้กับบุตรชายก็ได้ แต่ทางนั้นเลือกที่จะกลับมาทวงสัญญาที่หลี่กู้กงเคยให้ไว้ ซึ่งเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลก็มาจากฝูอี้หานที่สร้างเรื่องจนมีข่าวลือในทางไม่ดี และทำให้ไม่มีคุณหนูที่ไหนอยากพาตัวเองมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอาย'ว่าที่คู่หมั้นถอนตัวอีกแล้ว''ไม่มีใครทนได้เกินสามวันจริงๆ''หน้าตาก็ดี ทำไมถึงไม่มีใครเอา'ว่าที่คู่หมั้นที่ว่าก็คือ 'คุณหนู' จากหลายๆ ตระกูลที่คุณนายฝูหมายตาไว้ หน้าตาของฝูอี้หานเป็นใบเบิกทางให้สาวๆ อยากเข้าหาและทำความรู้จักมากมาย แต่ก็ยังไม่มีใครที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ยอมเปิดปากคุยด้วยเลย"วันนี้ฉันนัดคุณหนูรองตระกูลหงมา อย่าทำให้ต้องขายหน้า เข้าใจไหม"'ฝูจื้ออิง' บอกบุตรชายที่เอาแต่ทำงาน ไม่มีเวลาว่างสักวัน เธอคัดค้านไม่เห็นด้วยที่บุตรชายอยากรับราชการทหา
เมื่อรู้ว่าตัวเองหลุดเข้ามาอยู่ในนิยาย เธอก็ไม่ได้นิ่งเฉย สิ่งแรกที่ทำเลยคือกลับไปทิ้งตัวลงนอนแหมะที่เตียงนอนดังเดิมถ้าหลับไป...แล้วตื่นขึ้นมาอีกครั้งฉันอาจจะกลับไปยังโลกเดิมก็ได้รั่วหยุนซีพยายามกล่อมตัวเองให้หลับ เธอนับแกะตัวแล้วตัวเล่าในใจ แต่เพราะใจไม่สงบไง ต่อให้นับแกะไปก็ข่มตาไม่หลับอยู่ดี"โอ้ย!! แล้วฉันจะกลับไปได้ไหมเนี่ย"พูดกับตัวเองที่คิดว่าถ้าเธอกลับไปนอนหลับที่เดียวกับตอนที่ตื่นบางทีอาจจะกลับไปในโลกเดิมของตัวเองได้ ปิดตา เปิดตา ทำซ้ำๆ วนเกือบสิบครั้งได้ แต่ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็ทำเธอใจแป้วพลันถอนหายใจ ทุกอย่างยังไม่เลือนหาย นี่มันโลกนิยายที่เธอเขียนชัดๆ"ฉันต้องอยู่ที่นี่จริงๆ สินะ"ใจไม่อยากยอมรับ แต่ก็จนปัญญาที่จะหาหนทางกลับไป หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งทำหน้าห่อเหี่ยวอยู่พักใหญ่ เพราะถึงนางเอกในเรื่องจะสวยและอ่อนหวานแค่ไหน แต่ในสายตาของพระเอกไร้หัวใจก็มองว่าเธอเป็นแค่เศษฝุ่นที่น่ารำคาญ หลังจากแต่งงาน 'ฝูอี้หาน' ไม่เคยแม้แต่จะแตะต้องตัวเธอ"หมอนกับผ้าห่มอยู่ในตู้"อี้หานชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าในห้องนอน "เอ่อ...คุณขี้หนาวเหรอคะ"คนไม่รู้เอ่ยถาม คืนแรกของการแต่งงาน เธอรู้ดีว่า
รูปที่เห็นเป็นรูปที่เธอสวมชุดกี่เพ้าสีชมพูยืนเคียงคู่อยู่กับชายชาติทหารหน้าตานิ่งๆ แววตาไม่สบอารมณ์ ซึ่งพอมองให้ดีๆ ก็พบว่าผู้ชายในรูปคนนี้หน้าตาเหมือนกันกับบอสของเธออย่างกับแกะเลย"ไม่จริง..."หญิงสาวพึมพำเมื่อคำตอบที่ผุดขึ้นมาในหัวมันน่าเหลือเชื่อเกินไป เธอมองรูปตัวเองสลับกับรูปผู้ชายที่สวมชุดทหารแล้วอยากร้องไห้ เพราะข้อสรุปที่ได้คือเธอน่าจะหลุดเข้ามาอยู่ในนิยายของตัวเองที่เพิ่งเริ่มต้นเขียนไปได้แค่ไม่กี่ตอน และเป็นตอนที่นางเอกกับพระเอกยังไม่รักกัน อนิจจา อนิจจัง ทำไมฉันไม่ทะลุไปตอนที่แฮปปี้เอนดิ้งเลยหญิงสาวทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพร้อมกับกรอบรูปที่ถือไว้ มีเพียงคำตอบเดียวที่สามารถอธิบายทุกอย่างได้ นั่นก็คือเธอหลุดเข้ามาอยู่ในนิยายของตัวเองที่พระเอกและนางเอกเพิ่งแต่งงานกัน ซึ่งรูปถ่ายที่เห็นก็คือฉากๆ หนึ่งในนิยายที่เพิ่งเขียนไปเมื่อวันก่อนเอง"วันนี้เธอต้องไปถ่ายรูปกับฉัน""ถ่ายรูปเหรอคะ""ใช่""แต่ว่าฉัน...""หุบปากแล้วก็รีบไปแต่งตัวซะ"สีหน้าและแววตาที่ไม่สบอารมณ์ของพระเอกทำให้นางเอกในเรื่องนั่งตัวลีบ ตัวเกร็ง เพราะโดนพระเอกบังคับมา เขาเองก็ไม่ได้เต็มใจที่จะมา แต่เพื่อตัดปัญหาไม่ใ
"บอสพูดจริงเหรอคะ""ผมดูเหมือนพูดเล่นงั้นเหรอ""มะ...ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ"ใบหน้าสวยก้มลงมองมือที่กำโทรศัพท์ไว้ ไม่เถียงว่าข้อเสนอของบอสน่าสนใจ แต่ติดตรงที่เธอไม่รู้จะวางตัวต่อหน้าเขาอย่างไรดี"ผมเหนื่อยขับรถแล้ว"หูอี้เหวินบอกคนที่นั่งในรถมาด้วยกันเกือบสองชั่วโมงได้ ชุดเจ้าสาวของเธอเปียกขนาดนั้นไม่รู้สึกหนาวบ้างหรือไง ขนาดเขาใส่สูทยังรู้สึกเย็นๆ เลย"ขอโทษค่ะ"คิ้วเรียวขมวดมองใบหน้าที่ซีดขาว "ผมไม่ได้ว่าอะไร"เขาชินกับการใช้น้ำเสียงจริงจังเกินไป และนั่นอาจทำให้เธอกดดัน พอคิดอย่างนั้นเขาจึงใช้น้ำเสียงที่อ่อนลง"คุณโอเคใช่ไหม??"คำถามของเขาแทงลึกเข้ามาในใจ เปลือกนอกที่แสร้งทำเป็นเข้มแข็งพังต่อหน้าคนอื่นพังทลาย น้ำตาค่อยๆ รินไหล เสียงร้องที่ปนเสียงสะอื้นนั้นทำหูอี้เหวินไม่รู้ว่าจะต้องปลอบโยนอย่างไรดี"คุณนอนห้องนี้แล้วกัน""แล้วบอสล่ะคะ"รั่วหยุนซีถาม เธอสังเกตุเห็นว่าคอนโดของบอสมีอยู่หนึ่งห้องนอนและห้องนั่งเล่นตรงกลาง ถ้าเดาไม่ผิดบอสคงยกห้องนอนให้เธอ"เดี๋ยวผมนอนข้างนอก""มันจะดีเหรอคะ"หญิงสาวทำหน้าเกรงใจ บอสเป็นคนตัวใหญ่จะนอนคุดคู้ที่โซฟาได้แน่เหรอ"ดีไม่ดีผมตัดสินใจเองได้"เล่นพูดมาซ
"ดีขึ้นแล้วเหรอคะ"หยุนซีฝืนยิ้มถามเจ้าบ่าวที่กลับเข้ามาในงาน เขาทำตัวปกติทุกอย่าง ท่าทีที่ดูสุภาพตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าเธอมันก็แค่เปลือกนอกจอมปลอมที่ใช้ตบตาทุกคน'อย่าร้องดังสิเดี๋ยวมีคนได้ยิน''เด้งสู้ขนาดนี้จะไม่หลงได้ไง''แม่งเอ้ย! โคตรเสียวเลย'นี่หรือคืออาจารย์มหาวิทยาลัย นี่หรือคือผู้ชายที่เธอตกลงปลงใจว่าจะแต่งงาน คำสบถมากมายที่หลุดออกมาจากปาก มันทำให้เธอขยะแขยงและรู้สึกสะอิดสะเอียน"หน้าคุณดูซีดๆ นะ ไหวรึเปล่า"มือเรียวยื่นมาจะสัมผัสใบหน้า ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคู่รักที่จะแตะต้องตัวกัน หากแต่สิ่งที่เธอเพิ่งได้รู้ ได้เห็นมานั้น ทำเธอไม่อยากให้มือสกปรกๆ คู่นั้นแตะต้องทุกส่วนในร่างกายเธอ"ฉันเมานิดหน่อยค่ะ"หากสังเกตุให้ดีใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มไม่ได้ออกมาจากใจ ดวงตากลมโตที่เปล่งประกายมีความสุขยามนี้กลับแฝงไว้ซึ่งความเศร้าที่ต้องกลบเกลื่อนไว้ อันที่จริงเธอจะแกล้งโง่ต่อเพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวเองก็ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างสามีกับแฟนก็จะไม่แตกหักไปแต่นั้น...หมายถึงเธอกำลังทำร้ายตัวเอง!"กลับกันเลยดีไหม"คำพูดที่ดูเหมือนห่วงใย ทำให้หยุนซียิ่งปวดใจ ถ้ารุ่ยหานเป็นห่วงเธอจริงๆ
"ไปไหนของเขานะ"รั่วหยุนซีพึมพำ ขณะตามหาเจ้าบ่าวที่ไม่รู้หายไปไหน เขาบอกเธอว่ารู้สึกมึนหัวนิดหน่อยเลยขอตัวไปนั่งพักให้ดีขึ้นที่ห้องรับรองด้านใน ส่วนเธอก็อยู่สนุกกับเพื่อนๆ ต่อไป ไม่ได้ถามจุกจิกให้อีกฝ่ายรำคาญ'เจ้าบ่าวเธอไปไหนแล้ว ปล่อยให้เจ้าสาวยืนเหงาคนเดียวได้ไง'เพื่อนที่มาร่วมงานแซวขำๆ เพราะภาพที่เห็นตอนนี้นั้นตรงข้ามกับคำว่า 'เหงา' อย่างสิ้นเชิง'รุ่ยหานปวดหัวนิดหน่อย''อ้าวเหรอ แล้วได้กินยายัง''ไม่ต้องกินก็ได้มั้ง'รั่วหยุนซีบอกกับเพื่อนที่ส่ายหน้าแล้วพูดเสียงดุใส่เธอว่า "ไม่ได้" คนปวดหัวนั่งเฉยๆ จะดีขึ้นทันทีได้อย่างไร นั่นจึงเป็นเหตุให้เธอได้ยาพาราแก้ปวดจากเพื่อนมา แต่เมื่อเดินถึงห้องรับรองที่เจ้าบ่าวบอกว่าจะมาพักกลับไม่เจอ"อ๊ะ! ขอโทษค่ะ"เพราะไม่ทันระวัง หญิงสาวจึงเดินไปชนเข้ากับพนักงานของโรงแรม เป็นเหตุให้ชุดเจ้าสาวสีขาวถูกน้ำผลไม้กระเซ็นใส่ แต่เธอก็ไม่ได้ต่อว่าพนักงานไป เพราะมันเป็นความผิดของเธอเอง"คงต้องไปล้างก่อน"รั่วหยุนซีมองชุดเจ้าสาวของตัวเองที่ไม่ได้เลอะเทอะจนรับไม่ได้ แต่ถ้าไม่รีบล้างทำความสะอาดออกไป คราบก็อาจจะฝังแน่นจนซักไม่ออกอีกเลย หยุนซีคิดขณะเดินไปตามทางที







