Share

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี
ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี
Author: มู่ลี่ดาหลา Mulidala

บทนำ ไทยมุง

last update Last Updated: 2025-10-31 03:13:06

โปรยเนื้อหา

       รสาบัณฑิตใหม่วัย 21 ปี ไปเที่ยวส่งท้ายก่อนกลับไทยในหมู่บ้านชาวนาที่ขุดเจอศพผู้หญิงเกือบร้อยเมื่อเดือนก่อน เธอผู้เป็นสาวกพอดแคสต์ฆาตกรต่อเนื่องจะพลาดโอกาสมาเป็นไทยมุงในสถานที่จริงได้ยังไงกัน แต่แล้วจู่ๆ รสาก็ฟื้นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในร่างของ ‘ว่านเฟยเฟิ่ง’ ลูกคุณหนูวัย 18 ปีที่ร้ายกาจจนแม่เลี้ยงและปู่ส่งมาแต่งงานในหมู่บ้านชนบทปี 1980 เพื่อกำจัดให้พ้นหูพ้นตา

        ทีแรกเธอหลงดีใจคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์เป็นนางเอกทะลุมิติแบบนิยายที่ชอบอ่าน จากนางร้ายปลายแถวสู่นางเอกครบเครื่องทุกความเก่งกาจอะไรเถือกนั้น แต่มันกลับไม่ง่ายเช่นนั้น เพราะเธอดันมาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับที่ขุดเจอศพเหล่านั้น

       นอกจากจะค้นพบว่าความสามารถตัวเองไม่ใช่ระดับนางเอกแมรี่ซู ความฉลาดก็งั้นๆ สกิลการสืบสวนก็ไม่มี ไหนจะลูกเลี้ยงและแม่สามี แถมยังต้องแบ่งเวลาไปช่วยผีที่คอยตามมาขอความช่วยเหลือถึงบ้านอีก ทางเดียวที่จะมีชีวิตแบบไม่ห่วงหน้าพะวงหลังคือรีบหาเงิน แล้วกล่อมสามีที่ยังไม่เคยเจอหน้าให้ไปซื้อบ้านไกลๆ  ก่อนฆาตกรจะเริ่มลงมือ 

“ตอนเป็นไทยมุงก็สนุกดีอยู่แหละ แต่เป็นผู้ประสบภัยแบบนี้ ใครไหวก็ไปก่อนเลย”

บทนำ ไทยมุง

“โอ๊ยเจ็บนะ ป้าจะดันฉันมาทำไม” รสาโวยวายออกไปเพราะความทรงจำล่าสุดนั้น ตนเองกำลังถูกดันมาจากด้านหลังจนล้มลงกับพื้น

       เธอพยายามดันตัวลุกขึ้นแต่ก็ไม่เป็นผล จึงปรือตาขึ้นพบกับความมืดมิด มีเพียงแสงดาวบนฟ้าที่พอส่องให้เห็นสิ่งรอบกายบ้างเล็กน้อย

“อลินา ป้าซี ทิ้งฉันไว้แบบนี้ได้ยังไง! กลับมานะ!” 

        เสียงตะโกนของรสาไม่มีผู้ใดตอบรับมีเพียงเสียงลม และแมลงที่ร้องคลอสร้างบรรยากาศ รสาที่ยันตัวขึ้นได้สำเร็จหันมองรอบกาย ไม่มีผู้คน ไม่มีไฟถนน ไม่มีเต็นท์ขาว ไม่มีเจ้าหน้าที่หมกมุ่นทำงานอย่างเมื่อตอนกลางวัน

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้…

“แกถ่ายรูปไปให้เยอะๆ เลยนะ เผื่อเราจะเอาไปเล่าแล้วดังได้เป็นพอดแคสเตอร์บ้าง” รสาพูดพลางเอากล้องติดไว้กับศีรษะของตนเอง หันมองรอบกายเป็นที่โล่งแจ้ง รวงข้าวเหลืองทองไปทั่วบริเวณ

“โห แกดูนั่นสิ เป็นเดือนแล้วยังขุดไม่หมดเลย” อลินาหันไปบอกเพื่อนเมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่ยังคงขุดหาร่างอย่างต่อเนื่อง และมีการตั้งเต็นท์เพื่อรวบรวมโครงกระดูกที่พบ และทำงานในสถานที่เกิดเหตุ

“แกว่าสุดท้ายแล้วตัวเลขจะทะลุร้อยไหม แค่ตอนนี้ก็เป็นหนึ่งในฆาตกรที่มีเหยื่อมากที่สุดในประวัติศาสตร์จีนแล้ว” รสากล่าวด้วยความตื่นเต้น “คนทำทั้งหมดนี่ ถ้ายังอยู่ลินาว่าเขาจะยังฆ่าคนอยู่ไหม”

“แค่นี้ก็หลอนจะแย่ ยังจะไปจินตนาการว่าเขามีชีวิตอยู่อีก ไม่รู้แกจะพาฉันมาเป็นไทยมุงดูเขาหาคนตายกันทำไม” อลินาบ่นอุบนึกว่าหลังสอบเสร็จการไปเที่ยวส่งท้ายจะเป็นการถ่ายรูปในสถานที่สวยๆ แต่กลับต้องมาแอบถ่ายโครงกระดูกให้เพื่อนสนิท

“นั่นสิคงจะดีกว่าถ้าได้อยู่ตอนฆาตกรออกล่า ฉันจะได้รู้เรื่องแบบติดขอบเวที”

“รสาพูดจาเลอะเทอะ อย่างแกเนี่ยกว่าจะรู้ว่าใครเป็นฆาตกรถ้าไม่โดนจับก็ตอนจะโดนฆ่าเองนั่นแหละ”

“อ้าวทำไมพูดงี้อ่า แกว่าฉันโง่เหรอ” รสาอ้าปากหวอ “ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นสักหน่อย”

“ไม่โง่ แต่ไม่มีสัญชาตญาณการเอาตัวรอด คนอะไรโจรขึ้นหอดันนึกว่าตัวเองเข้าห้องผิด” อลินาส่ายหน้าแหงนขึ้นมองพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวันแล้วถอนหายใจออกมา

“เถอะน่า เราอยู่ที่นี่สามวัน หลังจากนี้แกจะไปไหนฉันตามใจแกทุกอย่างเลย”

       รสาเป็นฝ่ายชวนอลินามาแอบดูสถานที่ที่มีการขุดเจอโครงกระดูก เมื่อรู้ว่าสิ่งที่ขุดพบไม่ใช่เพียงสิบชีวิตอย่างที่เคยอ่านเจอครั้งแรก เพราะอีกสองสัปดาห์ถัดมามีการพบเพิ่ม จนตอนนี้ผ่านมาหนึ่งเดือนยอดตัวเลขโครงกระดูกเพิ่มเป็นแปดสิบสองชีวิต และยังมีวี่แววว่าจะยังมีส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่อีก

“นี่…หนูมาดูเขาหาศพกันใช่มั้ย หลานชายป้าเป็นคนเจอกระดูกคนแรกเองแหละ ไม่คิดว่าจะมีฝังอยู่มากขนาดนี้” คุยป้าคนหนึ่งเดินเข้ามาทักรสาและอลินา 

“วันนี้อากาศร้อนหนูซื้อน้ำป้าสิ ป้าจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเลย”

“เอาคนละขวดก็ได้ค่ะ” อลินาหันไปตอบ

“ยี่สิบหยวนจ้ะ” 

“โหคุณป้า เห็นพวกเราเป็นต่างชาติเลยโก่งราคาใช่ไหมเนี่ย น้ำแบบนี้หกหยวนก็ได้กำไรแล้ว” รสาโวยวายออกมา

“ค่าน้ำหกหยวน ที่เหลือค่าเล่าให้ฟัง จะเอาไม่เอา” คุณป้าที่ถูกกลุ่มเด็กผู้หญิงที่คิดว่าควรจะหลอกได้ก็เริ่มรู้สึกขุ่นมัว

“เอาก็ได้ค่ะ ป้าชื่ออะไรพวกเราจะได้เรียกถูก” รสาตอบพยักหน้าให้อลินายื่นเงินให้คุณป้า

“ป้าแซ่ซี ชื่อซูลี่ เรียกป้าซีก็ได้ นี่น้ำจ้ะ” รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าของซูลี่ก่อนจะยื่นน้ำให้กับเด็กทั้งสองเตรียมจะเดินหนีไป แต่ก็ถูกรสารั้งไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวก่อนป้าซี ป้าเล่ามาเลยนะหลานชายป้าไปเจอได้ยังไง” 

“คือแบบนี้…”

       ป้าซีซูลี่เริ่มเล่าว่าหลานชายของตนจะกลับมาเปิดมินิมาร์ท และทำการเกษตรแนวตั้งในหมู่บ้านนอกเขตเมืองแห่งนี้ แต่ระหว่างที่กำลังก่อสร้างคนงานเจอโครงกระดูกคนนับสิบ จึงต้องหยุดยั้งการก่อสร้างและเรียกเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ 

“ทีแรกพวกเราคิดว่าคงสร้างทับสุสานโบราณ แต่หลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอายุของโครงกระดูกก็ต้องเปลี่ยนความคิด เพราะกระดูกพวกนี้เพิ่งถูกฝังเมื่อสามสิบถึงสี่สิบปีก่อน ตอนนั้นที่ตรงนี้เป็นแค่ป่าธรรมดาเท่านั้น ป้ายืนยันเรื่องนี้ได้เพราะตอนนั้นป้าก็อยู่ในหมู่บ้านนี้เนี่ยแหละ”

       ป้าซีเล่าต่อว่าสัปดาห์ต่อมาเกิดฝนตกจนน้ำทำลายหน้าดินเจอเข้ากับโครงกระดูกในบริเวณใกล้เคียงเพิ่มอีก จึงมีการค้นหาอย่างจริงจังแบบที่เห็นอยู่ในตอนนี้

“สี่สิบปีที่แล้ว แปลว่าเริ่มฆ่าคนช่วงแปดห้า ป้าซีแน่ใจใช่ไหมคะ ยังไม่มีใครออกมายืนยันเลยว่าศพพวกนี้ถูกฝังมานานแค่ไหน”

“แน่ใจสิ ป้ามาทุกวัน แอบฟังพวกที่มาดูกระดูกคุยกันตลอด เขาประมาณไว้ว่าสี่สิบแต่ก็ยังไม่ได้ตรวจละเอียดครบหรอก ปิดหมดแบบนี้ของที่หลานป้าลงทุนก็คอยมาขายให้คนทำงานนี่แหละ” ป้าซีเล่าไปยกน้ำสลับกับเรียกลูกค้าที่มาคอยมุงดูการขุดค้นหา

“แล้วทำไมถึงมีข่าวลือออกไปว่าเป็นการฆาตกรรมต่อเนื่องล่ะคะ การเจอกระดูกไม่ได้ยืนยันอะไรนี่นา” รสาถามด้วยความสงสัย

“เอ…เรื่องนี้ ป้าก็ไม่แน่ใจ ไปแอบฟังกันดีไหมล่ะ มีจุดที่แอบเข้าไปดูใกล้ๆ ได้อยู่ ป้าจะพาไป”

“กี่หยวนคะบริการนี้” รสาเหน็บแนมออกไป

“อันนี้ไม่คิดเงิน เพราะป้าก็อยากรู้เหมือนกัน” 

.

.

.

       หนึ่งหญิงวัยกลางคนสองเด็กสาวลัดเลาะไปยังด้านหลังชายป่าสุดเขตที่ถูกติดเทปป้องกันไม่ให้คนนอกเข้า และหากเดินขึ้นเนินต่อก็จะมองเห็นการทำงานได้ชัดเจน และโชคดีที่ใกล้บริเวณนั้นมีเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานกำลังนั่งพักอยู่พอดี

“บนกระดูกหน้าผากมีสัญลักษณ์เดียวกันแบบนี้ยังไงก็ใช่” เจ้าหน้าที่คนแรกกล่าวออกมา

“ยังไงก็ยังสรุปไม่ได้ อาจจะร่วมมือกันเป็นกระบวนการก็ได้ คนเดียวจะฆ่าคนได้มากขนาดนี้โดนไม่มีใครสงสัยได้ยังไงกัน” เจ้าหน้าที่อีกคนส่ายหน้า ก่อนจะรู้สึกเหมือนว่าถูกแอบมองจึงหันขึ้นมองไปยังกลุ่มของรสา

“นั่นใคร! พวกคุณเข้ามาใกล้ไม่ได้นะ”

“ตายแล้ว ถอยๆๆๆ ถอยสิ” ป้าซีโวยวายออกมาพร้อมกับเริ่มก้าวถอยหลังดันให้ลูกค้าทั้งสองหลบไปก่อนเจ้าหน้าที่จะออกมาเจอ

“ป้าอย่าดัน ป้าซีหยุดก่อน” รสาร้องห้ามในขณะที่ตนเองเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าก้าวขาไม่ทัน และกำลังขาดที่วางเท้าอย่างมั่นคง เพราะบนพื้นมีหินจำนวนมากทำให้เสียการทรงตัว

“หยุดเดี๋ยวนี้ ไม่นะ ป้าซี กรี๊ด”

       รสาเท้าพลิกจนตัวล้มลงทับกับอลินา แต่โชคร้ายที่เมื่ออลินาดันออกมากลับมีแรงน้ำหนักมากพอให้รสากลิ้งลงเนินที่ลัดเลาะกันมาเมื่อครู่ ร่างกายของรสารู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัว จนกระทั่งชนกับหินใหญ่ก้อนหนึ่งเข้าเต็มแรง เธอได้ยินเสียงกึกดังมาจากภายในร่างกายตนเอง นั่นคือเสียงของกระดูกคอที่หักออก ความเจ็บแปล๊บแล่นไปทั่วร่าง ก่อนที่จะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดในร่างกายอีกต่อไป  ไม่นานนักภาพจากสายตาก็ดับวูบลง

เกิดอะไรขึ้นกันแน่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 40 ปกป้องภรรยา

    บทที่ 40 ปกป้องภรรยา“ใช่จ้ะ พอดีว่าสามีรักมาก ไม่ต้องการให้ฉันออกมาตากแดดกลัวว่าผิวฉันจะเสีย ถนอมความสวยของภรรยาน่ะ รู้จักบ้างไหม!”ว่านเฟยเฟิ่งตอบประชดกลับไปโดยไม่หันไปมองเสียด้วยซ้ำ เธอเพียงแค่เอากับข้าวออกมาวาง แล้วเริ่มตักข้าวผัดผักดองใส่จานแต่ละคน ผ้าชุบน้ำอีกผืนถูกส่งให้ช่างหู และไม่ลืมเช็ดมือตนเองด้วย“มาอยู่ชนบทก็อย่ารักสบายให้มันมากนัก” อันเหยียนเค่อตะคอกออกมา“เก็บไว้ด่ากันหลังกินเสร็จได้ไหม รำคาญ!” เฟยเฟิ่งตวาดกลับก่อนจะหันมาพูดปกติกับสามีและช่างหู “บ้านเหมยหลันมีหอมหมื่นลี้อยู่ เธอแบ่งมาให้ ฉันเลยเอามาแช่น้ำ ทุกคนลองดูค่ะว่าชอบไหม”

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามี

    บทที่ 39 เอาอาหารไปส่งสามีสองสัปดาห์ผ่านไปแปลงผักในพื้นที่หลังบ้านเริ่มที่จะเข้าที่แล้ว ช่วงแรกแม้จะทดลองปลูกกันไปแล้ว แต่การจัดสรรพื้นที่ยังไม่ลงตัวจึงทำให้ต้องลดปริมาณผักที่เก็บไปส่งให้ป้าจูด้วย แต่เมื่อตกลงกันกับเด็กๆ เรียบร้อยแล้ว เฟยเฟิ่งก็ให้เด็กทั้งสองเดินหน้าเต็มกำลังหลังบ้านซีไม่มีพื้นที่ส่วนใดที่ไร้ประโยชน์ พื้นที่จุดที่ได้รับเฉพาะแดดเช้าลงผักที่ไม่ต้องการแดดมาก ในโรงเรือนมีเห็ดหลากชนิดให้หมุนเวียนตัดไปกินและขาย เหนือพื้นดินด้านนอกมีราวไม้สำหรับแขวนกระถางปลูกผักเพิ่ม อีกแถวไว้ปลูกกล้วยไม้สวยงามจากในมิติที่เฟยเฟิ่งอ้างว่าพบเจอบนภูเขา หากขยายพันธุ์ให้ดีก็สามารถทำเงินได้ ด้วยผู้คนยังนิยมให้กันเป็นของขวัญนอกจากนั้นแล้วยังมีไก่ที่ซีจื่อซวาน

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้าน

    บทที่ 38 หาวิธีคุยกับผีในบ้านว่านเฟยเฟิ่งทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้สามีกังวลใจ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งให้เป็นทุกข์นาน หยิบเห็ดหลินจือที่ทดลองเพาะอย่างลับๆ ออกมาให้จื่อหานดู พร้อมกับถุงใส่สปอร์เห็ดที่เก็บสำเร็จมาแล้วรอบหนึ่งออกมาไว้ข้างกัน“น่ะนี่มัน…?”“เห็ดหลินจือน่ะสิคะ” เฟยเฟิ่งที่เข้าไปปลูกในมิติเมื่อรู้ว่าทำได้ก็คิดจะเอามาขยายให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เธอเองก็รู้ตัวว่าคงทำเองไม่ไหว จึงคิดจะสอนจื่อหานแล้วยกให้เขาลงแรงไปเสีย“คุณไปเอามาจากไหน”“มีเทพเอามาให้ค่ะ ล้อเล่นค่ะ ก็เก็บมาสิคุณ ฉันตัดใจไม่ขายเพราะจะเอามาทดลองปลูกเลยนะว่าเราเพาะได้ไหม และคำตอบก็คือได้ แต่ว่าฉัน

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน

    บทที่ 37 ปู่ว่านมาถึงบ้าน“อาเฟิ่งคิดอะไรแบบนั้น เป็นไปไม่ได้หรอก ทุกครั้งที่มีคนหายไปเป็นช่วงที่อาเล็กไปทำงานในเมืองทั้งนั้น อีกอย่างผู้หญิงจะหายไปแค่ช่วงฤดูหนาว ช่วงนี้ทุกคนยังปลอดภัยค่ะ”“หายแค่ฤดูหนาวเท่านั้นเหรอ”เฟยเฟิ่งพึมพำกับตัวเองไม่ได้ฟังพวกผู้ชายถกเถียงกันเรื่องนี้อีก นั่นหมายความว่าช่วงเวลาที่เฟยเฟิ่งรู้มานั้นไม่ถูกต้อง ฆาตกรคนนั้นเริ่มลงมือแล้ว แต่เมื่อพ้นฤดูหนาวมาแล้วแปลว่าเธอยังคงปลอดภัย นั่นย่อมหมายความว่าก่อนที่ฤดูหนาวถัดไปจะมาถึง เธอจำเป็นจะต้องซื้อบ้านในเมืองให้ได้เพื่อความอยู่รอด!...&nbs

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!

    บทที่ 36 ฉันแต่งงานกับใครกันแน่!ทุกฤดูเพาะปลูกหมู่บ้านจะจัดการประชุมใหญ่ขึ้น เพราะต้องการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันทุกครัวเรือน ยิ่งปีนี้ปรับมาทำนาแบบบ้านใครบ้านมันแล้ว ยิ่งต้องคุยให้ชัดเจน แม้จะแจ้งและแบ่งที่ไว้แล้วก็ต้องย้ำอีกครั้งว่านเฟยเฟิ่งไม่ว่าจะเป็นดวงจิตเดิมหรือดวงจิตใหม่ต่างก็ไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์ประชุมหมู่บ้านจึงรู้สึกตื่นเต้น ทั้งยังพิถีพิถันเลือกชุดเสมือนว่าจะไปประกวดนางงาม เด็กน้อยทั้งสองก็ถูกเธอจับขัดตัวทำผมให้ดูเหมือนลูกคนมีเงิน จะติดก็แต่เสื้อผ้าที่ดูซีดไปเสียหน่อย“น้าละเลยเรื่องเสื้อผ้าพวกเธอเกินไปแล้วจริงๆ หน้าตาก็ดูดีมีสกุล แต่สีเสื้อซีดยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ได้การ”“เอาไว้จะย้อมสีให้ใหม่ ไ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาที่เห็นผี   บทที่ 35 ทำไมต้องแกล้งน้าเฟิ่ง

    บทที่ 34 อ่อนแอเกินไป“ที่ระบายอารมณ์เนี่ยนะ คุณจะบ้ารึไงคะ ฉันไม่ใช่คนโรคจิตแบบนั้นนะ ปล่อยข้อมือฉันก่อน”“ก็คุณไง รับไม่ได้ที่ต้องมาชนบทเลยมาลงที่ลูกผม เมื่อกี้ก็เหมือนกัน ทำจนชินมือเลยล่ะสิ คล่องจริงนะกับการตีลูกคนอื่น”“ตบๆ สองทีแบบนี้มันเจ็บรึไง ตั้งสติก่อนไหมคะ ไหนเรื่องอื่นยังรอฟังได้ ทำไมครั้งนี้ไม่รอถามความจริงจากฉันบ้างเลยคะ” ว่านเฟยเฟิ่งร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความผิดนี้ไม่ใช่เธอก่อ แต่จะพูดอย่างไรว่าวิญญาณในร่างเป็นคนละดวง ใครที่ไหนจะเชื่อเธอกันมือเล็กทั้งสองถูกยกขึ้นปิดหน้าในตอนที่เธอปล่อยโฮออกมา เฟยเฟิ่งพยายามคิดหาเหตุผลว่าควรจะแก้ตัวอย่างไรให้เหมาะสม ซีจื่อหานเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้สติ เขาใช้มือหยาบกร้านลูบไปบนหัวเธอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status