แชร์

บทที่ 14 โดนลอบทำร้าย

ผู้เขียน: วริษา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-07 13:21:58

บทที่ 14 โดนลอบทำร้าย

ภายในห้องที่น่าอึดอัดผู้คนต่างพากันใส่หน้ากากเข้าหากันแม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มให้แก่กันแต่ทว่าจิตใจนั้นมิใช่อย่างที่ใบหน้าแสดงอยู่ เหิงเยว์เองก็ทำท่าจิบสุราเพียงเล็กน้อยก่อนจะแอบรินทิ้งเมื่อใต้เท้าเจียวหั่วละสายตา ไม่นานฮูหยินก็ยกไก่ตุ๋นมาวางไว้บนโต๊ะพร้อมเครื่องเคียงมากมาย

“ไก่ตุ๋นแสนอร่อยของข้ามาแล้วเจ้าค่ะ "

“กลิ่นหอมมากเลยขอรับ วันนี้ข้าต้องเจริญอาหารแน่ ๆ เลย " เหิงเยว์วางจอกสุราลงจ้องมองเนื้อไก่ที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างชื่นชม

“แค่ท่านเอ่ยชมและชอบอาหารของข้าข้าก็ดีใจมากเลยเจ้าค่ะ งั้นน่องไก่น่องนี้ข้าขอยกให้ท่าน” ฮูหยินหยิบไก่มอบให้เหิงเยว์เขาเองก็กินเพื่อไม่ให้นางสงสัย เมื่อเขากินอิ่มก็ขอตัวกลับ ใต้เท้าเจียวหั่วกับฮูหยินก็ได้เดินออกมาส่งเหิงเยว์ที่หน้าเรือน

“หากวันใดท่านผ่านมาที่นี่อีกก็แวะมาได้เสมอนะขอรับข้าจะให้ฮูหยินทำไก่ตุ๋นให้ท่านได้กินอีก”

“วันนี้ข้าอร่อยมาก ไหนจะสุราที่ท่านได้มาช่างมีรสชาติแตกต่างจากแคว้นของเรานัก”

“โฮ๊ะ ๆ ใช่มั้ยขอรับแคว้นเรานั้นเทียบไม่ติดเลยหากท่านชอบ ข้าได้มารอบหน้าจะให้บ่าวไปส่งให้ถึงที่เรือนเลยขอรับ ขอให้ท่านเดินทางปลอดภัยนะขอรับ”

เหิงเยว์ได้รับม้าจากคนใช้ของใต้เท้าเจียวหั่วก็ได้กระโดดขึ้นมาก่อนจะควบออกจากเรือนของเขา ก็ได้พบกับคนสนิทของตนที่รออยู่ด้านนอก 

"คุณชายเรื่องที่คุณชายให้ข้าตรวจตราดูมีเรื่องที่น่าสงสัยอยู่เรื่องหนึ่งขอรับ ข้าได้ยินเหล่าคนใช้ของใต้เท้าเจียวหั่วพูดคุยกันแถมยังมีรถม้าขนของออกไปแต่ว่าข้าตามออกไปทำให้พวกนั้นรู้ตัว พวกนั้นฉลาดพอตัวเมื่อรู้ว่ามีผู้ตามก็ได้ใช้เส้นทางลัดเลาะจนข้าตามไม่ทันขอรับ ส่วนเรื่องที่ข้าได้ยินมาว่าคนใช้พวกนั้นพูดกันว่าท่านใต้เท้าเจียวหั่วมีสายอยู่ที่วังหลวงขอรับ จึงได้ขนย้ายของก่อนที่คุณชายจะมาที่นี่ " พอเหิงเยว์ได้ยินคำบอกเล่าของบ่าวใช้เขาเขาก็ครุ่นคิด 

"ข้าว่าแล้วเชียว ยิ่งของใช้ในเรือนของใต้เท้าเจียวหั่วข้ามั่นใจว่ามิใช่ของปลอม และข้าเองก็คิดอยู่แล้วว่าต้องมีใต้เท้าที่มีอำนาจคอยช่วยเหลืออยู่ไม่งั้นใต้เท้าชั้นผู้น้อยอย่างใต้เท้าเจียวหั่วมิกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้ เจ้าไปตามสืบเรื่องนี้มาให้ข้าทีเดี๋ยวข้าจะกลับที่เรือนก่อนเมื่อมีเรื่องอะไรเจ้ารายงานข้าทันทีและเจ้าก็ไปสืบว่าให้ได้ว่าเจ้าใต้เท้าเจียวหั่วนำของที่ได้จากชาวบ้านไปไว้ที่ใด"  บ่าวรับใช้ได้พยักหน้าก่อนจะควบม้าออกไป เหิงเยว์ก็ได้เดินทางกลับเรือน 

ส่วนด้านใต้เท้าเจียวหั่วเมื่อเหิงเยว์หันหลังให้เขาจากรอยยิ้มก็กลายเป็นใบหน้าเกรี้ยวโกรธทันที จู่ ๆ ก็มีบ่าวรับใช้วิ่งเข้ามากระซิบข้างหู

"ท่านใต้เท้าเมื่อครู่ข้าถูกชายผู้หนึ่งเกือบตามไปพบที่คลังเก็บของ ข้าคิดว่าน่าจะเป็นคนของท่านผู้ตรวจการขอรับ โชคดีที่พวกข้ารู้ตัวทันจึงได้ปรับเปลี่ยนเส้นทางทำให้เขาตามพวกข้าไม่พบ" แววตาที่โหดเหี้ยมของใต้เท้าเจียวหัวก็ได้จ้องมองที่บ่าวก่อนจะรับสั่งให้บ่าวตนเองไปสั่งสอนเหิงเยว์ให้รู้จักหลาบจำ

"ท่านผู้ตรวจการอยู่ดีไม่ว่าดีหาเรื่องใส่ตัว โชคดีที่นายใหญ่ได้ส่งคนมาบอกเราเสียก่อน ฮึ ฮึ เจ้าพาลูกน้องของข้าไปจัดการสั่งสอนให้ผู้ตรวจการหลาบจำเสียทีจะได้รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ควรเข้ามายุ่ง ไม่ต้องเอาถึงตายแค่สั่งสอนก็เพียงพอ" ใต้เท้าเจียวหั่วแสยะยิ้มอย่างชั่งร้ายก่อนจะเดินเข้าบ้านไป 

คนใช้ของใต้เท้าเจียวหั่วรับคำสั่งของเจ้านายตนเองก่อนจะไปเรียกชายฉกรรจ์ที่ถูกฝึกมาคอยคุ้มกันใต้เท้าเจียวหั่วเพื่อไปสั่งสอนเหิงเยว์ตามที่เจ้านายสั่ง ชายฉกรรจ์จำนวนห้าหกคนก็ได้ควบม้าออกไปทำตามสั่ง 

ฝั่งด้านเหิงเยว์เขาก็ได้ควบม้ามาได้สักระยะก็เข้าสู่เขตของป่าที่เป็นทางผ่านกลับเรือนของตน แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็รู้สึกได้ว่ามีเงาที่ดักรออยู่ด้านหน้าเขาจึงได้กระตุกเชือกม้าให้หยุดวิ่งพร้อมตะโกนออกไปโดยไม่เกรงกลัว 

"พวกเจ้าเป็นใคร ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามีจำนวนหลายคนเช่นนี้จะคอยแอบซุ่มอยู่ทำไม " เมื่อสิ้นเสียงของเหิงเยว์ชายฉกรรจ์ที่ดักซุ่มอยู่ก็ได้ก้าวเท้าออกมาจากมุมมืด เหิงเยว์กวาดตามองก็พบว่ามีชายฉกรรจ์อยู่หกคน เขามีเพียงผู้เดียวแม้จะมีฝีมือดีก็อาจจะได้รับบาดเจ็บกลับไปหากเกิดการต่อสู้กัน 

"หูตาดีเสียจริงสมกับเป็นท่านผู้ตรวจการ หากเป็นเช่นนี้ก็ดีเช่นกันข้าจะได้จัดการกับท่านให้สิ้นเรื่อง " ไม่ทันที่เหิงเยว์จะเอ่ยอันใดชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็ได้ชักดาบออกมาวิ่งกรู่เข้ามาหาเหิงเยว์ เขาเองก็ได้ชักดาบที่พกติดตัวมาต่อสู่กับชายฉกรรจ์พวกนั้น เขาได้จัดการกับชายฉกรรจ์ไปได้ถึงสามคนแต่ทว่าตอนนี้เหิงเยว์เองก็ได้รับบาดเจ็บที่แขนเมื่อหลบดาบของอีกคนโดยไม่ทันตั้งตัวเขาก็ได้ถูกดาบของอีกคนฟันเข้าที่แขนโชคดีที่เขาหันตัวหลบได้จึงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเมื่อเขากำลังจะสู้ต่อแต่ก็ต้องถูกดอกธนูที่พุ่งมาจากด้านหลังทำให้เขาได้รับบาดเจ็บล้มลง 

"ฮึ ฮึ แม้ว่าท่านจะเก่งกาจแต่พวกข้าก็ได้เตรียมตัวมาอย่างดี พวกเรากลับเจ้านายสั่งมาให้ทำเพียงได้รับบาดเจ็บไม่ต้องถึงตาย ส่วนท่านผู้ตรวจการนายใหญ่ของข้าได้สั่งมาบอกว่าต่อจากนี้จงอยู่อย่างเงียง ๆ และอย่าจุ่นเข้ามายุ่งเรื่องของผู้อื่นอีก" ชายที่ดูเหมือนจะเป็นคนคุมชายทั้งหมดได้เดินเข้ามาใกล้เหิงเยว์ที่กำลังล้มลงกับพื้นเพราะทนความเจ็บไม่ไหว 

"ข้าเองก็ฝากบอกเจ้านายพวกเจ้าด้วย หากข้ารอดไปได้วันนี้ข้าจะจัดการเจ้านายพวกเจ้าด้วยมือของข้าเอง" เหิงเยว์กัดฟันพ่นคำพูดออกไปก่อนที่ชายฉกรรจ์พวกนั้นจะหัวเราะเยาะและควบม้าจากไป 

โชคดีที่ลูกดอกธนูไม่ได้โดนหัวใจของเขา แต่โดนอีกฝั่งแทนเหิงเยว์กลั้นใจดึงดอกธนูออกจากด้านหลังก่อนจะกระโดดขึ้นม้าเพื่อกลับเรือนด้วยความเร็วแม้จะเจ็บปวดเพียงใดเขาต้องพาตนเองกลับเรือนให้ได้เสียก่อน เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของใต้เท้าเจียวหั่วเป็นแน่

ฝั่งด้านหานเสี่ยว์วันนี้นางได้พาเด็กกินอาหารเย็นเสร็จก็ได้ไปส่งเข้านอนก่อนที่นางจะเดินกลับห้องของตนเองนางได้เงยหน้ามองดวงจันทร์วันนี้ช่างงดงามจริง ๆ ลมพัดผ่านร่างกายที่เย็นสบายทำให้นางอยากจะยืนมองดูดวงจันทร์สักพักค่อยเข้าไปที่ห้องตนเอง 

"เข่อซิง ข้าจะชมจันทร์สักครู่หากเจ้าเหน็ดเหนื่อยก็กลับไปพักผ่อนเถิด อีกไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องของข้าแล้วเจ้ามิต้องเป็นห่วง" หานเสี่ยว์ได้หันไปบอกแก่เข่อซิงที่เดินตามหลังนางไม่ห่าง

"ข้าไม่เหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ ไม่ว่าคุณหนูจะยืนมองจันทร์จนถึงรุ่งสางข้าก็จะอยู่กับท่านเจ้าค่ะ"

"เจ้านี่ช่างเป็นสาวใช้ที่แสนดีจริง ๆ อย่างนั้นข้าขอยืนรับลมสักครู่"

"ได้เจ้าค่ะ" หานเสี่ยว์มองจันทร์ที่สาดส่องแสงสว่างมาทำให้นางหวนคิดถึงโลกของตนเองปานนี้จะเป็นเช่นไรบ้างนะ ทำให้นางเปล่าเปลี่ยวหัวใจเหลือเกิน แม้จะมีเด็ก ๆ คอยข้างกายแต่อย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ ๆ ของนางอยู่ดี 

"แกร่กๆ แกร่กๆ"  หานเสี่ยว์เดินมาได้สักพักก็ได้ยินเสียงอะไรอยู่ในพุ่มไม้ดังขึ้น ทำให้นางตกหยุดชะงักเพราะความกลัว

"เข่อซิงเจ้าได้ยินเสียงอะไรหรือไม่"  เข่อซิงเองก็ได้ยินเช่นเดียวกับนางและคิดว่าเป็นวิญญาณจึงได้เดินเข้ามาใกล้หานเสี่ยว์ด้วยความกลัว

"ข้าเองก็ได้ยินเช่นกันเจ้าค่ะ คุณหนูรีบกลับห้องกันเถอะเจ้าค่ะ" 

"นั้นสิ เรารีบไปกันเถิด" หานเสี่ยว์กำลังจะเดินไปจู่ ๆ ก็ถูกมือมาจับที่แขนของนางทำให้หานเสี่ยว์ตกใจอย่างมากพร้อมกรี๊ดร้องออกมา

"กรี๊ด ผีหลอก" เข่อซิงเมื่อเห็นบุรุษที่เปียกโชกไปด้วยเลือดนางเองก็คิดว่าเป็นวิญญาณก็ได้วิ่งหนีหานเสี่ยว์

"คุณหนูแม้ข้าจะจงรักภักดีต่อคุณหนูเพียงใดแต่ครั้งนี้ข้าต้องขอไปก่อนนะเจ้าคะ" หานเสี่ยว์ยืนตัวสั่นเทาหลับตาปี้ด้วยความกลัวแต่แล้วจู่ ๆ ร่างที่ยืนจับแขนของนางอยู่ก็ได้เอ่ยขึ้นมา

"ข้าเอง เหิงเยว์" น้ำเสียงแหบพร่าได้เอ่ยออกมาก่อนจะล้มลงกับพื้นหานเสี่ยว์รีบลืมตามองดูก็พบว่าเป็นเหิงเยว์จริง ๆ

"คุณชายเหิงเยว์ นี่ท่านเป็นอะไรไปเกิดอะไรขึ้นกับท่านกัน เข่อซิงนี่มิใช่วิญญาณแต่เป็นคนคือคุณเหิงเยว์ รีบไปตามท่านหมอมาโดยเร็ว" หานเสี่ยว์จากหวาดกลัววิญญาณแต่ทว่าตอนนี้นางกลับเป็นห่วงชายที่นอนแน่นิ่งไม่ตอบแม้แต่คำเดียวนางนั่งลงประคองหัวของเขาไว้ก่อนจะสำรวจดูร่างกายก็พบว่าเขานั้นได้รับบาดเจ็บมา ชั่วครู่เรื่องความฝันของลู่เอ๋อร์ก็แวบเข้ามาในหัวของนาง ช่างเป็นความฝันบอกเหตุเสียจริง 

"เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ ข้าจะรีบไปตามท่านหมอเดี๋ยวนี้แล้วคุณชายเหิงเยว์ท่านจะพาไปที่ห้องไหวหรือเจ้าคะ "

"เช่นนั้นก่อนเจ้าจะไปตามท่านหมอเจ้าไปเรียกบ่าวมาช่วยข้าเสียก่อน" เข่อซิงตื่นตระหนกรีบพยักหน้ารับคำสั่งและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย   บที่ 39  น้องของสองแฝด

    บที่ 39 น้องของสองแฝด1 ปีต่อมา หลังจากวันนั้นหานเสี่ยว์ก็ได้ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกันกับเหิงเยว์ใช้เวลาค่ำคืนด้วยกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งนางนั้นได้ตั้งท้องให้กับเหิงเยว์จนตอนนี้ท้องเริ่มแก่มากแล้ว แถมฤดูนี้ก็เป็นฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย เหิงเยว์จึงเฝ้าประคบประหงมไม่ให้หานเสี่ยว์ไปใกล้แม่น้ำนั้นอีกเลย ในตอนแรกเขาแทบสั่งให้บ่าวนำดินมากลบบ่อน้ำนั้นไปส่ะเพราะกลัวว่าหานเสี่ยว์คิดจะกลับไปอีก แต่ถูกนางขอไว้ เพราะนี่คือความทรงจำที่ดีของนางหากไม่มีบ่อน้ำนี้ก็ไม่มีนางเช่นกัน เหิงเยว์ถึงยอมตามใจฮูหยินของเขา "คุณหนูเข้าไปด้านในเถิดเจ้าค่ะยืนนาน ๆ จะทำให้เหนื่อยเอาได้นะเจ้าคะท้องของคุณหนูก็โตมากกว่าสตรีที่อายุครรภ์เท่ากันด้วยซ้ำ หรือว่าคุณหนูจะตั้งท้องแฝดเจ้าคะ"เข่อซิงที่คอยประคองหานเสี่ยว์ได้เอ่ยขึ้นพร้อมมองไปที่ท้องของหานเสี่ยว์ "จริงหรือท่านแม่ เช่นนั้นก็ดีนะสิ" เลี่ยงเฟิงที่เดินมาจากห้องของตนเองก็ได้ยินที่เข่อซิงกล่าว "ท่านแม่จะมีน้องสองคนหรือเจ้าคะ งั้นก็เป็นเรื่องดีเสียจริงข้ากับท่านพี่จะได้ไม่ต้องแย่งกัน น้องจ๋าเจ้าจงออกมาเป็นหญิงหนึ่งบุรุษหนึ่งนะได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่" ลู่เอ๋อร์ใช้มือเล็กลู

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย   บทที่ 38 ทำน้องให้เด็กทั้งสอง

    บทที่ 38 ทำน้องให้เด็กทั้งสอง"หานเสี่ยว์เมื่อไหร่เจ้าจะฟื้นนี่ก็ล่วงเลยมาหลายวันแล้ว ข้าเฝ้ารอเจ้าอยู่ทุกวันเด็ก ๆ ทั้งสองก็อยากเข้ามาหาเจ้าแต่ข้าก็ต้องโกหกไปว่าเจ้าไม่สบาย เพราะข้าไม่อยากให้เลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ต้องเสียใจที่รู้ว่าเจ้าจากไป เจ้าอยู่ที่ใดไม่สงสารใจข้าบางหรือ ข้าทำได้เพียงเฝ้ารอเจ้าอย่างท้อใจข้ามิอาจทำเช่นใดได้เลยกับมาหาข้าเถอะนะ หานเสี่ยว์ ไม่สิซู่ซ่าน หรือว่าจิวฉิง ไม่ว่าเจ้าจะชื่อนามอันใดข้าก็รักที่เจ้าเป็นเจ้ากลับมาหาข้าเถอะนะตอนนี้หัวใจของข้าแทบสลายแล้ว อย่าจากข้าไปเลย ข้ารักเจ้า เจ้าได้ยินมั้ยว่าข้ารักเจ้าเพียงใด" น้ำเสียงโศกเศร้าใบหน้าซูบผอมของเหิงเยว์ที่คร่ำครวญอยู่ข้างร่างหานเสี่ยว์พร้อมจับมือนางแน่นไม่ยอมปล่อย "รักเพียงใดหรือเจ้าคะ" จิวฉิงที่ฟื้นขึ้นมาอยู่ในร่างของหานเสี่ยว์ก็ส่งยิ้มพร้อมเอ่ยถามบุรุษที่พร่ำรักนางอยู่ต่อหน้า"ข้ารักเจ้ามาก ชีวิตของข้าก็ให้เจ้าได้ เอ๊ะ! เดี๋ยวสินางยังไม่ฟื้นนี่น่าหรือว่าข้าสติฟั่นเฟือนไปแล้ว " เหิงเยว์ชะงักเมื่อจู่ ๆ เขาก็ตอบคำถามหานเสี่ยว์ จึงได้ใช้มือตบหน้าตนเองเบา ๆจนหานเสี่ยว์ต้องจับมือของเขาเอาไว้"อย่าตีตนเองเลยนี่มิใช่

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย   บทที่ 37 อย่าทิ้งข้าไป

    บทที่ 37 อย่าทิ้งข้าไป"นี่เจ้าจะทิ้งข้า ทิ้งเลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ไปจริง ๆ หรือ แล้วข้าจะอยู่อย่างไรเด็กทั้งสองจะอยู่อย่างไร ไม่ข้าไม่เชื่อเจ้าต้องฟื้นสิ ท่านหมอหลอกลวงข้าเจ้าต้องฟื้น แล้วเช่นนี้ข้าจะทนได้อย่างเล่าในเมื่อตอนนี้ข้ารักเจ้าหมดทั้งหัวใจ " ความเคว้งคว้างในหัวใจของเหิงเยว์ได้ก่อตัวขึ้น เขาซบหน้าลงซบร่างกายของหานเสี่ยว์สะอึกไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ภายในห้องก็มีเพียงเสียงร้องไห้ทุกข์ระทมของทุกคน เหิงเยว์ทำอะไรมิได้ทำได้เพียงร้องไห้แม้แต่เรี่ยวแรงที่เช็ดน้ำตาของตนเขายังทำไม่ได้เสมือนโลกทั้งใบได้แตกสลายไปแล้ว ความรู้สึกนี้เหมือนตอนที่เขาได้เสียซู่ซ่านไปมันได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ต่อให้เขาเรียกนางซ้ำ ๆ เท่าไร่ร่างบางที่นอนแน่นิ่งก็มิอาจตอบสนอง "ข้ามิอาจจะช่วยเหลือฮูหยินของท่านได้ ต้องขออภัยอีกครั้งร่างที่นอนไร้สติของฮูหยินไม่นานชีพจรอาจจะหยุดเต้น ถึงเวลานั้นท่านคงรู้นะขอรับ หมดหน้าที่ข้าแล้วข้าขอตัว" ท่านหมอโค้งคำนับพร้อมออกจากห้องไป ปล่อยให้เหิงเยว์จมอยู่กับความทรมานใจอยู่เช่นนั้น แต่แล้วจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามา ในตอนแรกเขาคิดว่าเป็นท่านหมอ แต่เมื่อเงยหน้ามองกลับพบเห็

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย   บทที่ 36 ลาก่อน

    บทที่ 36 ลาก่อนฝั่งด้านหานเสี่ยว์นางกินอาหารเย็นเสร็จสิ้นก็ไล่ให้เข่อซิงกลับไปพักผ่อน วันนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง เป็นวันที่นางรอคอยมาตลอด จึงอ้างกับเลี่ยงเฟิงลู่เอ๋อร์ว่านางมีอาการไม่ค่อยสบายจึงไม่ได้ไปร่วมโต๊ะอาหารด้วย เด็กทั้งสองเห็นท่านแม่มีอาการแปลกไปจึงคิดว่าไม่สบายจริง ๆ และไม่อยากรบกวนให้ท่านแม่ได้พักผ่อน นางรอจนทุกคนเข้านอนเมื่อนางเปิดประตูดูสถานการณ์ด้านนอกเมื่อไม่เห็นผู้ใดจึงได้เดินออกมาจากห้องเพื่อไปที่สระน้ำอยู่ด้านหลังเรือน ความเงียบสงัดทำให้หานเสี่ยว์เองก็รู็สึกเงียบเหงาเหลือเกิน นางเดินไปอย่างเชื่องช้า มองรอบ ๆ เห็นภาพความทรงจำที่ผ่านมาน้ำตาใส ๆ ก็เริ่มเอ่อนอง ความผูกพันธ์กับคนที่นี่ล้วนมีความหมายกับนางเหลือเกินมันเป็นความทรงจำที่มีค่ามาก ๆ ยิ่งก้าวเท้าเดินก็ยิ่งเจ็บถึงขั่วหัวใจ รอยยิ้มแววตาของเด็กทั้งสองที่คอยยิ้มให้ก็ยิ่งทำให้นางร้องไห้มากกว่าเดิม แต่ทุกอย่างนางต้องทิ้งไว้ที่นี่ "จากนี้ข้าคงไม่ได้พบเจอพวกเจ้าอีกแล้ว หวังว่าพวกเจ้าจะมีความสุขในทุก ๆ วัน ลาก่อนนะเลี่ยงเฟิงลู่เอ๋อร์ " เมื่อมาถึงสะพานหานเสี่ยว์ก็ได้ก้าวเท้าขึ้นไปยังสะพานเพื่อไปอยู่ตรงกลางแม่น้ำ ก่อ

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย   บทที่ 35  คำสอนของท่านแม่คล้ายคำกล่าวลา

    บทที่ 35 คำสอนของท่านแม่คล้ายคำกล่าวลารุ่งสางมาเยือนอีกคราหานเสี่ยว์ร้องไห้ทั้งคืนเมื่อนางตื่นเช้ามาเปลือกตาของนางก็มีอาการบวมแดง เข่อซิงได้เข้ามานำน้ำมาให้นางล้างหน้าล้างตาก็ต้องตกใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอันใดเพราะเป็นเรื่องของเจ้านาย"คุณหนูข้านำน้ำมาให้เจ้าค่ะ วันนี้ด้านนอกอากาศดีมากหากคุณหนูล้างหน้าเสร็จแล้วเราไปด้านนอกดีมั้ยเจ้าคะ" "ดีเช่นกัน" หานเสี่ยว์ก็ได้ล้างหน้าล้างตาเข่อซิงเองก็ช่วยแปรงผมให้ ไม่นานทั้งสองก็ได้ออกมารับลมด้านนอกต้นไม้นานาชนิดเริ่มผลิใบเขียวขจี อากาศสดชื่นยิ่งนักหานเสี่ยว์ทอดสายตามองเหล่าผีเสื้อแมลงปอต่างพากันบินวนดมเกสรดอกไม้เพื่อดำรงชีวิต "คงถึงเวลาแล้วสินะ" นางเอ่ยออกมาเมื่อถึงเวลาที่นางจะต้องไปแต่หัวใจของนางตอนนี้ช่างปวดร้าวเหลือเกิน ไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิดทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนนางรอคอยเวลานี้มาตลอด นางคิดว่าวันที่นางไม่อยู่เด็กทั้งสองจะเป็นเช่นไรจะคิดถึงนางหรือไม่? หรือจะร้องไห้คร่ำครวญเพราะคิดถึงนาง แต่หากนางไม่ไปก็เป็นห่วงคุณย่าที่รอคอยนางอยู่อีกโลก นางยังมีห่วงหากจะอยู่ที่นี่ต่อ หานเสี่ยว์ยังคงต้องรอวันที่ดวงจันทร์เต็มดวงนางถึงจะกลับได้ นางถึงเอ่ยถามเข่อ

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย   บทที่ 34  เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะ

    บทที่ 34 เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะเข่อซิงเมื่อรับรู้ว่าคุณชายเหิงเยว์ต้องการอยู่เพียงลำพังกับนายหญิงของตนนางก็ก้มหน้าเพื่อรับรู้และเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิมนางเองก็อยากให้นายหญิงของตนมีความสุขเสียที เพราะอย่างไรตอนนี้คุณชายเหิงเยว์ก็ได้แสดงท่าทีว่ารักนายหญิงของนางเข้าแล้วและพร้อมจะดูแลนางตลอดไป เพียงแต่นายหญิงของนางต่างหากที่เริ่มเปลี่ยนไป "อย่าพึ่งไปอยู่ชมจันทร์กับข้าเสียก่อน ""ไม่ข้าอยากจะพัก ข้าเหนื่อย" เหิงเยว์มองใบหน้าของหานเสี่ยว์ก่อนจะตัดสินใจอุ้มนางมาอยู่ในอ้อมแขน ทำให้นางตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัวและกลับตกจากอ้อมแขนของเขา"หากข้าอุ้มเจ้าอยู่เช่นนี้เจ้าคงไม่เหนื่อยใช่หรือไม่ ?""อ๊าย ! นี่ท่านทำอะไรของท่านปล่อยข้าลงไปนะ ""ทำไมล่ะ เจ้าเอ่ยเองว่าเจ้าเหนื่อยข้าก็ช่วยให้เจ้าได้พักอยู่นี่อย่างไรล่ะ ""มะ....ไม่ต้องปล่อยข้าลง ข้ายืนเองดีกว่า""ฮึ ก็ได้ " เขาปล่อยนางให้ยืนเอาเอง ตอนนี้หัวใจของหานเสี่ยว์เต้นแรงเมื่อร่างกายสัมผัสกันแถมเมื่อครู่ตอนที่เขาอุ้มนางได้กอดคอเขาแน่นเพราะกลัวตกได้ยินเสียงหัวใจของเหิงเยว์ที่เต้นไม่เป็นจังหวะทั้ง ๆ ที่นางพยายามห

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status