“ข้าเสียสละเพื่อเจ้ามากเพียงนี้ ลับหลังเจ้ากลับต่อว่าข้าเพียงนี้ เจ้ายังมีหัวใจอยู่หรือไม่ เจ้ามันไม่ใช่คน!”ฉินเซี่ยงเหิงคิดไม่ถึงว่าอวิ๋นซีหว่านจะปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหัน ถูกอวิ๋นซีหว่านกระโจนใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว ล้มก้นกระแทกพื้น กวานบนศีรษะถูกอวิ๋นซีหว่านดึงลงมา“นังแพศยา เจ้าปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”เส้นผมถูกดึง ใบหน้าฉินเซี่ยงเหิงบิดเบี้ยว ไม่ใส่ใจรักษาภาพลักษณ์อีก สบถด่า “เจ้าก็คือนางคนเสียสติ มิน่าเล่าอยากจะเกี่ยวพันกับข้าอย่างทนรอแทบไม่ไหว เดิมทีก็ไม่มีใครต้องการเจ้า!”อวิ๋นซีหว่านตาแดงก่ำ ก่อนนี้นางคิดว่าฉินเซี่ยงเหิงเปี่ยมความรู้มีพรสวรรค์ สุภาพอ่อนโยน เป็นคนดีหาได้ยากคนหนึ่ง เพราะนางเป็นลูกอนุ ต่อให้แต่งงาน ก็ยากจะแต่งเข้าไปเป็นภรยาเอกได้ ทำได้เพียงแต่งงานกับครอบครัวฐานะต่ำกว่านางมิอาจหักใจ นี่ถึงอาศัยโอกาสที่นางคิดว่าดีที่สุดเข้าไปเกี่ยวข้องกับฉินเซี่ยงเหิง นางคิดว่าตนเองเสียสละเพียงนี้ ฉินเซี่ยงเหิงจะปฏิบัติต่อนางอย่างดีสรุปว่าเดิมทีฉินเซี่ยงเหิงก็ไร้เมตตา ใช้นางเป็นหินปูทาง พูดว่าทิ้งก็ทิ้ง!ซ่งรั่วเจินและอวิ๋นเนี่ยนชูสบตากันแวบหนึ่ง สีหน้าแปลกใจ อวิ๋นซีหว่านถูกป
ยามฉินเซี่ยงเหิงถูกพาไป สีหน้าซีดเผือดอย่างมากเดิมทีก่อนนี้สำทับฉินซวงซวงให้จัดการเรื่องนี้อย่างดีแล้ว เขาคิดว่าไม่มีวันเกิดเรื่องขึ้นอีก กลับไม่คาดคิดอวิ๋นซีหว่านถึงขั้นปรากฎตัวออกมาในวันนี้ ได้ยินเขาพูดเหลวไหลเสียได้บัดนี้หญิงผู้นี้เสียสติไปแล้ว คิดเพียงทำลายเขา อนาคตอันรุ่งโรจน์ของเขาจะถูกทำลายเช่นนี้ไม่ได้!“ฉู่อ๋องฉลาดหลักแหลมโดยแท้!”ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่อ๋องเดินเข้ามา ใบหน้าเล็กงดงามคลี่ยิ้มบางๆ เห็นได้ชัดว่าฉู่อ๋องเป็นคนคิดวิธีนี้ออกมาอันที่จริงสอบสวนภายในศาลาว่าการซุ่นเทียนมาก่อนแล้ว อวิ๋นซีหว่านชี้ตัวว่าเป็นฉินซวงซวงบงการ กลับมิได้ชี้ตัวฉินเซี่ยงเหิงเพราะเกี่ยวข้องกับผู้เข้าสอบ ศาลาว่าการซุ่นเทียนจึงมิได้เปิดโปงออกมาในทันที แต่รอจนการสอบฤดูใบไม้ผลิจบลงแล้วจึงพูด บังเอิญวันนี้อวิ๋นซีหว่านได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของฉินเซี่ยงเหิง ทั้งหมดจึงคลี่คลายอย่างราบรื่น“ฉินเซี่ยงเหิงอุปนิสัยต่ำช้า เดิมทีก็ไม่คู่ควรเข้าร่วมการสอบฤดูใบไม้ผลิ หากมิใช่ราชครูกู้ปกป้องไว้ ก็คงตัดโอกาสของเขาไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”“ทว่าบัดนี้เรื่องพรรค์นี้ถูกเปิดเผยออกมา เขาเองก็หมดหวังแล้ว”สีหน้าฉ
“ไม่ว่าใครออกหน้า ก็ไม่มีวันเปลี่ยนสถานการณ์ได้”เห็นฝ่ายชายมีสีหน้าจริงจัง ซ่งรั่วเจินเพียงรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ฉู่จวินถิงไม่ใช่คนทำอันใดโดยไร้เป้าหมายในเมื่อเขาพูดเช่นนี้ ก็จะต้องทำได้อย่างแน่นอน ฉินเซี่ยงเหิงทำร้ายพี่ชายนางหนักเพียงนั้น อีกทั้งยังขโมยเรียงความ หากปล่อยเขาไปอย่างง่ายดาย ไฉนเลยจะทนมองต่อไปได้?ซ่งอี้อันมองท่าทางสนิทสนมกันระหว่างน้องหญิงตนและฉู่อ๋อง รู้สึกแปลกภายในใจอย่างอดไม่ได้ ด้วยอุปนิสัยเย็นชาของฉู่อ๋อง สามารถอธิบายให้น้องหญิงห้าฟังอย่างอดทนได้ก็คือเรื่องเหลือเชื่อ!ครั้นเขาหันมามองซ่งจืออวี้ ก็พบว่าฝ่ายหลังกำลังกะพริบตาให้เขาอย่างไม่แปลกใจเขาเข้าใจแล้ว ฉู่อ๋องมีใจให้น้องหญิงห้า!“รั่วเจิน ข้าและญาติผู้พี่ขอไปศาลาว่าการซุ่นเทียนก่อนสักเที่ยว ดูว่าเรื่องนี้คืบหน้าเป็นเช่นไร อีกสองวันค่อยไปฉลองกับเจ้าดีๆ!”ใบหน้าอวิ๋นเนี่ยนชูประดับยิ้ม วันนี้เป็นวันดี พี่รองซ่งและญาติผู้พี่ล้วนได้รับคะแนนดี เพียงน่าเสียดายยังมิได้คลี่คลายเรื่องอวิ๋นซีหว่าน นางต้องล่วงหน้าไปก่อนเที่ยวหนึ่งซ่งรั่วเจินพยักหน้า “รีบไปเถอะ”อวิ๋นเฉิงเจ๋อบอกลาทุกคน นี่ถึงพาอวิ๋น
จ้าวซูหว่านมองฉินเซี่ยงเหิงและอวิ๋นซีหว่านทะเลาะกันก่อนถูกพาตัวไปศาลาว่าการ อีกทั้งยังเห็นซ่งอี้อันได้เป็นอันดับหนึ่ง ถูกคนมากเพียงนั้นล้อมอยู่ใจกลาง รู้สึกทรมานภายในใจอย่างบอกไม่ถูกครู่ต่อมานางมองท้องนูนขึ้นมาเล็กน้อยของตน รู้สึกเสียใจภายหลังอย่างที่สุดซ่งรั่วเจินเห็นจ้าวซูหว่านมองพี่รองของตนสายตาเปี่ยมความเสียดาย เหม่อมองอยู่นานยังไม่ดึงสายตากลับ เอ่ยเตือนอย่างเกียจคร้านหนึ่งประโยค“อนุจ้าว ยังมีเวลาว่างมองชายอื่นอีกหรือ? สามีเจ้าถูกจับไปศาลาว่าการซุ่นเทียนแล้ว”จ้าวซูหว่านดึงสติกลับมา บังเอิญสบสายตาเปี่ยมความเยาะหยันของซ่งรั่วเจิน ใบหน้าสะท้อนแววอึดอัดคับข้องใจ ทำได้เพียงจากไปอย่างว้าวุ่นฉู่จวินถิงเห็นซ่งรั่วเจินไม่ปกปิดความรังเกียจ หัวเราะเบาๆ “จ้าวซูหว่านมีชีวิตยากลำบากในสกุลฉิน เกือบรักษาลูกไว้ไม่ได้”“ท่านอ๋องถึงขั้นรู้เรื่องนี้ด้วย?” ซ่งรั่วเจินแปลกใจ“ข้าใส่ใจเรื่องสกุลฉินเพียงนี้ เจ้าเดาดูเถอะว่าเพื่อใคร?”ใบหน้าล้ำลึกของฉู่จวินถิงคลี่ยิ้มบางๆ สายตาสบมองคนตรงหน้าโดยตรง แม้แต่รอยยิ้มก็เจือความนัยที่ต่างออกไปซ่งรั่วเจินเพียงคิดว่ารอยยิ้มของเขามีเสน่ห์มากเป็นพิเศษ
ซ่งอี้อันมองผ่านสีหน้าน้องหญิงของตนก็หยั่งเดาได้หลายส่วน ทั้งสองคนปิดบังไว้อย่างดีดุจกระดาษติดหน้าต่างไร้ช่องโหว่ เพียงแต่มองจากสีหน้าของน้องหญิงห้าแล้ว ไม่คล้ายไม่สนใจเลยเสียทีเดียวใช่หรือไม่?หากสองคนมีใจให้กัน ฉู่อ๋องเป็นคนยอดเยี่ยมหาได้ยากยิ่งคนหนึ่งอย่างแท้จริง แต่เขาสูงศักดิ์เป็นถึงองค์ชายสาม ในภายภาคหน้าเป็นไปได้มากว่าจะได้สืบทอดบัลลังก์เขาได้ยินมาว่าฮองเฮามีพระประสงค์จับคู่ถังเสวี่ยหนิงบุตรีของอัครมหาเสนาบดีถังให้แก่เขา น้องหญิงของตน...ทางสายนี้ลำบากนัก!“ข้าเพียงเห็นว่าเจ้าคล้ายไม่กลัวฉู่อ๋อง แปลกใจจึงถามๆ ดูเท่านั้น” ซ่งอี้อันยิ้มน้อยๆ มิได้พูดมากหลังคนทั้งจวนซ่งได้รู้ว่าซ่งอี้อันได้อันดับหนึ่งก็รีบแขวนโคมแดงจุดเทียนแดง ภายในเรือนทั้งสี่ทิศล้วนคือเสียงแสดงความยินดี ครึกครื้นไม่เลวช่วงเช้าประกาศผล คนมาแสดงความยินดีไม่ขาดสาย คนสนิทไม่สนิทล้วนหาทางมาให้ได้สักเที่ยวหนึ่ง ต่อให้ไม่รู้จักก็หาทางฝืนนับญาติแม้ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อยครอบครัวลั่วกั๋วกงมาแสดงความยินดีด้วยตนเอง บัดนี้ความสัมพันธ์ของสองตระกูลนับว่าเปิดเผย กลับมาเหมือนก่อนแล้ว“หลายวันมานี้ชิงอินอาการด
ซ่งรั่วเจินและลั่วชิงอินนั่งฟังสองมารดาสนทนากันอยู่ทางด้านข้าง รู้สึกสนใจขึ้นมาหลายส่วนอย่างสุดระงับ ครู่ต่อมาหันมองหร่วนเนี่ยนถังที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล“ท่านนั้นก็คือลูกสาวของจวนไท่ซือหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากถามอย่างแปลกใจลั่งชิงอินพยักหน้าเบาๆ “ใช่แล้ว ก่อนนี้ข้ามีวาสนาเคยพบหน้าแม่นางหร่วนสองสามครั้ง เหตุใดเจ้ามีสีหน้าเช่นนี้? คงมิใช่เจ้าเองก็เคยพบหรอกกระมัง?”“ก่อนนี้ข้าเคยพบจริงนั่นล่ะ แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นคุณหนูของตระกูลใด”ซ่งรั่วเจินนึกถึงวันที่ออกจากบ้านกับพี่รองและได้พบแม่นางท่านนี้ ทว่าตอนนั้นมิได้เก็บมาใส่ใจ เพียงคิดว่าบังเอิญก็เท่านั้นคิดไม่ถึงวันนี้ได้พบอีกครั้งภายในจวน แต่ฮูหยินหร่วนไท่ซือกลับไม่มา นี่ก็เข้าใจได้หลายส่วน“ได้ยินมาว่าแม่นางหร่วนเองก็ถึงวัยออกเรือนแล้ว บัดนี้ฮูหยินไท่ซือกำลังหาสามีดีเหมาะสมกันทั่วสารทิศ”“หากแม่นางหร่วนมีใจให้อี้อัน ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคู่ดีมีวาสนา” ลั่วชิงอินพูดยิ้มๆซ่งรั่วเจินได้ยินก็หัวเราะเบาๆ “พี่หญิงลั่ว แทนที่ท่านจะทุ่มเทใส่ใจให้พี่รองข้า มิสู้คิดๆ ดูว่าจะแต่งงานกับพี่ใหญ่ข้ายามใด!”“พี่ใหญ่ข้าอายุไม่น้อยแล้ว ปรารถนาเพีย
“กรี๊ด!”“แย่แล้ว แม่นางหร่วนและแม่นางเถียนตกน้ำแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนผุดลุกขึ้นอย่างร้อนใจ “อยู่ดีๆ เหตุใดตกน้ำได้เล่า?”“ท่านแม่อย่าร้อนใจ ข้าไปดูเอง”ซ่งรั่วเจินรีบไปยังทิศทางที่คนตกน้ำ บัดนี้กำลังชุลมุนวุ่นวาย เหล่าฮูหยินและคุณหนูต่างล้อมไว้ รอบข้างกลับไม่มีใครว่ายน้ำเป็นบ่าวรับใช้รีบไปตามหาคนว่ายน้ำเป็น ทว่าคนทั้งสองที่ตกน้ำภายในสระกลับคล้ายอดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว“คุณชายรองซ่ง ท่านรีบช่วยเจียวเจียวเถอะ นางว่ายน้ำไม่เป็น!” แม่นางคนหนึ่งร้องขอความช่วยเหลือจากซ่งอี้อันซ่งอี้อันขมวดคิ้ว มองเห็นคนใกล้ทนไม่ไหวเต็มที ขณะกำลังจะกระโดดลงไปช่วย กลับถูกซ่งรั่วเจินห้ามไว้“พี่รอง ท่านอย่าไป ข้าเอง!”ซ่งอี้อันสังเกตเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของน้องหญิงห้า พยักหน้าลง “ได้”ซ่งรั่วเจินกระโดดลงน้ำ ตรงข้ามกันมิได้ไปช่วยเถียนเจียวเจียว แต่ไปช่วยหร่วนเนี่ยนถังเพราะเถียนเจียวเจียวยังดิ้นอยู่ในน้ำได้ แต่หร่วนเนี่ยนถังล้วนจมลงไปแล้ว หากไม่ช่วยขึ้นมา น่ากลัวว่าจะมีอันตรายถึงชีวิตจากนั้น ขณะนางว่ายน้ำไปทางหร่วนเนี่ยนถัง เถียนเจียวเจียวกลับจับนางไว้“คุณชายซ่ง รีบช่วยข้า!”ซ่งรั่วเจิน “?”“แม่นา
“ทั้งๆ ที่เถียนเจียวเจียวและหร่วนเนี่ยนถังตกน้ำพร้อมกัน ก่อนนี้หร่วนเนี่ยนถังจมน้ำหมดสติไปแล้ว พวกเจ้าดูเถียนเจียวเจียวยังมีแรงดิ้นอยู่เลยนะ”“ข้ามองปราดเดียวก็รู้ว่า แม่นางเถียนว่ายน้ำเป็น หากว่ายน้ำไม่เป็นจริง ไฉนเลยจะสามารถทนอยู่นานเพียงนั้นได้?”เดิมทีก็ไม่ต้องให้ซ่งรั่วเจินพูดให้มากความ คนทั้งหมดล้วนรู้ดีอยู่ภายในใจเถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าว้าวุ่น คราวนี้ไม่ดิ้นแล้ว รอเพียงสาวใช้และแม่นมเหล่านั้นช่วยนางขึ้นไป“เร็ว รีบช่วยน้องสาวข้าขึ้นมา” เถียนจื่ออี๋ตอบสนองแล้ว แสดงละครต่อไปคนในที่เกิดเหตุเห็นภาพนี้ คิดเพียงการแสดงนี้เกินจริงเกินไปแล้ว เพิ่งพูดว่ายังดิ้นอยู่ ครู่ต่อมาก็ไม่ดิ้นแล้วยิ่งไปกว่านั้น เถียนเจียวเจียวลืมไปแล้ว คนว่ายน้ำเป็นอยากจมกลับไม่ใช่เรื่องง่าย...“เจินเอ๋อร์ อาการของแม่นางหร่วนเป็นอย่างไรบ้าง?” หลิ่วหรูเยียนเอ่ยถามอย่างกังวลเดิมทีวันนี้เป็นวันเฉลิมฉลอง หากเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในตอนนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหร่วนเนี่ยนถังเป็นลูกของหร่วนไท่ซือ ช่างชี้แจงยากโดยแท้มือสองข้างของซ่งรั่วเจินกดบริเวณอกของหร่วนเนี่ยนถัง ฝ่ายหญิงสำลักน้ำออกมาอย่างว่องไว คนเองก็ฟื้นคืนส
“เสด็จแม่ไม่ต้องกังวลพระทัย เสด็จพ่อมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ย่อมมีความเห็นของตนพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่จวินถิงพูดได้เห็นท่าทางไม่แปลกใจของฉู่จวินถิง ฮองเฮานึกถึงก่อนหน้านี้ยามนางไปห้องทรงพระอักษร มีความคิดอยากขอให้ฝ่าบาทประทานสมรสระหว่างจวินถิงและหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ท่าทางกริ้วจัดของฝ่าบาทนั้นตอนนั้นนางยังไม่รู้ว่าตกลงเกิดเรื่องใดขึ้น ทว่าบัดนี้คล้ายเข้าใจแล้วน่ากลัวว่าฮ่องเต้สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพียงแต่นางมองไม่ออกมาโดยตลอด ชนิดที่ว่ายังชื่นชมงานแต่งนี้อีกด้วยบัดนี้คิดๆ ดูแล้ว นางโง่งมเกินไปจริงๆ........หลังตวนเฟยได้รับเซียนโบตั๋นแล้ว เรื่องแรกที่ทำคือกลับไปบูชาด้วยความจริงใจ“พระสนม สิ่งนี้เป็นจงเฟยมอบให้ฮองเฮา นางจิตใจดีถึงเพียงนี้จริงหรือ? บ่าวกังวลว่านี่คืออุบายเพคะ”แม่นมทางด้านข้างพูดเกลี้ยกล่อมอย่างอดไม่ได้ มักคิดว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นแต่ไหนแต่ไรมาจงเฟยเป็นคนใจแคบ มีอะไรดีก็ซ่อนไว้ให้ตนเอง ไฉนเลยจะสามารถหักใจยกให้ผู้อื่นได้?“นี่เป็นของที่จงเฟยมอบให้ฮองเฮา นางกล้ามอบให้ หรือยังสามารถวางยาพิษได้อีกกระนั้น?”“หากเกิดเรื่องจริง คนซ
หลังฮองเฮาได้ฟังทั้งหมดแล้ว รู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นมา สายตาเปี่ยมโทสะ“จงเฟยบังอาจยิ่งนัก! ถึงขั้นวางแผนทำร้ายข้า!”เพียงคิดว่าจงเฟยแลกเปลี่ยนโชคชะตากับนาง ก็รู้สึกว่าไม่เคยพบเจอวิธีการโหดเหี้ยมเช่นนี้มาก่อนอยู่ที่วังหลัง เพื่อแย่งชิงความโปรดปราน มีเล่ห์อุบายมากมายผุดออกมา นางไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่วิธีน่ากลัวถึงเพียงนี้ ยังได้เห็นเป็นครั้งแรก หากไม่ใช่วันนี้จวินถิงและรั่วเจินบังเอิญเข้าวัง น่ากลัวว่านางจะต้องตกหลุมพรางจงเฟยแน่!หากสุดท้ายตกลงสู่ผลลัพธ์เช่นนั้น...นางไม่กล้าคิด!“เมื่อครู่พวกเจ้าน่าจะบอกข้า จะปล่อยให้ตัวหายนะเยี่ยงนางอยู่ในวังหลังได้เช่นไร?”สีหน้าฮองเฮาแข็งทื่อ ในเมื่อมีวิธีเช่นนี้ครั้งแรก ภายภาคหน้าไม่แน่ว่าจะมีมากยิ่งกว่านี้ ไม่ใช่ยุ่งยากมากหรือ!เห็นสถานการณ์แล้ว ซ่งรั่วเจินหันมองฉู่จวินถิงอย่างอดไม่ได้ นางไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้เช่นไร อย่างไรเสียเดิมทีตวนเฟยก็ไม่ใช่คนดีอะไร ก็แค่แผนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเท่านั้นทว่า นางย่อมไม่สามารถพูดข้อนี้ได้“ปกติตวนเฟยมีความสัมพันธ์ไม่ดีต่อท่าน เรื่องนี้ให้นางไปหาเรื่องจงเฟยก็พอ เหตุใดท่านต้องเข้าไปข
เพียงแต่ ตวนเฟย...นางเลื่อนสายตาไป ได้เห็นใบหน้าประดับยิ้มของตวนเฟย นึกได้ว่านางน่าจะเป็นมารดาขององค์ชายสี่ในหนังสือ องค์ชายสี่เป็นตัวร้าย ตอนที่องค์ชายสี่เรืองอำนาจ ตวนเฟยมีสง่าราศีที่สุด ทว่าบัดนี้ได้รับเซียนโบตั๋นไป หากจงเฟยไม่ยอมหยุด ดูท่าแล้วต่อจากนี้ตวนเฟยและองค์ชายสี่จะต้องพบปัญหาแล้ว....นี่ก็นับเป็นเรื่องดีกระมัง?ต่อมาองค์ชายสี่เหลียงอ๋องทำร้ายคนมากมาย แม้แต่อวิ๋นอ๋องก็ได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้ เดิมทีนางก็อยากหยุดยั้งเรื่องทั้งหมด ย่อมมีความสุขที่ได้เห็นทั้งหมดนี้“พี่น้องหญิงล้วนมาเยี่ยมคารวะแล้ว กลับไปก่อนเถอะ” ฮองเฮาพูดเห็นสถานการณ์แล้ว เหล่าสนมต่างพากันลุกขึ้น ทำความเคารพแล้วถึงจากไปจนกระทั่งทุกคนจากไปแล้ว ฮองเฮาจึงเอ่ยปาก “อยู่ดีๆ เหตุใดถึงให้ข้ายกของให้ตวนเฟยเล่า?”ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินแวบหนึ่งและพูดว่า “นั่นไม่ใช่ของดีอะไร เก็บไว้ภายในตำหนักของเสด็จแม่ย่อมอันตราย ตอนจัดการย่อมเกิดปัญหายุ่งยากพ่ะย่ะค่ะ”“ในเมื่อตวนเฟยดึงดันขอร้องต่อหน้าคนมากถึงเพียงนี้ ย่อมเป็นพยานได้พอดี ไฉนเลยจะไม่พายเรือตามน้ำ ไม่เพียงสามารถทำให้ตวนเฟยจดจำน้ำใจครั้งนี้ไว้ ยังสลัดเผื
ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบาๆ สังเกตเห็นความอิจฉาในเสียงของจงเฟย กลับไม่แปลกใจ อย่างไรเสีย ระยะนี้ก็เกิดเรื่องกับเช่ออ๋องอย่างต่อเนื่อง คนรับชมเรื่องตลกมีไม่น้อย จงเฟยย่อมไม่สบอารมณ์ยามได้เห็นพวกเขา“ก่อนหน้านี้ฮองเฮาใส่ใจต่อเรื่องแต่งงานของฉู่อ๋องมาโดยตลอด บัดนี้ในที่สุดเรื่องงานแต่งของฉู่อ๋องก็ตัดสินแล้ว เชื่อว่าฮองเฮาจะต้องดีใจแน่ สองคนนี้ยืนอยู่ด้วยกันแล้วเป็นคู่สร้างคู่สมจริงๆ!”ตวนเฟยยิ้มพลางชื่นชม ภายในสายตาสะท้อนไอเย็น นึกถึงตอนแรกซ่งหลินยังไม่กลับมา ทุกคนต่างคิดว่าฉู่อ๋องโดนอุบายสาวงามแม้ว่าซ่งรั่วเจินหน้าตางดงาม แต่สกุลซ่งล้วนเสื่อมถอย ซ่งหลินตายในสนามรบ คุณชายใหญ่สกุลซ่งกลายเป็นคนพิการ คุณชายรองสกุลซ่งตาบอด คุณชายสามสกุลซ่งไม่ได้เรื่อง คุณชายสี่ก็เป็นแค่พ่อค้าไม่มีอำนาจ มีเพียงเงิน นอกจากกลายเป็นเนื้อบนเขียงแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรทว่าบัดนี้ลูกชายของสกุลซ่งล้วนมีความสามารถ แม้แต่ซ่งหลินก็กลับมาแล้ว กอปรกับซ่งฮูหยินเป็นลูกสาวแท้ๆ ของราชครูกู้ บัดนี้สกุลซ่งกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองหลวงแล้วความเปลี่ยนแปลงนี้ ใครบ้างไม่อยากได้ฮองเฮาได้พบซ่งรั่วเจินอีกครั้ง สีหน้าซับ
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็