เดิมทีกู้อวิ๋นเวยไม่พอใจฉินเซี่ยงเหิงที่สองวันนี้ไม่ยอมเคลื่อนไหวมาโดยตลอด บัดนี้ได้ยินก็เข้าใจแล้ว รู้สึกสงสารอย่างอดไม่ได้“ข้าก็รู้พี่น้องฉินจื้อหย่วนล้วนไม่ใช่คนดี หวังเพียงให้ข้าจะสามารถถูกไล่ออกจากบ้านได้ พ่อของเจ้าหย่าข้า ล้วนเป็นพวกเขายุแยง!”ฉินเซี่ยงเหิงลอบพรูลมหายใจยาวเหยียดเฮือกหนึ่ง “ครั้งนี้ซวงซวงปรักปรำผู้อื่นและโยนความผิดเป็นความผิดใหญ่หลวง หากอยู่ต่อหน้าผู้อื่นก็ช่างเถอะ แต่นี่อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาท ข้าย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย”สีหน้ากู้อวิ๋นเวยไม่สบอารมณ์ “ข้าเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าน้องสาวของเจ้าจะโง่งมถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยปรึกษาข้า ทุกครั้งล้วนคิดว่าทำได้อย่างแยบยลดุจท้องฟ้าตะเข็บ กลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซ่งรั่วเจิน”“หากข้ารู้ตั้งแต่แรก ก็คงไม่มีวันอนุญาตให้นางทำเช่นนี้!”“เรื่องมาถึงขั้นนี้ น่ากลัวว่าข้าคงสิ้นหวังแล้ว...” ฉินเซี่ยงเหิงก้มหน้า คล้ายเสียใจอย่างมาก สิ้นหวังอย่างสุดซึ้งกู้อวิ๋นเวยร้อนใจในทันใด หันมองทางกู้ชิงเจ๋อ “พี่สาม ท่านรู้เซี่ยงเหิงเป็นเด็กมีความสามารถมาโดยตลอด ทั้งหมดล้วนถูกพวกเราทำให้เดือดร้อน ท่านสามารถช่วยพวกเราคิดหาทางได้หรือ
นายหญิงของบ้านเสียโฉมคนหนึ่ง กลับไปแล้วยังไม่ขายหน้าอีกหรือ บัดนี้บิดากลัวที่สุดก็คือขายหน้า จะต้องไม่เห็นด้วยแน่“ท่านเป็นหมอหลวงนะ มิใช่ว่าควรจะมีหนทางรักษามากมายหรอกหรือ? ไม่ว่ายาล้ำค่าเพียงใดก็ใช้กับข้าเถอะ จะต้องหาทางทำให้ใบหน้าข้ากลับมาเป็นเหมือนก่อน!”เสียงกู้อวิ๋นเวยแหลมสูง นางไม่สามารถยอมรับได้ว่าใบหน้าของตนจะถูกทำลายไปเช่นนี้!“ข้าเป็นหมอหลวง ไม่ใช่เทพเซียน หากเจ้าอยากให้ข้ารักษา ข้าสามารถรักษาได้ถึงขั้นนี้ หาไม่แล้วพวกเจ้าก็ไปเชิญคนมีฝีมือคนอื่นเถอะ”ใบหน้าหมอหลวงเคร่งขรึม เขาเห็นแก่หน้าสกุลกู้ถึงมา บัดนี้เกือบด่าเขาเป็นหมอต้มตุ๋นไปแล้ว เขาเองก็ไม่อยากปรนนิบัติอีก“อวิ๋นเวย ใบหน้าเจ้านี้เสียเวลาไม่ได้ เลิกโวยวายได้แล้ว” กู้ชิงเจ๋อพูดเสียงเครียดกู้อวิ๋นเวยรู้สึกอึดอัดใจอย่างมากภายในใจ ทว่าความเจ็บปวดบนใบหน้าส่งมาไม่หยุด หากยังไม่ใส่ยา น่ากลัวว่าใบหน้าของนางก็ยิ่งหมดหนทางรักษา ทำได้เพียงรับปากยามหมอหลวงรักษาบาดแผล เสียงร้องโอดครวญของกู้อวิ๋นเวยดังขึ้นไม่หยด สุดท้ายเขียนตำรับยา หลังสั่งว่าต้องจัดการดูแลเยี่ยงไรแล้วก็รีบจากไป“อวิ๋นเวย บัดนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว อุปนิสัยข
คืนนี้ สำหรับหลินรั่วหลานและหลินจือเยว่ทรมานมากเป็นพิเศษ“จือเยว่ พรุ่งนี้แม่ก็ต้องตายแล้ว เจ้าจะต้องฟังคำพูดของแม่”หลินรั่วหลานร้องไห้จนตาบวม น้ำตาไหลจนเหือดแห้งแล้ว “สกุลฉินเหล่านี้ล้วนเป็นตัวหายนะ ไม่มีคนดี ลูกในท้องของซวงซวงไม่ใช่ลูกของเจ้า นางเองก็มิได้อยู่กับเจ้าด้วยความจริงใจ”“เมื่อแรกข้าเคยพูดมาก่อน นางคิดเพียงอยากเกาะมังกรพึ่งพาหงส์ เพียงเพราะไม่สามารถเกาะฉู่อ๋องได้สำเร็จจึงมาอยู่กับเจ้า”“บัดนี้เจ้าถูกตัดสินเนรเทศ น่ากลัวว่านางจะต้องคิดหาทางจับเหยาจิ่นเฉิง เจ้าอย่าปล่อยให้นางมีชีวิตที่ดีเป็นอันขาด!”ใบหน้าหลินจือเยว่เผยความลังเล สายตาทอดมองฉินซวงซวงที่อยู่ห้องขังทางด้านข้างอย่างไม่รู้ตัว ซวงซวงจะทรยศเขาจริงหรือ?“เจ้าอย่าโง่อีกเลย พวกเขาก็แค่เห็นเจ้าซื่อสัตย์มีเมตตารังแกง่ายถึงหมายตาเจ้า นางและแม่ที่ขาดมโนสำนึกของนางก็เหมือนกัน น่ากลัวว่าถึงตอนนั้นยังจะเหยียบเจ้าแรงๆ อีกด้วย!”หลินรั่วหลานเกลียดหลินจือเยว่ที่ไม่ได้เรื่อง “ตอนนี้เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ต้องรอให้แม่ตายตาไม่หลับกระนั้นหรือ?”“ท่านแม่ ข้าเข้าใจแล้ว ท่านวางใจเถอะ ข้าจะต้องทำตามที่ท่านพูดแน่”“ภายภาคหน้า
“รนหาที่ตาย” ซ่งจืออวี้เอ่ยปากซ่งจิ่งเซินถอนหายใจพูดว่า “ไม่รู้บัดนี้หลินจือเยว่จะนึกเสียใจภายหลังหรือไม่? เสียดายเหลือเกินที่เขาไม่ได้เห็นเองกับตา”“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เห็นว่าหลินจือเยว่ทำให้น้องหญิงห้าอับอายเยี่ยงไร เกี้ยวเจ้าสาวสีแดงฉานหยุดหน้าประตู เขาเป็นฝ่ายออกตัวรับฉินซวงซวงลงเกี้ยว กลับโมโหออกคำสั่งใส่น้องหญิงห้า”“จุดจบในวันนี้ ก็เป็นพวกเขารนหามาด้วยตนเองมิใช่หรือ? แม้แต่ลูกก็ไม่ใช่ของเขา น่าขันมากเพียงใด?”ซ่งจืออวี้ถ่มน้ำลาย ไม่ว่าใครรังแกน้องสาว ล้วนสมน้ำหน้าแล้ว!“ช่างน่าเสียดายตอนนั้นข้าไม่อยู่ หาไม่แล้วข้าจะตีเขาแรงๆ!” ซ่งจิ่งเซินเกิดโทสะขึ้นมาในทันใดซ่งจืออวี้เลิกคิ้วอย่างลำพองใจ “ข้าตีไปแล้ว พูดไปแล้วในอดีตเจ้าก็ดีไปกว่าหลินจือเยว่ไม่มาก คล้ายถูกทำเสน่ห์ก็มิปาน”ซ่งจิ่งเซิน “ไม่รู้จะพูดอะไร อันที่จริงสามารถไม่พูดได้”ซ่งจืออวี้ “ข้ากลับอยากพูด”ซ่งจิ่งเซิน “...”จากนั้นเหยาจิ่นเฉิงได้รู้ว่าฉินซวงซวงตั้งครรภ์ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นไปได้มากว่าจะเป็นลูกของเขา สีหน้าเปลี่ยนไป“ท่านแม่ ท่านพูดจริงหรือ?”“ได้ยินมาว่าโวยวายใหญ่โตในคุก หลินรั่วหลานโมโหจนทำลายใบหน้า
เดิมฉินซวงซวงก็ไม่รู้ว่าควรอธิบายกับหลินจือเยว่อย่างไรดี ชั่วขณะที่ได้ยินวาจานั้นจึงพูดจาแตกหักไปตรงๆ เสียเลย“ข้าเป็นคนแบบไหนงั้นรึ? ก็เพราะท่านมันไร้อนาคตเองนั่นแหละ! ถ้ารู้แต่แรกว่าท่านไร้ประโยชน์แบบนี้ ตอนนั้นข้าก็คงไม่แต่งงานกับท่านแล้ว!”ชาติก่อนหลินจือเยว่ประหนึ่งปลาได้น้ำบนเส้นทางขุนนางแท้ๆ ในฐานะที่นางเป็นภรรยาที่ได้รับความโปรดปรานจากเขา ไม่รู้มีคนอิจฉาตั้งมากมายเท่าไรยามนี้ได้กลับชาติมาอีกรอบ นอกจากจะไม่ได้มีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว แต่ยังต้องมาตกระกำลำบากเสียอย่างนั้น!“ทำไมข้าถึงตกอยู่ในสภาพนี้ เจ้าไม่รู้จริงๆ งั้นรึ? ไม่ใช่เพราะเจ้าทำร้ายข้าครั้งแล้วครั้งเล่าหรือไร!”หลินจือเยว่ตวาดอย่างเดือดดาล “ข้าต่างหากที่นึกเสียใจจริงๆ ปล่อยภรรยาดีๆ แบบนั้นให้หลุดมือไปแล้วเลือกแต่งเจ้าเข้าบ้าน!”“เจ้าทำให้ข้ากลายเป็นนักโทษ ทำให้แม่ข้าถูกบั่นหัว ข้าเตือนเจ้าหลายครั้งหลายคราแล้วว่าอย่าไปก่อเรื่อง เจ้าก็ยังไม่ยอมหยุด ตอนนี้ยังมาโทษว่าข้าไร้ประโยชน์อีก!”“เหยาฮูหยิน ท่านหวังว่าเด็กในท้องนางจะเป็นลูกของเหยาจิ่นเฉิง ข้าว่าพวกท่านใคร่ครวญให้ดีเสียจะดีกว่า ผู้ใดจะไปรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกใคร
ไม่เพียงแต่ได้เป็นนายหญิงของจวนตระกูลหลินอย่างราบรื่น แต่ยังสามารถรับช่วงต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ซ่งรั่วเจินทิ้งไว้อย่างชอบธรรม...หลังจากนั้น เขาก็ไต่เต้าสูงขึ้นเรื่อยๆ รักใคร่ปรองดองกับซวงซวง สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในความฝันกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ยังสอดคล้องกันอีกด้วย!ไม่ว่าจะเป็นซวงซวงค้นพบเงินที่ทุจริตไป หรือเรื่องที่องค์ชายรองถูกลอบสังหารระหว่างการล่าสัตว์ ทุกอย่างนี้ทำให้เขาตระหนักว่าไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆการรู้อนาคตที่ซวงซวงว่า เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่?หลินจือเยว่สลบไปสองวันเต็ม ตอนฟื้นขึ้นมาอ่อนแออย่างยิ่ง แทบเหลือเพียงลมหายใจรวยริน“ไร้ประโยชน์จริงๆ ก็แค่แม่ตายไป แต่กลับฝันร้ายได้ขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ลงไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ท่านเสียเลยเล่า?”ฉินซวงซวงหัวเราะเยาะหยัน เห็นหลินจือเยว่ฟื้นขึ้นมาได้ก็ออกจะผิดหวัง นึกว่าเขาจะตายไปเลยเสียอีกหลินจือเยว่จ้องมองใบหน้าตรงหน้าอย่างเย็นชา สตรีที่รักใคร่ปรองดองอยู่ร่วมกับเขาจนแก่เฒ่าในความฝันผู้นั้น ชาตินี้กลับทำร้ายเขาจนตกอยู่ในสภาพนี้!เขาถึงกับชอบสตรีมากพิษร้ายเช่นนี้มาชั่วชีวิต!“ฉินซวงซวง เจ้า
หลังจากฉินซวงซวงพบว่าปลายทางเนรเทศของตนเองเปลี่ยนไปแล้วก็รู้สึกยินดียิ่งนัก นางรู้ว่ามีคนกำลังช่วยเหลือนางอยู่กู้อวิ๋นเวยแวะมาเยี่ยมฉินซวงซวงโดยเฉพาะ ตระกูลกู้ยังคงใจแข็งเป็นก้อนหิน ไม่คิดจะช่วยเหลือพวกนางแม้แต่น้อย โชคดีที่ตระกูลเหยาให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้จึงยอมยื่นมือเข้าช่วยแน่นอน โทษเนรเทศย่อมไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อยู่แล้ว เพียงเปลี่ยนปลายทางเนรเทศเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างใกล้โดยให้เหตุผลว่าตั้งครรภ์เช่นเดียวกันกับเหอเซียงหนิง“ท่านแม่ ถ้าอย่างนั้นพอข้าคลอดลูกแล้วก็ยังต้องไปสถานที่ทุรกันดารอยู่ดีน่ะสิเจ้าคะ?” ฉินซวงซวงอดจะร้อนใจไม่ได้ “ตระกูลเหยาไม่มีวิธีช่วยข้าเลยหรือ?”“ตระกูลเหยาเดิมก็ตั้งใจจะเก็บไว้แค่เด็กไม่เอาแม่ จะยอมลงแรงเพื่อเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?”นับแต่กู้อวิ๋นเวยได้ยินผลลัพธ์เช่นนี้ก็ทราบจุดประสงค์ของตระกูลเหยาแล้ว ครอบครัวนี้ก็ไม่ใช่คนดีอันใด นอกจากนี้ ซวงซวงเดิมก็มีชื่อเสียงเสื่อมเสีย เกรงว่าพวกเขาคงไม่ยอมให้นางเข้าจวนฉินซวงซวงหน้าเปลี่ยนสี “งั้นข้าจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”“ไม่ต้องร้อนใจไป ในมือยายเจ้ามีป้ายทองละเว้นโทษตายอยู่ รอจนข้าได้ป้ายทองละเว้นโทษตายมาแล้วก็
โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว งานมงคลของซ่งเยี่ยนโจวกับลั่วชิงอินก็ใกล้เข้ามาแล้ว กู้อวิ๋นเวยเห็นว่าตัวเองน่าอนาถปานนี้ ตระกูลซ่งกลับจัดงานมงคลอย่างเอิกเกริก ความคับแค้นใจยิ่งหนักหนากว่าเดิมจึงตรงไปหาหลิ่วเฟยเยี่ยนหลิ่วเฟยเยี่ยนได้ยินแต่แรกแล้วว่ากู้อวิ๋นเวยเกิดเรื่อง ชีวิตช่วงนี้ของนางเดิมก็ไม่ง่าย ทราบว่าบัดนี้กู้อวิ๋นเวยช่วยเหลืออันใดไม่ได้ทั้งยังอาจทำให้นางเดือดร้อนจึงจงใจหลบหน้าไม่ยอมออกมาปรากฏตัวคิดไม่ถึงว่ากู้อวิ๋นเวยจะมาดักรอนางอยู่ละแวกบ้าน นางตกใจยกใหญ่ ด้วยความอับจนปัญญา นางได้แต่บอกว่าตอนนี้ตนเองไม่มีเงินแล้ว ช่วยเหลืออันใดไม่ได้แต่กู้อวิ๋นเวยไม่ได้คิดจะมาเรียกร้องเงินจากนาง แต่กลับเสนอแผนจัดการตระกูลซ่ง ดวงตาของหลิ่วเฟยเยี่ยนจึงค่อยๆ เป็นประกายขึ้นมา“ความคิดนี้ดีนัก เอาตามนี้ก็แล้วกัน! หลิ่วหรูเยียนคิดจะสลัดพวกเราไปให้พ้น หาได้ง่ายดายปานนั้นหรอกนะ!”……วันนี้ ทั่วทั้งจวนตระกูลซ่งแขวนโคมประดับแถบผ้าแดง แขกเหรื่อหลั่งไหลมาเยือน เสียงพูดคุยหัวเราะเซ็งแซ่ บรรยากาศชื่นมื่นรื่นเริงหลิ่วหรูเยียนพาคนไปต้อนรับแขกเหรื่อแต่เช้าตรู่ ส่วนซ่งเยี่ยนโจวสวมชุดเจ้าบ่าวขี่ม้านำขบวนรับเจ้า
ฉู่จวินถิงสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของซ่งรั่วเจิน ไหวพริบบ่งบอกว่ามีปัญหาซ่งรั่วเจินส่ายหน้าเบาๆ “เพียงแต่ได้ยินจงเฟยพูดเรื่องบูชาเซียนโบตั๋นจึงรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าใช่เซียนโบตั๋นที่หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”นางเคยได้ยินเรื่องเซียนโบตั๋นมาก่อน เป็นสิ่งที่สตรีบูชาจริง เซียนบุปผา มีสรรพคุณช่วยคืนความอ่อนเยาว์ เพียงแต่ภายในนี้กลับมีเคล็ดลับบางอย่าง ทำให้คนเสพติดอย่างง่ายดาย สุดท้ายลุ่มหลงจนยากจะถอนตัวขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเป็นคนฝีมือโหดเหี้ยม ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนโชคชะตาได้ น่ากลัวอย่างมากจงเฟยมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ตนเองเก็บไว้บูชาเองก็พอ ทว่านางกลับนำมามอบให้ฮองเฮา แปลกเกินไปแล้วกระมัง“พูดให้ฟังเถอะ”ฉู่จวินถิงกลับไม่รีบร้อนจากไป เอียงหูฟัง รอฟังคำพูดของว่าที่ฮูหยินอย่างอารมณ์ดีแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเจินเอ๋อร์พูดอะไร เขาล้วนอยากฟัง“หม่อมฉันเคยเห็นเซียนโบตั๋นมาก่อน ทำให้สตรีงดงามอ่อนเยาว์ผ่านการบูชาอาหาร หากจริงใจมากเพียงพอ ยังสามารถใช้เลือดเป็นเครื่องบูชาได้ ผลลัพธ์ดีมากนัก”“เพียงแต่จะทำให้สตรีลุ่มหลง กลายเป็นรีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ จากนั้นยากจะถอนตัวขึ
วังหลังวันนี้ซ่งรั่วเจินและฉู่จวินถิงเข้าวังไปขอบพระทัยความเมตตาด้วยกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความครึกครื้นทั้งภายในภายนอกตำหนักของฮองเฮายังไม่ทันเข้าไปก็ได้ยินเสียงตวนเฟยดังออกมาจากภายใน“ระยะนี้น้องหญิงจงเฟยงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว คนเองก็สดใสมีชีวิตชีวามากเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง ข้าถามนางว่าใช้เคล็ดลับอะไร นางก็ไม่ยอมบอกข้า ต่อมาข้ายังเห็นด้วยตนเอง”ตวนเฟยมองเซียนโบตั๋นข้างห้องบรรทมของฮองเฮาแวบหนึ่ง สายตาสะท้อนแววละโมบ“ที่แท้นางก็ตั้งใจขอเซียนโบตั๋นจากพระผู้ทรงศีล เพื่อรักษาความเยาว์วัยของสตรี ทำให้งดงามมีเสน่ห์!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา สนมคนอื่นก็ตาร้อนผ่าว ความเปลี่ยนแปลงของจงเฟยในระยะนี้ พวกนางล้วนเห็นอยู่ในสายตา ฝ่าบาทเองก็ประทับค้างแรมกับจงเฟยที่นั่นติดต่อกันหลายคืน ใครจะไม่อิจฉากันเล่า?สนมภายในวังมีไม่น้อย พวกเขาทำเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ปกติทำทุกวิธี ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลบัดนี้ได้เห็นจงเฟยได้รับความโปรดปรานมากขึ้นทุกที แต่ละคนร้อนใจจนแทบทนไม่ไหว“เดิมทีคิดว่าจงเฟยจะซ่อนไว้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังมอบให้ฮองเฮาอีกด้วย น้องหญิงจงเฟยจริงใจต่อฮองเอาจริงๆ!
“บัดนี้ข้าและองค์หญิงเพียงแต่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น รอข้าไปอธิบายให้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”เสิ่นหวยอันพูดอย่างมีเหตุผล ชนิดที่ว่าหน้าตายังเผยแววลำพองใจ “เจ้าคิดดูให้ดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก่อเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมา ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”“ส่วนข้า ก็แค่ถูกโบย สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างว่องไว หรือเจ้าไม่เข้าใจความหมายกันเล่า?”“ตกลงเจ้าจะพูดอะไร?” เสิ่นจวินเจ๋อหรี่ตาลง สังเกตเห็นปัญหาแล้ว เสิ่นหวยอันมั่นใจในตนเองเกินไป“เหตุที่องค์หญิงทำเช่นนี้ ก็เพราะหึงหวงเท่านั้น” เสิ่นหวยอันหัวเราะเบาๆ ลูบแต่งผมและพูด “องค์หญิงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อข้า เพียงแต่เห็นซ่งปี้อวิ๋นอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด เข้าใจผิดคิดว่าข้าและนางมีความสัมพันธ์กัน นี่ถึงเป็นเช่นนี้”“ระหว่างสตรีย่อมหนีไม่พ้นความหึงหวง นี่คือเรื่องธรรมดาอย่างมาก เพียงแต่องค์หญิงอารมณ์รุนแรงอยู่บ้าง นี่ถึงโบยข้า”“หากไม่รัก นางก็คงไม่โมโหถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เสิ่นจวินเจ๋อชะงักไปในทันใด ครู่ต่อมาคิดว่าสายตาของฉู่มู่เหยาไม่น่าจะแย่ถึงเพียงนี้ เพียงแต่ลองคิดดูแล้วเขาก็เริ่มไม่มั่นใจเพราะเสิ่นหวยอันมั่นใจในตน
ได้ยินคำพูดของอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ภายในสายตาอวิ๋นเนี่ยนชูเปี่ยมความแปลกใจ มากที่สุดคือต้องการรู้เหตุผลทั้งหมดตกลงเป็นเพราะอะไร?เพราะเหตุใดหลายปีมานี้ ทั้งๆ ที่นางแสดงความชอบของตนออกมาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ทว่าญาติผู้พี่กลับหลบเลี่ยงนางมาโดยตลอด นางต้องการคำตอบหนึ่ง กลับไม่ได้รับทั้งๆ ที่ดีต่อนางถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่ภายในใจมีนางมาโดยตลอด เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?อวิ๋นเฉิงเจ๋อเอ่ยปากพูดเสียงขมปร่า นี่ถึงพูดความคิดที่เก็บซ่อนไว้ภายในใจตลอดหลายปีมานี้ออกมา...อวิ๋นเนี่ยนชูได้ยินทั้งหมดนี้ สายตาสะท้อนแววเหลือจะเชื่อ ยากจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดนี้ถึงขั้นยังมีเรื่องที่นางไม่รู้มากถึงเพียงนี้“ดังนั้น...พวกเราไม่ใช่ญาติพี่น้องแท้ๆ?”อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด นี่คือเรื่องที่นางไม่เคยรู้ หลายปีมานี้ญาติผู้พี่ก็ไม่เคยพูดมาก่อนอวิ๋นเฉิงเจ๋อพยักหน้า “ปีนั้นข้าถูกทิ้งไว้ที่ประตูเรือนด้านหลัง หากไม่ใช่ท่านแม่ใจดีรับเลี้ยงข้า ข้าคงตายไปตั้งนานแล้ว...”หลายปีมานี้เขาเคยคิดอยู่หลายค่ำคืน บิดามารดาแท้ๆ ของเขาเป็นใคร เหตุใดต้องทิ้งเขา บางครั้งก็เกลี้ยกล่อมตนเอง คิดถึงปัญหาเหล่านี้ไปล้วนไ
เพียงเอ่ยปาก โทสะทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาแล้วความเจ็บปวดและอึดอัดใจที่สั่งสมอยู่ภายในใจล้วนระเบิดออกมาในเวลานี้อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอวิ๋นเนี่ยนชูพูดเช่นนี้เป็นครั้งแรก มองนางตวาดถามไล่เรียงตนเอง ภายในใจเปี่ยมความรู้สึกผิด“ขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้า”เห็นสายตาเปี่ยมความรู้สึกผิดของฝ่ายชาย อวิ๋นเนี่ยนชูตาแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เดิมทีทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของท่านอยู่แล้ว! เหตุใดท่านไม่บอกข้าเร็วสักหน่อย ท่านรู้ว่าหลายปีมานี้ข้าฝืนได้ลำบากมากเพียงใดหรือไม่?”“ในเมื่อท่านไม่พูดมาโดยตลอด เหตุใดไม่เก็บเอาไว้ชั่วชีวิตเล่า?”น้ำตานางไหลลงมา ตลอดหลายปีมานี้ไม่ตอบรับความรู้สึกนาง นี่ทุกข์ใจมากเพียงใด?นางอยากบริภาษเขาแรงๆ อยากทุบตีเขา ชนิดที่ว่าอยากไม่สนใจเขาอีก ทำให้เขาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตเพียงแต่ ยามได้เห็นของเหล่านั้นที่เขาซ่อนไว้ภายในห้อง รวมถึงภาพเหมือนของนางที่วาดไว้นับไม่ถ้วนยามค่ำคืน นางก็อยากร้องให้อย่างอดไม่ได้...“เป็นความผิดของข้าเอง ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า เจ้าตีข้าด่าข้าโทษข้า ล้วนสมควรทั้งสิ้น”อวิ๋นเฉิงเจ๋อสืบเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายในสายตาเปี่ยมความเอ็
“อะไรนะ?” อวิ๋นเนี่ยนชูชะงัก ภายในสายตาสะท้อนความตกตะลึงทั้งๆ ที่ตลอดมาล้วนเป็นนางตอแยญาติผู้พี่หากไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้นางทำเช่นนี้มาโดยตลอด คาดว่าญาติผู้พี่ก็คงไม่ชอบนาง ทว่าได้ยินคำพูดของมารดาแล้ว เหตุใดญาติผู้พี่ถึงผลักทั้งหมดนี้ลงบนศีรษะของเขาเล่า?“เฉิงเจ๋อพูดว่าเขาพยายามสอบสร้างผลงานก็เพื่อจะได้คู่ควรกับเจ้า จะได้มีโอกาสสู่ขอเจ้า”“หากเปลี่ยนเป็นในอดีต ข้าจะต้องไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าคบหากัน บัดนี้ผ่านเรื่องมามากถึงเพียงนี้ ความคิดของแม่ก็เปลี่ยนไปไม่น้อย”“หากเจ้าชอบเฉิงเจ๋อจริง ข้าเองก็ไม่คัดค้าน แต่หากเจ้าไม่ชอบ...”สีหน้าจางเหวินสับสน ก่อนหน้านี้เคยเห็นท่าทางของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ามองอย่างไรเนี่ยนชูก็ไม่คล้ายไม่ชอบเฉิงเจ๋อ“ข้าชอบญาติผู้พี่เจ้าค่ะ” อวิ๋นเนี่ยนชูตอบอย่างไม่ลังเล “ข้าชอบญาติผู้พี่มาโดยตลอด”มองเห็นท่าทางมุ่งมั่นของลูกสาว จางเหวินรู้สึกเอือมระอาระคนโชคดีอยู่บ้าง “ช่างแล้วๆ น้ากู้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ลูกหลานมีความสุขของลูกหลาน พวกเจ้าคบหากันก็เป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น”“แม้ว่าปีนั้นเฉิงเจ๋อทำไม่ถูก ไม่สมควรเกิดความคิดต่อเจ้า แต่ข้าล้วนเห็นความพยายามของเขาตลอดหลา
ยิ่งไปกว่านั้น ขอเพียงเขาพยายาม เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องมีอนาคตแน่ตระกูลตกต่ำ บิดามารดาจากไปก่อนวัยอันควร เดิมทีเขาก็เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจตายที่ข้างถนนตั้งนานแล้ว บัดนี้ไม่เพียงมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ท่านน้ายังเชิญอาจารย์มาสอนหนังสือเขา เขาไม่มีวันอกตัญญูเขาคิด...รออีกหน่อย รอจนเขามีความสามารถ รอจนเขาฉายแววโดดเด่น บางทีอาจมีโอกาสขอท่านน้าแต่งงานกับเนี่ยนชูทว่า ขณะเขากำลังตรากตรำร่ำเรียนอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้รับคำชมจากอาจารย์ ได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาหลวง อาจารย์ของสำนักศึกษาหลวงเองก็ชื่นชมว่าเขาจะต้องมีโอกาสสอบผ่านขุนนางแน่ ตอนเขาคิดว่าตนเองอาจจะสามารถตอบรับความรู้สึกของเนี่ยนชูได้ กลับได้ยินท่านน้าและแม่นมพูดสนทนากันที่แท้...เขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของบิดามารดาลูกของมารดาตายไปตั้งนานแล้ว ส่วนเขาคือเด็กที่วันนั้นถูกทิ้งไว้หน้าประตูเรือนด้านหลังของมารดาเดิมทีมารดาก็ยากจะยอมรับความเจ็บปวดได้ อีกทั้งยังสงสารเขา หมอพูดว่าร่างกายนางเสียหาย ภายภาคหน้ายากจะมีลูกได้อีก นี่ถึงรับอุปการะเขา ประกาศต่อโลกภายนอกว่าเขาเป็นลูกของตนเขาเป็นแค่เด็กถูกทิ้งคนหนึ่ง เศษสวะที่ไม่ยอมหนาว
ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ข้าเคยไม่สนับสนุนเจ้าตั้งแต่ยามใด? แต่ไหนแต่ไรมาข้าล้วนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้า”ก่อนหน้านี้นางทำนายมาก่อนแล้ว ภายในเรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนอยู่มากมาย อวิ๋นเฉิงเจ๋ออ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีความรับผิดชอบมากเพียงพอเพียงแต่ หากไม่เคยผ่านความทุกข์ของผู้อื่น ก็ไม่สามารถตัดสินตามใจได้อวิ๋นเฉิงเจ๋อกลายเป็นเช่นนี้ ย่อมหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เขาเคยเจอมาในช่วงหลายปีมานี้เรื่องเดียวกัน บางคนมีความรับผิดชอบที่แข็งแกร่งมาก ไม่ได้รับผลกระทบใด แต่บางคนคิดอ่านอย่างละเอียด ยากจะสามารถรับได้ใต้หล้ากว้างใหญ่ รวมทุกสรรพสิ่งไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตนเอง นางย่อมไม่วู่วามสอดมือเข้าไปอวิ๋นเนี่ยนชูยิ้มกว้าง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าก็ไม่ใส่ใจแล้ว หากไม่พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าจะต้องเสียใจภายหลังแน่”“ตอนนี้ท่านป้าจ้างกำลังอยู่กับท่านแม่ข้า รอกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพูดเถอะ”ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนาย ภายในสายตาเผยแววประหลาดใจ เปลี่ยนคำพูด “ดูท่าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกจากปากของตนแล้วล่ะ”อวิ๋นเนี่ยนชูสงสัย “หมายความว่าอะไร?”“ญาติผู้พี่เจ้าพูด
ตอนนั้นสมองของนางขาวโพลน ชนิดที่ว่ายังเจือความขุ่นเคืองระคนเขินอายอีกด้วย คิดว่าญาติผู้พี่จำคนผิดไปจนกระทั่งได้ยินเขาพูดพึมพำชื่อของนางไม่หยุด ได้เห็นน้ำตาเจืออยู่ในสายตาของเขา ความรู้สึกของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาจากนั้น นางประคองญาติผู้พี่เข้าห้อง ได้ยินเขาพูดพึมพำภายในความฝัน เรียกชื่อของนางเบาๆตอนจากมา นางชนเข้ากับหนังสือบนโต๊ะของเขาโดยไม่ทันระวัง ตอนหยิบของขึ้นมา จู่ๆ ก็ได้พบภาพวาดของตนถูกซ่อนไว้ด้านในบนภาพวาดนั้นเป็นนางสวมใส่ชุดที่ไปฟังเรื่องเล่านางเปิดลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือตัวนั้นออกดู พบว่าภายในล้วนเป็นภาพวาดของนางไม่เพียงแค่นางในตอนนี้ ยังมีนางในอดีต ทั้งหมดล้วนวาดเองกับมือของญาติผู้พี่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนเด็กนางยังเคยไปที่ห้องของญาติผู้พี่ ต่อมาหลังความรักผลิบานในหัวใจก็ชอบไปหาญาติผู้พี่เพียงแต่จู่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ญาติผู้พี่บอกนางด้วยท่าทางเคร่งขรึมอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวแล้ว ไม่สามารถเข้าห้องผู้ชายตามสะดวกได้ นางถึงเข้ามาน้อยครั้งทว่าชั่วขณะได้เห็นภาพวาดมากมายนี้ นางถึงเข้าใจอย่างชัดเจน เหตุใดญาติผู้พี่ไม่ให้นางเข้าห้องเพราะภายในห้องของเขามีของมากมายที