บทที่ 14 คำยุยง /2
ด้วยเพราะพลานุภาพอัคคีนิลกาฬในกายของรวี่เยว่ มาจากศิลามหาเทวะธาตุหยินหยาง จึงทรงพลังยิ่งกว่าอัคคีนิลกาฬของผู้ที่มีตบะในระดับเดียวกันไปมากโข ชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนลึกลับที่เกิดขึ้น ร่างสูงแวบหายจากตำหนัก มาปรากฏกายอยู่หน้าประตูใหญ่ในเสี้ยวลมหายใจ ครั้นเห็นว่าเป็นใคร สุ้มเสียงทุ้มต่ำกล่าวถ้อยคำขึ้นอย่างยินดี “รวี่เยว่! เป็นเจ้านั่นเอง ข้าดีใจที่เจ้ายอมรับคำเชิญของข้า” อวี้เหวินเทียนหยาร่อนลงพื้นสาวเท้ามาหาร่างเล็กด้วยท่วงท่างามสง่า “เส้นทางขึ้นภูผาลำบากไม่น้อย แต่เจ้าก็สามารถผ่านขึ้นมาได้โดยปราศจากรอยขีดข่วน นับว่าฝีมือล้ำเลิศจริงๆ” ชายหนุ่มกล่าววาจาชื่นชมร่างเล็กอย่างอ่อนโยน ก่อนปรายตามองเฉียนเยียนหรานด้วยสายตาคมกริบ ถึงไม่ถามเขาก็พอคาดเดาสถานการณ์ออก คนถูกมองสะดุ้งเฮือก เหงื่อกาฬแตกเต็มเผ่นหลัง รีบก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาผู้เป็นใหญ่รองจากองค์ราชาของตำหนักเทวาอนธการ “กักบริเวณเฉียนเยียนหรานสามเดือน งดโอสถเสริมพลังทุกชนิดครึ่งปี! ส่วนบ่าวไพร่ที่ติดตามมาลงโทษตามกฎ ความผิดฐานปล่อยให้นายของตน กระทำการหยาบคายกับแขกของข้า!” “ท่านอ๋อง ไม่นะเพคะ” เฉียนเยียนหรานเงยหน้าส่งเสียงคร่ำครวญ “หุบปาก!!” อวี้เหวินเทียนหยากล่าววาจาเสียงเย็นเนิบนาบ โดยที่ไม่คิดจะชายตาแล ‘โห แค่คำว่าหุบปากคำเดียว แต่ละคนทำหน้าอย่างกับโดนสั่งประหาร น่านับถือจริงๆ’ รวี่เยว่แอบอุทานและชื่นชมชินอ๋องในใจ คำสั่งของอวี้เหวินเทียนหยาคือประกาศิต บทลงโทษถูกจารึกลงในหอบำเพ็ญและหอโอสถของตำหนักทันที ร่างสูงหันมาหาร่างเล็ก แบมือให้รวี่เยว่จับและแวบหายไปจากตรงนั้น “เจ้าเดินทางมาไกลคงเหนื่อยแล้ว มาเถอะ ข้าจะพาไปพัก” ทิ้งให้เฉียนเยียนหราน รวมถึงข้ารับใช้ของนางที่นั่งตัวสั่นงันงกอยู่บนพื้นเย็นๆ ก่อนจะกระอักเลือดออกมาคำโต เป็นผลพวงจากการถูกแรงกดดัน ของตบะระดับกึ่งเทพเล่นงาน…ไม่ตายอยู่ตรงนั้นก็นับว่าชินอ๋องเมตตามากแล้ว เวลาปัจจุบัน… เฉียนเยียนหรานยังจดจำความอัปยศในครั้งนั้นได้ไม่มีวันลืม นางถูกสายตาของคุณหนูและคุณชายหลายคนมองนางอย่างเย้ยหยันอยู่หลายเดือน…โดยเฉพาะสายตาเย็นชาขององค์ชายสาม อวี้เหวินเจาเจ๋อ บุรุษที่นางแอบมีใจ มือบางในชุดสีขาวบริสุทธิ์ของเมิ่งเฟยหลิงวางกรรไกรตัดแต่งกิ่งไม้ประดับลง ริมฝีปากกระจับสีแดงสดเอื้อนเอ่ยถามผู้มาเยือนอย่างใจเย็น “ในเมื่อชินอ๋องทรงนิ่งเฉยไม่ว่ากล่าวตักเตือนรวี่เยว่สักคำ แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะทำสิ่งใดได้หรือ” ไยนางจะไม่รู้ว่าเฉียนเยียนหรานต้องการยืมมือนางเล่นงานรวี่เยว่ ที่เฉียนเยียนหรานทำเช่นนี้ เป็นเพราะทุกคนในตำหนักเทวาอนธการ ต่างรู้ว่าองค์ราชินีได้วางตัวเมิ่งเฟยหลิง ให้แต่งเป็นพระชายาของชินอ๋องในอนาคต หากแต่ฝ่ายชายกลับนิ่งเฉยและปฏิเสธการมีคู่ครองเรื่อยมา แม้แต่องค์ราชาก็ให้ท้ายน้องชาย เรื่องของเมิ่งเฟยหลิงกับชินอ๋องจึงยังไม่มีบทสรุปที่แน่นอน “ท่านหญิงจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปหรือเจ้าคะ ชินอ๋องให้ท้ายรวี่เยว่อย่างกับอะไรดี ใครแตะต้องนางได้ที่ไหน แม้แต่ตำแหน่งธิดาเทพ ก็ทรงเอ่ยปากขอจากองค์ราชาให้เด็กมนุษย์นั่นด้วยองค์เอง ข้ายังได้ข่าวมาอีกว่า กระทั่งปิ่นปักผมสำหรับใช้ในพิธีปักปิ่นของรวี่เยว่ ชินอ๋องก็เป็นผู้จัดหามาให้นาง…เฮ้อ! ข้าไม่รู้ว่าต่อไปชินอ๋องจะมอบของขวัญหรือตำแหน่งอะไรให้นางอีก” เฉียนเยียนหรานตั้งใจใช้เรื่องสำคัญทั้งสองเรื่องมายุยงเมิ่งเฟยหลิง เรื่องแรก คือตำแหน่งธิดาเทพอันสูงส่งของตำหนักเทวาอนธการ ซึ่งว่างเว้นมานานเกือบพันปีถูกมอบให้กับมนุษย์ที่ไม่มีสายเลือดมารสวรรค์ด้วยซ้ำ และเรื่องที่สอง คือเรื่องปิ่นปักผมในพิธีปักปิ่นของหญิงสาว ซึ่งถือว่ามีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าพิธีการ ทางด้านเมิ่งเฟยหลิงจากที่เคยมีสีหน้าสงบนิ่ง เวลานี้ดวงตาหงส์ของหญิงสาวเริ่มเกิดระลอกคลื่น มือบางใต้แขนเสื้อกำเข้าหากันแน่น จากที่ไม่ใส่ใจคำยุยงของเฉียนเยียนหรานมากนัก หากแต่คราวนี้นางคงทบทวนใหม่ ร่างบางเยื้องย่างมานั่งที่ตั่งใหญ่ ยกถ้วยน้ำชาที่ถูกเปลี่ยนใหม่ขึ้นเป่าด้วยท่วงท่าละเมียดละไม “คุณหนูเฉียนไปได้ยินเรื่องปิ่นปักผมมาจากไหนหรือ” “ข้าได้ยินมาจากปากสาวใช้ ที่ข้าพอจะคุ้นเคยอยู่บ้างในตำหนักชินอ๋องเจ้าค่ะ” ความจริงนางแอบติดสินบนสาวใช้และบ่าวชายบางคน เพื่อให้คอยส่งข่าวเรื่องความเคลื่อนไหวของรวี่เยว่ให้นาง เมิ่งเฟยหลิงพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ หากสิ่งที่เฉียนเยียนหรานกล่าวมาเป็นความจริง นั่นก็แสดงว่าชินอ๋องรู้สึกกับรวี่เยว่มากกว่าคำว่า ผู้ปกครอง ความกังวลระคนหวาดระแวงผุดขึ้นในความคิดของหญิงสาว ที่ผ่านมานางมั่นใจมาตลอดว่าสักวันอวี้เหวินเทียนหยา คงจะมองเห็นความจริงใจที่นางมอบให้เขา อีกทั้งที่ผ่านมาฝ่ายชายไม่เคยเหลียวแลหญิงใด นางจึงไม่คิดเร่งรัดให้เขารำคาญ ทว่าการปรากฏตัวของรวี่เยว่ ได้เริ่มสั่นคลอนความมั่นใจของเมิ่งเฟยหลิงทีละน้อย เด็กคนนั้นยิ่งเติบใหญ่ยิ่งงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ อวี้เหวินเทียนหยาที่ปกติเย็นชาราวภูเขาน้ำแข็งพันปี กลับมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่หาได้ยากเพราะรวี่เยว่อยู่บ่อยครั้ง… ดูท่าว่านางคงปล่อยให้เรื่องราวดำเนินต่อไปแบบนี้ไม่ได้ ดวงตาหงส์ฉายแววอันตรายวาบหนึ่ง ก่อนจางหายไปโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น ฮัดชิ้ว!!! รวี่เยว่ในร่างเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งเขียนสูตรขนมตัวใหม่ของร้านเฟิ่งหนี่ว์ จู่ๆก็จามออกมา ตามพร้อมอาการหนังตากระตุก “เห?? อย่าบอกนะว่ากำลังจะมีเรื่อง”บทที่ 15 การกลับมาของจอมมาร /1 ตำหนักเทพอนันต์ นับตั้งแต่วันที่ฮั่วเฮ่อฉีเดินทางกลับตำหนักเทพอนันต์ตามคำสั่งของพระอัยกา หลังผ่านงานประมูลโอสถครั้งใหญ่ ณ เมืองลวี่เฟิง เด็กหนุ่มแสนดื้อรั้นเอาแต่ใจ เดินเข้าสู่ถ้ำบำเพ็ญของราชวงศ์ในหุบเขาเทพประทานพรด้วยตนเอง หลังได้ข่าวว่าบ้านหลังเล็กของรวี่เยว่ถูกไฟไหม้และเด็กหญิงหายตัวไป… ย้อนไปในวันที่ทราบเรื่อง ฮั่วเฮ่อฉีร้อนใจจนอยู่ไม่สุข เขาส่งคนไปสืบข่าว ทว่าคว้าน้ำเหลว ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งอย่างเผยคังกลับตายแล้วเช่นกัน องค์ไท่จื่อผู้หยิ่งยโสถึงกับยอมลดความโอหังลง เขียนสาส์นไปหาชินอ๋องของตำหนักเทวาอนธการ ถามหารวี่เยว่น้อยด้วยองค์เอง อีกฝ่ายตอบกลับมาว่านางไม่ได้มาพบเขา ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องจริง เพราะในยามนั้นรวี่เยว่ยังไม่ได้เดินทางขึ้นภูผาของตำหนักเทวาอนธการ… ห้าปีผ่านไป ในที่สุดประตูถ้ำบำเพ็ญก็เปิดออก พลังปราณตบะระดับหยวนอิงขั้นกลางพวยพุ่งออกมา ปะทะเข้ากับอากาศภายนอกจนเกิดลมกระโชกไปทั่วบริเวณ อี้หรงทำหน้าที่เฝ้าปากถ้ำรีบวิ่งไปหาสหายรักอย่างลิงโลด พวงหางสีเงินฟูฟ่องแกว่งไปมารวดเร็วจนเกิดลมแรงระลอกที่สอง องครักษ์ที่ผลัดกันมาค
บทที่ 15 การกลับมาของจอมมาร /2 ด้านล่างห่างออกไปคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตำหนักเทพอนันต์ พระราชวังหลวงสีขาวทองสร้างจากศิลาอัคนีหยกขาว ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาเทพประทานพร สถานที่ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสมุนไพรปราณและปราณบริสุทธิ์จากธรรมชาติ แมกไม้เขียวขจี สายธารรินไหลจากที่สูงลงสู่ทะเลสาบนิรันดร์ ใจกลางตำหนักเทพอนันต์ ทัศนียภาพเบื้องหน้างดงามราวสรวงสวรรค์ “ตามองครักษ์ที่ติดตามข้าไปเมืองลวี่เฟิงเมื่อห้าปีก่อน บอกให้ไปรอที่ตำหนักนอกเมือง ข้าจะออกเดินทาง” “พะย่ะค่ะ” องครักษ์คนสนิทรับคำสั่งและแวบหายไปจากตรงนั้นราวกับไม่เคยมีอยู่ “...” อี้หรงแอบกลอกตามองฟ้า “เอ่อ ไท่จื่อ ท่านไม่คิดจะกลับไปตำหนักเทพอนันต์ เพื่อเยี่ยมเยียนพระอัยกาสักหน่อยก่อนหรือ” เดี๋ยวก็ได้งานเข้าอีกหรอก แหมมม ออกจากการกักตนปุ๊บ ก็จะหนีเที่ยวปั๊บเลยนะ! “ข้าย่อมกลับไปก่อนแน่ ป่านนี้ท่านปู่คงคิดถึงข้าแย่แล้ว รายนั้นติดข้าจะตาย หุหุ” สีหน้าของชายหนุ่มเป็นเปลี่ยนซุกซนยามเอ่ยถึงท่านปู่ผู้เข้มงวด ฮัดชิ้ว!! ฮั่วเซี่ยวเทียน จามออกมาขณะกำลังคัดเลือกสมุนไพร ร่างสูงหันกลับมาหาอี้หรง เอ่ยถามบางอย่างผ่านกระแสจิต ‘องค์ชายใหญ่กับมารดาของเข
บทที่ 16 ภารกิจพิสูจน์ความสามารถ /1 เมื่อเสร็จจากธุระในเมืองเฉินเปี้ยน รวี่เยว่ก็เดินทางกลับสู่ตำหนักเทวาอนธการในคืนวันนั้น หญิงสาวสังหรณ์ใจว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เพราะทุกครั้งที่หนังตากระตุก เป็นต้องมีเรื่องตีรันฟันแทงเสียทุกครั้งไป! ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนที่แล้ว ระหว่างที่นางเดินทางลงจากภูผา เพื่อนำโอสถต่างๆ ที่หลอมไว้ ไปมอบให้หม่าลั่วและชุนอิ่งนำกลับไปยังหอโอสถของนางที่เมืองหลวง ซึ่งเปิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีที่ผ่าน …ในวันนั้น รวี่เยว่เพิ่งก้าวเท้าพ้นเขตวงกตมายามาได้เพียงไม่กี่ก้าว กลุ่มนักฆ่ารับจ้างจำนวนสามสิบคน ซึ่งมาดักรออยู่ก่อนแล้ว เข้าจู่โจมแบบกะทันหันจนนางตกใจทำถังหูลู่ตกพื้น! น่าโมโหที่สุด! ท่านอ๋องอุตส่าห์ทำให้นางกินเองกับมือ! โชคดีที่นางไม่ได้พาสาวใช้ทั้งสองคนมาด้วย มิฉะนั้นเรื่องนี้คงได้ถึงหูผู้ปกครองของนาง ชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยา หากเขารู้เข้ามีความเป็นไปได้สูงว่า นางจะถูกสั่งห้ามลงจากตำหนักเทวาอนธการไปอีกหลายเดือน และนั่นจะมีผลกระทบกับกิจการทั้งหลายทั้งปวงของนาง เรื่องนี้รวี่เยว่ยอมไม่ได้ เวลาของนางเป็นเงินเป็นทอง!! ตำหนักชินอ๋อง เรือนพักธิดาเทพ รว
บทที่ 16 ภารกิจพิสูจน์ความสามารถ /2 หน้าทางเข้าป่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ ชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยาเดินเคียงข้างมากับรวี่เยว่ นำเด็กสาวมาส่งยังทางเข้าป่าเพื่อทำภารกิจด้วยตนเอง ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชา ฉายแววกังวลระคนห่วงใยออกมาอย่างชัดเจน จนหลายคนเหลือบมองท่านหญิงเมิ่งที่ยืนอยู่ข้างองค์ราชินีด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์ เฉียนเยียนหรานที่ยืนรวมกลุ่มอยู่กับศิษย์คนอื่นๆลอบยิ้ม ในใจกำลังสาปแช่งให้รวี่เยว่ตกตายด้วยฝีมือสัตว์อสูรระดับสูงในป่า “รวี่เยว่ระวังด้วย อย่าให้ตัวเองต้องเป็นอันตราย หากไม่ไหวจริงๆ ให้ยิงพลุสัญญาณ ข้าจะเข้าไปรับเจ้าออกมาเอง” เขาคาดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสของหอบำเพ็ญ จะกดดันให้รวี่เยว่ต้องทำการพิสูจน์ตนเองเร็วขนาดนี้ ตบะของนางยังไม่ถึงระดับหยวนอิงด้วยซ้ำ ตัวเขาคัดค้านอย่างไรก็ไม่เป็นผล สุดท้ายจึงต้องจำยอมปฏิบัติตามกฎที่บัญญัติไว้ ความจริงระดับตบะของรวี่เยว่ผ่านระดับหยวนอิงมาพักหนึ่งแล้ว นางแค่รอให้ผ่านวันปักปิ่นไปก่อนถึงจะยอมเปิดเผยพลังที่แท้จริง เมิ่งเฟยหลิงกำหมัดใต้แขนเสื้อแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เมื่อได้เห็นสีหน้าและแววตาอ่อนโยนของอวี้เหวินเทียนหยา ยามทอดมองรวี่เยว่ ทีกับนางเขามีแต่ค
บทที่ 17 เสี่ยวเฮยมาว/1 ตลอดเส้นทาง สัตว์อสูรระดับสูงที่สมควรปรากฏตัว กลับหายหัวไปไหนกันหมดไม่รู้ องครักษ์ที่ลอบตามมาห่างๆ ต่างมองหน้ากันด้วยความงวยงง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสัตว์อสูรหายไปไหนกันหมด” “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ก็มาด้วยเนี่ย” “พวกเจ้าอย่ามัวเถียงกัน ธิดาเทพหายไปแล้ว! นี่มันใกล้อาณาเขตของพยัคฆ์อนธการเข้าไปทุกที หากหลงเข้าไปมีหวัง…” องครักษ์ไม่กล้าคิดต่อ เกิดนางเป็นอะไรขึ้นมา ชินอ๋องฆ่าพวกเขาทิ้งแน่! ทางด้านรวี่เยว่หลังจากแอบหลบฉากมาได้ นางก็รีบกินยากลบกลิ่นอายของตนเอง และเป็นเพราะกลิ่นอายจากเกล็ดมังกรทองของมหาเทพหวงหลง ช่วยข่มขวัญบรรดาสัตว์อสูรทุกระดับในป่าอสูรแห่งนี้ รวี่เยว่จึงเดินทางมาถึงหน้าบ้านของเป้าหมายได้อย่างสะดวกราบรื่นและรวดเร็ว รวี่เยว่ตระเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างที่ได้รับมาจากมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ ก่อนสาวเท้าไปยืนหน้าปากถ้ำของ เสี่ยวเฮยมาว ตามที่อาจารย์หญิงใช้เรียกพยัคฆ์อนธการ ทั้งที่ความจริงชื่อของมันคือ เย่หมิง! กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง เสียงกระพรวนสายรุ้งดังขึ้น พยัคฆ์อนธการสีเทาเข้มมีปีกสีดำตัวมหึมาลืมตาขึ้นทันที ดวงตาสีเขียวประดุจอัญมณีวาวโรจน
บทที่ 17 เสี่ยวเฮยมาว/2 “ข้ามอบให้ท่านได้เจ้าค่ะ เพียงแต่…ท่านต้องกลับไปกับข้า เพราะอาจารย์หญิงสั่งไว้ว่า อะ แฮ่ม” รวี่เยว่ดึงมือที่กำใบกัญชาแมวกลับมา เงยหน้าสบตาแมวยักษ์ตรงหน้า กระแอมเล็กน้อย ก่อนถ่ายทอดคำสั่งที่ได้รับมาจากมหาเทวี “เสี่ยวเฮยมาว ลูกศิษย์ของข้าเป็นผู้ที่ได้รับเลือกจากสวรรค์ เจ้าจงติดตามนางออกไปจากป่า ทำหน้าที่สหายที่ดีของนาง หากเจ้าไม่เชื่อฟัง ข้าจะส่งสายฟ้ามาหวดก้นปุกปุยของเจ้าเสีย!” กล่าวจบรวี่เยว่ก็แบมือทั้งสองข้างออกพร้อมกัน อัคคีหิรัณย์และอัคคีนิลกาฬปรากฏต่อสายของเสี่ยวเฮยมาว “มหาธาตุหยินหยาง!!! นี่เจ้าครอบครองมหาธาตุหยินหยางจริงๆ อย่างนั้นรึมนุษย์” ร่างยักษ์กระโจนผลุงมาหยุดอยู่ตรงหน้ารวี่เยว่ ดวงตาจ้องมองไฟธาตุทั้งสองอย่างตื่นตะลึง รวี่เยว่ไม่สามารถกลั้นยิ้มได้อีกต่อไป เมื่อได้เห็นความนุ่มฟูในระยะประชิด นางดับไฟธาตุในมือ เอากัญชาแมวสวรรค์ออกมามอบให้พยัคฆ์อนธการ อีกฝ่ายรีบรับไปอย่างลิงโลดหลังจากถูๆไถๆ สูดดมไปได้ครู่หนึ่ง อาการแมวยักษ์เมากัญชาสวรรค์จึงปรากฏ รวี่เยว่รีบฉวยโอกาส เขย่ากระพรวนสายรุ้งพร้อมเอ่ยถามน้ำเสียงเว้าวอน กรุ๊ง กริ๊ง “พ่อพยัคฆ์สุดหล่อ กลับไป
บทที่ 18 โทสะขององค์ราชา/1 “ก็ใช่น่ะเซ่! โฮกกก!!…สตรีหน้าโง่คนนี้ ดันมากล่าวหาว่าข้าเป็นแมวจรจัด สามหาวยิ่งนัก! ไม่มีสมองหรืออย่างไร แมวธรรมดาที่ไหนจะมีปีก โง่แล้วยังปากเสีย! “เสี่ยวเฮยมาวอารมณ์ขึ้น หันมาคำรามใส่ฝูงชนจนผู้ที่มีระดับตบะอ่อนด้อย ปลิวหายกันไปคนละทิศละทาง เหลือเพียงผู้ที่มีตบะระดับหยวนอิงขึ้นไปที่ยังยืนอยู่ได้ ก่อนหันกลับมาบริภาษเฉียนเยียนหราน ที่นอนตัวสั่นงันงกด้วยความกลัวสุดขีดอยู่ใต้กรงเล็บต่ออย่างไม่ไว้หน้า อยากมาว่าสุดหล่ออย่างมันเป็นแมวจรจัดก่อนทำไม เคืองนะเฟ้ย!!! ผู้อาวุโสของหอบำเพ็ญหน้าซีดขาว หันมองชินอ๋องทำนองขอความช่วยเหลือ “เรื่องนี้ข้าคงช่วยอะไรไม่ได้ ท่านคงต้องเจรจากับธิดาเทพเอง เพราะนางเป็นผู้นำพยัคฆ์อนธการออกมา” เฉียนเยียนหรานหวาดกลัวจนปัสสาวะราด สะอึกสะอื้นปานขาดใจอย่างเสียขวัญ หากอีกฝ่ายไม่ยอมเลิกรา นางคงแดดิ้นอยู่ตรงนี้ แต่เมื่อเสี่ยวเฮยมาวได้กลิ่นปัสสาวะ มันรีบถอนกรงเล็บออกจากลำคอของหญิงสาว ขยับตัวถอยกรูดอย่างรวดเร็ว เปล่งเสียงเหยียดหยามกึ่งประจานออกมาดังลั่น “อี๋ น่าขยะแขยง สกปรกที่สุด! นอกจากโง่แล้วยังไร้ยางอาย มาปล่อยปัสสาวะเรี่ยราดอย
บทที่ 18/2 โทสะขององค์ราขา องค์ราชินีที่อยู่ ณ ตรงนั้นด้วยถึงกับหน้าม้าน เหลือบไปเห็นสายตาคมกริบราวสังหารคนได้ของอวี้เหวินเทียนหยา นางรีบหลบตาอีกฝ่าย แสร้งเหลือบมองสวามีที่สีหน้าเริ่มเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ “มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอย่างนั้นรึธิดาเทพ!” องค์ราชา อวี้เหวินเทียนเหิง แววตาแข็งกร้าว เมื่อรู้ว่ามีคนกล้าลอบทำร้ายธิดาเทพ นั่นเท่ากับไม่เห็นองค์ราชาอย่างเขาอยู่ในสายตา ตำแหน่งธิดาเทพเขาเป็นผู้แต่งตั้ง นางประหนึ่งเป็นตัวแทนของเขา เมื่อต้องออกไปพบผู้คนในมหาพิภพทงเทียนเหอ แตะต้องนางก็เท่ากับแตะต้องเขา! รวี่เยว่ที่ยืนก้มหน้าปิดปากเงียบมาตลอด เผยสีหน้าเจ็บปวดระคนผิดหวัง ดวงตาดอกท้อคู่งามรื้นน้ำสั่นระริก ล้วงบางอย่างออกมาจากแหวน มอบให้องค์ราชาผ่านอวี้เหวินเทียนหยา “เพคะ ฝ่าบาท หากไม่ได้ท่านเย่หมิง ป่านนี้หม่อมฉันคงสิ้นชื่อไปแล้ว นี่คือหลักฐานที่หม่อมฉันเก็บมาจากศพของมือสังหารเหล่านั้นเพคะ” เสียงของนางสั่นเครือ น้ำตาเม็ดโตราวไข่มุกไหลรินอาบดวงหน้าสะคราญ งดงามบอบบางราวดอกสาลี่ต้องหยาดฝน หลายคนเห็นแล้วอดปวดใจไม่ได้ คงมีเพียงองค์ราชินีที่นั่งกำหมัดใต้แขนเสื้อแน่น แอบบริภาษเด็กสาวอย
บทที่ 57/2 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด เหวินไป๋เหลียนคนรักของเขาที่งดงามสดใสราวดอกทานตะวัน เทียบไม่ได้เลยกับความงามสง่าโดดเด่น ประหนึ่งดอกหมู่ตานตรงหน้า จากที่คิดว่าจะออกไปจากห้องหอทันทีหลังเปิดผ้าคลุมหน้าสาว หวังเหลียงกลับเปลี่ยนใจ เดินไปรินสุรามงคลมายื่นให้เยว่หนิงลี่แทน และใช้เวลาอยู่กับนางทั้งคืน ทว่าหลังจากนั้นเพียงเจ็ดวัน หวังเหลียงก็พาเหวินไป๋เหลียนเข้าจวน นับเป็นการหยามเกียรติฮูหยินเอกเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเยว่หนิงลี่กล้บไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นางสงบนิ่งเยือกเย็นราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับตน กลับเป็นชุนหมัวมัวและหลานสาวนามชุนอิ่งที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทน ครึ่งปีต่อมาหวังเหลียงก็พาอนุอีกคนเข้าจวน เหวินไป๋เหลียนแล่นมาหาเยว่หนิงลี่ให้จัดการเรื่องนี้ ทว่าเยว่หนิงลี่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้หกเดือนกลับนิ่งเฉยไม่สนใจ ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางอีกนั่นแหละ เหวินไป๋เหลียนที่กำลังตั้งครรภ์เช่นกันยิ่งเดือดดาลกว่าเดิม เพราะไม่สามารถยุแยงให้อีกฝ่ายออกโรงได้ “นางเป็นก้อนหินหรืออย่างไรกัน ถึงได้เย็นชาไร้อารมณ์เยี่ยงนี้ น่าโมโหที่สุด! หวังเหลียงนะหวังเหลียง!” เกือบสี่เดือนห
บทที่ 57 1 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด @เรื่องราวบางส่วนในบทนี้ค่อนข้างอ่อนไหว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ สิบหกปีก่อน เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง นับตั้งแต่บอกลากับอวี้เหวินเทียนเหิง เยว่หนิงลี่กลายเป็นคนเงียบขรึม ทั้งที่ปกติหญิงสาวเป็นคนร่าเริงมีชีวิตชีวาราวลูกกวางน้อยวิ่งเล่นในทุ่งหญ้า แม้แต่ต้าอ๋องยังรู้สึกประหลาดใจ ครั้นถามไถ่หญิงสาวเพียงคลี่ยิ้มบาง และกล่าวว่าอาจเป็นเพราะต้องจากพี่น้องทหารร่วมรบไปอยู่เมืองหลวงจึงรู้สึกใจหาย หนึ่งเดือนก่อนงานแต่ง ค่ำคืนนี้เยว่หนิงลี่ออกมาเดินเล่นเตร็ดเตร่กับชุนหมัวมัวเพราะนอนไม่หล้บ ครั้นมองเห็นหอสุราที่ตนเคยมากับอวี้เหวินเทียนเหิง หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปด้านในอย่างไม่รู้ตัวราวต้องมนตร์ จากนั้นจึงถามหาห้องส่วนตัวที่เคยมา เสี่ยวเอ้อร์เดินนำขึ้นบันไดไป ทว่าระหว่างเดินผ่านห้องส่วนตัวอีกห้อง เสียงสนทนาของบุรุษกลุ่มหนึ่งดังลอดออกมา “นี่ หวังเหลียง เรื่องที่เจ้ากำลังจะแต่งงานกับรองแม่ทัพเยว่หนิงลี่จากแดนใต้ผู้นั้น ไม่ทำให้แม่นางเหวินไป๋เหลียนยอดดวงใจของเจ้าเสียใจแย่รึ” เสียงของบุรุษคนหนึ่งเอ่ยถามบุรุษอีกคนที่ชื่อ หวังเหลียง “นั่น
บทที่ 56/2 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง อวี้เหวินเทียนหยาได้แต่ทอดถอนใจ หันไปถามความเห็นของเยว่หนิงลี่ ด้วยความที่หญิงสาวเติบโตมากับบุรุษ จึงทำให้นางมีนิสัยใจกว้างและจริงใจเป็นทุนเดิม เมื่อเห็นว่าคนตำหนักเทวาอนธการ มีใจอยากชื่นชมความมีชีวิตชีวาของเมืองหลวงเผ่ามนุษย์ จึงตบปากรับคำอย่างเต็มใจ เพราะอย่างไรเสีย นางก็ชอบออกมาเดินเล่นเพื่อสอดส่องความปลอดภัยของชาวเมืองยามค่ำคืนเป็นปกติอยู่แล้ว ผูกมิตรไว้ดีกว่าเป็นศัตรู นั้นคือคำที่ต้าอ๋องผู้เฒ่าสั่งสอนนางมาตั้งแต่เด็ก “ได้เจ้าค่ะ ข้ายินดีช่วยพาพี่ชายองครักษ์เที่ยวชมเมืองหลวงยามค่ำคืน” เสียงสดใสจริงใจสะท้อนไปถึงจิตใจขององค์ราชาหนุ่ม จนก้อนเนื้อในอกเต้นแรงไม่เป็นระส่ำ “ถิงซี เรียกข้าว่าถิงซีเถิด” อวี้เหวินเทียนเหิงบอกชื่อกลางของตน ที่ปกติมีเพียงญาติพี่น้องเท่านั้นที่เอ่ยเรียกนามนี้ แค่กก!! ผู้เป็นน้องสำลักน้ำลายรอบที่สอง นับจากคืนนั้น ถิงซี ก็จะมารอพบเยว่หนิงลี่ที่สะพานหิน ซึ่งอยู่ห่างจากร้านอาหารทะเลไปราวครึ่งลี้ทุกคืน แม้ฝนจะตกเขาก็จะกางร่มมายืนรอนางไม่เคยขาด หลังจากผ่านไปสองอาทิตย์ ในที่สุดชายหนุ่มก็มีความกล้า เอ่ยปากชวนนางออกมาเที่ย
บทที่ 56 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง ตำหนักเทวาอนธการ องค์ราชาอวี้เหวินเทียนเหิงวางสาส์นที่น้องชายส่งมาถึงลงบนโต๊ะหลังจากอ่านจบ ร่างสูงสง่าใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มมองออกไปไกล ดวงตาเรียวยาวคู่คมเจือความเศร้าอยู่หลายส่วน “หนิงลี่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องหรือทำร้ายลูกสาวของพวกเราได้อีกแล้ว…ไยเจ้าถึงไม่บอกว่าตั้งครรภ์กับข้า ก่อนที่จะแต่งให้เจ้าสารเลวชั้นต่ำหวังเหลียงคนนั้น!” เพียงแค่รู้สึกขุ่นเคืองใจ ของตกแต่งภายในห้องทรงอักษรทั้งหมดก็แตกละเอียด ดวงตาสีเทาทรงอำนาจคมกริบปิดลง ความทรงจำเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนหวนกลับมา เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง ในพิธีเปิดงานประลองของอาณาจจักร อวี้เหวินเทียนเหิงปลอมตัวเป็นองครักษ์ของน้องชาย เพื่อออกมาท่องเที่ยวดูโลกภายนอกในรอบสิบปี องค์ราชาหนุ่มในวัยยี่สิบแปดเดินทางลงจากภูผาหยินซาน หลังจากพระบิดาเดินเข้าแดนบำเพ็ญแห่งเทวา เพื่อกักตัวระยะยาวอย่างไม่มีกำหนด ชายหนุ่มสวมหน้ากากโลหะสีดำปกปิดใบหน้าเหมือนองครักษ์คนอื่นๆ เพียงแต่มิอาจปกปิดรัศมีสูงส่งรอบกาย จึงทำให้หลายคนรู้สึกยำเกรงองครักษ์ของชินอ๋องผู้นี้มากกว่าคนอื่นๆ ค่ำคืนหลังจบพิธีเปิดงาน อวี้เหวินเที
บทที่ 55/2 หารือ หลังจากปล่อยให้ฮั่วเมิ่งเหยา ทำความรู้จักมักจี่กับรวี่เยว่พอสมควร ครู่ต่อมาฮั่วเฮ่อฉีจึงสั่งให้ฟ่านจื่อพาน้องสาวไปส่งยังที่พัก ท่าทางผ่อนคลายของฮั่วเฮ่อฉีก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาขออนุญาตรวี่เยว่ ก่อนกางม่านพลังป้องกันไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไป จากนั้นจึงเอ่ยเรื่องสำคัญ “รวี่เยว่ข้ามีเรื่องสำคัญต้องบอกเจ้า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าโดยตรง ข้าเองไม่แน่ใจ ว่าเจ้าเคยรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคำพยากรณ์สำคัญ เมื่อสิบกว่าปีก่อนหรือไม่” “หากเป็นเรื่องนี้ข้าพอรู้อยู่บ้างเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ไม่คิดปิดบัง ในเมื่อชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาก่อนแบบนี้ แสดงว่าเขาต้องรู้หรือได้ยินอะไรมา ทั้งคู่หารือกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงออกไปพบชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยาด้วยกัน …ตำหนักรับรองริมทะเลสาบ โถงรับรองส่วนตัวในเรือนพักชินอ๋อง คำพยากรณ์ซึ่งเกี่ยวพันกับรวี่เยว่ ถูกถ่ายทอดให้อวี้เหวินเทียนหยาฟังจากปากของฮั่วเฮ่อฉี อีกทั้งเรื่องนี้โยงใยไปถึงความขัดแย้งระหว่างสองอาณาจักร หากสำนักกระบี่สวรรค์คิดทรยศอาณาจักรอู๋ซาง ไปเข้าฝ่ายอาณาจักรหวงซาอย่างที่คาดไว้จริง เช่นนั้นก็มิอาจนิ่งเฉย เพ
บทที่ 55/1 หารือ เรือนกายสูงสง่าของฮั่วเฮ่อฉีก้าวเข้ามาในห้อง ตามมาด้วยลูกสุนัขสีขาวเจ้าประจำ มันตรงดิ่งไปหาแมวสีเข้มที่ย้ายตัวเอง ไปนอนเอกเขนกอยู่บนตั่งอย่างคุ้นเคย “รวี่เยว่ของข้า สบายดีหรือไม่ ช่วงนี้พี่ชายถูกพวกตัวยุ่งจากตำหนักเทพอนันต์รั้งตัวไว้ เลยปลีกตัวมาหาไม่ได้ คิดถึงเจ้าใจแทบขาด” มาถึงปุ๊บก็รีบเอ่ยวาจาออดอ้อนสาวเจ้าปั๊บ ทำคนฟังเขินอายจนแก้มเนียนใสซับสีระเรื่อ ไม่เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มยังถือวิสาสะ เดินมากอบกุมมือเล็กขึ้นมาแนบอก สบตานางในดวงใจตาหวานซึ้ง คงเพราะเห็นว่าผู้ปกครองของหญิงสาว ไม่ได้มีท่าทีกีดกันเขาอีกต่อไป ฮั่วเฮ่อฉีเลยเดินหน้าเต็มกำลัง เพื่อพิชิตหัวใจของรวี่เยว่อย่างเปิดเผยมากขึ้น “พี่ชาย ท่านทำข้าใจสั่นไปหมดแล้วเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ยังคงใสซื่อเรื่องความรักไม่ปลี่ยน รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น จนอีกคนที่ยืนอยู่หลังประตู ยกมือขึ้นมาประกบแก้มหัวเราะคิกอยู่ในใจ ‘ข้าชอบนางยิ่งนัก นางน่ารักเหลือเกิน’ ถ้อยคำอันใสซื่อของรวี่เยว่ ประดุจน้ำทิพย์ชโลมหัวใจของชายหนุ่ม เขายินดีเป็นล้นพ้นยามได้ยินว่านางใจสั่น ‘นางเริ่มมีใจให้ข้าแล้ว!’ ฮั่วเฮ่อฉีหัวใจลิงโลด อยากจะ
บทที่ 54/2 อย่าทำให้ข้าโมโห จากนั้นก็ลงมือทุบตีจิกข่วน จนใบหน้าของวั่งเฉาบวมเป่งกลายเป็นหัวหมู ผ่านไปครู่หนึ่งโส่วจินจึงลากร่างอันบอบช้ำของ ของเล่นชิ้นใหม่ เอ้ย นักโทษคนใหม่ ไปแยกขังไว้ในห้องข้างๆ ช่วงสายของวันรุ่งขึ้น หวังเหลียงเดินกระสับกระส่าย วนไปวนมาอยู่หน้าจวนแม่ทัพปราบทักษิณ มารดาของเขากับจูหมัวมัวออกมาพบต้าอ๋องตั้งแต่เมื่อวานช่วงบ่าย จนถึงบัดนี้ทั้งคู่ยังไม่กลับจวน ทหารที่เฝ้าประตูกลับออกมาพร้อมพ่อบ้าน กล่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่าและจูหมัวมัว ออกไปจากที่นี่ตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานแล้ว ซึ่งถือเป็นความจริงไม่ได้โกหกเลยสักนิดเดียว หญิงชราถูกส่งไปหอโอสถเยว่เสียง ส่วนร่างไร้วิญญาณของจูหมัวมัวถูกพาไปทิ้งยังป่าอสูรในเวลาเดียวกัน ส่วนคนขับรถม้าอย่างฝานจื่อหรือหม่าฝาน ก็กลับมายังคฤหาสน์ตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า นางบอกให้เขากลับมารอรับหวังเหลียงตอนเลิกงานเหมือนทุกวัน นางกับจูหมัวมัวจะหารถม้ากลับคฤหาสน์เอง เพราะต้องใช้เวลาในการสนทนากับต้าอ๋องค่อนข้างนาน หวังเหลียงเดินกลับขึ้นรถม้า ในอกเต็มด้วยความวิตกกังวล มารดาของเขาหายตัวไป หลังมาขอพบต้าอ๋อง เรื่องนี้ดูอย่างไรก็ไม่ปกติ อยากจะถามไถ่มาก
บทที่ 54 อย่าทำให้ข้าโมโห วั่งเฉาละล่ำละลักเอ่ยวาจา เตรียมปลดปล่อยพลังธาตุ…ทว่ากลับไร้ปฏิกิริยาใดๆ พลังธาตุวารีระดับเจี๋ยตันขั้นสมบูรณ์ปลายยอดระดับคอขวด ถูกกดข่มไว้ด้วยพลังอันแข็งแกร่งบางอย่าง ชายวัยกลางคนตื่นตระหนกจนแทบจิตหลุด มองหญิงสาวราวเห็นภูตผี ใบหน้าของเขาซีดขาวมิต่างจากกระดาษ ในแววตาเต็มไปด้วยความสับสนระคนหวาดกลัว ในมหาพิภพทงเทียนเหอ สิ่งที่สามารถกดข่มพลังธาตุของนักพรตคนอื่นๆได้ในบัดดล มีเพียงสองประการ ประการแรกคือ เขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ของผู้ครอบครองธาตุแสงระดับหยวนอิงขึ้นไป และประการที่สอง พลังที่อยู่เหนือมวลมนุษย์ทั้งปวง ทวยเทพ! ถึงแม้หญิงสาวเบื้องหน้าจะมีตบะระดับหยวนอิง หากแต่นางหาใช่เผ่ามนุษย์สายเลือดสัตว์เทพเหมือนเช่นเชื้อพระวงศ์ของตำหนักเทพอนันต์ จะมีเขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ได้อย่างไร เรื่องที่นางมีธาตุมืดนั่นก็น่าเหลือเชื่อจนทำให้เขาประหลาดใจมากพอแล้ว “เจ้าเป็นใครกันแน่! เจ้าไม่ใช่หวังลี่ถิง แต่เป็นตัวปลอมใช่หรือไม่!” วั่งเฉาตกอยู่ในความหวาดผวาโพล่งวาจาออกมาขณะก้าวถอยหลัง “ถามมากเสียจริง หนวกหู” เสียงหวานดังขึ้นคล้ายรำคาญก่อนที่จะ… ครืนนน!! ปึ้ก!! แร
บทที่ 53/2 ช่วงเวลาแห่งความสนุก กระต่ายน้อยพองขนขู่ฟ่ออีกรอบ หันมาแหวใส่อีกฝ่ายทันควัน กล่าวว่าตนไม่ใช่เด็กน้อยเสียหน่อย ปีหน้าก็จะปักปิ่นแล้ว ถึงเวลานั้นจะกลับมาท้าเขาแข่งดื่มสุรา ใครแพ้ต้องยอมเรียกอีกฝ่ายว่า ลูกพี่ “ตกลง แล้วข้าจะรอแข่งร่ำสุรากับเจ้า! เตรียมล้างคอไว้ได้เลยอวี้เหวินอิงเอ๋อร์” “ท่านต่างหากที่ต้องเตรียมล้างคอไว้รอ หวงฝู่ฮ่าวอวี่” หลังจากปะทะคารมกันจบ ก็กลับมานั่งกินข้าวกันต่อ ทั้งคู่วางความแค้นลงชั่วคราว แต่กลับมาประลองฝีมือด้วยการแย่งชิงอาหารกันบนโต๊ะแทน รวี่เยว่ถึงกับส่ายหน้าให้กับความซุกซนของทั้งคู่ คืนนั้นองค์ชายใหญ่เสด็จกลับวังด้วยอารมณ์เบิกบานใจอย่างถึงที่สุด เขาไม่ได้สนุกเช่นนี้มานานแล้ว กงกงประจำตำหนักรีบไปรายงานจ้าวกุ้ยเฟยเป็นการเร่งด่วน องค์ชายใหญ่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทางด้านรวี่เยว่หลังจากส่งกระต่ายน้อยพุงโตถึงเรือน นางก็แวะไปดูสภาพของเล่นใหม่ที่ต้าอ๋องส่งมาให้ตามคำขอ ภายในคุกใต้ดินเวลานี้ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง บนร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยรอยตะปบ จากกรงเล็บของเสี่ยวเฮยมาว หญิงชรานั่งขดตัวกลม ยกมือปิดหน้าร้องไห้คร่ำครวญขอชีวิตปานขาดใจ ทว่าเสียงที่เ