ณ โรงแรมมันตราปุระ จังหวัดภูเก็ต
(ฟ้าแน่ใจใช่ไหมลูก เรื่องเปิดสาขาในไทย) ปานมุกเอ่ยถามลูกสาวบุญธรรมของเธอออกมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับมองไปยังหญิงสาวด้วยสายตาเว้าวอน
ตั้งแต่ปลายฟ้าลืมตาขึ้นมาดูโลกปานมุกซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าแท้ๆ ของทารกน้อยก็จำเป็นต้องรับหน้าที่ ‘แม่’ ไปโดยปริยาย เนื่องจากปาลินน้องสาวเพียงคนเดียวของปานมุขพอคลอดลูกเสร็จแล้วเธอก็ทิ้งลูกน้อยไปอยู่กับชายอีกคนซึ่งไม่ใช่พ่อของปลายฟ้าด้วยซ้ำ
ถึงแม้ว่าตอนนี้ปลายฟ้าจะอายุ 27 ปีแล้วก็ตามเธอก็ยังเป็นห่วงลูกสาวบุญธรรมของเธออยู่ดี ยิ่งนึกถึงวันที่ฟ้าเดินมาบอกเธอกับสามีว่า ‘จะกลับไปเปิดห้องเสื้อที่ไทย’ ปานมุกก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจไม่ว่าฟ้าอยากไปเธอไหนเธอไม่เคยคิดจะห้ามลูกเลยยกเว้น ‘ประเทศไทย’
“ฟ้าแน่ใจ ไม่มีอะไรที่แน่ใจไปมากกว่านี้แล้วค่ะ” ปลายฟ้ายกยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยบอกกับปลายสายกลับไปเสียงสดใสอย่างเช่นทุกครั้ง เธอรู้ดีว่าป้าของเธอรักและเป็นห่วงเธอมากเพียงใด แต่ในเมื่อเธอเลือกแล้วเธอก็จะไม่ลังเลในสิ่งที่ตัวเองเลือกอีกแม้แต่น้อย
(ถ้าไม่ไหวก็รีบกลับมาบ้านเรานะลูก)
(หรือถ้ามีใครรังแกหนูตั้งรีบบอกพี่ทันทีเลยเข้าใจไหม)
ลุงเอริคกับพี่อาร์ซีเอ่ยบอกกับหญิงสาวด้วยความเป็นห่วงไม่ต่างกัน ถึงฟ้าจะเป็นเพียงลูกบุญธรรมของบ้าน แต่เธอก็ได้รับความรักจากทุกคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก
“เข้าใจแล้วค่ะไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
(น้องรู้ใช่ไหมว่าพวกเรารักน้องมากแค่ไหน ถ้าอยู่ที่นั่นแล้วไม่มีความสุขน้องไม่จำเป็นต้องอดทนกลับมาบ้านเรา เข้าใจไหมน้องรักของพี่)
“ค่ะ ถ้ามีอะไรหนูจะบอกกับพี่อาร์ซีเป็นคนแรกเลยค่ะ”
(รับปากแบบนี้พี่ก็สบายใจ)
ปลายฟ้าเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวของ ‘อาร์ซี’ หนุ่มลูกครึ่งไทย - อิตาลี เขาทั้งรักและทะนุถนอมน้อยสาวคนนี้มาตั้งแต่วันแรกที่เธอลืมตาขึ้นมาดูโลก ความผูกพันที่พวกเขามีให้กันมันไม่ต่างอะไรกับพี่น้องที่คลานตามกันออกมา และมาเฟียหนุ่มตั้งใจว่าจะดูแลน้องสาวแบบนี้ตลอดไปจนกว่าจะมีคนที่สามารถทำได้ดีกว่าเขาเข้ามาดูแลเธอ
(ถ้าฟ้ารับปากพี่เขาแบบนี้ป้าก็สบายใจ)
“ป้าไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวฟ้าต้องเข้าไปเช็คอินก่อนนะคะ”
(จ๊ะ ลูกไปพักผ่อนเถอะนะ)
ปลายฟ้าเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าตามเดิม ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปยังฟร้อนท์ออฟฟิศ (แผนกบริการส่วนหน้า) ของโรงแรมมันตราปุระ โรงแรมระดับ 5 ดาวที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันดับต้นๆ ของภูเก็ต
“สวัสดีค่ะคุณปลายฟ้า...มันตราปุระยินต้อนรับค่ะ”
“สวัสดีค่ะ”
“ดิฉันชื่อนงนุชขออนุญาติพาคุณน้ำฟ้าไปที่ห้องพักนะคะ”
ปลายฟ้ายกยิ้มออกมาให้กับพนักงานต้อนรับตรงหน้า ก่อนจะเดินตามเธอไปยังห้องพักที่วิวสวยที่สุดของที่นี่ ปลายฟ้าใช้เวลาเกือบ 2 ปีสำหรับการจองห้องนี้ ตั้งแต่วันที่เธอตัดสินใจจะมาเปิดห้องเสื้อของตัวเองที่ปะเทศไทย โรงแรมมันตราปุระเป็นที่แรกและที่เดียวที่เธออยากมาพักระหว่างอยู่ที่นี่ ปลายฟ้าจึงจองห้องนี้ยาวถึง 3 เดือน
“ถ้าคุณปลายฟ้าต้องการอะไรสามารถแจ้งนุชได้ตลอดเวลาเลยนะคะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
“ด้วยความยินดีค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วนุชขอตัวก่อนนะคะ”
“อะ เอ่อคุณนุชคะ”
“มีอะไรให้นุชรับใช้เหรอคะคุณปลายฟ้า” นงนุชหันกลับมาถามหญิงสาวตรงหน้าอย่างนอบน้อม
“คือว่า...คุณภีมเดชอยู่ที่นี่รึเปล่าคะ?”
“ปกติคุณภีมจะอยู่ที่นี่เป็นหลักค่ะ แต่ช่วงนี้ที่ฟาร์มมุกมีปัญหาท่านจึงไปอยู่บนเกาะส่วนตัวของท่านค่ะ” นงนุชตอบคำถามของแขกสาวสวยตรงหน้ากับไปเสียงดังฟังชัด สำหรับนงนุชนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีแขกสาวสวยเขามาพักและจะถามหาเจ้านายของเธอ
ภีมเดช ธนหิรัญกิจ เป็นทายาทเพียงคนเดียวของคุณหญิงจิตตรีภรรยาคู่บุญของพลอากาศเอกหม่อมราชวงศ์ทีปรกร วัชรสกุล เพียงแค่นี้ภีมเดชก็เป็นที่สนใจของสาวๆ ในแวดวงไฮโซ และถึงเขาจะไม่ชอบเข้าสังคม แต่ด้วยความเฉลียวฉลาด หล่อ รวยไร้ที่ติเขายิ่งเป็นที่หมายปองของสาวๆ เข้าไปใหญ่
“อ่อ ขอบคุณมากนะคะ”
“ด้วยความยินดีค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วนุชขอตัวนะคะ”
“ค่ะ”
น้ำมนต์เดินเข้ามาภายในห้องพักสุดหรูของเธอ ก่อนที่เธอจะหยุดเดินและทิ้งตัวนั่งนอนลงบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องนั่งเล่น พร้อมกับหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้ากับการเดินทางที่แสนยาวไกล
‘ดูเหมือนว่าการเดินทางพึ่งจะเริ่มต้นจริงๆ นับจากนี้เป็นต้นไปต่างหาก’
“เฮ้อ!!!...”
20 ปีก่อน...
ณ บ้านหิรัญกิจ
“คุณแม่ครับ มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้เหรอครับ?” ภีมเอ่ยถามแม่ของเขาออกมาเสียงใส เขาทิ้งตัวนั่งลงข้างกายของมารดาพร้อมกับโอบกอดคนตรงหน้าเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง ทุกครั้งที่เขาเห็นสีหน้าอมทุกข์ของหญิงวัยกลางคนในอ้อมกอดมันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก
ภีมรับรู้มาตลอดว่าคุณแม่ของเขากำลังเป็นทุกข์กับเรื่องอะไร ก่อนหน้านี้พ่อของเขาก็รักแม่กับเขามาตลอด จนกระทั่งมีผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในชีวิตของคุณพ่อ ปราสาทที่แสนสุขของเขาก็พังทลายลงในชั่วพริบตา
ผู้ชายที่เคยเป็นสุภาพบุรุษคนดีคนเดิมของคุณแม่หายไป พ่อทั้งรักทั้งหลงผู้หญิงคนนั้นจนโงหัวไม่ขึ้น และที่หนักที่สุดเขาเห็นมันด้วยตาของตัวเองก็คือ...พ่อทำร้ายแม่ต่อหน้าต่อตาของเขาทั้งๆ ที่คุณพ่อก็รู้อยู่เต็มอกว่าคุณแม่กำลังตั้งท้องลูกอีกคนของเขาอยู่...
“แม่ครับ”
“ครับลูก” แก้วตาตอบกลับลูกชายก่อนที่สายตาเลื่อนลอยจะหันกลับมามองหน้าลูกชายอีกครั้ง รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของหญิงวัยกลางคน ถ้าหากไม่มีเด็กชายตรงหน้ากับลูกในท้องเธอก็คงจะไม่มีเหตุผลให้ต้องอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว
“เราเข้าบ้านกันเถอะนะครับ แม่นั่งตากลมตรงนี้มานานแล้วเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะครับ”
“ครับลูก” มุมปากที่บวมช้ำค่อยๆ ยกยิ้มขึ้นมา ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปภายในบ้านอย่างที่ลูกชายเธอบอกอย่างว่าง่าย
“ภีมรักแม่นะครับ” เด็กชายพยุงมารดาเข้ามาภายในบ้านก่อนที่เขาจะเอ่ยบอกกับคนตรงหน้าเสียงอ่อน ในขณะที่แขนแกร่งยังคงโอบกอดไหล่มนต์เอาไว้ไม่ยอมห่าง
“นี่ฉันเข้ามาเห็นภาพครอบครัวสุขสันต์อยู่เหรอเนี่ย?”
“...” แก้วตาชะงักไปเล็กน้อยที่เห็นว่าเจ้าของเธอเป็นใคร สิ่งที่แก้วตากลัวที่สุดก็คือ คุณภูธเรศสามีของเธอพาผู้หญิงคนใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ บ้านที่พวกเขาช่วยกันสร้าง บ้านที่มีความรักและความทรงจำอยู่มากมาย เธอเคยขอเขาไปหลายต่อหลายครั้งแล้วว่าเขาจะมีใครต่อใครข้างนอกเธอไม่ว่า แต่ห้ามพาผู้หญิงคนไหนก็ตามของเขามาเหยียบที่บ้านหลังนี้เด็ดขาด
“...” ภีมมองไปยังหญิงวัยกลางคนที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสายตาที่เรียบเฉย ไม่ต้องเดาเขาก็พอจะรู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้คือใคร ‘เมียน้อยของพ่อกับลูกติด’ ตาคมเลื่อนมามองเด็กสาวหน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์ในชุดกระโปรงลายดอกไม้สีชมพูนิ่งๆ จนทำให้เด็กคนนั้นที่กำลังยกยิ้มมาให้กับเขาต้องหุบยิ้มลงไปในที่สุด
“ใครอนุญาตให้คุณเข้ามาที่นี่คะ?”
“ฉันจำเป็นต้องขออนุญาตใครด้วยอย่างนั้นเหรอ?”
“คุณ!!”
“ฉันชื่อปาลินส่วนเด็กคนนี้คือลูกสาวของฉันชื่อปลายฟ้า จริงๆ ฉันก็ไม่ได้อยากจะมาเห็นหน้าเธอนักหรอกนะ”
“แล้วคุณเข้ามาที่นี่ทำไม?” แก้วตาเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกมาอีกครั้งเสียงสั่น เธอพยายามเก็บกั้นหยดน้ำตาที่กำลังไหลออกมาเอาไว้ ไม่ว่ายังไงก็จะให้ผู้หญิงคนนี้เห็นน้ำตาของเธอไม่ได้เด็ดขาด
“ฉันเอาขนมมาให้ คุณภูธเรศติดประชุมด่วนท่านเลยให้ฉันเอามันมาให้เธอ”
“...” แก้วตามองไปยังถุงขนมตรงหน้าพร้อมกับมุมปากค่อยๆ แสยะยิ้มออกมา
‘ของโปรดของฉัน...อย่างน้อยคุณก็จำได้นะคะว่าฉันชอบกินอะไร’ แก้วตาเดินเข้าไปรับขนมจากปาลินก่อนที่เธอจะเปิดมันออกมาดูข้างในเป็นโดนัดรสช็อกโกแลตร้านประจำของเธอ
“หมดธุระแล้วฉันขอตัวก่อน” ปาลินเบะปากขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับมองร่างบางตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่ชิงชัง ก่อนที่เธอจะเดินจูงมือปลายฟ้าลูกสาววัย 8 ปีเดินออกไปจากคฤหาสน์
ปาลินหยุดเดินก่อนจะหันกลับไปมองดูแก้วตากำที่ลังกินโดนัดอย่างเอร็ดอร่อย มุมปากของปาลินค่อยๆ แสยะยิ้มร้ายขึ้นมา...
“...” ทุกการกระทำของคนเป็นแม่อยู่ในสายตาของลูกสาวทั้งหมด ปลายฟ้าในวัน 8 ขวบ ถึงเธอจะมีความรู้สึกนึกคิด และรู้จักผิดชอบชั่วดีแล้วก็ตาม แต่เพื่อต้องการให้คุณแม่รักเธอ เธอจึงเลือกที่จะมองดูการกระทำของผู้เป็นมารดาอยู่เงียบๆ ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา
“เรากลับกันเถอะ วันนี้แกอยากกินอะไรก็บอกมาฉันจะพาแกไปกินทุกอย่าง” เด็กสาวสบตาเข้ากับตาคมของเด็กชายตรงหน้า ก่อนที่เธอจะก้มหน้าลงอีกครั้งอย่างไม่กล้าสู้หน้าเขา
“ฟ้ากินอะไรก็ได้ค่ะ” ฟ้าเอ่ยบอกกับมารดาผู้ให้กำเนิดเธอออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ตั้งแต่ที่เธอลืมตาขึ้นมาดูโลกจนกระทั่งเธอจำความได้ เธอเติบโตมาโดยอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของป้าปานมุกพี่สาวเพียงคนเดียวของคุณแม่ของเธอ จนเมื่อไม่นานมานี้ป้าปานมุกกับลุงเอริคสามีของเธอต้องย้ายกลับไปประจำการอยู่ที่ประเทศอิตาลีซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดของคุณลุง (ลุงเอริคเคยเป็นอัครราชทูตประจำประเทศไทย)
ปลายฟ้าจึงขอใช้โอกาสนี้อยู่กับแม่ผู้ให้กำเนิดเธอขึ้นมาแทนที่จะไปอยู่อิตาลีกับป้าที่เป็นคนที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก แต่ยิ่งเธอปลายฟ้าอยู่ใกล้กับแม่บังเกิดเกล้าของเธอ เธอก็ยิ่งไม่มีความสุข...
“แม่ครับ มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” ภีมนั่งมองคุณแม่ของเขาอยู่เงียบ ก่อนที่เด็กชายจะถามออกมาด้วยความสงสัย มือเล็กลูบลงที่หลังมือบางของคนตรงหน้าอย่างเบามือด้วยความเป็นห่วง
ครืนนนนนนนนนน~~ ครืนนนนนนนนนน~~
“คุณภู” แก้วตายกยิ้มออกมาก่อนที่เธอจะหยิบโทรศัพท์ตรงหน้าขึ้นมาดู พร้อมกับกดรับสายทันทีไม่ปล่อยให้ปลายสายต้องรอนาน
(ฉันลืมเอกสารอยู่บนโต๊ะทำงาน เอามาให้ฉันที...)
“ค่ะ ได้ค่ะ” แก้มยกยิ้มออกมาในรอบหลายวันก่อนที่เธอจะรีบวิ่งขึ้นไปยังห้องทำงานของภูธเดชสามีของเธอในทันที
“คุณแม่ครับ” ภีมยืนมองร่างบางตรงหน้าแต่งตัว ก่อนที่เขาจะเอ่ยเรียกเธอออกมาเสียงอ่อน
“ภีมรอแม่อยู่ที่บ้านนะครับ เดี๋ยวแม่เอาเอกสารไปให้คุณพ่อก่อน”
“แต่คุณแม่ครับ...”
“ภีมครับ” แก้วตาหยุดเดินก่อนที่เธอจะเดินกลับมามองลูกชายของตัวเองอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาหาลูกชายพร้อมกับย่อตัวนั่งลงตรงหน้าของเขา
“ครับ”
“รอแม่อยู่ที่นี่เดี๋ยวแม่กลับมา ลูกไปเตรียมตัวรอรับเพื่อนๆ นะครับเด็กดีของแม่” แก้วตาเอ่ยบอกกับลูกชายของเธอเสียงอ่อน
วันนี้ภีมมีนัดทำงานกับเพื่อนๆ ของเขาที่บ้าน เขาจึงจำเป็นที่ต้องปล่อยให้คุณแม่ขับรถออกไปจากบ้านคนเดียว เด็กชายมองตามรถหรูถูกขับออกไปจนลับตา
‘ไม่ธรรมดาจริงๆ สินะ’ ตาคมมองตามแผ่นหลังบางของหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ก่อนที่มุมปากหนาจะแสยะยิ้มร้ายออกมาชายหนุ่มยืนพิงต้นไม้ใหญ่อยู่ตรงหน้านั้นสักพักก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้า ชายหนุ่มตัดสินใจเดินตามหญิงสาวทั้งสองคนไปเงียบๆ“ซักผ้าพวกนี่ให้หมด”“หมดนี่เลยเหรอ?”“ซักให้ดีๆ ด้วยล่ะเสื้อผ้าพวกนี้เป็นของคุณภีม” บุษบาสั่งการคนตรงหน้าเสร็จเธอก็เดินออกไปในทันที“ที่นี่ไม่มีเครื่องซักผ้าอย่างนั้นเหรอ”“กว่าจะซักหมดนี้เมื่อไหร่จะได้เจอพี่ภีมละเนี่ย” ปลายฟ้ายู่หน้าเล็กน้อยก่อนที่เธอจะก้มลงไปมองตะกร้าไม้สานตรงหน้าตาละห้อย ปลายฟ้าไม่ได้กลัวที่ตัวเองจะต้องทำงานหนัก แต่กลัวว่าเวลาที่เธอมีอยู่จะน้อยเกินไปที่จะช่วยพี่ภีมให้หลุดพ้นจากความเจ็บปวดในอดีต“ดูเหมือนเธอจะอยากเจอฉันมากเลยนะ”“พี่ภีม” ปลายฟ้ายิ้มหวานออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงของชายหนุ่ม หญิงสาวจ้องมองไปยังใบหน้าคงเข้มตรงหน้าอย่างพิจารณา20 ปีมาแล้วที่เธอไม่ได้เจอเขา ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมาจริงๆ จากเด็กผู้ชายที่แสนอบอุ่น อ่อนโยนและใจดี กลับด้านชา แข็งกระด้างและดูไร้หัวใจ ‘เป็นไปไม่ได้หรอก...พี่ภีมยังมีหัวใจแต่คงถูกซ่อนไว้ที่ไหนสัก
“ฉันพึ่งเริ่มเธออย่ารีบชิงตายไปก่อนล่ะ” ภีมเอ่ยบอกกับคนตรงหน้าเสียงเรียบ ก่อนที่เขาจะกระชากร่างบางให้นอนคว่ำหน้าลงกับโซฟาตัวใหญ่ จนใบหน้าสวยหวานกระแทกเข้ากับขอบโซฟาอย่างแรง“ฮืออออ พะ พี่ภีมปล่อยฟ้าไปเถอะนะ” หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นพร้อมกับยกมือไหว้อ้อนวอนคนตรงหน้า แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะชายตามองเธอเลยแม้แต่น้อย“...” มือหนาของชายหนุ่มจับมือบางของหญิงสาวขึ้นมาไพล่หลังของเธอเอาไว้ทั้งสองข้าง ก่อนที่มืออีกข้างของเขาจะถอดกางยีนส์ตัวเก่าของตัวเองออก“พะ พี่ภีม ฮืออออ ฟ้าขอร้อง...” น้ำสีใสไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย แต่เหมือนว่ายิ่งเธอร้องเขาก็ยิ่งได้ใจ“หึหึ ร้องไห้ดังๆ และจำหน้าฉันไว้ให้ดี...”“พี่ภีมคะ ฟ้าขอร้อง ฮึกกก ฮือออออ อย่าทำอะไรฟ้าเลยนะคะ ฟ้าของร้อง”“...” มุมปากหนายกยิ้มออกมาก่อนที่เข้าจะจับท่อนเอ็นของตัวเองพร้อมกับรูดขึ้นลงอย่างช้า ในขณะที่ตาคมยังคงจับจ้องไปยังแผ่นหลังบางของคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง“มะ ไม่เอานะ”“อย่าทำเป็นไม่เคยไปหน่อยเลย เธอน่าจะผ่านมาเยอะแล้วนี่...”“ไม่ค่ะ ฟ้าไม่เคย...”“หึหึ หลอกเด็กอนุบาลมันยังไม่เชื่อเธอเลย แล้วเธอคิดว่าฉันจะเชื่องั้นเหรอ?”
“ภีม ภีม ไอ้ภีม...!!!”“ว่าไง?” ภีมเอ่ยถามเพื่อนของเขาออกไปด้วยความสงสัย ก่อนที่จะพบว่าทุกคนกำลังมองมาที่เขาเป็นตาเดียว“หาวววว~~ ง่วงว่ะ”“นั่นสิไม่รู้ว่าทำไมถึงง่วงขนาดนี้ หาวววว~~”“งั้นก็นอนพักก่อนเดี๋ยวเราขอตัวออกไปโทรหาคุณแม่ก่อน” ภีมหันไปมองจานโดนัดตรงหน้า ก่อนที่เขาจะเอ่ยบอกกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้องนอนนั่งเล่น“คุณหนู คุณหนู”“พี่น้อยมีอะไรรึเปล่าครับ?”“คุณผู้หญิงประสบอุบัติเหตุ เสีย ชีวิต...”“ตี๊ดดดดด~” พี่เลี้ยงของเด็กชายยังพูดไม่ทันจบชายหนุ่มก็ภาพตัดไปในทันที เพียงแค่เสี่ยววินาทีเด็กชายที่เคยมีพร้อมกลับสูญเสียไปทุกสิ่งทุกอย่างไปในชั่วพริบตา“คุณหนู”20 ปีต่อมา...“คุณแม่ครับ เฮือกกก~~” ภีมสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาจากความฝัน มือหนายกมือขึ้นมาลูบหน้าของตัวเองก่อนที่จะเขาจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ตาคมมองไปยังคลื่นที่กำลังซัดเข้าฝั่งด้วยสายตาที่เรียบเฉย“อรุณสวัสดิ์ค่ะนายหัว” ป้านวลแม่บ้านคนเก่าคนแก่เอ่ยถามชายหนุ่มออกมาอย่างนอบน้อม นอกจากป้านุ้ยจะเป็นแม่บ้านแล้วเธอยังเป็นแม่นมที่คอยช่วยคุณหญิงจิตตรีเลี้ยงดูภีมมานับตั้งแต่คุณแม่ของเขาเสียชีวิตไป“อรุณ
ณ โรงแรมมันตราปุระ จังหวัดภูเก็ต(ฟ้าแน่ใจใช่ไหมลูก เรื่องเปิดสาขาในไทย) ปานมุกเอ่ยถามลูกสาวบุญธรรมของเธอออกมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับมองไปยังหญิงสาวด้วยสายตาเว้าวอนตั้งแต่ปลายฟ้าลืมตาขึ้นมาดูโลกปานมุกซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าแท้ๆ ของทารกน้อยก็จำเป็นต้องรับหน้าที่ ‘แม่’ ไปโดยปริยาย เนื่องจากปาลินน้องสาวเพียงคนเดียวของปานมุขพอคลอดลูกเสร็จแล้วเธอก็ทิ้งลูกน้อยไปอยู่กับชายอีกคนซึ่งไม่ใช่พ่อของปลายฟ้าด้วยซ้ำถึงแม้ว่าตอนนี้ปลายฟ้าจะอายุ 27 ปีแล้วก็ตามเธอก็ยังเป็นห่วงลูกสาวบุญธรรมของเธออยู่ดี ยิ่งนึกถึงวันที่ฟ้าเดินมาบอกเธอกับสามีว่า ‘จะกลับไปเปิดห้องเสื้อที่ไทย’ ปานมุกก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจไม่ว่าฟ้าอยากไปเธอไหนเธอไม่เคยคิดจะห้ามลูกเลยยกเว้น ‘ประเทศไทย’“ฟ้าแน่ใจ ไม่มีอะไรที่แน่ใจไปมากกว่านี้แล้วค่ะ” ปลายฟ้ายกยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยบอกกับปลายสายกลับไปเสียงสดใสอย่างเช่นทุกครั้ง เธอรู้ดีว่าป้าของเธอรักและเป็นห่วงเธอมากเพียงใด แต่ในเมื่อเธอเลือกแล้วเธอก็จะไม่ลังเลในสิ่งที่ตัวเองเลือกอีกแม้แต่น้อย(ถ้าไม่ไหวก็รีบกลับมาบ้านเรานะลูก)(หรือถ้ามีใครรังแกหนูตั้งรีบบอกพี่ทันทีเลยเข้าใจไหม)ลุงเอริคกับพี่อาร์ซ