 LOGIN
LOGIN[ณ โรงพยาบาล...ห้องฉุกเฉินในเวลาต่อมา]
“ท่านชายป่วยขนาดนี้ ทำไมถึงไม่บอกทุกคนเลย แล้วนี่เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ นายโทรบอกชายคินน์หรือยังประคิน”
ท่านผู้หญิงบงกชเพชรรีบรุดมายังโรงพยาบาลหลังทราบข่าวอาการป่วยกระทันหันของหม่อมราชวงศ์นวพล ซึ่งเธอไม่เคยรับรู้มาก่อน ว่าท่านชายจะป่วยหนักขนาดนี้ ทั้งที่เธอยังเห็นท่านปกติดีทุกอย่าง
“โทรแล้วครับ ท่านชายคินน์กำลังมาครับคุณหญิง”
ประคินชะเง้อมองเข้าไปยังห้องฉุกเฉินด้วยความเป็นห่วง หม่อมราชวงศ์นวพลเกิดอาการแทรกซ้อนขึ้นมากลางดึก ค่อนข้างโคม่า มะเร็งปอดระยะสุดท้ายกำลังทำลายร่างกายของท่านชาย ซึ่งตรวจพบในระยะเวลาเพียงสั้นๆ เท่านั้น
“คุณแม่คะ ทำไมคุณพ่อถึงไม่บอกใครคะ คุณพ่อป่วยขนาดนี้ แล้วมารู้เอาตอนที่...”
“พ่อของลูกไม่เป็นอะไรมากหรอกแพรพิไล หมอมือหนึ่งอยู่ใกล้พ่อแล้ว เขากำลังรักษาอาการของพ่ออยู่ ไม่เป็นไรหรอกจ้า”
คุณหญิงบงกชเพชรปลอบประโลมบุตรสาว ซึ่งตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่า สิ่งที่เธอบอกลูกสาวนั้นจะเป็นอย่างไร การป่วยของสามีนี้เป็นเรื่องช็อคที่สุดสำหรับเธอ คุณหญิงบงกรเพชรไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าสุขภาพร่างกายของท่านชายจะอ่อนแอ หวังว่าท่านชายคงไม่เป็นอะไรตอนนี้นะ ไม่งั้นเธอกับลูกต้องเดือดร้อนแน่นอน สิ่งที่เธอห่วงมากที่สุดก็คือ พินัยกรรมของท่านชายจะเขียนไว้อย่างไร ถ้าหากท่านชายจากไปตอนนี้
“คุณพ่อดูปกติมากเลยนะครับแม่ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ครับ”
ธนนท์ผู้ที่ถูกเรียกตัวมาอีกคน ในฐานะที่เป็นบุตรชายคนที่สอง แน่นอนถึงแม้ว่าพ่อเขาจะไม่ได้รักเขามากมาย แต่ธนนท์ก็ยังห่วงใยผู้เป็นพ่อ
“แม่ก็ไม่รู้เลยนนท์ พ่อของลูกปิดทุกคนไว้ ไม่รู้ว่าชายคินน์จะรู้เรื่องนี้มาก่อนหรือเปล่า”
แกร๊ก! เสียงประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิด สายตาทุกคู่จับจ้องผู้ที่ออกมาทันที
“ลูกชายคนโตของท่านชายมาหรือยังครับ”
แพทย์ผู้รักษาเอ่ยขึ้น พร้อมกับกำลังสอดส่ายสายตาเพื่อมองหาบุคคลที่คนไข้เขาขอพบในวาระสุดท้ายของชีวิต
“นี่ค่ะ นนท์ลูกเข้าไป”
คุณหญิงบงกชเพชรรีบดันตัวบุตรชายคนรองเข้าไปทันที
“ไม่ครับแม่ ต้องรอพี่คินน์ครับ คุณพ่ออยากเจอพี่คินน์”
ธนนท์รู้ว่าถ้าเขาเข้าไปจะทำให้อาการของผู้เป็นพ่อกลับทรุดลงไปอีก เสี้ยวเวลาอันน่าหวาดเสียวแบบนี้ เขาก็ไม่กล้าที่จะเสนอตัวเองเข้าไปเป็นแน่ เพราะธนนท์รู้ตัวเองอยู่แล้ว ว่าไม่ใช่เบอร์หนึ่งสำหรับพ่อของเขา
“ท่านชายคินน์กำลังมาแล้วครับ”
“เร็วนะครับ เรามีเวลาไม่มากครับ”
“ทำไมคุณพ่อถึงไม่อยากเจอพวกเราคะคุณแม่ แพรกับพี่นนท์ก็เป็นลูกคุณพ่อเหมือนกันนะคะ”
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันลูก...”
คุณหญิงบงกชเพชรรู้ว่าตัวเองไม่สำคัญมาตลอด สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับเธอเลยสักนิด ท่านชายนวพลไม่เคยรักเธอเลย ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา มันคือหน้าที่ของท่านชายเท่านั้นที่ปฏิบัติกับเธอและลูก
“คุณพ่อล่ะครับ!! คุณพ่อเป็นอะไร!”
เสียงของหม่อมราชวงศ์หนุ่มดังมาแต่ไกล อคิราห์ทราบข่าวจากเลขาของพ่อเขา ก็รีบเหยียบจนสุดไมล์มาที่โรงพยาบาล ‘พ่อของเขาเป็นอะไร ทำไมต้องอาการหนัก’
“เข้าไปเลยครับ ท่านชายรอคุณอยู่”
แพทย์คนเดิมบอกกับอคิราห์ให้รีบเข้าไป เวลาเหลืออันน้อยนิดจริงๆ
[ภายในห้องฉุกเฉิน...ในเวลาต่อมา]
“ลูกอย่าร้องไห้เลยคินน์ พ่อไม่ได้เจ็บป่วยอะไรมาก”
หม่อมราชวงศ์นวพลปลอบใจบุตรชายของตัวเอง แม้สิ่งที่เขาพูดออกไปจะไม่เป็นความจริงสักนิด
“ครับ พะ-พ่อต้องหายนะครับ เดี๋ยวหมอกำลังจะรักษาพ่อนะครับ พ่อต้องอดทนไว้นะครับ พ่อต้อง...”
ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกตรงคออย่างห้ามไม่อยู่ อคิราห์เสียใจอย่างที่สุด ที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้ดูแลพ่อของเขาเลย ได้แต่สร้างเรื่องปวดหัว ทะเลาะเบาแว้งกับพ่อของเขาอยู่ตลอดเวลา เพราะความไม่ลงรอยและความดื้อรั้นอยากเอาชนะของตัวเอง เป็นเหตุให้เขาละเลยในสิ่งที่ลูกควรจะทำ
“ลูกฟังพ่อนะคินน์”
“คะ-ครับพ่อ”
“ต่อไปนี้ลูกจะต้องดูแลทุกสิ่งทุกอย่างต่อจากพ่อ ดูแลน้องๆ และคุณหญิง ดูแลบริษัท ดูแลลูกน้องของพ่อทุกคน และ...”
“แต่คุณพ่อครับ...”
“พ่อรู้ตัวเองดี...สิ่งสุดท้ายที่พ่อจะขอลูกอีกอย่างนะคินน์”
“ครับพ่อ...”
“ลูกต้องสัญญากับพ่อก่อนได้ไหม ว่าจะทำตามและไม่ผิดสัญญาที่ให้กับพ่อไว้”
“ครับ...ผมให้สัญญา” มือของชายหนุ่มบีบไปที่มือของบิดาเบาๆ เพื่อย้ำคำมั่นในสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป
“ลูกจะต้องดูแลขวัญข้าวและณภัทรแทนพ่อ และต้องให้สัญญากับพ่อว่า จะเลี้ยงสองคนนี้เป็นอย่างดี จนกระทั่งเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่...ลูกให้สัญญาได้มั้ยคินน์...”
สิ่งที่หม่อมราชวงศ์นวพลเห็นจะห่วงมากที่สุดก็คือบุตรของหญิงคนรักเก่าเขา เพราะทั้งขวัญข้าวและณภัทรไม่เหลือใครแล้วจากนี้
“ครับพ่อ...ผมให้สัญญาครับ ผมจะดูแลขวัญข้าวและน้องชายของเธอให้ดีครับ...พ่อไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะรักษาสัญญานี้ของพ่อให้ได้ครับ...”
“ขอบใจมากนะลูก...ทรัพย์สมบัติทุกอย่าง พ่อระบุไว้ในพินัยกรรมหมดแล้ว...พ่อรักลูกมากนะคินน์ ลูกคือดวงใจของพ่อมาตลอด...อภัยทุกอย่างให้กับพ่อนะลูก พ่อขอโทษ...”
“ผมก็รักพ่อครับ...ผมขอโทษพ่อครับ ที่ทำตัวไม่ดีมาตลอด ทั้งที่พ่อรักผมมากขนาดนี้ ผมขอโทษครับ...พ่อ”
“อืม...ถ้ารักพ่อล่ะก็ อย่าลืมที่พ่อขอไว้นะคินน์...”
“ครับพ่อ...”
........................
[หนึ่งเดือนต่อมา...ณ ห้องรับแขกในคฤหาสน์]
บรรยากาศภายในห้องโถงใหญ่ที่เต็มไปด้วยบุคคลและทายาทของหม่อมราชวงศ์นวพล รวมไปถึงทนายประจำของตระกูลวรารักษ์เมธานนท์ที่ถูกนัดหมายและรวมตัวกันในวันนี้ เพื่อเปิดผนึกของพินัยกรรม หลังจากที่หม่อมราชวงศ์นวพลประมุขของบ้านนั้นจากไป กำหนดการเปิดพินัยกรรมจึงอุบัติขึ้นท่ามกลางสายตาหลายคู่ในการรออย่างใจจดใจจ่อและลุ้นระทึก
“ทำไมท่านชายถึงต้องให้นังเด็กนี่มาฟังด้วย แม่ไม่เข้าใจเลยชายคินน์ อย่าบอกนะว่าคุณพ่อของชายคินน์จะยกสมบัติให้กับเด็กสองคนนี่ด้วย”
สายตาของคุณหญิงเหยียดมองไปยังเด็กทั้งสอง ที่นั่งกับพื้นและก้มหน้าฟังอย่างสงบ
 ทรายแมว
ทรายแมวกดหัวใจ คอมเมนท์ = หนึ่งกำลังใจนะคะ ฝากกดติดตาม เพิ่มเข้าชั้น และรับแจ้งเตือนตอนใหม่ เรื่องใหม่ค่ะ ทรายแมว : เขียน

“พักเรื่องงานไว้ก่อนครับ วันนี้ผมขอดื่มฉลองมิตรภาพของเราก่อนนะครับ”วิลเลี่ยมยกแก้วเครื่องดื่มชูขึ้น สายตาคมสีฟ้าของเขามองไปยังเลขาแสนสวยที่อยู่ในชุดเดรสสีแดงที่มีความเซ็กซี่อย่างที่สุด“อ่อ ครับ ผมนี่แย่จริงๆ นะครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่พูดเรื่องงานซะเยอะเลย ความจริงวันนี้ผมก็พาคุณมาผ่อนคลายครับ”ธนนท์รีบยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นเพื่อเป็นการขอโทษ“สองสาวนี่ไม่ต้องห่วงนะครับ วันนี้พักเรื่องงานสักวัน เดี๋ยวผมขออนุญาตเจ้านายคุณเองครับ...โอเค มั้ยครับคุณธนนท์”“ได้ครับ หมดเวลางานแล้วครับ” ธนนท์หันไปพยักหน้าให้กับสองสาวเพื่อยืนยันในสิ่งที่เขาพูด“ค่ะ/ค่ะ”“อืม ขออนุญาตถามเรื่องส่วนตัวคุณ...เขม หน่อยนะครับ ไม่ทราบว่าคุณมีครอบครับหรือยังครับ”วิลเลี่ยมเปิดประเด็นคำถามในสิ่งที่เขาสนใจทันที เขารู้สึกถูกใจหญิงไทยคนนี้มาก“ยังค่ะ ดิฉันยังโสดค่ะ” เขมมิกาตื่นเต้นอย่างที่สุด สุดท้ายแล้วเธอก็เข้าตาหนุ่มสายฝอเข้าแล้ว ^^“ไหนๆ คุณเขมก็ถูกท่านประธานถามเรื่องนี้ไปแล้ว จริงๆ ผมก็อยากรู้เหมือนกันนะครับ ว่าคุณชมพูนุทตอนนี้คุณยังโสดเหมือนกับคุณเขมหรือเปล่าครับ”ปรเมศยิงคำถามต่อจากเจ้านายของตัวเองทันที“เอ่อ
“ค่ะ...” “ฉันอยากจะขอโทษเธอ...ขวัญข้าว ขอโทษในสิ่งที่ฉันทำไม่ดีกับเธอและน้องของเธอ อภัยให้ฉันเถอะนะ...” “ค่ะคุณผู้หญิง ดิฉันให้อภัยคุณผู้หญิงค่ะ และดิฉันเชื่อว่าแม่ของดิฉันก็คงจะคิดเหมือนกันค่ะ เรื่องราวในอดีต ดิฉันไม่ได้เก็บเอามาคิดอีกแล้วค่ะ คุณผู้หญิงไม่ต้องคิดมากนะคะ” “ขอบใจเธอมากนะขวัญข้าว ฉันขอบใจเธอจริงๆ บ้านหลังนี้เธออยู่ได้สบายเลยนะ ไม่ต้องย้ายออกไปอยู่ที่ไหนแล้ว นอกเสียจากเธอจะแต่งงานมีครอบครัวไป นั่นก็แล้วแต่เธอนะ ฉันไม่ได้มีอำนาจที่จะตัดสินใจ อย่างที่บอก ชายคินน์ต่างหาก ที่เป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้ และในตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งชายคินน์กับนนท์ลูกชายของฉัน ทำไมถึงยังไม่แต่งงานมีครอบครัวกันอีก เรื่องนี้ก็ทำให้ฉันกลุ้มใจอยู่พอสมควร” “ท่านชายคินน์กับคุณนนท์อาจจะมีแล้วก็ได้นะคะ คุณทั้งสองอาจจะยังไม่เปิดตัวก็ได้ค่ะคุณผู้หญิง” “ไม่มีหรอก...ฉันตามสืบมาหมดแล้ว” “ห๊ะ! อะไรนะคะ คุณผู้หญิงตามสืบเหรอคะ”คำพูดของคุณหญิงบงกชเพชรทำให้ขวัญข้าวตกใจเป็นอย่างมาก หัวใจเธอเต้นแรงแทบจะทะลุออกจากอก ขวัญข้าวกังวลเรื่องเธอกับท่านชายในอดีต
[บ้านวรารักษ์เมธานนท์...ในเวลายามเย็น] “นั่นลูกจะออกไปไหนอีกล่ะ พึ่งกลับเข้ามาไม่ใช่เหรอ”คุณหญิงบงกชเพชรมองบุตรีของตัวเองที่อยู่ในชุดพร้อมที่จะออกจากบ้าน “แพรนัดเพื่อนไว้ค่ะคุณแม่ วันนี้วันเกิดมิ้นท์ค่ะ เราจะไปฉลองกันค่ะ” “เรื่องเรียนของลูกไปถึงไหนแล้ว ตามแก้รายวิชาครบแล้วหรือยัง แล้วเทอมนี้จะจบหรือเปล่าลูก” “ยังค่ะคุณแม่ คงต้องจบเทอมหน้าค่ะ เพราะเหลืออีกแค่สองตัวค่ะ ยังไงแพรก็ต้องเรียนจบอยู่แล้วค่ะ คุณแม่ไม่ต้องห่วงค่ะ” “อะไรนะ! ไหนลูกบอกว่าเทอมนี้จะจบ แล้วนี่เลื่อนไปเทอมหน้าอีกเหรอ ตายแล้วยัยแพร ทำไมเรียนแค่นี้ ถึงไม่จบซะที ดูพี่นนท์เราสิ ถึงแม้จะเกเรยังไงแต่ก็ยังเรียนจบ ทำไมลูกถึงไม่เอาอย่างพี่นนท์บ้างล่ะลูก” “ก็อาจารย์ที่ ‘มหาลัยสิคะคุณแม่ แกล้งแพรค่ะ ความจริงแพรก็จะจบเทอมนี้แหละค่ะ”แพรพิไลกุเรื่องเพื่อโกหกผู้เป็นแม่ ความเป็นจริง เธอเองต่างหากที่ไม่อยากเรียนจบ เพราะถ้าเธอเรียนจบแล้ว แม่ของเธอจะต้องจับเธอยัดเข้าทำงานที่บริษัทพี่ชายของเธอเป็นแน่ “แม่ไม่เชื่อที่ลูกบอกหรอกนะแพร ครั้งที่แล้วลูกก็บอกว่าอาจารย์แกล้งแบ
“อึก! อึก!” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นมาด้วยความตกใจที่จู่ๆ ริมฝีปากของชายหนุ่มก็ฉกวูบลงมาด้วยความเร็วแสงประกบจูบปากของเธออย่างรวดเร็ว ขวัญข้าวพยายามสะบัดหน้าหนี แต่ทว่าก็ถูกมือใหญ่บีบปลายคางของเธอเอาไว้ ลมหายใจปัดผ่านข้างใบหน้าใกล้ชิด ลิ้นหนาเกี่ยวกวัดลิ้นเล็กไว้ในปากอย่างหิวกระหาย อีกมือก็เกี่ยวกระหวัดร่างบางเข้ามาแนบร่างแกร่งราวกับงูใหญ่กำลังรัดเหยื่ออย่างหิวโหย“อึ้ม...” ขณะที่ริมฝีปากของเขาแนบสนิทก็ไม่อาจซ่อนรอยยิ้มอันพึงใจไว้ได้ ความหวานที่เคยลิ้มลองไม่เคยลดน้อยลงไปเลยสักนิด ชายหนุ่มตะโบมจูบอย่างร้อนแรงและหนักหน่วงจนได้ยินเสียงอู้อี้ในลําคอของอีกฝ่าย“ไม่! อึก!” ขวัญข้าวพยายามดิ้นเพื่อหนีริมฝีปากร้อน แต่เธอก็ไม่สามารถจะหลบหลีกริมฝีปากความเร็วแสงนั้นได้ มือทั้งสองข้างของเธอผลักอกแกร่งจนสุดแรง แต่ทว่ามันก็เหมือนกับผลักหินผาก็ไม่ปาน สะโพกมนเกยอยู่บนโต๊ะทำงานในสภาพกึ่งนั่งกึ่งยืน โดยที่ตัวของชายหนุ่มใช้ร่างของเขากันเธอเอาไว้ ไม่ให้หนีออกไปได้สำเร็จ“อืม...หวานเหมือนเดิมนี่”อคิราห์ถอนริมฝีปากของตัวเองออก พร้อมกับก้มมองใบหน้าของเธอ ที่ตอนนี้มีสภาพแดงเห่อไปทั่วทั้งหน้า ชายหนุ่มยกยิ้มอย
[อีกด้านหนึ่ง...ห้องทำงานบริษัทวรารักษ์เมธานนท์] “ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะยุ่งยากตรงไหนเลย เธอมาสมัครงานตามที่นายนนท์บอกเธอไว้แล้วนี่ เธอก็รู้อยู่แล้ว ทำไมจะต้องทำเรื่องนี้ให้วุ่นวายไปอีก ฉันไม่เข้าใจ”หม่อมราชวงศ์อคิราห์มองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา และต้องการที่จะพบเขาในเวลานี้ เหตุผลของเธอเพียงเพื่ออยากสมัครงานตามระบบแค่นั้นหรือ เขาไม่เข้าใจเลย “ดิฉันคิดว่ามันไม่ถูกต้องค่ะ ดิฉันไม่อยากจะใช้เส้นค่ะ ดิฉันแค่ต้องการได้สอบและสัมภาษณ์ตามปกติเหมือนคนทั่วไป ก็แค่นั้นเองค่ะท่านชาย” “แล้วเธอได้อะไร จากสิ่งที่เธอกำลังเรียกร้องอยู่ตอนนี้” “ดิฉันไม่ได้เรียกร้องค่ะ แค่ต้องการทำให้มันถูกต้องตามระบบก็เท่านั้นเองค่ะท่านชาย”ดวงตากลมโตจ้องกลับใบหน้าคม เอาจริงๆ วันนี้เป็นครั้งแรกของขวัญข้าวเลยก็ว่าได้ ที่เธอได้มองหน้าเขาได้ชัดเจนและเต็มตามากขนาดนี้ เธออยู่ห่างจากเขาไม่ถึงเมตรเลยด้วยซ้ำ ลมหายใจร้อนเป่ารดมาที่เธอ จนเธอสัมผัสได้ และทำให้เธออดนึกถึงความรู้สึกบางอย่างเมื่อเจ็ดปีที่แล้วไม่ได้... “ผลสุดท้าย เธอก็ต้องเข้าทำงานอยู่ดี ทำไมต้องเรื่องมาก” “นี่
[บริษัทวรารักษ์เมธานนท์] “ขอโทษนะคะ คือว่าดิฉันยังไม่ได้สอบข้อเขียน และสัมภาษณ์เลยนะคะ คุณจะให้ดิฉันเริ่มงานวันพรุ่งนี้เลยเหรอคะ”ขวัญข้าวมาสมัครงานที่บริษัทวรารักษ์เมธานนท์ในวันรุ่งขึ้น ในตำแหน่ง Sales Engineer ตามที่บริษัทได้ประกาศรับ เธอพึ่งจะกรอกใบสมัครไปใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที ขวัญข้าวก็ทราบผล เธอรู้สึกไม่โอเคกับสิ่งที่คุณธนนท์ทำมากนัก เธอไม่อยากเป็นเด็กเส้นในสายตาของคนอื่น สังคมการทำงานของเธอก็จะลำบากมากขึ้น “คุณธนนท์เธอได้บอกไว้แล้วค่ะ ว่าถ้าคุณขวัญข้าวมา ก็รับได้เลยแค่กรอกใบสมัครก็พอค่ะ รายละเอียดต่างๆ ในการทำงานอยู่ซองกระดาษนี่นะคะ ดิฉันเตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ” “ดิฉันขอคุยกับคุณธนนท์หน่อยได้มั้ยคะ” “คุณธนนท์ไม่อยู่ค่ะ เธอไปจังหวัดระยองกับเลขา และฝ่าย Sales Engineer คนใหม่ตั้งแต่เมื่อเช้าค่ะ” “Sales Engineer คนใหม่เหรอคะ เอ่อ ไม่ทราบว่าเธอชื่อชมพูนุทหรือเปล่าคะ”เมื่อเช้าเพื่อนของเธอได้แชทหาเธอตั้งแต่เช้า ว่าจะรีบออกไปทำงาน วันแรกของชมพูนุทก็ดูจะรีบร้อนไปหมด “ใช่ค่ะ คุณชมพูนุทพึ่งมาทำงานวันนี้วันแรกค่ะ เผอิญมีลูกค้าใหญ่ที








