Masuk--------------
ศาลาริมน้ำส่วนในสุดของบ้านหลังใหญ่ พื้นที่สีเขียวขจีกว้างขวางมีต้นไม้น้อยใหญ่รายล้อมโดยถัดจากพื้นหญ้าไปอีกหน่อยนั่นคือห้องพักของเหล่าคนสวนและคนขับรถ ซึ่งถูกแยกออกจากห้องพักของเหล่าแม่บ้านเพื่อแยกชายหญิง ทว่าในพื้นที่ส่วนนี้กลับไม่มีแม่บ้านคนไหนสมัครใจมาทำสักคนเดียว กระทั่งมีเด็กใหม่อย่างขนมเข้ามา
"ฟู่ เรียบร้อย"
เธอยกหลังมือซับหยาดเหงื่อบริเวณหน้าผากพลางมองพื้นหญ้าสีเขียวขจีซึ่งไร้ใบไม้ ก่อนเธอจะเริ่มขยับเข้าไปทำความสะอาดในศาลาหินอ่อนบริเวณริมสระน้ำใหญ่
"แถวนี้สงบจัง แถมยังเงียบมากอีกด้วย"
หญิงสาวอดอู้งานไม่ไหว ขนมทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้หินอ่อนตัวยาวพิงแผ่นหลังอิงกับเสาหินอ่อน ความเย็นของมันซึมผ่านเนื้อผ้าเข้ามาถึงแผ่นหลังทำให้ร่างกายที่เหนื่อยล้าได้รับการผ่อนคลาย
"ป่านนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวแม่จะไปถึงไหนแล้วนะ เสร็จหรือยัง" เดิมทีฉันเองก็โทรหาแม่ทุกวันอยู่แล้ว พอรู้ว่าแม่จะเริ่มเปิดร้านอาหารตามสั่งและก๋วยเตี๋ยวก็เชียร์แม่สุดใจ ฝีมือการทำอาหารของแม่ถือว่าอร่อยไม่แพ้ใครเลยล่ะ หากไปได้ด้วยดีฉันก็อยากกลับไปเรียนต่อที่บ้านจะได้อยู่ช่วยแม่ขายของ แต่ตอนนี้คงทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้
"เอาล่ะทีนี้ก็เริ่มทำงานของเราบ้างดีกว่า"
ขนมลุกขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวาน ขณะเธอกำลังเดินไปคว้าไม้กวาดกลับเห็นเท้าของใครบางคน เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบเข้ากับชายที่เธอไม่อยากเจอเมื่ออยู่ลำพังมากที่สุด
"พะ พี่เมฆ"
"โหดีใจเลยแฮะ นี่จำชื่อพี่คนนี้ได้ด้วยเหรอครับ ^^ "
ไม่เพียงแค่ว่าแต่ปาก แต่ฝีเท้ายังคงก้าวตามติดร่างบางไม่ห่างด้วยความกลัว ขนมพยายามรักษาระยะห่างให้ได้มากที่สุด เธอฝืนยิ้มด้วยแววตาสั่นเครือ
"อะ เออว่าแต่พี่เมฆไม่ไปทำงานหรอคะ"
"นี่ห่วงพี่คนนี้ด้วยเหรอครับ คิกคิก คิดเหมือนกันกับพี่ใช่ไหมล่ะ"
"กึด!" น่ากลัว จู่ๆ ก็เลียริมฝีปากสายตาจิกมองหน้าอกจนถึงข้อเท้าของฉัน ทำซ้ำไปมาอยู่แบบนั้นจนฉันกลัวแทบก้าวเท้าไม่ออกได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าขยับอย่างกับคนขี้ขลาด แถมในเวลากลางวันแบบนี้ไม่ค่อยมีคนผ่านไปผ่านมาแถวนี้ด้วย เกิดฉันโดนข่มขืนขึ้นมาแล้วตะโกนดังๆ คนในบ้านจะได้ยินไหมนะ
"เรื่องงานน่ะพี่ทำเสร็จหมดแล้วล่ะ เลยรีบมาหาขนมที่นี่ไง ได้ข่าวว่าขนมกำลังจะเข้ามหาลัยไม่ทราบว่า มีเงินซื้อชุดนักศึกษาหรือยังเอ่ย"
เมฆเอ่ยด้วยสีหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยพลางขยับฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ ในเวลาเดียวกันร่างบางก็ขยับฝีเท้าเดินถอยหลังทิ้งระยะห่างเช่นเดียวกัน
"ถ้ายังไม่มีเงินซื้อชุด ไปหาพี่ที่ห้องพักสิเดี๋ยวพี่คนนี้จะเลี้ยงดูหนูเอง แพล็บ"
"!!!"
ร่างใหญ่ผิวเข้มว่าจบแลบลิ้นเลียรอบริมฝีปากสีหน้าท่าทางดูหื่นกระหายเรื่องบนเตียงไม่เบา นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวกลัวจนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม ได้แต่ยืนห่อไหล่คิดหาวิธีหนีให้พ้นร่างใหญ่ตรงหน้าร้อยพันวิธี สถานการณ์ที่ตึงเครียดนั่นกลับถูกใครบางคนเข้ามาแทรกแซง
"เรื่องเงินไม่ต้องห่วง กูไม่ปล่อยให้น้องเมียไม่มีเสื้อผ้าใส่ไปเรียนแน่"
"คะ คุณแบงค์!"
เมฆเห็นผู้กุมอำนาจใหญ่ในบ้านเข้าถึงกับหน้าถอดสี เพราะอีกแค่ก้าวเดียวเขาก็จะได้สัมผัสเรือนร่างบอบบางแสนงดงามตรงหน้าแล้วแท้ๆ
ระ รอดแล้วเรา
"งานของมึงอยู่ตรงนี้หรือไงไอ้เมฆ"
"ปะ เปล่าครับผมแค่จะกลับมาเอาของที่ห้องเท่านั้นเอง"
เสือเมฆที่เคยกร่างขณะนี้เป็นเพียงหมาเชื่องๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น ได้แต่ก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าสบตาผู้เป็นนาย
"งั้นก็รีบไปเอา และรีบกลับไปทำงานของมึงซะ"
"ครับ!!" เวรเอ้ย! เข้ามาขัดจังหวะกูจนได้ อีกนิดเดียวก็จะได้อาหารตาไปกินแล้วแท้ๆ
เมฆจ้ำอ้าวเดินหนีไปทิ้งไว้เพียงผู้เป็นนายและสาวใช้เท่านั้น ด้วยเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกเมื่อครู่ทำให้สติของขนมล่องลอย เธอยังคงยืนนิ่งไม่ขยับอยู่อย่างนั้น แบงค์ที่เห็นถึงความผิดปกติเขาจึงทิ้งระยะห่างเดินไปอีกฝั่งของศาลาหินอ่อนกอดอกทอดมองคลื่นน้ำแทน
"เป็นไปได้อย่าอยู่กับไอ้นั่นสองต่อสอง"
"แต่ดิฉันไม่คิดที่จะอยู่กับเขาสองต่อสอง...สักหน่อย"
เสียงหวานแผ่วปลายเกรงว่าหากทำให้ผู้เป็นนายไม่พอใจจะเกิดเรื่องใหญ่ตามมา ทันทีที่สิ้นเสียงนั้นร่างหนาของพี่เขยกลับหันมาจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชาเช่นเดิม
"ไม่เห็นต้องใช้คำพูดห่างเหิน เธอเป็นน้องเมียส่วนฉันเป็นพี่เขย ต่อไปนี้เรียกฉันว่าพี่ ถ้าได้ยินเรียกว่าคุณอีกฉันจะหักเงินเดือนเธอครั้งละห้าพัน"
"ค ค่ะ! เข้าใจแล้วค่ะค---!! พี่แบงค์"
เสียงสดใสใบหน้าพะว้าพะวังของสาวใช้ทำเอาพี่เขยเผลอยิ้มมุมปากขึ้นมา
"หื้ม?"
"อะ เออ"
แต่เมื่อเป็นขนมที่กำลังจ้องมองมาเห็นจึงรีบหันหลังหนีหน้าเธอในทันที
เมื่อกี้เขายิ้มเหรอ? คนเย็นชาแบบนั้นยิ้มเป็นด้วยสินะ
"ระวังตัวหน่อยก็ดี ฉันรู้มาว่าพี่สาวเธอไม่ชอบเธอ"
"ค่ะ ฉันเองก็พอรู้เลยไม่กล้าที่จะสู้หน้าคุณครีม"
"คุณ?"
ได้ยินคำพูดห่างเหินระหว่างพี่น้อง ร่างหนาหันหน้ากลับมามองด้วยแววตาสงสัย
"นี่พวกเธอเป็นพี่น้องกันจริงหรือเปล่า"
"ฉันไม่กล้าเอาตัวเองขึ้นไปเทียบกับคุณครีมหรอกค่ะ อีกอย่างฉันเองก็เป็นแค่ลูกเมียน้อยของบ้านเท่านั้นเอง"
เท่าที่ให้คนตามสืบก่อนหน้านี้เห็นว่าแม่ของยัยนี่ ถูกตาแก่นั่นเข้าไปข่มขืนที่ห้องเกิดเป็นยายนี่ออกมา สองแม่ลูกถูกดูแลไม่ต่างอะไรกับสัตว์เลี้ยงเป็นทาสรับใช้โดยแท้ จากสีหน้าน้ำเสียงแววตาของเด็กนี่คงจะโดนมาเยอะจริงๆ ไม่คิดว่าคนตระกูลนั้นจะทำกับผู้หญิงสองคนได้โหดร้ายถึงขนาดนี้
"หลังจากนี้ เธอไปเป็นคนดูแลทำความสะอาดห้องนอนและห้องทำงานของฉัน"
"คะ!" นั่นคือหน้าที่ของพี่หวานนี่นา แล้วถ้าฉันไปทำจะไม่เป็นไรหรือไง
"เดี๋ยวฉันจะให้หัวหน้าแม่บ้านจัดการ เปลี่ยนให้คนที่ทำงานตรงนั้นมาอยู่ที่นี่"
เขาว่าเรื่องที่ตัวเองต้องการเรียบร้อยก็เดินจากไปทั้งแบบนั้น ทิ้งให้หญิงสาวยืนนิ่งตกอยู่ในห้วงความคิดครู่ใหญ่
"นี่ เธอจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม รีบตามมาได้แล้ว"
"ค่ะ! จะตามไปเดี๋ยวนี้ค่ะ" อะไรของเขาจู่ๆ ก็เข้ามาทำดีด้วย เอาเถอะอย่างน้อยก็ขอทำงานนี้จนได้เข้าเรียนมหาลัยไม่ว่าจะอะไรฉันก็ไม่เกี่ยงหรอก
--------------
----------------"พี่ไวท์เราคบกันไหมคะ" "..........." เจ้าตัวไม่ได้พูดคำไหนออกมา เพียงแค่ยืนก้มหน้าแน่นิ่งอยู่แบบนั้น ราวกับกำลังตกตะกอนความคิดในหัวของตัวเองอยู่ แต่ฉันกลับลุ้นระทึกทุกวินาทีกลัวว่าพี่เขาจะปฏิเสธไม่ได้รู้สึกเหมือนกันกับฉัน แต่ต่อให้จะถูกปฏิเสธฉันก็ไม่หวั่นหรอก เพราะเวลาที่ฉันจะทำให้พี่ไวท์ยอมรับยังมีอีกเยอะ "เหมี่ยวไม่อยากคาดเค้นจากพี่หรอกนะ แต่ถ้าพี่พร้อมที่จะเป็นแฟนเหมี่ยวในตอนนี้เลยคงจะดีไม่น้อย" "เหมี่ยวแน่ใจแล้วเหรอว่าจะฝากชีวิตที่เหลือไว้กับพี่" "ค่ะ ตั้งแต่วันนั้นที่เราได้คุยกันจริงจัง เหมี่ยวก็รู้เลยว่าเหมี่ยวชอบพี่จริงๆ" "ถ้าเหมี่ยวยืนยันแบบนั้น" พี่ไวท์ค่อยๆ เดินตรงมาหาฉันก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนพื้น ในจังหวะนั้นฉันเองก็ตื่นเต้นไม่รู้ว่าคำตอบจากปากของพี่เขาจะเป็นเช่นไร ระหว่างที่กำลังตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูกอยู่นั้นฝ่ามือหนาเอื้อมคว้าชอบดอกไม้ในมือ ก่อนจะก้มหน้าใช้ริมฝีปากกระตุกเชือกคลายปมโบว์สีแดงสดบนเอวฉันจนมันคลายหลุดออกจากกัน"!!!" บอกตามตรงใจฉันมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยทั้งกังวลประหม่าและกลัวในเวลาเดียวกัน ได้แต่นอนหลับตารอคำตอบอย่างเงียบๆ กระทั่งสัม
---------------"เออขอบใจมึงมากที่เข้าใจ""ที่ผ่านมาเองกูก็ละเลยเหมี่ยวมากเกินไป ทำเหมือนน้องไม่มีตัวตน เอาเป็นว่าพี่ขอโทษนะ""อ๋อ ไม่เป็นไรเหมี่ยวเข้าใจพี่ดี เพราะคนที่เริ่มเรื่องทั้งหมดคือเหมี่ยวเองนี่ พี่กายไม่ต้องขอโทษเหมี่ยวหรอก"เหมี่ยวอธิบายโดยเร็วเธอเองก็คงรู้สึกผิดเหมือนกัน ทำเอาบรรยากาศหลังพูดความในใจโล่งปลอดโปร่งราวกับคนละโลกกับเมื่อกี้"เพื่อเป็นการขอโทษที่กูหลบหน้ามึง วันนี้กูเลี้ยงเอง""มันต้องแบบนี้ดิวะ กูรอคำนี้ของมึงมานานแล้วไอ้ไวท์""เบาหน่อยนะมึง แดกเหล้าทุกวันจนตับร้องไห้ล่ะ""ทำไงได้วะความสุขกูนี่หว่า"ไม่ผิดหวังเลยที่วันนี้ผมได้มาเจอกับมัน บรรยากาศคำพูดสิ่งหนักอึ้งในใจได้หายไปหมดแล้ว ผมมักจะเผลอมองหน้ามะเหมี่ยวและยิ้มออกมาทุกครั้ง โดยไม่คิดเลยว่าการได้มองหน้าผู้หญิงคนหนึ่งมันจะทำให้มีความสุขได้มากขนาดนี้ กระทั่งเรานั่งดื่มกันไปสักพัก มะเหมี่ยวเริ่มขยับตัวเอ่ยกระซิบบางอย่างข้างหูผม คำนั้นทำเอาความร้อนรุ่มในร่างกายผมมันลุกโชนขึ้นมาในทันทีที่ได้ยิน"คืนนี้หนูมีอะไรจะบอกพี่ไวท์ อย่าลืมไปที่ห้องหนูนะ หนูจะรอ...อย่างใจจดใจจ่อ""อึก"ไม่ได้แค่พูดแต่ฝ่ามือยังเลื่อนไล้ไป
------------สัปดาห์ต่อมา"เหมี่ยว!""ห๊ะ!!!" "แกเป็นไรเนี่ย ช่วงนี้เหม่อลอยผิดปกตินะ" เสียงเรียกที่ดึงสติฉันกลับมาคือปุ๊ก ขณะที่เรานั่งกินชานมหลังเลิกเรียนฉันเหม่อมองคิดถึงใบหน้า น้ำเสียง สีหน้าของพี่ไวท์ทุกครั้งที่สติไม่อยู่กับตัว แม้วันนั้นจากผ่านมานานนับสัปดาห์แล้วก็ตาม"มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ" ฉันพูดไหลตามน้ำไปพลางยกแก้วขานมขึ้นดื่ม "หรือว่าแกกำลังมีความรัก!?" "มะ ไม่ใช่สักหน่อย!" ทายถูกจนน่าขนลุกเลยแฮะ เรื่องที่ฉันกำลังคุยกับพี่ไวท์อยู่ไม่ได้บอกให้ปุ๊กรู้ กลัวว่าปุ๊กนะเป็นห่วง ด้วยที่พี่ไวท์มีเพื่อนเป็นพี่กายเกียรติศักดิ์คงไม่ต้องพูดถึง"ถ้าแกจะมีแฟนฉันก็ไม่ติดนะเว้ย แต่ผู้ชายสมัยนี้ส่วนใหญ่หวังเอาเพื่อสนุกเท่านั้นแหละ ส่วนเรื่องรักเป็นรอง" "ไหงคิดแบบนั้นล่ะ" "ตัวอย่างก็มีให้เห็นตั้งเยอะแยะ อย่างพี่กายเดือนมหาลัยอะไรนั่น""แล้วปุ๊กคิดว่าความรักคืออะไร" ปุ๊กเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเพราะกำลังเรียบเรียงคำพูดอยู่ หรือเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรดี"ความมั่นคง แน่วแน่ แม้จะอยู่ห่างไกลแต่ยังคงยืนหยัดในรักเดียว"คงเพราะปุ๊กลุกกับแฟนห่างไกลกันเธอจึงมองว่าความรักคือการยืนหยัดใ
------------"พี่ไวท์~" ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ตอนนี้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้สักนิดแค่ได้เห็นพี่ไวท์อยู่ตรงหน้าฉันพร้อมพุ่งเข้าใส่ อยากครอบครองอยากมีพื้นที่ที่อบอุ่นปลอดภัย ฉันโหยหาความรักนั้นมาเสมอในตอนนี้ฉันมั่นใจว่าพี่ไวท์เป็นคนที่ใช่สำหรับฉัน เพราะแบบนั้นฉันจึงไม่อยากเสียพี่เขาไปอีก จากเหตุการณ์ครั้งที่แล้วหลังจากที่พี่ไวท์หนีกลับไปฉันทั้งรู้สึกเสียดาย อับอายในเวลาเดียวกัน เสียดายที่ไม่รั้งและเสนอตัวมอบทั้งหมดให้พี่เขา ทั้งอับอายและกลัวที่จะถูกพี่เขามองว่าเป็นผู้หญิงใจง่าย เพราะแบบนั้นในวันนี้ฉันจึงเลือกที่จะดื่มและวางแผนทุกอย่างจนในที่สุด เวลาที่ฉันจะได้ครอบครองพี่ไวท์ก็มาถึงฉันจะไม่ปล่อยพี่เขาไปไหนเด็ดขาด จนกว่าฉันจะได้เป็นคนรักของเขา "เหมี่ยว อือ~" ฝ่ามือหนากดท้ายทอยขณะเดียวกันฉันเริ่มขยับเบียดกลีบอวบน้ำไปมากับกางเกงที่ถูกดันขึ้นมา รู้สึกได้เลยว่าส่วนนั้นของฉันมันชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำหวาน เวลาที่สัมผัสกับเสื้อผ้าจึงรู้ว่าส่วนนั้นมันชุ่มไปด้วยหยาดน้ำหวานเต็มไปหมด ไม่ไหวฉันเองก็เสียวสะท้านจนควบคุมความรู้สึกอารมณ์ตัวเองไม่ได้แล้วเหมือนกัน อยากจะสัมผัสของจริงแล้วสิ"พี่ไวท์เหมี่ยวไม
--------------"ไม่เอาอะ กลับไปเหมี่ยวก็อยู่คนเดียว มันเหงานะพี่รู้ไหม" คำพูดของน้องทำเอาผมชะงัก เหงา ผมเองก็เข้าใจความหมายของมันนะ เข้าใจเป็นอย่างดีเลยล่ะ ด้วยที่แม่ผมเสียไปตั้งแต่ยังเด็กส่วนพ่อก็ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ นานๆ ทีจะบินกลับมาหา ทำให้ผมต้องอยู่บ้านคนเดียวตลอดมา เพราะฉะนั้นผมเข้าในคำว่าเหงาเป็นอย่างดี "ขอเหมี่ยวอยู่กับพี่ต่ออีกหน่อยไม่ได้หรอ" ทั้งสายตาและน้ำเสียงอ้อนวอนทำเอาใจเต้นรัว เกรงว่าปฏิเสธไปทำให้เธอร้องไห้คงรู้สึกแย่ไม่น้อย ท้ายที่สุดผมยัดร่างอรชรขึ้นรถก่อนจะขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยเตรียมขับรถออกจากร้านเหล้า "พี่ไวท์เหมี่ยวไม่อยากกลับบ้านจริงๆ" "ได้ งั้นก็กลับบ้านพี่" "........." ผมพูดไปแบบนั้นก่อนจะขับรถออกมา แต่เหมี่ยวกลับไม่โต้ตอบได้แต่ก้มหน้าไม่พูดอะไร แม้ผมจะละสายตาหันมองหน้าเธอเป็นระยะแต่เหมี่ยวกลับไม่เงยหน้าขึ้นมองแม้แต่น้อย กระทั่งผมขับรถเข้ามาจอดในรั้วบ้านดับเครื่องยนต์หันกลับไปมองเธออีกครั้ง เหมี่ยวเงยหน้าขึ้นมาด้วยแววตาสั่นไหวเล็กน้อย"เหมี่ยวเป็นไร" "พะ พี่ไวท์ แหวะ!!!" "เฮ้ย!!!" กว่าจะจัดการพาคนเมาลงจากรถได้ไหนจะต้องจัดการเศษซากอารยธรรมจากกระเ
------------ร้านเหล้าที่ประจำของผมและไอ้กาย ที่นี่มักจะถูกใช้เป็นสถานที่ล่าหญิงของมันอยู่บ่อยครั้ง แต่วันนี้ผมไม่ได้นัดเพื่อนแต่อย่างใด คนที่ผมนัดจริงๆ คือแฟนของเพื่อนต่างหาก "พี่ไวท์สวัสดีค่ะ" เสียงของใครบางคนดังขึ้นมา เมื่อหันไปเห็นหญิงคนหนึ่งถ้าจำไม่ผิดเธอเคยเป็นหนึ่งในเหยื่อของไอ้กาย ผมเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้ารับเบาๆ เพราะผมจำชื่อเธอไม่ได้เกิดทักผิดเดี๋ยวจะหน้าแตกเอา "ครับ" "วันนี้มานั่งคนเดียวเหรอคะ พี่กายล่ะ?" "อ๋อมันไม่ว่าง" มัวแต่ไปเอากับเด็กนิเทศอยู่ อยากพูดแบบนั้นออกไปก็กลัวว่าจะทำให้เพื่อนเสียภาพลักษณ์ จะว่าไปคนแบบมันคงไม่มีอะไรต้องเสียแล้วล่ะมั้ง"แล้วพี่ไวท์มาคนเดียวเหรอคะ" เธอทำท่าจะนั่งลงข้างผม ดูทรงแล้วคงอยากเก็บแต้มผมอีกคนสิท่า ใครจะสนคนที่ผมรออีกไม่นานคงมาถึง เกิดเห็นว่าผมกำลังนั่งคุยกับหญิงอื่นคงถูกมองเป็นผู้ชายเหมือนไอ้กายแหง "อื้ม อีกไม่ถึงห้านาทีก็มาแล้ว" "อะ อ๋อค่ะ" ทั้งที่กำลังย่อเข่าลงทันทีที่ได้ยิน เธอรีบยันตัวลุกขึ้นอัตโนมัติ มันต้องพูดตรงๆ แบบนี้แหละ "งั้นขอตัวก่อนนะคะ" ในที่สุดผมก็ได้อยู่คนเดียวเงียบๆ สักที ระหว่างนั้นผมกวาดสายตาไปรอบๆ ร้านแต่ค







