หลินฉีตกใจแล้ว เหตุใดจู่ๆมารดาถึงได้ถามถึงท่านแม่ทัพหยางได้ นางมีเขาอยู่ในดวงใจตั้งแต่ผ่านพ้นพิธีปักปิ่น วันนั้นนางกับเหล่าองค์หญิงติดตามฮองเฮาไปไหว้พระที่วัดกวนอิมบังเอิญพบเจอบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งดวงหน้าหล่อเหลา องอาจผ่าเผยแม้อายุยังน้อยแต่เขากลับรั้งตำแหน่งองครักษ์
ครานั้นบังเอิญพบโจรเป็นเขาที่เข้ามาช่วยนางเอาไว้ตั้งแต่นั้นมาองครักษ์หยางผู้นั้นก็เข้ามาอยู่ในจิตใจของนาง จวบจนหลังจากนั้นเขาจากไปชายแดนก็เป็นนางที่เฝ้าติดตามข่าวคราว แม้กระทั่งในตำหนักยังแอบเก็บภาพวาดของเขาเอาไว้อย่างลับๆ หลินฉีคิดว่าเขาคือคู่ฟ้าประทานจากสวรรค์ดั่งเช่นคำกล่าว วีรบุรุษช่วยสาวงาม คือคู่ครองตราบสิ้นลมหายใจ
"ว่าอย่างไรเล่าเจ้าคิดว่าเขาเป็นคนเช่นไร"
เสียงของฮองเฮาทำให้หลินฉีหลุดจากภวังค์ใบหน้าแดงก่ำอย่างเก้อเขิน
"เหตุใดเสด็จแม่ตรัสถามถึงความคิดลูกที่มีต่อบุรุษเล่าเพคะ ลูก คือ"
"แม่ถามเพราะเป็นเจ้า ฉีเออร์เจ้าว่าเขาดีหรือไม่"
องค์หญิงใหญ่ก้มหน้าลงรอยยิ้มพร่างพราวก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ ใบหน้างามล้ำแดงก่ำด้วยความเขินอาย
"สมกับเป็นลูกแม่บุรุษผู้นี้เหมาะสมกับเจ้าอย่างยิ่ง ในแผ่นดินนี้คนที่เหมาะจะครองคู่กับเจ้าแม่เห็นเพียงแม่ทัพหยางเพียงผู้เดียว ถึงแม้ว่าหากเขาแต่งกับเจ้าแล้วจะต้องสละยศทางการทหารแต่เจ้าไม่ต้องห่วง บุตรในท้องของเจ้าแม่วางตำแหน่งสูงส่งให้เขาแล้ว"
ฮองเฮายิ้มชั่วร้าย ตัวนางเองทำอย่างไรก็ไม่อาจตั้งครรภ์ได้เนื่องด้วยสุขภาพที่ไม่ใคร่ดีนัก ดังนั้นเมื่อพระนางไม่สามารถตั้งครรภ์ในวังหลวงแห่งนี้สตรีอื่นก็ไม่อาจมีพระโอรสได้เช่นกัน อำนาจล้วนอยู่ในมือนางดังนั้นไม่ว่านางต้องการสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น หากนางต้องการบัลลังก์ให้หลานชายของนางซึ่งเกิดกับหลินฉีบุตรสาวนางก็ต้องได้มา หยางเอ้อหลางมีคุณสมบัติครบถ้วนที่ผ่านการประเมินของฮองเฮาอีกทั้งรู้ว่าบุตรสาวของตนเองก็ชอบพอหยางเอ้อหลางไม่น้อย
เมื่อทุกสิ่งลงตัวเช่นนี้ฮองเฮาจึงถือโอกาสนี้จัดการให้ทั้งคู่แต่งกันเพื่อปูทางอนาคตให้กับบุตรสาวและสกุลบ้านเดิมของตนเอง
"เสด็จแม่ตรัสสิ่งใดลูกอายนะเพคะ" องค์หญิงใหญ่หลินฉีบิดผ้าเช็ดหน้าในมือจนยับย่น ผู้เป็นมารดาเห็นดังนั้นก็หัวเราะชอบใจ บุตรสาวของนางผู้นี้สายตาเฉียบคมการที่มีใจให้หยางเอ้อหลางเป็นเรื่องที่ดี
"แม่ไม่ปิดบังเจ้าแล้ว แม่ทัพหยางเก่งกาจบุ๋นบู้ หล่อเหลาองอาจ สง่าผ่าเผย ต้นตระกูลนั้นยอมสละเพื่อแผ่นดินอดีตฮ่องเต้หลายพระองค์ยกย่อง บารมีมากล้นหากจะมีผู้ใดที่คู่ควรกับเจ้าต้องเป็นเขาแล้ว"
"เสด็จแม่หมายความว่าอย่างไรเพคะ"
"แม่ขอถามอีกประโยค เจ้าพึงใจเขาหรือไม่"
"เสด็จแม่" องค์หญิงใหญ่ยกมือทาบอกใบหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม บัดนี้นางเขินอายจนแทบจะมุดร่างเข้าไปในอาภรณ์งดงามอยู่แล้ว
"แม่เข้าใจแล้วในเมื่อเจ้ายินยอมแม่ก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวล เจ้าเป็นบุตรสาวที่แม่และฝ่าบาทภูมิใจมากการจะเลือกเฟ้นหาราชบุตรเขยจึงเป็นเรื่องสำคัญหากเจ้าไม่ขัดข้องแม่ก็ยินดีเช่นนั้นในวันราชพิธีต้อนรับทหารจากชายแดนเจ้าก็จงแต่งกายให้งามยิ่งเข้าใจหรือไม่"
“เพคะ”
องค์หญิงใหญ่รับคำ เสด็จแม่ของนางชอบให้นางโดดเด่นยิ่งวันสำคัญเช่นนั้นจะปล่อยให้องค์หญิงผู้อื่นแย่งความโดดเด่นไปมิได้ ส่วนตัวองค์หญิงใหญ่หลินฉีนั้นไม่เห็นว่าจะมีผู้ใดที่งดงามยิ่งกว่าตน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดมารดาจึงเน้นย้ำเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้กล่าวแย้งสิ่งใดออกไปมารดาว่าอย่างไรนางก็เออออตามนั้น เพราะนางเป็นเช่นนี้บิดามารดาอีกทั้งไทเฮาจึงทรงรักใคร่องค์หญิงใหญ่นัก ฉลาดและรู้จักประจบประแจงยิ่ง
สายตาขององค์หญิงใหญ่เป็นประกาย ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในตำหนักของฮองเฮาเกิดเรื่องยินดีที่นางเฝ้าฝันมาเนิ่นนานโดยกะทันหัน ด้วยเป็นสตรีสูงศักดิ์ไม่อาจกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดีให้อับอายได้แต่ซ่อนงำความตื่นเต้นไว้ภายในกระนั้นผู้เป็นมารดาก็ยังจับได้ว่านางยินดีเพียงใด
บุตรสาวกลับไปแล้วฮองเฮาเอนกายลงด้วยความสบายพระทัย เป็นเพราะพระนางไม่มีพระโอรสอีกทั้งอายุก็ล่วงเลยวัยเยาว์มามาก ถึงใบหน้าของพระนางจะทรงอ่อนเยาว์ประดุจสาววัยแรกรุ่นเพราะบำรุงด้วยของดีชั้นเลิศแต่ร่างกายก็หาได้ตอบสนองฝ่าบาทได้ดังเดิม
การกำจัดสนมคนอื่นๆที่ตั้งครรภ์บุตรชาย จึงเกิดขึ้นอย่างลับๆ หากองค์หญิงใหญ่ได้สมรสกับตระกูลหยางนับว่าดียิ่งวันหน้าการแต่งตั้งหลานชายผู้เก่งกาจของนางขึ้นครองราชย์คงไม่มีผู้ใดคัดค้านได้ ด้วยสายเลือดตระกูลหยางที่เก่งกาจและอำนาจบารมีมากล้นนับเป็นแรงสนับสนุนที่ดีเยี่ยม
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล