Share

บทที่ 11

เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะหนึ่ง แล้วซูเยียนหรันก็ชะงักไป

"พระชายารอง ท่านทำเกินไปแล้ว เมื่ออนุเข้าจวนมาก็ต้องยกน้ำชาให้นายหญิง ถึงแม้ว่าพระชายาของพวกเราจะไม่เป็นที่โปรดปราน แต่ก็ยังเป็นพระชายา ท่านทำเช่นนี้ทำให้ราชวงศ์กับจวนอ๋องต้องขายหน้าจริงๆ" เฟิ่งเอ๋อร์พูดคำว่าอนุสองคำนี้ออกมาเน้นๆ

กล่าวหานางอย่างร้ายแรงได้ขนาดนี้ ซูเนี่ยนจึงเหลือบมองเฟิ่งเอ๋อร์ด้วยสายตาที่ชื่นชม

ต่อให้ซูเยียนหรันเป็นที่โปรดปรานมากเพียงใดก็เป็นเพียงแค่อนุ แต่ซูเนี่ยนเป็นภรรยาเอก ซูเยียนหรันทำเช่นนี้ก็เท่ากับเป็นการตบหน้าเหล่าภรรยาเอก

คุณหนูรองซูผู้นี้เป็นแค่ลูกอนุแต่วันนี้ไต่เต้ามาถึงตำแหน่งนี้ได้ คงจะไม่ได้เป็นคนที่ใสซื่ออะไร

คุณหนูจากตระกูลขุนนางที่ปกติได้อยู่ใกล้ชิดกับซูเยียนหรันทำท่าครุ่นคิด ในสายตาเผยให้เห็นถึงการต่อต้านเล็กน้อย

"ไม่ใช่นะ ไม่ใช่เช่นนั้น แต่มือของข้า"

ซูเยียนหรันส่ายหัวอย่างแรง

พูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกซูเนี่ยนพูดขัดขึ้น "เป็นพี่เองที่ไม่ดี ชาร้อนๆ เมื่อครู่นี้พี่ควรรับมา พี่มีผิวที่หนาและหยาบกร้านจะไม่เป็นอะไรมาก แต่น้องนั้นทั้งบอบบางและอ่อนแอคงรับไม่ไหว แต่ท่านอ๋องช่างโชคดียิ่งนักที่ได้สตรีที่งดงามเช่นนี้มาเป็นภรรยา หวังว่าต่อไปท่านอ๋องจะถนอมน้องให้มากๆ ไม่เช่นนั้นเกรงว่าขนาดจะลุกขึ้นจากเตียงก็คงลุกขึ้นไม่ไหว"

ซูเนี่ยนมองดูซูเยียนหรันอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็จ้องมองร่างของนางด้วยสายตาคาดเดาไม่ได้

ทว่าฉู่อี้หานกลับมีสีหน้าดำทมึน สตรีผู้นี้พูดจาเหลวไหลอะไรตั้งแต่หัววัน

ซูเยียนหรันได้ยินคำพูดนี้ก็อายจนหน้าแดงขึ้นมา แต่กลับทำอะไรไม่ได้ ซูเนี่ยนนางคนชั้นต่ำนี่กล้าดีอย่างไรมาด่านางอ้อมๆ เช่นนี้!

"เด็กๆ มาพาพระชายาไปพักผ่อน" ฉู่อี้หานกำหมัดแน่นพลันสั่งการ แม้ว่าเขากับซูเนี่ยนมีข้อแลกเปลี่ยนต่อกัน แต่หากนางได้คืบจะเอาศอก เช่นนั้นตนก็ไม่จำเป็นต้องเก็บคนที่ไม่เชื่อฟังไว้

"ไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านอ๋อง หม่อมฉันไปเองได้เพคะ พวกท่านดำเนินพิธีต่อได้เลย อย่าให้หม่อมฉันทำลายวันสำคัญเช่นนี้" ซูเนี่ยนเห็นว่าฉู่อี้หานโมโหแล้วจริงๆ ก็ให้เฟิ่งเอ๋อร์พยุงออกไป ทิ้งความอลหม่านเอาไว้

ทุกคนกระตุกมุมปาก ยังจะดำเนินพิธีต่อไปได้อีกหรือ

"เด็กๆ ดำเนินพิธีการต่อ" ฉู่อี้หานมองไปยังสี่ผอด้วยสายตาที่เย็นเยียบ นางจึงตัวสั่น ดำเนินการขั้นต่อไปอย่างหวาดหวั่น

ใบหน้าของซูเนี่ยนเปื้อนรอยยิ้ม นัยน์ตาเย็นชา รสชาติของการถูกคนหัวเราะเยาะและเข้าใจผิดมันยอมรับได้ยากใช่ไหมล่ะ นางต้องการให้ซูเยียนหรันชดใช้คืนเจ้าของร่างเดิมทีละน้อยจนหมด

ที่เรือนหลักครึกครื้นมาก พวกสาวใช้และเด็กรับใช้ต่างก็ง่วนอยู่กับการทำงาน เดิมเรือนลั่วสุ่ยก็ร้างอยู่แล้ว ในยามนี้ก็ยิ่งสงบเงียบกว่าเดิมอีก

แม้ว่าฉู่อี้หานจะคืนฐานะให้นางแล้ว แต่นางอยู่ตามลำพังจนชินแล้ว ให้เฟิ่งเอ๋อร์คอยดูแลรับใช้นางก็พอ

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงทีละน้อย ซูเนี่ยนจึงรีบไปที่เรือนลั่วสุ่ย

ไม่เห็นเสียวเป่ามาครึ่งวันแล้ว นางคิดถึงมาก

"เสียวเป่า แม่กลับมาแล้ว" พอย่างเท้าเข้ามาในเรือนลั่วสุ่ย ซูเนี่ยนก็เห็นร่างอ้วนกลมของเสียวเป่าในทันที

"ท่านแม่" เสียวเป่าพุ่งเข้าไปหาอ้อมกอดของซูเนี่ยน ซุกหัวไปมา

"หิวแล้วใช่ไหม คืนนี้แม่จะทำอาหารอร่อยๆ ให้เจ้ากิน" ซูเนี่ยนบีบใบหน้าเล็กๆ ที่อมชมพู มือสัมผัสนี้ดียิ่งนัก

"อยากกินหม้อไฟ" เสียวเป่าโบกกำปั้นเล็กๆ ของเขา

"ท่านแม่ เสียวเป่ารู้สึกคันที่หน้า ถอดหน้ากากออกแล้วค่อยกินได้ไหม"

เสียวเป่าเกาหน้าอีกครั้ง แล้วโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูซูเนี่ยน

"ได้สิ แม่จะพาเจ้าเข้าไปด้านในก่อน" สีหน้าของซูเนี่ยนเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วก็อุ้มเสียวเป่าเข้าไปในเรือน จากนั้นก็สั่งให้เฟิ่งเอ๋อร์กับเสี่ยวฮุยคอยเฝ้าอยู่ด้านนอก

เฟิ่งเอ๋อร์ตอบรับ มองดูเจ้าหนูอ้วนที่อยู่ข้างๆ อย่างงงงวย นางรู้แล้วว่าคุณหนูของนางสามารถควบคุมหนูได้ ทั้งประหลาดใจและดีใจ หลายปีมานี้ในที่สุดสวรรค์ก็รู้สึกสงสารคุณหนูแล้ว ถึงได้ให้พลังพิเศษนี้แก่คุณหนู

พอคิดได้เช่นนี้ เฟิ่งเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าหนูอ้วนตัวนี้ช่างน่ามองยิ่งนัก

"เสี่ยวฮุย? เจ้าคงจะหิวแล้วล่ะสิ ข้าจะไปเอาข้าวสารมาให้เจ้าสักหน่อย “

เฟิ่งเอ๋อร์นั่งยองๆ อยู่ข้างๆ เสี่ยวฮุย

"จี๊ดจี๊ด ใครอยากกินข้าวสารกันเล่า ข้าอยากกินหม้อไฟ!" เสี่ยวฮุยร้องจี๊ดจี๊ดสองคำ แล้วสะบัดหาง หันหลังให้เฟิ่งเอ๋อร์

"?" เฟิ่งเอ๋อร์รู้สึกไม่มั่นใจ เจ้าหนูตัวนี้เหตุใดถึงได้มีท่าทางเหมือนกับคุณชายน้อยนัก

ภายในเรือน ซูเนี่ยนหยิบยาออกมาแล้วทาไปบนใบหน้าของเสียวเป่า ไม่กี่นาทีต่อมาหน้ากากหนังมนุษย์บางๆ ก็หลุดออกมาจากผิวหน้าของเสียวเป่า

ใต้หน้ากากคือใบหน้าที่ทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชนิดสับสน ใบหน้าที่งดงามอย่างเหลือล้น เป็นใบหน้าของฉู่อี้หานฉบับย่อส่วนส่วนๆ

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status