"โอย..."
ธารน้ำส่งเสียงครางออกมาเบาๆ เมื่อลืมตัวเผลอหยิบนาฬิกามาใส่ด้วยความชิน เธอได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเอานาฬิกาเก็บลงกล่อง เธอไม่ได้ออกจากห้องมาหลายวันเพราะข้อมือมันช้ำมากจนกลัวว่าหากไปเรียนแบบนั้นจะถูกถามเอาได้ ดูท่าวันนี้จะต้องใส่เสื้อแขนยาวไปเรียนเสียแล้วเพราะบริเวณข้อมือของเธอมันช้ำเลือดไปทั้งสองข้างโชคดีที่วันนี้อากาศค่อนข้างเย็นคงไม่มีใครสงสัย …ขอให้ต่อจากนี้มีชีวิตที่สงบ… ถึงหญิงสาวจะภาวนาเช่นนั้นแต่แล้วมันกลับไม่เหมือนที่เธอคิด ธารน้ำนิ่งไปเมื่อเปิดประตูออกมาพบว่าหมอกยืนพิงกำแพงรอเธออยู่พร้อมกับถุงครัวซองในมือ ใบหน้าของเขายังไร้ซึ่งอารมณ์เช่นเคย เขามองมาที่ข้อมือเธอเป็นอันดับแรกก่อนจะหลบสายตาแล้วยื่นถุงครัวซองมาให้ เธอหรี่ตามองเขาอย่างไม่ชอบใจนักแล้วเลือกจะเดินผ่านเสมือนกับว่าเขาไร้ตัวตน ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าหนักตามหญิงสาวมาติดทุกจังหวะการเดินจนถึงชั้นหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเดินแซงหน้าไปแล้วเปิดประตูรถคันหรูรอเชิญชวนให้หญิงสาวเข้าไปนั่ง ธารน้ำเองก็ได้แต่ขมวดคิ้วแน่นเธอจำได้ว่าพูดไว้ชัดเจนมากพอแล้วแต่ดูท่าเขาจะไม่เข้าใจ "ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก ขอแค่ไม่มายุ่งกันอีกจนเรียนจบพอ" ธารน้ำย้ำหนักแน่นจนคนฟังถึงกับนิ่งไปจะไม่ให้เขาห่วงความรู้สึกเธอได้ยังไงเพิ่งย้ายมาเขาก็ทำตัวแย่ใส่เสียแบบนี้ ทั้งคู่เงียบไปชั่วขณะเป็นจังหวะเดียวกับที่รถประจำทางสีแดงขึ้นชื่อของจังหวัดจอดเทียบข้างฟุตบาท เธอจึงละความสนใจจากหมอกแล้วเดินขึ้นรถไปเพื่อหนีความอึดอัด ฟุบ! ร่างสูงกระโดดขึ้นเกาะท้ายรถพร้อมยื่นถุงครัวซองมาตรงหน้าธารน้ำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาส่งสายตาดุบังคับเธอ บอกตามตรงตอนนี้หมอกเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาเสียแล้วเมื่อคนตรงหน้าไม่มีทีท่าจะรับคำขอโทษของเขา ตอนนี้ทุกสายตาของคนบนรถได้จับจ้องมาที่ทั้งคู่เรียบร้อย มากไปกว่านั้นสาวๆ บนรถยังส่งยิ้มให้หมอกไม่หยุด เพราะเสื้อนักศึกษาที่ถูกปลดกระดุมออกสองเม็ดกับชายเสื้อที่หลุดออกจากกางเกงนั้นมันกำลังถูกลมพัดจนเห็นกล้ามเนื้อแน่นเรียงสวย แต่ทว่าเจ้าตัวคงไม่รู้เพราะเอาแต่จ้องใบหน้าธารน้ำลูกเดียวจนเธอเริ่มทนไม่ไหวขยับตัวเว้นที่ว่างให้เขาได้นั่งจนได้ ได้ทีหมอกก็นั่งลงเบียดธารน้ำแล้วหยิบครัวซองออกมาจากถุงก่อนจะยื่นไปจ่อที่ริมฝีปากอิ่มของคนข้างกายอย่างไม่สนสายตาหรือเสียงหวีดร้องของคนที่มองมา ...ไอ้บ้านี่... ธารน้ำสบถในใจคิ้วสวยทั้งสองก็ขมวดเป็นปมเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจนัก เธอพยายามเบี่ยงใบหน้าหลบเขาก็พยายามจ่อมาไม่หยุด "กิน" หมอกเหมือนเห็นว่าธารน้ำไม่ยอมอ้าปากจึงโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างใบหูใกล้เสียจนริมฝีปากอุ่นนั้นเผลอสัมผัสเนื้อหูของหญิงสาว ทำให้เธอถึงกับสะดุ้งจะขยับตัวหนีทำให้ร่างของเธอไปเบียดกับนักศึกษาหนุ่มต่างสถาบัน และเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าเขาเองก็มองหน้าเธออยู่ ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายคนนี้ก็หล่อไม่เบาใบหน้าขาวเนียนแต่มีดวงตาที่ทรงพลังรูปร่างสูงโปร่งนี่สะกดสายตาได้ดี "ขะ ขอโทษค่ะ" "คุณไม่สบายใจหรือเปล่า" ในขณะที่ธารน้ำพยายามขยับตัวหนีมือหนาของเขาก็ถือวิสาสะโอบเข้าที่ไหล่เธอ ทว่าธารน้ำไม่ได้รู้สึกถึงการรุกล้ำ เขาคงเข้าใจว่าเธอถูกหมอกตามรังควานเลยปกป้องเธอเท่านั้นเอง "ไม่เป็นไรค่ะ" ธารน้ำบอกพร้อมแกะมือนุ่มนั้นออกอย่างเบามือ ตอนนี้เธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องชอบกลเพราะหมอกกำลังมองทุกการกระทำด้วยสายตาไม่สบอารมณ์นัก และชายที่ช่วยเธอไว้ก็มองหมอกอย่างไม่ไว้ใจเช่นกัน พอรถแล่นมาจอดที่หน้ามหาวิทยาลัยหมอกก็คว้าเข้าที่แขนแล้วดึงธารน้ำให้ลงมาจากรถ ธารน้ำเมื่อลงมาจากรถก็สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมแล้วกอดอกมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง ตลอดทางเธอรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตของชายทั้งสองคนเหมือนกับว่าพวกเขาเกลียดกันมาตั้งแต่ปางก่อน หากไม่มีคนนอกอยู่ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะต่อยกันไปแล้วก็ได้ "อย่ายุ่งกับมัน" "อะไร?"ธารน้ำสับสนเมื่ออยู่ๆ หมอกก็พูดประโยคนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงน่ากลัว "คนเมื่อกี้ อย่ายุ่งกับมัน" เขาย้ำเสียงเข้มมากไปกว่านั้นเขายังจ้องเข้ามานัยน์ตาของธารน้ำเชิงขู่ นี่เขาเป็นฝ่ายขู่ได้ด้วยหรือไงทั้งที่ตัวเองทำผิดต่อเธอแท้ๆ แต่ถึงอย่างนั้นธารน้ำก็รู้สึกกลัวขึ้นมาแปลกๆ คนนี้พอได้ดุแล้วทำคนอื่นขนลุกได้เลย "ฉันต้องไปยุ่งอะไรกับเขาละ เพิ่งเจอกันใครก็ไม่รู้จัก"เธอเอ่ยเสียงเบา "มันจะมายุ่งกับเธอแน่ เพราะมันเห็นเธออยู่กับฉัน" "หมายความว่ายังไง" "มันไม่ชอบฉัน และมันจะยุ่งกับผู้หญิงของฉันทุกคน" "แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของนาย"ธารน้ำรีบขัด เขาทิ้งความเงียบไว้ให้ธารน้ำก่อนจะเดินขึ้นตรงไปในมหาวิทยาลัยโดยทิ้งเธอไว้ตามลำพัง เธอได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างนั้นด้วยความไม่เข้าใจอันที่จริงเธอก็ไม่คิดจะยุ่งกับใครอยู่แล้วละรวมถึงตัวเขาด้วย ธารน้ำทิ้งเวลาปล่อยให้หมอกเดินไปไกลจนลับสายตาก่อนจึงเริ่มก้าวเดินอย่างช้าๆ ตั้งแต่มาที่นี่เธอไม่ได้ชื่นชมบรรยากาศของมหาวิทยาลัยเลยที่นี่ปลูกต้นไม้และมีสวนดอกไม้เป็นจุดกระจายทั่วบริเวณ สมเป็นเมืองหนาว สีเขียวและสีสันของดอกไม้นั้นทำให้รู้สึกสดชื่นจนสามารถสูดหายใจได้เต็มปอด ทว่าธารน้ำยังไม่ทันได้ชื่นชมความสดชื่นให้หนำใจสายตาเธอก็มองไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนทะเลาะกันเสียงดังอยู่ใต้ตึกนั้นคือมี่และหมอก โดยที่หมอกกำลังยืนนิ่งปล่อยให้มี่ทั้งตบทั้งด่าเขาทั้งน้ำตา และเมื่อมี่หันมาสบสายตากับเธอร่างเล็กนั้นก็เดินตรงเข้ามาหาทันทีพร้อมง้างมือเตรียมจะตบทำให้ธารน้ำต้องรีบหลับตาลง หมับ ร่างของธารน้ำถูกร่างใหญ่ของหมอกวิ่งเขามาสวมกอดเพื่อรับแรงตบแทน ก่อนที่เขาจะหันไปจับเข้าที่ข้อมือของอดีตแฟนสาวแล้วบีบมันแน่นด้วยความโมโห เขากัดฟันแน่นอยากจะพูดเหตุผลของตัวเองออกไปให้คนตรงหน้ารับรู้แต่เขากลัวว่าหากใครมาได้ยินเข้าคนที่จะเสียหายก็ไม่พ้นมี่ "เลิกกันได้กี่วันก็ปกป้องขนาดนี้เลยเหรอ" มี่สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมพร้อมยกมือปาดน้ำตาออกจากดวงตาสวย "เลิกงี่เง่าต่างคนต่างไป" หมอกเอ่ยเสียงนิ่งก่อนจะชำเลืองมองคนข้างกายที่ยังคงตกใจไม่น้อย มี่ได้แต่หัวเราะในลำคอด้วยความเสียใจทั้งๆ ที่เขารักเธอมากมาตลอด ตอนนี้กับห่วงคนอื่นโดยไม่สนความรู้สึกเธอเลยแม้แต่น้อย เธอกอดอกนิ่งพร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะระบายยิ้มออกมา "เธอมีดีตรงไหนกันยัยเด็กใหม่ หน้าก็จืดรูปร่างไม่ได้ดีกว่าฉัน"มี่ถามธารน้ำเธอมองธารน้ำตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดูถูก "นี่-"หมอกพยายามจะพูดแต่ต้องเงียบไปเมื่อธารน้ำจับเข้าที่แขนของเขาแน่นแถมแววตาของเธอตอนนี้มันก็เต็มไปด้วยความโกรธ "ช่วยไปจัดการปัญหากันเองโดยไม่ต้องเอาฉันไปยุ่งได้ไหม"เธอเอ่ยเสียงขุ่นป่นน้ำเสียงข้อร้อง "พูดเหมือนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอเลยนะทั้งที่เธอแย่งแฟนฉัน เพี้ยะ!" พูดจบมี่ก็ฟาดมือลงมาบนแก้มของธารน้ำโดยไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้หมอกถึงกับโกรธเลือดขึ้นหน้า "มี่! จะต้องให้พูดจนได้เลยใช่ไหมว่ามันเพราะอะไร" หมอกตะคอกเสียงเข้มอย่างไม่อายโชคดีที่ตอนนี้ยังเช้าอยู่ทำให้ไม่ค่อยมีนักศึกษามากนัก แต่ถึงอย่างนั้นคนที่เดินไปมาก็เริ่มยืนจ้องมาที่ทั้งสามคน "เออ ก็พูดมาสิว่ามึงหลงอะไรมัน" มี่ชี้หน้าผากธารน้ำแต่ถูกหมอกปัดมือทิ้ง ธารน้ำเองก็รู้สึกโกรธไม่น้อยที่ถูกตบเธอโกรธจนกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไป ไม่รู้ว่าเพราะเจ็บที่แก้มหรือเพราะเจ็บใจที่ตัวเองไม่รู้วิธีสู้ได้แต่ยืนตัวสั่นกำแขนเสื้อตัวเองแน่นอยากจะเดินหนีออกไปก็ดันถูกหมอกจับแขนไว้อยู่แบบนี้ "เออ! พูดตามตรงฉันไม่ได้เลิกกับเธอเพราะธารน้ำ ฉันแค่ดึงธารน้ำเข้ามาเป็นข้ออ้าง" "แล้วมันเพราะอะไร! ทั้งที่มึงยังขอมีอะไรกับกูอยู่เลย!" "เพราะมึงสวมเขาให้กูไง!" หมอกขึ้นกูมึงบ้าง เขากำหมัดแน่นและพยายามใจเย็นแต่มี่ก็เอาแต่กระตุ้นความโกรธเขาไม่หยุด ธารน้ำที่ได้ยินคำพูดนั้นจากปากหมอกก็ถึงกับช็อกไป เธอพยายามเดินหนีอีกครั้งโดยใช้มือเล็กทั้งจิกและแกะมือตัวเองออก เพราะคิดว่านี่มันไม่ใช่เรื่องที่เธอควรรู้ แต่หมอกกลับเอื้อมมือมากุมเข้าที่มือของเธออย่างอ่อนโยนราวกับต้องการกำลังใจ...เธอรู้สึกได้ถึงความอ่อนแอและเจ็บปวดที่ถูกส่งผ่านฝ่ามือมา "หมายความว่าไง" สีหน้าของมี่เปลี่ยนไปจนธารน้ำเริ่มจับพิรุธได้ จากใบหน้าที่มีแววตาเศร้าเพราะกำลังถูกคนรักบอกเลิกแค่ชั่วพริบตาเธอกลับตีสีหน้านิ่งจนคนมองตกใจ "คิดว่าไม่รู้เลยเหรอ? คิดว่าไม่เคยมีใครมาเตือนเลยงั้นสิ...ทุกครั้งที่ไปถ่ายแบบคงไปหาคนคนนั้นด้วยสินะ ถึงว่าขอค้างห้องทีไรก็ไม่เคยจะได้ ของสักชิ้นของฉันที่ลืมไว้ห้องเธอ เธอก็เอามาคืนเสมอ..." "ฉันแค่ไม่ชอบให้ของคนอื่นมาอยู่ในห้อง"มี่เอ่ยเสียงนิ่งเบียนหน้าหลบสายตา ทำเอาหมอกแค้นหัวเราะอย่างสมเพช ...แม่ง*...หมอกสบถออกมาเบาๆ "ฉันคือคนอื่นเหรอ? ไม่ใช่เจ้าของรองเท้านั่นหรอกเหรอที่เป็นคนอื่น" ถึงสีหน้าเขาจะไม่แสดงออกถึงความเจ็บปวดแต่มือที่กุมธารน้ำอยู่นั้นกลับมีเหงื่อออกจนชุ่ม เขาพยายามเข้มแข็ง...แต่ธารน้ำรับรู้ได้ว่าเขาคงเศร้าไม่น้อยที่ต้องพูดอะไรแบบนั้น มันเหมือนการพูดตอกย้ำตัวเองยังไงอย่างนั้น "ก็บอกแล้วว่าเป็นพี่ชาย..." มี่เริ่มหงุดหงิดแต่นั้นยิ่งทำให้หมอกมั่นใจว่าเขาเลือกถูกแล้วที่จะทิ้งผู้หญิงคนนี้ เพราะถึงขั้นนี้ผู้หญิงตรงหน้าเขาก็เลือกที่จะโกหก "เธอเป็นลูกคนเดียว ถ้าจะบอกว่าลูกพี่ลูกน้อง คงไม่มีลูกพี่ลูกน้องที่ไหนมานอนห้องเดียวกันทุกอาทิตย์หรอกถูกไหม" "...หมอก นี่รู้มาตลอดเลยเหรอ"น้ำเสียงของมี่สั่น มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุข "เออ! แต่ปิดหูปิดตาจนมาวันที่ฉันเห็นรองเท้าของไอ้บ้านั้นอยู่ในห้องเธอ ฉันขอไม่พูดต่อนะเพราะคนที่จะดูแย่มันคือเธอ" หมอกกระแทกเสียงก่อนจะดึงมือธารน้ำให้เดินตามออกมา ธารน้ำเองก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรปล่อยให้มือหนานั้นเกาะกุมมือของเธอตลอดทางไปห้องเรียน สมองก็คิดตามสิ่งที่หมอกพูดไม่หยุด เขาคงรักมี่มาก...รักมากจนยอมปล่อยให้ตัวเองเป็นคนที่ถูกหลอก พอรู้แบบนี้เธอกลับรู้สึกสงสารเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้นทั้งที่เขาก็ทำร้ายเธอด้วยความเห็นแก่ตัวไม่ต่างกัน:วันออกบูธธารน้ำแต่งตัวเสร็จก็ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัด เธอมองสำรวจตัวเองผ่านกระจกเงาเพื่อตรวจเช็กความเรียบร้อย วันนี้ธารน้ำเลือกใส่ชุดเอื้อมยีนสีซีดกับเสื้อสีขาวเพื่อให้สะดวกในการลุกนั่งหรือขายของ ส่วนรองเท้าหญิงสาวยังคงลังเลใจระหว่างรองเท้าผ้าใบสีขาวแบบเชือกกับรองเท้าผ้าใบสีขาวแบบสวม"สวมแล้วกัน"หลังจากเลือกได้ธารน้ำหันไปหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองแล้วเดินออกมานอกห้องเพื่อจะเดินทางไปที่ถนนคนเดิน แต่แล้วเธอก็ต้องถอนหายใจทิ้งเมื่อเปิดประตูมาเห็นว่าหมอกยืนรอเธออยู่หน้าประตูอีกแล้ว ครั้งนี้ธารน้ำทำเสมอว่าไม่เห็นเขาแล้วรีบเดินหนีตรงไปกดลิฟต์ทันที โดยที่หมอกก็ยังมองแผ่นหลังเล็กนั้นด้วยความเหนื่อยใจ เขาไม่คิดว่าธารน้ำจะเมินเขาขนาดนี้ด้วยซ้ำ"หือ?"ธารน้ำแปลกใจเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกพบว่ามีชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านใน เขาคือคนที่อยู่บนรถแดงวันนั้น ซึ่งเป็นคนที่หมอกไม่ชอบและบอกให้เธออยู่ให้ห่าง ตอนนี้ชายคนนั้นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอในคอนโดเดียวกัน"เข้ามาหรือเปล่า"ชายคนนั้นถามเรียกสติด้วยน้ำเสียงอบอุ่น เขาแอบขำเล็กน้อยกับสีหน้าใจของธารน้ำเมื่อครู่"เข้าค่ะ เข้า"ธารน้ำเดินเข
รถแล่นเขาจอดที่จอดรถของคอนโดเมื่อหมอกมองผ่านกระจกไปยังด้านหลังก็พบว่าหญิงสาวหลับคอพับไปแล้วด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์เสียแล้ว หมอกจึงลงจากรถอ้อมมาเขย่าแขนธารน้ำเบาๆ หวังเรียกสติ แต่ไม่ว่าจะเพิ่มแรงเขย่ามากขึ้นเท่าไหร่คนตรงหน้าก็ไม่มีทีท่าจะตื่น"ฉันจะอุ้มขึ้นไปนะ"หมอกกระซิบบอกธารน้ำเพื่อเป็นการขออนุญาตโปก! หัวของธารน้ำชนเข้ากับประตูเมื่อหมอกพยายามจะช้อนอุ้มเธอออกมาแต่ดันเป็นจังหวะเดียวกันกับธารน้ำที่ขยับตัว ทำเอาคนอุ้มถึงกับตกใจจนตาเบิกกว้าง แต่ก็อดขำกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ได้"อือออ จะ เจ็บ"ธารน้ำทิ้งน้ำหนักตัวในอ้อมแขนก่อนจะเขย่าตัวเองไปมาทั้งที่ตายังไม่ลืมราวกับเด็ก"ขอโทษ"หมอกก้มลงกระซิบข้างใบหูของคนงอแงแผ่วเบา"เจ็บอีกแล้ว เป็นแผลหัวแตก"ธารน้ำงอแงทำท่าจะร้องไห้เสียอย่างนั้น"เว่อร์จริงๆ" หมอกเอ่ยพร้อมเป่าลมอุ่นจากริมฝีปากลงบริเวณที่ถูกกระแทกนั้นพอทำให้หญิงสาวเริ่มคล้ายปมคิ้วออกบางเมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดสงบแล้วเขาจึงพาเธอขึ้นมาส่งถึงห้อง ระหว่างทางธารน้ำก็เอาแต่นอนซบอกเขาแล้วละเมอว่าอุ่นไม่หยุด ทำเอาหมอกถึงกับเผลอหน้าแดงไปกับสัมผัสของเธอ...ขี้อ้อนเสียจริง...หมอกคิดในใจเธอช่างต่างก
หมอกสอดสายตามองหาโต๊ะของเพื่อนอย่างร้อนใจ ความรู้สึกอึดอัดมันทำให้เขาอารมณ์เสียมากกว่าเดิมหลายเท่าไม่คิดเลยว่าพอยิ่งดึกคนก็จะยิ่งเยอะขนาดนี้ นี่แค่รอเข้าร้านก็ปาไปหลายสิบนาทีพอเข้ามาได้ก็ต้องเบียดตัวกับผู้คนมากมายอีกหมอกต้องคอยหลบเหล้าเสือสาวที่พยายามลูบตามเนื้อตัวเขาจนเหนื่อยก่อนสายตาจะไปสะดุดเข้ากับร่างเล็กในเสื้อครอปครึ่งตัวที่กำลังเต้นเริงร่าอยู่ท่ามกลางกองเชียร์ของเพื่อนๆ และที่ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจนักคงจะเป็นชายคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จักกำลังโอบประคองเธอจากด้านหลังโดยที่เพื่อนๆ ของเขาไม่มีใครห้ามเลยสักคนเดียว!นั้นทำให้หมอกรีบตรงเข้าไปดึงมือนั้นออกอย่างแรงจนเจ้าของมือหันมาจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง แต่พอชายคนนั้นได้มองหน้าเขาดีๆ ชายคนนั้นก็รีบก้มหน้าแล้วเดินกลับออกไปโดยดี อาจจะเพราะหมอกขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายที่โหดคนหนึ่งในกลุ่มเด็กมหาวิทยาลัย การที่เขาแสดงความไม่พอใจคงเป็นคำตอบได้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังยุ่งผิดคน"หูยยย มาจริงว่ะ ไหนใครบอกมันไม่มาจ่ายเงินด้วยนะเว้ย"ทามเอ่ยพร้อมชี้หน้าเพื่อนๆ แต่ต้องชะงักไปเมื่อถูกเติ้ลตบ
"ปล่อยฉันได้แล้ว"ธารน้ำเตือนหมอกเมื่อทั้งคู่จับมือกันเดินมาใกล้ถึงห้องเรียน หมอกเมื่อดึงสติได้จึงปล่อยธารน้ำให้เป็นอิสระ เขาหันไปมองใบหน้าสวยนั้นราวกับอยากจะเอ่ยคำขอโทษที่เธอต้องมารับรู้ แต่เพียงแค่เขาเริ่มอ้าปากธารน้ำก็เลือกที่จะเดินหนีเขาไปทันที เขาเพียงแต่ต้องยอมรับการกระทำของตัวเองเพราะเรื่องนี้ยังไงเขาก็ผิดเต็มๆ เมื่อเดินเข้ามาในห้องธารน้ำก็ต้องชะงักไปเมื่อเพื่อนทุกคนมาถึงกันหมดแล้วทั้งที่มันยังเช้าอยู่ แถมทุกคนยังดูยุ่งเสียจนเธอไม่กล้าเอ่ยถาม ส้มที่เห็นธารน้ำดูสับสนก็เลยเดินเข้ามาอธิบาย"พรุ่งนี้มีงานถนนคนเดินวัวลาย* พวกเราจะไปออกบูธน่ะ ขายของหาเงินเข้าเอกอะไรแบบนั้น วันนี้เรามีเรียนแค่ช่วงเช้าก็เลยนัดกันมาเตรียมของ""ใช่แล้ว เพราะเรื่องเงินเป็นเรื่องสำคัญ"หมวยเสริมมือก็แพ็กจานรองแก้วไปด้วย"แล้วไม่มาทำตอนบ่ายละ บ่ายเราว่างนี่"ธารน้ำถามพร้อมเดินเข้าไปช่วยทุกคนแพ็กอีกแรง"วันนี้วันศุกร์ต้องกลับไปนอนเอาแรงอีกอย่างวันนี้เราจะไปเที่ยวกัน วันนี้เธอต้องไปด้วยนะ"เติ้ลบอกอย่างตื่นเต้น"ไปไหน?"ธารน้ำถามอย่างสงสัยเพราะเที่ยวที่เพื่อนว่านั้นมันตีความได้หลายแบบ"ไปท่าช้าง*ถือเป็นการต้อน
"โอย..."ธารน้ำส่งเสียงครางออกมาเบาๆ เมื่อลืมตัวเผลอหยิบนาฬิกามาใส่ด้วยความชิน เธอได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเอานาฬิกาเก็บลงกล่อง เธอไม่ได้ออกจากห้องมาหลายวันเพราะข้อมือมันช้ำมากจนกลัวว่าหากไปเรียนแบบนั้นจะถูกถามเอาได้ดูท่าวันนี้จะต้องใส่เสื้อแขนยาวไปเรียนเสียแล้วเพราะบริเวณข้อมือของเธอมันช้ำเลือดไปทั้งสองข้างโชคดีที่วันนี้อากาศค่อนข้างเย็นคงไม่มีใครสงสัย…ขอให้ต่อจากนี้มีชีวิตที่สงบ…ถึงหญิงสาวจะภาวนาเช่นนั้นแต่แล้วมันกลับไม่เหมือนที่เธอคิด ธารน้ำนิ่งไปเมื่อเปิดประตูออกมาพบว่าหมอกยืนพิงกำแพงรอเธออยู่พร้อมกับถุงครัวซองในมือ ใบหน้าของเขายังไร้ซึ่งอารมณ์เช่นเคย เขามองมาที่ข้อมือเธอเป็นอันดับแรกก่อนจะหลบสายตาแล้วยื่นถุงครัวซองมาให้ เธอหรี่ตามองเขาอย่างไม่ชอบใจนักแล้วเลือกจะเดินผ่านเสมือนกับว่าเขาไร้ตัวตน ตึก ตึก ตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าหนักตามหญิงสาวมาติดทุกจังหวะการเดินจนถึงชั้นหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเดินแซงหน้าไปแล้วเปิดประตูรถคันหรูรอเชิญชวนให้หญิงสาวเข้าไปนั่ง ธารน้ำเองก็ได้แต่ขมวดคิ้วแน่นเธอจำได้ว่าพูดไว้ชัดเจนมากพอแล้วแต่ดูท่าเขาจะไม่เข้าใจ"ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก ขอแค่ไม่มายุ่งกันอีกจนเรี
: ธารน้ำตึก ตึก ตึกเสียงส้นเท้าหนักตามฉันลงจากตึกมาติดๆ ฉันเดาได้ว่าคงจะเป็นหมอกนั่นแหละเพราะทั้งตึกมันเหลือแค่ฉันกับเขาในตอนนี้ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ทั้งที่งานตัวเองเสร็จยังนั่งเฝ้าจนรอฉันทำงานเสร็จ ตอนแรกส้มกับหมวยก็อาสาอยู่เป็นเพื่อนทว่าเพียงแค่หมอกไล่คำเดียวทั้งคู่ก็พากันเก็บของกลับอย่างรวดเร็ว ตาบ้านี่คงมีอิทธิพลต่อเพื่อนจริงๆ กึก!เท้าฉันหยุดชะงักไปเมื่อมองเห็นร่างสวยของมี่ยืนกอดอกมองมาทางเราอย่างหาเรื่อง เธอหัวเราะราวกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นเพียงเท่านี้ฉันก็เข้าใจได้ทุกอย่าง... หมอกเขาไม่ได้รอฉันเขาแค่ต้องการทำให้แฟนที่มารอเขาเข้าใจผิด...มากเกินไปแล้ว...ฉันหันไปมองจิกคนด้านหลังอย่างไม่พอใจและหันยิ้มให้มี่นิดหน่อย ก่อนจะเดินหลบออกมาเพื่อเอาตัวรอดแต่ยังไม่ทันจะเดินได้ไกลผมของฉันก็ถูกกระชากจากด้านหลังอย่างแรงจนฉันต้องหยุดเดิน เมื่อฉันหันไปมองก็พบว่าเป็นฝีมือของมี่นั้นเอง "ทำแบบนี้ทำไม"ฉันถามเธออย่างไม่เข้าใจ คนที่เธอควรทำร้ายต้องเป็นแฟนเธอสิ"เธอเพิ่งย้ายมาก็มาแย่งแฟนคนอื่นเลย ร้ายไม่เบา"มี่เชิดหน้าทำเอาฉันถึงกับหัวเราะออกมา และเมื่อเห็นเธอ