60 คราวนี้เสี้ยวหลานไม่อาจปิดกั้นความตกใจไว้บนใบหน้า นางไม่คิดว่า องค์รัชทายาทจะรู้เรื่องนี้ เรื่องแรกว่าร้ายแรงแล้ว เรื่องที่สองร้ายแรงและมีโทษหนักกว่า นางรีบปรับสีหน้าและสภาวะทางอารมณ์ให้เป็นปกติ ทว่าคงช้าเกินไป เขาเห็นความตกใจของเสี้ยวหลานทั้งทางสีหน้าและแววตา “หม่อมฉันไม่รู้ว่า เสด็จพี่ไปรู้เรื่องนี้มาจากใคร แต่ขอบอกเสด็จพี่ไว้ตรงนี้เลยว่า หม่อมฉันไม่เคยคิดทำตามที่เสด็จพี่ตรัส หม่อมฉันไม่เคยคิดทรยศเสด็จพี่เพคะ” เสี้ยวหลานแก้ตัว “คนที่ให้ข่าวเสด็จพี่คงต้องการให้เสด็จพี่กับหม่อมฉันผิดใจกัน และลงโทษหม่อมฉันในความผิดที่ไม่ได้กระทำ ขอให้เสด็จพี่ทบทวนเรื่องที่รับรู้มาด้วยเพคะ” “เจ้าก็รู้ว่า ข้าไม่ใส่ร้ายใครถ้าไม่มีหลักฐาน โดยเฉพาะคนผิดเป็นเจ้า ข้ายิ่งต้องเพิ่มความรอบคอบมากขึ้น” องค์รัชทายาทตรัสเสียงเรียบ ใบหน้าไม่มีความโกรธ “อย่างที่บอกเจ้าไป ก่อนที่ข้าจะมาหาเจ้า ข้ามีหลักฐานและพยาน หลักฐานคือสมุดหลายเล่มตรงหน้าเจ้า ส่วนพยานข้าจะพาเข้ามาในห้องนี้ เพื่อที่เจ้าจะได้เห็นหน้าพยานของข้าด้วยตัวเอง” หมิงหยางเต๋อพยักหน้าให้หลิวกงกงที่รู้หน้าที่ รีบเดินอ
59“ขันทีจิวมาบอกนายหญิงมู่ฮัวกับหลิงหลีว่า องค์รัชทายาทให้ทั้งสองคนไปเอาของสำคัญให้พระชายาเพคะ แต่หม่อมฉันไม่รู้ว่าไปเอาของที่ไหนเพคะ” นางกำนัลรับใช้ตอบ“งั้นรึ” พระชายาใหญ่เสี้ยวหลานทำเสียงรับรู้ แต่ก็ยังมีความสงสัย “แล้วทำไมมู่ฮัวไม่มาบอกข้าก่อน ปกติสองคนนี้ไปไหนมาไหนจะบอกข้าเสมอ”“นายหญิงมู่ฮัวก็อยากมาบอกพระชายาเพคะ แต่ขันทีจิวบอกไม่ต้องเพคะ ให้รีบไปเอาของเพราะองค์รัชทายาทรออยู่เพคะ นายหญิงกับหลิวหลีจึงรีบไปเพคะ” นางกำนัลรับใช้มีคำตอบให้ทุกคำถาม“งั้นเจ้าออกไปได้ แล้วไม่ต้องให้ใครเข้ามาจนกว่าข้าจะเรียก” เสี้ยวหลานสั่ง “อ้อ...ถ้ามู่ฮัวกับหลิวหลีกลับมา ให้เข้ามาหาข้าเลยนะ”“เพคะพระชายา”คนรับคำสั่งเดินถอยหลังสามก้าว ก่อนหมุนตัวเดินออกไปจากห้องบรรทมพระชายาเสี้ยวหลานติดใจเรื่องที่องค์รัชทายาทให้ขันทีจิวมาตามให้นางกำนัลคนสนิททั้งสองไปเอาของ มันผิดแปลกไปจากที่ผ่านมา ปกติหากองค์รัชทายาทมีของกำนัลมาให้ตน หรือประทานอาหารพิเศษหรืออะไรก็แล้วแต่ คนที่นำมาให้คือหลิวกงกง หรือไม่ก็เป็นขันทีคนใดคนหนึ่ง มีไม่กี่ครั้งที่องค์รัชทายาทจะเสด็จมาที่นี่ มอบของให้ด้วยตัวเอง ไม่มีสักครั้งที่เรียกมู่ฮัวกับ
58 “ท่านพ่อ เราจะทำยังไงกันดี” หลี่ลี่จิงถามบิดาที่มีสีหน้าคิดหนัก “ถ้าเราไม่คิดทำอะไร มีหวังถูกตัดหัวแน่” หลี่หมิงเถากลัวตายขึ้นมาทันใด “ข้ารู้แล้ว ข้ากำลังคิดอยู่” อำมาตย์ซ้ายดุลูกชาย สมองก็คิดหาทางออก แต่ดูเหมือนว่าสมองเขาจะตันขึ้นมาทันใด “พระชายาใหญ่ก็กำลังแย่ เราจะหาใครช่วยดี” เฒ่าเจ้าเล่ห์คิดหนัก หาทางออกไม่ได้ พวกพ้องของตนต่างถูกจับกุมอยู่ในห้องขังข้างๆ จะให้ช่วยเหลือตนก็ไม่ได้ ความหวังเดียวอย่างพระชายาใหญ่เสี้ยวหลานก็กำลังแย่ ในหัวของเขาคิดหาตัวช่วยอื่นไม่ได้เลย “ถ้ามีการไต่สวน พวกเราต้องยืนกรานว่าไม่ได้ทำ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดใดทั้งสิ้น” คงมีทางเดียวที่พอทำได้ตอนนี้ “เราไม่เคยทำอะไรมีหลักฐาน ข้าเชื่อว่าไม่มีใครเอาผิดเราได้” “แต่ข้าว่ามันแปลกนะท่านพ่อ” หลี่ลี่จิงเอ่ย “แปลกยังไง” คนเป็นพ่อถามกลับ “มันแปลกตรงที่ว่า เราไม่เคยทิ้งหลักฐานไว้มัดตัว แล้วทำไมเราถึงถูกจับมาไว้ที่นี่ การที่องค์รัชทายาทสั่งจับพวกเรา นั่นหมายความว่า ต้องมีหลักฐานแน่นหนาที่จะทำให้เราจนมุม ข้าอยากรู้จริงๆ ว่า องค์รัชทายาทเอาหลัก
57องค์รัชทายาทเสด็จมาถึงพระตำหนักในยามไห (ไฮ่) ใบหน้าเขาเคร่งเครียด คล้ายคนกำลังมีเรื่องทุกข์ใจ หากเขาไม่ทุกข์และไม่เครียดนั่นคือเรื่องแปลก มีเรื่องหลายเรื่องเกิดขึ้นในวันนี้ เป็นเรื่องที่เขาต้องตัดสินใจ เป็นการตัดสินใจที่ต้องคิดให้รอบคอบ ถี่ถ้วน เนื่องจากการตัดสินใจของเขาอาจส่งผลกระทบหลายอย่างตามมา ก่อนที่องค์รัชทายาทจะเสด็จกลับตำหนัก เขาได้ไปสถานที่หนึ่ง สถานที่ที่จะให้คำปรึกษาในเรื่องที่ตนกลัดกลุ้มและพยายามหาทางออกให้ดีที่สุด ซึ่งคำตอบที่ได้รับทำให้เขาเบาใจและหนักใจในเวลาเดียวกัน สถานที่ที่เขาไปคือ ตำหนักนอกวังที่ฮ่องเต้กับพระสนมอี้ชิงพักอยู่ “เรื่องมันเป็นแบบนี้พ่ะย่ะค่ะ ลูกเลยมาขอคำชี้แนะจากเสด็จพ่อ” องค์รัชทายาทเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนถึงทุกวันนี้ให้ฮ่องเต้รับรู้ อีกฝ่ายหลับตาพรางใช้ความคิด “เรื่องขุนนางฉ้อฉลมีทุกสมัย มันเริ่มต้นตั้งแต่ราชวงศ์ไหนไม่มีใครรู้ เจ้าปราบยังไงก็ไม่หมด มันจะผุดขึ้นมาอีก การแก่งแย่งชิงดีของเชื้อพระวงศ์ก็เช่นกัน ไม่มีวันหมดไป อำนาจ บารมีเป็นสิ่งหอมหวานที่ทุกคนอยากหยิบยื่นมาดอมดม ข้าเคยผ่านช่วงเวลาลำบากใจเหมือนเจ
56“ก็เรื่องที่พระชายาสามเห้อเหนียว สั่งให้เจ้ามาสังหารพระชายารองฮุ้ยเตียวไงล่ะ” คำตอบของธิดาดอยเรียกความตกใจแก่ หยานหยูมาก เขาตาค้าง มองหน้าคนพูดนิ่ง “ไม่ ไม่ใช่ พระชายาสามไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าเป็นคนลงมือเอง” หยานหยูปฏิเสธเสียงแข็ง “ข้ารู้ว่า พระชายาสามเปรียบเสมือนน้องสาวของเจ้า ไม่แปลกที่เจ้าจะปกป้อง” ธิดาดอยพูดเสียงเนิบ ไม่หวั่นกับการไม่ยอมรับของหยานหยู “แต่เจ้าเป็นสามีและพ่อของลูกสองคน รวมทั้งเป็นลูกของหญิงชราที่เจ้าต้องดูแลใกล้ชิดเนื่องจากนางป่วย เจ้าคิดว่า เจ้าสมควรที่จะปกป้องใคร” หยานหยูมองหน้าผู้พูดนิ่ง ใจเขาเต้นแรงอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน สตรีตรงหน้าพูดราวกับว่ามีแผนการบางอย่างในใจ และเป็นแผนที่เกี่ยวโยงกับครอบครัวเขาด้วย “เจ้าพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง” หยานหยูรีบถาม “เจ้าจะทำอะไรครอบครัวของข้า” “ข้าไม่ทำ ถ้าเจ้าทำตามที่ข้าต้องการ แต่จะทำ ถ้าเจ้าไม่ให้ความร่วมมือ” ธิดาดอยตอบ “ข้าจะบอกเรื่องที่ข้าคิดไว้ ถ้าเจ้าไม่เป็นพยานเรื่องที่พระชายาสามสั่งให้เจ้าลอบสังหารพระชายารอง เจ้าก็จะไม่มีครอบครัวของเจ้า เจ้าจะมีแค่พระชายา
55 การเดินทางไปไหว้บรรพบุรุษครั้งของพระชายาฮุ้ยเตียวเป็นแบบส่วนตัว ขบวนเสด็จจึงจัดแบบเรียบง่าย มีทหารอารักขาสี่นาย คนหามเกี้ยวสี่คน นางกำนัลคนสนิทอีกสองคน ทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังสุสานแห่งหนึ่งที่อยู่ชานเมือง ขณะเดินไปยังจุดหมาย ฮุ้ยเตียวไม่รู้เลยว่า กำลังมีภัยมาถึงตัว อีกไม่ถึงครึ่งลี้ฮุ้ยเตียวก็จะถึงสุสาน หยานหยูกับพวกหลบอยู่สองข้างทาง ใช้ต้นไม้ใหญ่เป็นที่กำบังตัว เฝ้ารอการมาของฮุ้ยเตียว เมื่อขบวนเสด็จใกล้มาถึง หยานหยูให้สัญญาณลูกน้อง ทั้งหมดออกจากที่ซ่อนกรุเข้ามาล้อมขบวนเกี้ยวของฮุ้ยเตียว “ว้าย!” เสียงกรีดร้องตกใจของหมี่ฮั้ว ทำให้ฮุ้ยเตียวสงสัย นางจึงเปิดผ้าม่านเยี่ยมหน้าออกมาดู แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นชายชุดดำหลายคนยืนล้อมเกี้ยว แต่ละคนมีดาบยาวเป็นอาวุธ “คนพวกนี้เป็นใคร มาดักปล้นใช่ไหม” ฮุ้ยเตียวถามนางกำนัลคนสนิทเสียงสั่น ใบหน้าเกลื่อนไปด้วยความตกใจ “พวกเจ้าเป็นใคร ต้องการอะไร” หัวหน้าทหารยามชักดาบออกมา ถามกลุ่มคนที่คล้ายกับโจร ก่อนหันไปสั่งทหารอารักขา คนแบกเกี้ยว “พวกเจ้าคุ้มกันพระชายารอง” “ใช่ พวกข้ามาปล้น” หยานหยูตอบ แล้วไม่