Share

บทที่ 6

Author: อิงเซี่ย
ฟู่อี้ชวนนอนหลับไม่สนิทจนถึงฟ้าสาง ตอนนี้กระเพาะของเขาถูกบำรุงอย่างดีจนเรื่องมากไปเสียแล้ว ทำให้พอกินยาก็ทำได้แค่บรรเทาอาการเล็กน้อย ไม่ถึงขึ้นเป็นปกติหรือสบาย

เขาตาลุกขึ้มาตั้งแต่ก่อนนาฬิกาปลุกจะดังนานแล้ว สุดท้ายในตอนที่จะเปิดประตูก็เจอกับซูมั่วที่เปิดประตูจากห้องเยื้อง ๆ กันเข้าพอดี

“เธอจะทำอะไรน่ะ?” เขาถามออกไปโดยไม่รู้ตัว

“ข้าวเช้า” ซูมั่วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ปิดประตูแล้วเดินโซเซไปทางห้องครัว

ฟู่อี้ชวนได้แต่ชะงักอยู่กับที่ เมื่อก่อนเขาตื่นมาก็กินเลย ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายต้องตื่นขึ้นมาเตรียมให้ตั้งแต่ตีห้า

มองแผ่นหลังของซูมั่วที่เดินขากะเผลกแล้ว เขาจึงพูดออกไป “...ไม่ต้องทำแล้ว”

ซูมั่วหยุดฝีเท้า พลางหันหน้าไปมองด้านหลัง

เธอคอยปรนนิบัติฟู่อี้ชวนมาสองปี เมื่อก่อนต่อให้เป็นไข้สูงก็ต้องถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาทำกับข้าว หาวิธีมาทรมานเธอ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาบอกไม่ให้เธอทำ

ก้มหน้ามองเท้าของตัวเอง คิดว่าฟู่อี้ชวนเกิดใจดีขึ้นมาเพราะเขาเป็นคนทำให้เธอเจ็บตัวแบบนี้ ที่ไหนได้อีกฝ่ายกลับพูดขึ้นมาอีกว่า

“ข้าวเย็นก็ไม่ต้องทำ ฉันจะออกไปกินกับซินหย่า”

ขณะเดียวกันกับที่พูดจบ เขาก็ก้าวออกจากประตูไปโดยไม่หันมามอง

ซูมั่วมองไปทางประตู กระตุกมุมปากเล็กน้อย พลางคิดเย้ยหยันตัวเอง

เหอะ ๆ เกิดใจดีขึ้นมาที่ไหนกัน เธอคิดมากไปเองชัด ๆ

ไม่ต้องทำกับข้าวก็ดี เธอจะได้อยู่ว่าง ๆ สบาย ๆ อย่างมีความสุข ก็คอยปรนนิบัติดูแลจนรำคาญนานแล้วนี่นะ

หลังกลับไปนอนหลับมาอีกตื่น ตอนแปดโมงก็ลุกขึ้นมาเปลี่ยนยาที่แผลบนตัว ท้ายที่สุดจึงเห็นว่ายาแก้โรคกระเพาะในกล่องปฐมพยาบาลหายไป

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อเช้าตอนเปิดประตูไม่ได้ปลดล็อก เมื่อวานนี้ลืมล็อกอย่างนั้นเหรอ? ส่วนยาแก้โรคกระเพาะก็หายไปก่อนหน้านี้นานแล้ว?

เธอไม่ได้คิดอะไรมาก หลังเปลี่ยนยาเสร็จก็หอบหิ้วแล็บท็อปไปนั่งอยู่บนพรมในห้องรับแขก

ช่วงเช้าซูมั่วเข้าระบบเว็บไซต์การศึกษาเพื่อทบทวนเนื้อหาที่เคยเรียนในมหาวิทยาลัย ช่วงบ่ายจึงเริ่มฝึกจริงด้วยการเขียนโค้ด ขณะเดียวกันก็ออกแบบตัวละครและสร้างฉากบนแท็บเล็ตวาดภาพ

ตลอดระยะเวลาสองปีมานี้ เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ไปโผล่หน้าในแวดวงสังคม ทำให้อาจจะลืมเลือนความรู้ทางสาขาวิชาที่ค่อนข้างซับซ้อนไปบ้าง แต่ฝีมือการวาดภาพไม่ได้ตกไปไหน ยิ่งไปกว่านั้นเธอได้รับรายได้พิเศษจากการรับคำสั่งซื้อของลูกค้าเป็นบางครั้งบางคราว และสะสมจำนวนแฟนคลับไว้จำนวนหนึ่ง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวเดียวก็ตะวันตกดินแล้ว ซูมั่วลุกขึ้นไปรินน้ำ เตรียมสั่งดิลิเวอรี่ ตอนนี้เองที่กลอนประตูดังขึ้น

เธอหันไปมอง วินาทีถัดมา บานประตูถูกผลักออก ใบหน้าของเย่ซินหย่าโผล่มาอยู่เบื้องหน้าเธอ

“มั่วมั่ว ฉันมาเยี่ยมเธอแล้วนะ~ อาการบาดเจ็บของเธอดีขึ้นบ้างหรือยัง?” เย่ซินหย่าฉีกยิ้มให้ ฟู่อี้ชวนเดินตามอยู่ด้านหลังเธอ ในมือยังคงถืออาหารไว้

ซูมั่วเผยสีหน้าเย็นชา หมุนตัวไปทางอื่น

ต้องขอบคุณใครบางคนเสียจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ซินหย่า เธอจะถูกลวกจนบาดเจ็บเหรอ สุดท้ายตอนนี้ยังมีหน้ามาถึงบ้านอีก เป็นหวังดีด้วยมีเจตนาแอบแฝงเหรอ?

“มั่วมั่ว...” เห็นว่าซูมั่วไม่สนใจตัวเอง เย่ซินหย่าจึงพูดออกมาอย่างน้อยใจ

“นี่มันท่าทีแบบไหนกัน ซินหย่าหวังดีมาเยี่ยมเธอ แถมยังจะมาทำกับข้าวมาให้เธอกิน อย่ามาทำตัวไม่รู้จักดีรู้จักชั่วนะ” ฟู่อี้ชวนขมวดคิ้ว พลางกล่าวตำหนิ

ซูมั่วหันกลับไป ยิ้มเย็นชาพลางว่า

“พวกเธอตามสบายเลย ฉันไม่อยากอาหาร ไม่กิน”

เธอเดินไปเก็บแล็ปท็อปบนโต๊ะในห้องรับแขก ฟู่อี้ชวนโมโห แต่เย่ซินหย่าเขย่าแขนเขาพลางออดอ้อน “อี้ชวน มั่วมั่วบาดเจ็บอยู่นะ นายดีกับเธอหน่อยสิ พวกเราไปทำกับข้าวกันเถอะ ไว้ทำเสร็จแล้วค่อยไปเรียกเธอ~”

ซูมั่วทำเป็นไม่ได้ยินน้ำเสียงออดอ้อนแสนน่าสะอิดสะเอียนของเธอ หอบหิ้วแล็ปท็อปกลับห้องไปด้วยตัวเอง

เย่ซินหย่าหิ้ววัตถุดิบทำกับข้าวไปที่ห้องครัว ฟู่อี้ชวนมองซูมั่วที่เดินผ่านหน้าตัวเองไป พลางขมวดคิ้วถาม “เธอใช้แล็ปท็อปทำอะไร?”

“เบื่อ ๆ เลยเอามาดูละคร” ซูมั่วตอบโดยไม่หันกลับไป

“แล้วทำไมจะต้องมีแท็ปเล็ตอีก?” เขาถามขึ้นมาอีก

“ใช้วางมือ” ซูมั่วว่า

นี่กำลังโกหกกันอยู่ชัด ๆ ใช้วางมือ แต่ก็ยังมีสายชาร์จ?

ทว่าซูมั่วทำตัวเฉยชากับเขาเกินไป เธอเริ่มเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อวาน และเรื่องนี้ก็ทำให้ฟู่อี้ชวนกระวนกระวายขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

“อี้ชวน~ รีบเข้ามาช่วยฉันเด็ดผักหน่อยสิ~” เย่ซินหย่าโผล่หน้าออกมาจากห้องครัว พลางเอ่ยเรียกน้ำเสียงเปี่ยมความรู้สึก

ฟู่อี้ชวนขานรับแล้วเดินเข้าไป เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ซูมั่วที่กำลังกลับเข้าห้องล้วนได้ยินและได้เห็นทั้งสิ้น

เธอแค่นเสียงร้องเหอะเย้ยหยันตัวเองอย่างเย็นชา เพิ่งได้เห็นเป็นบุญตาเลยจริง ๆ ฟู่อี้ชวนเองก็มีวันที่ต้องลงครัวกับเขาอยู่เหมือนกัน

เมื่อก่อนล้วนเป็นเธอที่ทำทั้งนั้น ถึงขั้นที่ต้องยกข้าวไปส่งถึงมือเขาด้วยซ้ำ เขาไม่เคยช่วยเลยสักครั้ง

ดังนั้นมันจะไปมีสุภาพบุรุษมักอยู่ห่างจากห้องครัวที่ไหนกัน ก็ยังล้างมือทำน้ำซุปเข้มข้นให้คนรักเหมือนเดิม

อันที่จริงประตูห้องค่อนข้างกันเสียง แต่ซูมั่วยังคงได้ยินเสียงพูดของเย่ซินหย่าอยู่ดี ถ้าไม่รู้ว่าก่อนคงคิดว่าเธอจงใจทำ ไหนยังจะเสียงโป๊งเป๊งสารพัดอีก ราวกับกำลังระเบิดครัวอยู่อย่างไรอย่างนั้น

บ้านถูกคนนอกเข้ามายึดครองเสียแล้ว ทั้งยังบุกเข้ามาทำเหมือนบ้านของตัวเองอย่างโจ่งแจ้งอีก ซูมั่วไม่สนใจสักนิด แค่รู้สึกว่าเสียงดังไปสักหน่อย

เดิมทีคิดอยากจะดูวิดีโอการศึกษาต่ออีกอย่างเงียบสงบ ทว่าตอนนี้พลันมีเกิดเสียงร้องตกใจ

ซูมั่วใส่เฮดโฟนด้วยความรำคาญ ทว่าบานประตูกลับถูกตบจนเสียงดังปึงปัง

“ซูมั่ว ออกมา” ฟู่อี้ชวนเรียกเธอ

ซูมั่วกำหมัดแน่น เธออุตส่าห์ปลีกตัวออกมาให้พื้นที่พวกเขาสองคนแล้วไง ทำไมยังจะตามมากวนเธออยู่ได้?

เสียงทุบประตูยังคงดังต่อไป ดูเหมือนว่าถ้าเธอไม่ออกไป ฟู่อี้ชวนก็จะไม่เลิกรา

ซูมั่วลุกขึ้นยืน สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อยู่หลายครั้ง พลางคิดในใจเงียบ ๆ ว่า

ยังเหลืออีกยี่สิบแปดวัน อดทนอีกนิดเดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว...

เมื่อเปิดประตู ประโยคแรกที่ฟู่อี้ชวนพูดก็คือ

“ลงไปทำกับข้าวที ซินหย่าไม่คุ้นกับเตาในประเทศ จานกระเบื้องหล่นแตกจนเกือบบาดเธอแล้ว”

ซูมั่วหมดคำจะพูด สองอย่างที่พูดออกมานี่มันเกี่ยวกันไหม? ทำจานของเธอแตก ได้รับบาดเจ็บเลยมาหาเธอ?

“ฉันก็เจ็บตัวอยู่นะ” ซูมั่วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ในที่สุดตอนนี้ฟู่อี้ชวนก็ดูเหมือนจะนึกขึ้นมาได้ เขาก้มหน้ามองเท้าของซูมั่ว

เธอคิดว่าเขาจะรู้จักดีชั่ว พอจะยังมีมนุษยธรรมกับเขาอยู่บ้าง เพราะอย่างไรแล้วเมื่อเช้านี้เขาก็บอกเธอแล้วว่าไม่ต้องทำกับข้าว ทว่ากลับได้ประโยคต่อมาแทนเสียนี่

“มือเธอไม่ได้บาดเจ็บนี่ ยืนทำกับข้าวอยู่ตรงนั้นเฉย ๆ ไม่ได้หรือไง?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 100

    อันที่จริงเขาก็อับจนหนทางแล้วเช่นกัน ทางคุณท่านต่างหากที่ติดต่อกับคุณนายได้ เพียงแต่น่าเสียดายที่ประธานฟู่คว้ามาไม่ได้ช่วงเช้ามีผู้จัดการถือแผนงานผลิตภัณฑ์เข้ามาหาฟู่อี้ชวน ทว่าพอพูดคุยกันได้พักหนึ่ง ถึงรู้ตัวว่าประธานฟู่มีอาการใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งยังตาบวมแดง จึงมีแต่ต้องออกไปก่อน“ผู้ช่วยหลี่ คุณรู้ไหมว่าประธานฟู่เป็นอะไรไป?” ผู้จัดการเอ่ยถามหลี่หยวนที่อยู่ในออฟฟิศผู้ช่วย“เอ่อ อกหักละมั้ง” หลี่หยวนเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์ แล้วตอบไปโดยไม่รู้ตัวจากนั้นก็รู้ว่าที่ตัวเองพูดออกไปนั้นไม่ค่อยพูดต้องเท่าไร เพราะคุณนายกับประธานฟู่แต่งงานกันแล้ว ไม่ได้เป็นแฟนกัน ดังนั้นก็น่าจะเป็น...ใช่แล้ว รักพังเฮ้อ ผู้ชายที่เพิ่งหย่าร้างมามักเลี่ยงอาการซึมเซาและความรู้สึกพังไม่เป็นท่าไม่ได้ แถมประธานฟู่ก็เป็นคนทำพังด้วยน้ำมือตัวเองด้วย หลี่หยวนมีแต่ส่ายหน้าและถอนหายใจให้กับเรื่องนี้ผู้ช่วยคนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ชะงักค้างระคนตกใจ ผู้จัดการเองก็เผยสีหน้าประหลาดใจ ได้แต่พึมพำออกมาว่า“นายช่วยไปปลอบหน่อยสิ ไม่งั้นได้กระทบต่อความคืบหน้าของงานเกินไปแน่”หลี่หยวนยิ้มอ่อนพลางพยักหน้าเล็

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 99

    “คุณซูมีความเชี่ยวชาญในความรู้เฉพาะทาง ยิ่งกว่านั้นในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยยังได้นำทีมร่วมการแข่งขันใหญ่อยู่หลายครั้ง ฉันคิดว่าคุณเหมาะกับตำแหน่งผู้อำนวยการค่ะ”ซูมั่วได้ยินแบบนั้นก็เม้มปาก เธอหันหน้าไปมองรุ่นพี่เล็กน้อยพลางกล่าวว่า“ขอโทษนะคะ แต่ความสามารถของฉันยังมีข้อจำกัดอยู่ เกรงว่าจะไม่มีความสามารถที่จะรับตำแหน่งนี้ ให้ฉันเข้าไปเป็นพนักงานในฝ่ายออกแบบก็พอแล้วค่ะ”เหล่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์งานได้ยินเธอปฏิเสธแล้ว ก็อดแปลกใจขึ้นมาชั่วขณะไม่ได้“ขอบคุณพวกคุณที่ยอมรับความสามารถของฉันนะคะ การแข่งขันในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยเป็นการแข่งขันแบบกลุ่ม ผู้รับผิดชอบหลักก็คือประธานโจวของพวกคุณค่ะ ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยเท่านั้น จะแอบอ้างผลงานไม่ได้หรอกค่ะ” ซูมั่วพูดต่อ“ฉันรู้จักข้อด้อยของตัวเองดีค่ะ นี่เป็นการเข้าทำงานครั้งแรกของฉัน ยังมีหลายส่วนที่จำเป็นต้องฝึกฝน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสามารถในการนำทีมเลยค่ะ ถ้าต้องเลื่อนตำแหน่ง ฉันก็อยากเริ่มตั้งแต่ตำแหน่งเริ่มต้นค่ะ”เมื่อฟังอีกฝ่ายพูดประโยคนี้จบ เหล่าเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ต่างก็ชื่นชมในการพูดความจริงและความจริงใจของเธอ ดังนั้นจึงเบนสายตาไปยัง

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 98

    เขาเอียงหน้ามองเธอ หญิงสาวแต่งหน้าอ่อน ๆ ริมฝีปากเป็นสีแดงทว่าไม่ได้จัดจ้าน ทั่วทั้งร่างดูเรียบ ๆ สะอาดตา มองแล้วก็ยิ่งงดงามเป็นธรรมชาติราวกับไม่ใช่คนของโลกนี้“ไม่แปลกเลยสักนิด สวยมาก” โจวจิ่งอันไม่หวงแหนคำชื่นชมของตัวเองเลยแม้แต่น้อย“ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเธอเป็นถึงดาวของสาขาเราเชียวนะ แถมยังฉลาดยอดเยี่ยม คนมาจีบนี่ต่อแถวกันยาวเหยียดจนล้อมเมืองหลวงได้หลายรอบเลย” โจวจิ่งอันว่ายิ้ม ๆ“รุ่นพี่ไม่ต้องมาล้อฉันเลย” ซูมั่วพูดอย่างเขิน ๆ เล็กน้อยโจวจิ่งอันได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย มองหญิงสาวที่มีนิสัยขี้เขินแล้ว ราวกับได้ย้อนกลับไปสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอันที่จริงเขาอยากใช้โอกาสนี้ถามซูมั่วเหลือเกินว่ามีแฟนหรือยัง แต่ก็รู้สึกว่าพวกเขาทั้งคู่เพิ่งได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน หากถามคำถามแบบนี้ไปมันออกจะบุ่มบ่ามไปจริง ๆ เลยคิดว่ารอก่อนอีกหน่อยแล้วกันขณะที่คุยกันอยู่นั้น ลิฟต์ก็มาถึงชั้นสิบสองแล้ว โจวจิ่งอันเป็นฝ่ายเสนอตัวนำทาง พร้อมกับแนะนำไปด้วยในขณะเดียวกัน“ดูนี่ ตรงนี้เป็นป้ายชื่อบริษัทของพวกเรา ติ่งเซิ่งเทคโนโลยี ถึงมันจะดูเชยไปสักหน่อย แต่ก็เป็นการเอาฤกษ์เอาช

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 97

    บนที่นั่งข้างคนขับหลี่หยวนได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงตะโกนของประธานฟู่แล้ว เลยอดขมวดคิ้วไม่ได้ พลางถอนหายใจอยู่ในใจถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นอย่างวันนี้ แล้วจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกไปทำไม?หลายวันก่อนเขาเคยเตือนประธานฟู่ไปแล้ว ว่าต้องเผชิญหน้ากับหัวใจของตัวเอง แต่ตอนนั้นประธานฟูยังยืนหยัดพูดอย่างหนักแน่นว่าตัวเขาไม่มีทางเสียใจทีหลังบ้านใหญ่ไม่ว่าหลานชายจะขอร้องอย่างไร ร้องไห้อย่างไร ทว่าครั้งนี้คุณท่านฟู่ใจแข็งไม่หวั่นไหวความอยากจับคู่ให้ที่เกิดขึ้นไม่นานก่อนหน้านี้ถูกทำลายย่อยยับไปหมดแล้ว เขาตัดสายทิ้งอย่างไร้เยื่อใย สุดท้ายก็ได้แต่ทิ้งคำพูดไว้ว่า“แกไม่คู่ควรกับมั่วมั่วสักนิด”ที่นั่งด้านหลังภายในตัวรถ ฟู่อี้ชวนกดต่อสายออกไปอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรคุณปู่ก็ไม่รับสายทั้งนั้น ส่วนเขาก็เริ่มใจสลายอย่างสุดซึ้ง จะรู้สึกเสียใจสำนึกผิดต่อเรื่องที่ได้ทำลงไปก็สายไปเสียแล้วชายหนุ่มที่ปกติหยิ่งในศักดิ์ศรีทั้งยังเย็นชา ตอนนี้กำลังร้องไห้เศร้าโศก เหมือนกับหมาน้อยน่าสงสารที่ถูกทิ้งไว้ข้างทาง เขากอดศีรษะตัวเองร้องไห้จนเสียงเหือดแห้งขณะเดียวกัน ณ ตึกซีบีดีที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจซูมั่วลงม

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 96

    “ดังนั้น... ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง??!” ทางนั้น แม้ว่าจะได้รับคำตอบแล้ว ทว่าคุณปู่ฟู่ยังคงไม่อยากเชื่ออยู่ดี“ไม่ใช่แค่เป็นเรื่องจริงเท่านั้นนะครับ ยังมีเรื่องอื่นอีก” หลี่หยวนว่า“เอาแบบนี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมเขียนข้อมูลแล้วส่งไปให้คุณท่าน”พอพูดจบ การสนทนาก็จบลง หลี่หยวนพิมพ์เรื่องราวที่คุณนายได้รับความทุกข์เท่าที่เขารู้แล้วส่งไปให้ทางนั้น ทั้งยังมีเรื่องที่ประธานฟู่พาเมียน้อยเข้าบ้านอีกถึงอย่างไรตอนนี้ทั้งคู่ก็หย่ากันแล้ว เขาคิดว่าคุณท่านฟู่ยังคงเข้าข้างคุณนายอยู่ น่าจะเรียกร้องความยุติธรรมคืนมาให้คุณนายได้บ้างไม่มากก็น้อยภายในรถเงียบผิดปกติ ที่เบาะด้านหลัง ฟู่อี้ชวนกำลังนั่งเหม่ออยู่อย่างนั้น ดวงตาทั้งสองข้างดูอ่อนล้าและล่องลอยเขายังคงไม่เชื่อว่าตัวเองหย่ากับซูมั่วแล้ว ขณะเดียวกันก็กำลังคิดทบทวนความจริงในสองปีที่ผ่านมาคุณปู่เป็นคนบังคับให้ซูมั่วแต่งงานกับเขา ตั้งแต่ต้นจนจบซูมั่วล้วนไม่มีความผิดเลย แต่เขากลับเกลียดเธอมาสองปีเต็มเพราะเรื่องนี้!!ฟู่อี้ชวนอยู่ในสภาพสองมือกุมใบหน้า สะอึกอยู่ในลำคอ ดวงตาร้อนผ่าว ในใจเศร้าสร้อยฝืดเฝื่อนในสมองผุดเรื่องร้ายกาจทั้งหมดที่เขาทำไว้ก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 95

    “มั่วมั่ว อี้ชวนมันสำนึกผิดแล้วนะ หลายวันนี้ก็เอาแต่ตามหาเธอ” คุณท่านฟู่เอ่ยปาก“เดี๋ยวปู่จะให้คนจัดการผู้หญิงคนนั้นเอง มั่วมั่วให้อภัยอี้ชวนสักครั้งเถอะนะ? ให้โอกาสเขาสักครั้ง”“ที่จริงอี้ชวนก็รักเธอนะ แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ตัว เมื่อครู่ก็เข้ามาบอกปู่ว่าไม่อยากหย่ากับเธอ แถมยังร้องไห้ด้วยนะ ปู่รับปากเลย ว่าต่อไปเขาจะเป็นสามีที่ดี”อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ ครั้นได้ฟังคำพูดนี้ของคุณท่านฟู่แล้ว สีหน้าของซูมั่วก็เย็นชาขึ้นทันที ไม่มีคลื่นอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้นเธอน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณปู่ฟู่ไม่มีทางจัดการปัญหาเรื่องการหย่าไม่ได้ เธอไม่น่ารับสายนี้เลยมาพูดขอร้องแทนฟู่อี้ชวน?เหอะ เรื่องอย่างพวกโลกถล่ม มนุษยชาติล่มสลาย พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกอะไรพวกนี้ยังน่าเชื่อกว่าฟู่อี้ชวนเสียอีก“คุณปู่ฟู่ คุณบอกให้ฉันให้โอกาสเขาสักครึ่ง แต่ว่านะคะ ฉันเองก็อยากขอโอกาสให้ฉันได้มีชีวิตบ้างสักครั้ง” ซูมั่วกล่าวฟากคุณท่านฟู่ เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ชะงักทันที ไม่รู้ว่าซูมั่วหมายความว่าอย่างไร“คุณเคยเห็นตุ่มน้ำที่ใหญ่เท่ากำปั้นไหมคะ? เวลาเดินก็รู้สึกเหมือนเหยียบย่ำลงบนปลายมีด”“ไหนยังจะกระดูกก้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status