Share

บทที่ 6

Author: อิงเซี่ย
ฟู่อี้ชวนนอนหลับไม่สนิทจนถึงฟ้าสาง ตอนนี้กระเพาะของเขาถูกบำรุงอย่างดีจนเรื่องมากไปเสียแล้ว ทำให้พอกินยาก็ทำได้แค่บรรเทาอาการเล็กน้อย ไม่ถึงขึ้นเป็นปกติหรือสบาย

เขาตาลุกขึ้มาตั้งแต่ก่อนนาฬิกาปลุกจะดังนานแล้ว สุดท้ายในตอนที่จะเปิดประตูก็เจอกับซูมั่วที่เปิดประตูจากห้องเยื้อง ๆ กันเข้าพอดี

“เธอจะทำอะไรน่ะ?” เขาถามออกไปโดยไม่รู้ตัว

“ข้าวเช้า” ซูมั่วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ปิดประตูแล้วเดินโซเซไปทางห้องครัว

ฟู่อี้ชวนได้แต่ชะงักอยู่กับที่ เมื่อก่อนเขาตื่นมาก็กินเลย ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายต้องตื่นขึ้นมาเตรียมให้ตั้งแต่ตีห้า

มองแผ่นหลังของซูมั่วที่เดินขากะเผลกแล้ว เขาจึงพูดออกไป “...ไม่ต้องทำแล้ว”

ซูมั่วหยุดฝีเท้า พลางหันหน้าไปมองด้านหลัง

เธอคอยปรนนิบัติฟู่อี้ชวนมาสองปี เมื่อก่อนต่อให้เป็นไข้สูงก็ต้องถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาทำกับข้าว หาวิธีมาทรมานเธอ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาบอกไม่ให้เธอทำ

ก้มหน้ามองเท้าของตัวเอง คิดว่าฟู่อี้ชวนเกิดใจดีขึ้นมาเพราะเขาเป็นคนทำให้เธอเจ็บตัวแบบนี้ ที่ไหนได้อีกฝ่ายกลับพูดขึ้นมาอีกว่า

“ข้าวเย็นก็ไม่ต้องทำ ฉันจะออกไปกินกับซินหย่า”

ขณะเดียวกันกับที่พูดจบ เขาก็ก้าวออกจากประตูไปโดยไม่หันมามอง

ซูมั่วมองไปทางประตู กระตุกมุมปากเล็กน้อย พลางคิดเย้ยหยันตัวเอง

เหอะ ๆ เกิดใจดีขึ้นมาที่ไหนกัน เธอคิดมากไปเองชัด ๆ

ไม่ต้องทำกับข้าวก็ดี เธอจะได้อยู่ว่าง ๆ สบาย ๆ อย่างมีความสุข ก็คอยปรนนิบัติดูแลจนรำคาญนานแล้วนี่นะ

หลังกลับไปนอนหลับมาอีกตื่น ตอนแปดโมงก็ลุกขึ้นมาเปลี่ยนยาที่แผลบนตัว ท้ายที่สุดจึงเห็นว่ายาแก้โรคกระเพาะในกล่องปฐมพยาบาลหายไป

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อเช้าตอนเปิดประตูไม่ได้ปลดล็อก เมื่อวานนี้ลืมล็อกอย่างนั้นเหรอ? ส่วนยาแก้โรคกระเพาะก็หายไปก่อนหน้านี้นานแล้ว?

เธอไม่ได้คิดอะไรมาก หลังเปลี่ยนยาเสร็จก็หอบหิ้วแล็บท็อปไปนั่งอยู่บนพรมในห้องรับแขก

ช่วงเช้าซูมั่วเข้าระบบเว็บไซต์การศึกษาเพื่อทบทวนเนื้อหาที่เคยเรียนในมหาวิทยาลัย ช่วงบ่ายจึงเริ่มฝึกจริงด้วยการเขียนโค้ด ขณะเดียวกันก็ออกแบบตัวละครและสร้างฉากบนแท็บเล็ตวาดภาพ

ตลอดระยะเวลาสองปีมานี้ เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ไปโผล่หน้าในแวดวงสังคม ทำให้อาจจะลืมเลือนความรู้ทางสาขาวิชาที่ค่อนข้างซับซ้อนไปบ้าง แต่ฝีมือการวาดภาพไม่ได้ตกไปไหน ยิ่งไปกว่านั้นเธอได้รับรายได้พิเศษจากการรับคำสั่งซื้อของลูกค้าเป็นบางครั้งบางคราว และสะสมจำนวนแฟนคลับไว้จำนวนหนึ่ง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวเดียวก็ตะวันตกดินแล้ว ซูมั่วลุกขึ้นไปรินน้ำ เตรียมสั่งดิลิเวอรี่ ตอนนี้เองที่กลอนประตูดังขึ้น

เธอหันไปมอง วินาทีถัดมา บานประตูถูกผลักออก ใบหน้าของเย่ซินหย่าโผล่มาอยู่เบื้องหน้าเธอ

“มั่วมั่ว ฉันมาเยี่ยมเธอแล้วนะ~ อาการบาดเจ็บของเธอดีขึ้นบ้างหรือยัง?” เย่ซินหย่าฉีกยิ้มให้ ฟู่อี้ชวนเดินตามอยู่ด้านหลังเธอ ในมือยังคงถืออาหารไว้

ซูมั่วเผยสีหน้าเย็นชา หมุนตัวไปทางอื่น

ต้องขอบคุณใครบางคนเสียจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ซินหย่า เธอจะถูกลวกจนบาดเจ็บเหรอ สุดท้ายตอนนี้ยังมีหน้ามาถึงบ้านอีก เป็นหวังดีด้วยมีเจตนาแอบแฝงเหรอ?

“มั่วมั่ว...” เห็นว่าซูมั่วไม่สนใจตัวเอง เย่ซินหย่าจึงพูดออกมาอย่างน้อยใจ

“นี่มันท่าทีแบบไหนกัน ซินหย่าหวังดีมาเยี่ยมเธอ แถมยังจะมาทำกับข้าวมาให้เธอกิน อย่ามาทำตัวไม่รู้จักดีรู้จักชั่วนะ” ฟู่อี้ชวนขมวดคิ้ว พลางกล่าวตำหนิ

ซูมั่วหันกลับไป ยิ้มเย็นชาพลางว่า

“พวกเธอตามสบายเลย ฉันไม่อยากอาหาร ไม่กิน”

เธอเดินไปเก็บแล็ปท็อปบนโต๊ะในห้องรับแขก ฟู่อี้ชวนโมโห แต่เย่ซินหย่าเขย่าแขนเขาพลางออดอ้อน “อี้ชวน มั่วมั่วบาดเจ็บอยู่นะ นายดีกับเธอหน่อยสิ พวกเราไปทำกับข้าวกันเถอะ ไว้ทำเสร็จแล้วค่อยไปเรียกเธอ~”

ซูมั่วทำเป็นไม่ได้ยินน้ำเสียงออดอ้อนแสนน่าสะอิดสะเอียนของเธอ หอบหิ้วแล็ปท็อปกลับห้องไปด้วยตัวเอง

เย่ซินหย่าหิ้ววัตถุดิบทำกับข้าวไปที่ห้องครัว ฟู่อี้ชวนมองซูมั่วที่เดินผ่านหน้าตัวเองไป พลางขมวดคิ้วถาม “เธอใช้แล็ปท็อปทำอะไร?”

“เบื่อ ๆ เลยเอามาดูละคร” ซูมั่วตอบโดยไม่หันกลับไป

“แล้วทำไมจะต้องมีแท็ปเล็ตอีก?” เขาถามขึ้นมาอีก

“ใช้วางมือ” ซูมั่วว่า

นี่กำลังโกหกกันอยู่ชัด ๆ ใช้วางมือ แต่ก็ยังมีสายชาร์จ?

ทว่าซูมั่วทำตัวเฉยชากับเขาเกินไป เธอเริ่มเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อวาน และเรื่องนี้ก็ทำให้ฟู่อี้ชวนกระวนกระวายขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

“อี้ชวน~ รีบเข้ามาช่วยฉันเด็ดผักหน่อยสิ~” เย่ซินหย่าโผล่หน้าออกมาจากห้องครัว พลางเอ่ยเรียกน้ำเสียงเปี่ยมความรู้สึก

ฟู่อี้ชวนขานรับแล้วเดินเข้าไป เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ซูมั่วที่กำลังกลับเข้าห้องล้วนได้ยินและได้เห็นทั้งสิ้น

เธอแค่นเสียงร้องเหอะเย้ยหยันตัวเองอย่างเย็นชา เพิ่งได้เห็นเป็นบุญตาเลยจริง ๆ ฟู่อี้ชวนเองก็มีวันที่ต้องลงครัวกับเขาอยู่เหมือนกัน

เมื่อก่อนล้วนเป็นเธอที่ทำทั้งนั้น ถึงขั้นที่ต้องยกข้าวไปส่งถึงมือเขาด้วยซ้ำ เขาไม่เคยช่วยเลยสักครั้ง

ดังนั้นมันจะไปมีสุภาพบุรุษมักอยู่ห่างจากห้องครัวที่ไหนกัน ก็ยังล้างมือทำน้ำซุปเข้มข้นให้คนรักเหมือนเดิม

อันที่จริงประตูห้องค่อนข้างกันเสียง แต่ซูมั่วยังคงได้ยินเสียงพูดของเย่ซินหย่าอยู่ดี ถ้าไม่รู้ว่าก่อนคงคิดว่าเธอจงใจทำ ไหนยังจะเสียงโป๊งเป๊งสารพัดอีก ราวกับกำลังระเบิดครัวอยู่อย่างไรอย่างนั้น

บ้านถูกคนนอกเข้ามายึดครองเสียแล้ว ทั้งยังบุกเข้ามาทำเหมือนบ้านของตัวเองอย่างโจ่งแจ้งอีก ซูมั่วไม่สนใจสักนิด แค่รู้สึกว่าเสียงดังไปสักหน่อย

เดิมทีคิดอยากจะดูวิดีโอการศึกษาต่ออีกอย่างเงียบสงบ ทว่าตอนนี้พลันมีเกิดเสียงร้องตกใจ

ซูมั่วใส่เฮดโฟนด้วยความรำคาญ ทว่าบานประตูกลับถูกตบจนเสียงดังปึงปัง

“ซูมั่ว ออกมา” ฟู่อี้ชวนเรียกเธอ

ซูมั่วกำหมัดแน่น เธออุตส่าห์ปลีกตัวออกมาให้พื้นที่พวกเขาสองคนแล้วไง ทำไมยังจะตามมากวนเธออยู่ได้?

เสียงทุบประตูยังคงดังต่อไป ดูเหมือนว่าถ้าเธอไม่ออกไป ฟู่อี้ชวนก็จะไม่เลิกรา

ซูมั่วลุกขึ้นยืน สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อยู่หลายครั้ง พลางคิดในใจเงียบ ๆ ว่า

ยังเหลืออีกยี่สิบแปดวัน อดทนอีกนิดเดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว...

เมื่อเปิดประตู ประโยคแรกที่ฟู่อี้ชวนพูดก็คือ

“ลงไปทำกับข้าวที ซินหย่าไม่คุ้นกับเตาในประเทศ จานกระเบื้องหล่นแตกจนเกือบบาดเธอแล้ว”

ซูมั่วหมดคำจะพูด สองอย่างที่พูดออกมานี่มันเกี่ยวกันไหม? ทำจานของเธอแตก ได้รับบาดเจ็บเลยมาหาเธอ?

“ฉันก็เจ็บตัวอยู่นะ” ซูมั่วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ในที่สุดตอนนี้ฟู่อี้ชวนก็ดูเหมือนจะนึกขึ้นมาได้ เขาก้มหน้ามองเท้าของซูมั่ว

เธอคิดว่าเขาจะรู้จักดีชั่ว พอจะยังมีมนุษยธรรมกับเขาอยู่บ้าง เพราะอย่างไรแล้วเมื่อเช้านี้เขาก็บอกเธอแล้วว่าไม่ต้องทำกับข้าว ทว่ากลับได้ประโยคต่อมาแทนเสียนี่

“มือเธอไม่ได้บาดเจ็บนี่ ยืนทำกับข้าวอยู่ตรงนั้นเฉย ๆ ไม่ได้หรือไง?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Aom
จะทนเพื่อ 28 วัน
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 254

    กระดูกก้นกบ...บริเวณนั้นคงผ่าตัดยากสินะ?กระดูกร้าว...นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง?ตำแหน่งนั้น หรือว่าฟู่อี้ชวนตั้งใจจะใช้เท้าเตะท้องซูมั่ว แต่ซูมั่วพลิกตัวหลบ เลยถูกเตะเข้าที่ก้นกบ?มือที่ยันคางของหลีเชินกำแน่นขึ้นเขารู้ว่าซูมั่วผอมแค่ไหน ถ้าว่ากันตามแรงของฟู่อี้ชวน แค่เตะอย่างเดียว หากเตะอีกสักสองทีก็คงตายคาที่ได้เลย“เดี๋ยวนะ ทำไมนายใส่ใจอาการบาดเจ็บของลูกความฉันขนาดนี้” คำพูดของเจิ้งเซวียนดังขึ้นอย่างกะทันหันโดยเฉพาะคำว่า ‘ใส่ใจ’ สองพยางค์นี้ที่เตือนสติเขา เพราะเมื่อครู่หลีเชินก็เพิ่งใส่ใจผู้หญิงบางคนไป แถมก่อนจะพูดถึงเธอยังพูดเบี่ยงไปถึงน้องสาวเขาก่อนด้วยทันใดนั้น เจิ้งเซวียนที่มีประสบการณ์โชกโชนด้านความรักก็เข้าใจทันที และเบิกตากว้างพลางพูด“คนที่นายชอบคือซูมั่วเหรอ??”คำพูดนี้เสียงดังลั่น ดึงสติของหลีเชินกลับมา จากนั้นก็ปฏิเสธทันที“นายพูดเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย เป็นทนายกลับปล่อยข่าวลือ รู้ทั้งรู้ว่าผิดกฎหมาย”“งั้นนายบอกฉันมาสิว่าผู้หญิงที่นายนึกถึงจนว้าวุ่นเมื่อกี้คือเธอหรือเปล่า?” เจิ้งเซวียนหรี่ตา และถามหลีเชินชะงักไปครึ่งวินาที และช่องว่างในจังหวะนั้น เจิ้งเซวียนก็ชี้ข

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 253

    หลีเชินมองเขา สีหน้านิ่งค้าง จากนั้นเม้มริมฝีปากแน่น นิ้วที่จับแก้วเหล้าแน่นขึ้นหลายส่วน“รีบบอกฉันเร็วสิ พี่สะใภ้ชื่ออะไร? เป็นคนจากวงการไหน? ฉันรู้จักไหม?” เจิ้งเซวียนตื่นเต้นขึ้นมา จิตวิญญาณความอยากรู้อยากเห็นลุกโชนได้ยินคำพูดนี้ หลีเชินก็เหมือนมีเส้นขีดสีดำที่หน้าผาก พูดอย่างจริงจัง“พี่สะใภ้อะไรกัน พวกเราเคยเจอกันแค่สองสามครั้งเอง”“แสดงว่าเป็นรักแรกพบน่ะสิ~” เจิ้งเซวียนพูดด้วยรอยยิ้ม“ดูท่าอีกฝ่านจะรูปร่างหน้าตาไม่เลวเลยสิ? เป็นสาวสวย มีเสน่ห์โดดเด่น” เจิ้งเซวียนพูดต่อหลีเชิน “...”ในหัวเขาผุดใบหน้าของซูมั่วขึ้นมา ความจริงแล้วเจิ้งเซวียนก็เดาไม่ผิด เพียงแต่...“ไม่ใช่อย่างที่นายคิด” หลีเชินพูดแก้ทันทีเจิ้งเซวียนยิ้มโดยไม่พูด ยักคิ้วขึ้น ดวงตาคล้ายสุนัขจิ้งจอกยกขึ้น สีหน้าแสดงความรู้สึกว่า ‘ฉันรู้ ฉันเข้าใจฉัน รับทราบแล้ว’หลีเชิน “...”“ไม่ใช่จริง ๆ ฉันกับเธอไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็แค่ช่วงนี้ได้ติดต่อกันทางอ้อมบ่อยขึ้น” หลีเชินพูดอีกครั้งจาก ‘อดีตภรรยาของฟู่อี้ชวน’ มาจนถึง ‘เพื่อนของน้องสาว’ และยังเป็นพนักงานของบริษัทคู่ค้า กระทั่งงานที่เจิ้งเซวียนรับมาด้วยถึงยั

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 252

    หลีเชินสั่งอาหารแล้ว ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะทอดถอนใจอะไรนักเพราะในมุมมองของเขาต่อให้เจิ้งเซวียนไม่ได้อยู่ในวงการธุรกิจแล้ว แต่ตราบใดที่อยากเจอหลีโย่ว ก็ไปหาที่บ้านเขาโดยตรงได้นี่?พวกเขาสองคนก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วเหมือนกัน เพื่อนเก่ากลับมาพบกันจึงดื่มไปหลายแก้วเจิ้งเซวียนเล่าเรื่องการก่อตั้งธุรกิจตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเขา หลีเชินก็ฟังไป สำนักงานกฎหมายปั๋วเหวินในตอนนี้ถือว่าอยู่ในอันดับท็อปสามของเมืองจิงจากหนุ่มคาสโนวาที่เริ่มต้นจากศูนย์ มีผลงานได้แบบนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ถึงอย่างไรเมื่อก่อนเจิ้งเซวียนก็รู้จักแต่จีบสาวและสำมะเลเทเมา“แล้วนายล่ะ หลังจากเรียนต่อต่างประเทศแล้วกลับมารับช่วงต่อธุรกิจของตระกูล ทั้งยังไม่มีพี่น้องมาแก่งแย่งกัน หลังจากตั้งหลักได้แล้วก็ควรสร้างครอบครัวนะ” เจิ้งเซวียนพูด“นายคิดแทนฉันไกลไปหน่อยนะ” หลีเชินกล่าว“ไม่ใช่ว่าวันนี้ฉันยังต้องทำงานล่วงเวลาอยู่เลยเหรอ? ตระกูลหลีต้องก้าวไปอีกขั้น ส่วนเรื่องอื่นตอนนี้ยังไม่ได้คิด”เจิ้งเซวียนได้ยินก็ยิ้ม หลีเชินเป็นเพื่อนที่มีความพยายามที่จะก้าวหน้าที่สุดของเขา เป็นแบบอย่างของทายาทที่ยอดเยี่ยมของตระกูล เมื่อก่อนเขาก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 251

    [เธอพูดอะไรเนี่ย? ขายหน้าอะไร? ฉันทำอะไร?]หลีโย่วเห็นข้อความนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเวียนหัวขึ้นมานี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าอีคิวของพี่ชายเธอน่าเป็นห่วง ไม่เคยมีความรักไม่ได้หมายความว่าจะกลายเป็นชายแท้แบบนี้ได้นะ!เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าสัปดาห์ก่อนที่ติ่งเซิ่งไม่ใช่ว่าไปแกล้งหยอกล้อมั่วมั่วอย่างกับปลากระดี่ได้น้ำเหรอ??นี่มันขัดแย้งเกินไปจริง ๆ เธอจึงตอบกลับ[ซูมั่วเป็นผู้หญิงนะ! พี่แช่งให้เธอเป็นริดสีดวงเนี่ยนะ? นี่มันสมเหตุสมผลเหรอ? นี่มันสุภาพเหรอ? นี่เป็นคำที่พี่พูดได้เหรอ?]ภายในห้องทำงานหลีเชินมองโทรศัพท์ แล้วเม้มปากเงียบ ๆเขาไม่ได้แช่งเสียหน่อย ก็แค่วิเคราะห์จากมุมมองทางการแพทย์ ว่านั่งชักโครกนาน ๆ เสี่ยงเป็นริดสีดวงได้ง่ายจริง ๆ ซึ่งไม่ค่อยดีต่อผู้หญิงหลีโย่วคิดว่านี่ไม่สุภาพเหรอ? แต่เรื่องอาการป่วยแบบนี้ เกี่ยวอะไรกับความสุภาพล่ะ?เขาก็ไม่ได้พูดคำหยาบอะไร ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตัวเองไม่ได้มีปัญหาตรงไหนเขาส่งข้อความอธิบายสิ่งที่คิดออกไปครั้งหนึ่ง กลับทำให้หลีโย่วอึ้งไปเลยเธออ่านครั้งที่สองแบบคำต่อคำ เพื่อยืนยันความคิดของพี่ชาย“มั่วมั่ว...” หลีโย่วเงยหน้าขึ้นมาพูด“ดูเห

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 250

    พี่ชายเธอกระเหี้ยนกระหือรือจะมาเต๊าะคนอื่น เธอรู้สึกขายขี้หน้าเพื่อนสนิทจะตายอยู่แล้ว สามารถคัดชื่อเขาออกจากทะเบียนบ้านได้ไหมเนี่ย!“ไม่น่าจะใช่หรอกมั้ง นี่ก็ผ่านมาสิบหกนาทีแล้ว” เสียงของหลีเชินดังมาหลีโย่ว “!!!”เธอใกล้จะระเบิดเต็มทีแล้ว รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าพี่ชายของเธอช่างเป็นที่อัปยศต่อชื่อเสียงของตระกูลหลี ทำให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสีย!ยังไม่ทันจะได้สวนกลับไป ผู้ชายที่ปลายสายก็พูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง แถมยังแฝงความห่วงใยอยู่หลายส่วน“ถ้ายังไม่ออกมาจริง ๆ ลองพาเธอไปโรงพยาบาลดูสิว่าอาหารเป็นพิษหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นนั่งนาน ๆ เดี๋ยวก็เป็นริดสีดวงกันพอดี”ฝั่งตรงข้าม เมื่อได้ยินดังนั้น ซูมั่วก็กำหมัดแน่นในทันที ลมหายใจติดขัดอยู่ในลำคอ แทบจะขาดอากาศหายใจนี่มันคนประเภทไหนกัน!เธอก็รู้อยู่แล้วว่าไอ้คนสารเลวหลีเชินคนนี้ถ้าไม่ได้แขวะเธอสักหน่อยคงไม่ยอมเลิกรา!เธอรู้สึกว่าขณะที่ฟ้องหย่า ก็น่าจะฟ้องหลีเชินขึ้นศาลไปพร้อมกันได้เลย ในข้อหาก่อกวนโดยไม่มีเหตุอันควรและล่วงเกินทางวาจา!“ภูตผีปีศาจจงหายไป! ออกไปจากร่างพี่ชายฉันเดี๋ยวนี้!” หลีโย่ว

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 249

    “ใช่สิคะ พี่มันพวกหัวขโมย” หลีโย่วสวนพี่ชายกลับหลีเชินไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเธอ จึงตัดเข้าประเด็นทันทีว่า“แล้วซูมั่วล่ะ? เธออยู่ข้าง ๆ หรือเปล่า?”หลีโย่วเงยหน้าขึ้นไปมอง ซูมั่วสบตากับเธอแล้วรีบโบกมือและส่ายหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความต่อต้านและไม่ยอมรับเธอเข้าใจความหมายของเพื่อนสนิท จึงพูดว่า“มั่วมั่วไปเข้าห้องน้ำพอดี”หลีเชินได้ยินดังนั้นก็นิ่งเงียบไปสองวินาที แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ไปจริงเหรอ? หรือว่าไม่อยากจะพูด”ซูมั่ว “...”ทำไมถึงถามคำถามนี้ออกมา ในเมื่อคุณก็พูดเหตุผลออกมาเองแล้วไม่ใช่เหรอ?นี่ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเธอไม่อยากจะยุ่งกับเขา หรือจะต้องมาปะทะคารมกันตรงนี้?เมื่อเข้าใจสายตาที่พูดไม่ออกของเพื่อนสนิท หลีโย่วก็ยกมือขึ้นเคาะประตูกระจกห้องครัว แกล้งทำเป็นเรียกคน แล้วตอบพี่ชายกลับไปว่า“ไปจริง ๆ ค่ะ พี่มีธุระอะไรรีบพูดมาเลย เดี๋ยวฉันเอาไปบอกให้”“เรื่องเต๊าะไม่ต้องพูดถึงเลยนะคะ มันขายขี้หน้าตระกูลหลี แล้วตอนนี้ฉันก็เปิดอัดเสียงอยู่ ถ้าพี่กล้าพูดฉันจะส่งให้พ่อกับแม่”หลีเชิน “...”เขาอยากจะถามว่าเขาเป็นคนแบบนั้นเหรอ? แต่พอคิดถึง ‘ประวัติ’ ที่ตัวเองเคยก่อไว้ ก็ไม่ก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status