Share

บทที่ 6

Author: อิงเซี่ย
ฟู่อี้ชวนนอนหลับไม่สนิทจนถึงฟ้าสาง ตอนนี้กระเพาะของเขาถูกบำรุงอย่างดีจนเรื่องมากไปเสียแล้ว ทำให้พอกินยาก็ทำได้แค่บรรเทาอาการเล็กน้อย ไม่ถึงขึ้นเป็นปกติหรือสบาย

เขาตาลุกขึ้มาตั้งแต่ก่อนนาฬิกาปลุกจะดังนานแล้ว สุดท้ายในตอนที่จะเปิดประตูก็เจอกับซูมั่วที่เปิดประตูจากห้องเยื้อง ๆ กันเข้าพอดี

“เธอจะทำอะไรน่ะ?” เขาถามออกไปโดยไม่รู้ตัว

“ข้าวเช้า” ซูมั่วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ปิดประตูแล้วเดินโซเซไปทางห้องครัว

ฟู่อี้ชวนได้แต่ชะงักอยู่กับที่ เมื่อก่อนเขาตื่นมาก็กินเลย ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายต้องตื่นขึ้นมาเตรียมให้ตั้งแต่ตีห้า

มองแผ่นหลังของซูมั่วที่เดินขากะเผลกแล้ว เขาจึงพูดออกไป “...ไม่ต้องทำแล้ว”

ซูมั่วหยุดฝีเท้า พลางหันหน้าไปมองด้านหลัง

เธอคอยปรนนิบัติฟู่อี้ชวนมาสองปี เมื่อก่อนต่อให้เป็นไข้สูงก็ต้องถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาทำกับข้าว หาวิธีมาทรมานเธอ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาบอกไม่ให้เธอทำ

ก้มหน้ามองเท้าของตัวเอง คิดว่าฟู่อี้ชวนเกิดใจดีขึ้นมาเพราะเขาเป็นคนทำให้เธอเจ็บตัวแบบนี้ ที่ไหนได้อีกฝ่ายกลับพูดขึ้นมาอีกว่า

“ข้าวเย็นก็ไม่ต้องทำ ฉันจะออกไปกินกับซินหย่า”

ขณะเดียวกันกับที่พูดจบ เขาก็ก้าวออกจากประตูไปโดยไม่หันมามอง

ซูมั่วมองไปทางประตู กระตุกมุมปากเล็กน้อย พลางคิดเย้ยหยันตัวเอง

เหอะ ๆ เกิดใจดีขึ้นมาที่ไหนกัน เธอคิดมากไปเองชัด ๆ

ไม่ต้องทำกับข้าวก็ดี เธอจะได้อยู่ว่าง ๆ สบาย ๆ อย่างมีความสุข ก็คอยปรนนิบัติดูแลจนรำคาญนานแล้วนี่นะ

หลังกลับไปนอนหลับมาอีกตื่น ตอนแปดโมงก็ลุกขึ้นมาเปลี่ยนยาที่แผลบนตัว ท้ายที่สุดจึงเห็นว่ายาแก้โรคกระเพาะในกล่องปฐมพยาบาลหายไป

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อเช้าตอนเปิดประตูไม่ได้ปลดล็อก เมื่อวานนี้ลืมล็อกอย่างนั้นเหรอ? ส่วนยาแก้โรคกระเพาะก็หายไปก่อนหน้านี้นานแล้ว?

เธอไม่ได้คิดอะไรมาก หลังเปลี่ยนยาเสร็จก็หอบหิ้วแล็บท็อปไปนั่งอยู่บนพรมในห้องรับแขก

ช่วงเช้าซูมั่วเข้าระบบเว็บไซต์การศึกษาเพื่อทบทวนเนื้อหาที่เคยเรียนในมหาวิทยาลัย ช่วงบ่ายจึงเริ่มฝึกจริงด้วยการเขียนโค้ด ขณะเดียวกันก็ออกแบบตัวละครและสร้างฉากบนแท็บเล็ตวาดภาพ

ตลอดระยะเวลาสองปีมานี้ เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ไปโผล่หน้าในแวดวงสังคม ทำให้อาจจะลืมเลือนความรู้ทางสาขาวิชาที่ค่อนข้างซับซ้อนไปบ้าง แต่ฝีมือการวาดภาพไม่ได้ตกไปไหน ยิ่งไปกว่านั้นเธอได้รับรายได้พิเศษจากการรับคำสั่งซื้อของลูกค้าเป็นบางครั้งบางคราว และสะสมจำนวนแฟนคลับไว้จำนวนหนึ่ง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวเดียวก็ตะวันตกดินแล้ว ซูมั่วลุกขึ้นไปรินน้ำ เตรียมสั่งดิลิเวอรี่ ตอนนี้เองที่กลอนประตูดังขึ้น

เธอหันไปมอง วินาทีถัดมา บานประตูถูกผลักออก ใบหน้าของเย่ซินหย่าโผล่มาอยู่เบื้องหน้าเธอ

“มั่วมั่ว ฉันมาเยี่ยมเธอแล้วนะ~ อาการบาดเจ็บของเธอดีขึ้นบ้างหรือยัง?” เย่ซินหย่าฉีกยิ้มให้ ฟู่อี้ชวนเดินตามอยู่ด้านหลังเธอ ในมือยังคงถืออาหารไว้

ซูมั่วเผยสีหน้าเย็นชา หมุนตัวไปทางอื่น

ต้องขอบคุณใครบางคนเสียจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ซินหย่า เธอจะถูกลวกจนบาดเจ็บเหรอ สุดท้ายตอนนี้ยังมีหน้ามาถึงบ้านอีก เป็นหวังดีด้วยมีเจตนาแอบแฝงเหรอ?

“มั่วมั่ว...” เห็นว่าซูมั่วไม่สนใจตัวเอง เย่ซินหย่าจึงพูดออกมาอย่างน้อยใจ

“นี่มันท่าทีแบบไหนกัน ซินหย่าหวังดีมาเยี่ยมเธอ แถมยังจะมาทำกับข้าวมาให้เธอกิน อย่ามาทำตัวไม่รู้จักดีรู้จักชั่วนะ” ฟู่อี้ชวนขมวดคิ้ว พลางกล่าวตำหนิ

ซูมั่วหันกลับไป ยิ้มเย็นชาพลางว่า

“พวกเธอตามสบายเลย ฉันไม่อยากอาหาร ไม่กิน”

เธอเดินไปเก็บแล็ปท็อปบนโต๊ะในห้องรับแขก ฟู่อี้ชวนโมโห แต่เย่ซินหย่าเขย่าแขนเขาพลางออดอ้อน “อี้ชวน มั่วมั่วบาดเจ็บอยู่นะ นายดีกับเธอหน่อยสิ พวกเราไปทำกับข้าวกันเถอะ ไว้ทำเสร็จแล้วค่อยไปเรียกเธอ~”

ซูมั่วทำเป็นไม่ได้ยินน้ำเสียงออดอ้อนแสนน่าสะอิดสะเอียนของเธอ หอบหิ้วแล็ปท็อปกลับห้องไปด้วยตัวเอง

เย่ซินหย่าหิ้ววัตถุดิบทำกับข้าวไปที่ห้องครัว ฟู่อี้ชวนมองซูมั่วที่เดินผ่านหน้าตัวเองไป พลางขมวดคิ้วถาม “เธอใช้แล็ปท็อปทำอะไร?”

“เบื่อ ๆ เลยเอามาดูละคร” ซูมั่วตอบโดยไม่หันกลับไป

“แล้วทำไมจะต้องมีแท็ปเล็ตอีก?” เขาถามขึ้นมาอีก

“ใช้วางมือ” ซูมั่วว่า

นี่กำลังโกหกกันอยู่ชัด ๆ ใช้วางมือ แต่ก็ยังมีสายชาร์จ?

ทว่าซูมั่วทำตัวเฉยชากับเขาเกินไป เธอเริ่มเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อวาน และเรื่องนี้ก็ทำให้ฟู่อี้ชวนกระวนกระวายขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

“อี้ชวน~ รีบเข้ามาช่วยฉันเด็ดผักหน่อยสิ~” เย่ซินหย่าโผล่หน้าออกมาจากห้องครัว พลางเอ่ยเรียกน้ำเสียงเปี่ยมความรู้สึก

ฟู่อี้ชวนขานรับแล้วเดินเข้าไป เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ซูมั่วที่กำลังกลับเข้าห้องล้วนได้ยินและได้เห็นทั้งสิ้น

เธอแค่นเสียงร้องเหอะเย้ยหยันตัวเองอย่างเย็นชา เพิ่งได้เห็นเป็นบุญตาเลยจริง ๆ ฟู่อี้ชวนเองก็มีวันที่ต้องลงครัวกับเขาอยู่เหมือนกัน

เมื่อก่อนล้วนเป็นเธอที่ทำทั้งนั้น ถึงขั้นที่ต้องยกข้าวไปส่งถึงมือเขาด้วยซ้ำ เขาไม่เคยช่วยเลยสักครั้ง

ดังนั้นมันจะไปมีสุภาพบุรุษมักอยู่ห่างจากห้องครัวที่ไหนกัน ก็ยังล้างมือทำน้ำซุปเข้มข้นให้คนรักเหมือนเดิม

อันที่จริงประตูห้องค่อนข้างกันเสียง แต่ซูมั่วยังคงได้ยินเสียงพูดของเย่ซินหย่าอยู่ดี ถ้าไม่รู้ว่าก่อนคงคิดว่าเธอจงใจทำ ไหนยังจะเสียงโป๊งเป๊งสารพัดอีก ราวกับกำลังระเบิดครัวอยู่อย่างไรอย่างนั้น

บ้านถูกคนนอกเข้ามายึดครองเสียแล้ว ทั้งยังบุกเข้ามาทำเหมือนบ้านของตัวเองอย่างโจ่งแจ้งอีก ซูมั่วไม่สนใจสักนิด แค่รู้สึกว่าเสียงดังไปสักหน่อย

เดิมทีคิดอยากจะดูวิดีโอการศึกษาต่ออีกอย่างเงียบสงบ ทว่าตอนนี้พลันมีเกิดเสียงร้องตกใจ

ซูมั่วใส่เฮดโฟนด้วยความรำคาญ ทว่าบานประตูกลับถูกตบจนเสียงดังปึงปัง

“ซูมั่ว ออกมา” ฟู่อี้ชวนเรียกเธอ

ซูมั่วกำหมัดแน่น เธออุตส่าห์ปลีกตัวออกมาให้พื้นที่พวกเขาสองคนแล้วไง ทำไมยังจะตามมากวนเธออยู่ได้?

เสียงทุบประตูยังคงดังต่อไป ดูเหมือนว่าถ้าเธอไม่ออกไป ฟู่อี้ชวนก็จะไม่เลิกรา

ซูมั่วลุกขึ้นยืน สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อยู่หลายครั้ง พลางคิดในใจเงียบ ๆ ว่า

ยังเหลืออีกยี่สิบแปดวัน อดทนอีกนิดเดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว...

เมื่อเปิดประตู ประโยคแรกที่ฟู่อี้ชวนพูดก็คือ

“ลงไปทำกับข้าวที ซินหย่าไม่คุ้นกับเตาในประเทศ จานกระเบื้องหล่นแตกจนเกือบบาดเธอแล้ว”

ซูมั่วหมดคำจะพูด สองอย่างที่พูดออกมานี่มันเกี่ยวกันไหม? ทำจานของเธอแตก ได้รับบาดเจ็บเลยมาหาเธอ?

“ฉันก็เจ็บตัวอยู่นะ” ซูมั่วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ในที่สุดตอนนี้ฟู่อี้ชวนก็ดูเหมือนจะนึกขึ้นมาได้ เขาก้มหน้ามองเท้าของซูมั่ว

เธอคิดว่าเขาจะรู้จักดีชั่ว พอจะยังมีมนุษยธรรมกับเขาอยู่บ้าง เพราะอย่างไรแล้วเมื่อเช้านี้เขาก็บอกเธอแล้วว่าไม่ต้องทำกับข้าว ทว่ากลับได้ประโยคต่อมาแทนเสียนี่

“มือเธอไม่ได้บาดเจ็บนี่ ยืนทำกับข้าวอยู่ตรงนั้นเฉย ๆ ไม่ได้หรือไง?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Aom
จะทนเพื่อ 28 วัน
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 540

    ได้ยินชื่อ ‘ประธานฟู่’ ทุกคนก็เข้าใจทันทีว่าที่แท้ก็เป็นสามีตามมาที่บริษัทนี่เองงั้นก็เอาเถอะ ดูท่าคงไม่ใช่ผู้ชายคนที่สี่ ยังเป็น ‘ผู้ชายสามคนแย่งผู้หญิงคนเดียว’ เหมือนเดิมทุกคนแทบไม่กินแล้ว เที่ยงวันนี้กินข่าวลือก็อิ่มแล้ว ยังไงปกติพนักงานทั่วไปอย่างพวกเขาจะมีโอกาสเห็น ‘ดราม่าตระกูลไฮโซ’ แบบสด ๆ อย่างนี้ต่อหน้าได้ที่ไหนกัน?“ผมไม่ได้บ้า ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร พูดอะไรอยู่” ดวงตาทั้งสองของฟู่อี้ชวนมองตรงไปที่ซูมั่วอยู่ที่เดิม และพูดด้วยด้วยความใจเย็น “คุณคบกับหลีเชินแล้วงั้นเหรอ? คบกันนานแค่ไหนแล้ว??” ฟู่อี้ชวนถามด้วยความหึงหวงซูมั่วเบื่อจนเกินอธิบาย เธอหันหน้าหนีไป แม้แต่คำตอบยังขี้เกียจจะตอบเธอไปคบกับหลีเชินตั้งแต่เมื่อไหร่? ไปเอาข่าวมาจากไหน??ฟู่อี้ชวนยังบอกตัวเองไม่ได้บ้า นี่มันเสียสติระยะสุดท้ายชัด ๆ!เห็นซูมั่วไม่ตอบเขา ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาแล้ว ฟู่อี้ชวนเลยถือว่านี่คือ ‘การยอมรับโดยปริยาย’ ทันที ความหึงหวงกำลังจะกลืนกินเขาจนหมดเขาพยายามสูดหายใจลึก ๆ พยายามอดทนไว้ เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของซูมั่วผิดที่ไอ้สารเลวหลีเชินที่ล่อลวงเธอ ฉวยโอกาสเข้ามาแทนที่ผิดที่เมื่

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 539

    หลังจากนั้นแรงดึงอย่างแรงให้เธอหันไป เสียการทรงตัว ส้นสูงยืนไม่มั่นคง มืออีกข้างก็เลยไปยันที่หน้าอกบนชุดสูทของฟู่อี้ชวน“มันเป็นใคร?” ฟู่อี้ชวนจับจ้องเธออย่างไม่ละสายตาด้วยดวงตาคมกริบ ก่อนจะถามด้วยความอดทนอีกครั้งซูมั่วเงยหน้าขึ้น สบตากับดวงตาที่ทั้งดุร้ายและเต็มไปด้วยความอยากครอบครอง ดวงตาดำคล้ำยิ่งขับให้ใบหน้าดุร้ายมากขึ้นไปอีก“เขาเป็นใคร? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?” ซูมั่วพูดด้วยความโมโห จ้องเขาด้วยสายตาเย็นชาหลี่หยวนรีบวิ่งเข้ามาแทรก พยายามดึงมือฟู่อี้ชวนด้วยความเกรงใจและพูดว่า“ที่นี่เป็นที่สาธารณะนะ เราต้องระวังผลกระทบด้วย…”แต่ฟู่อี้ชวนไม่ฟังใช้มืออีกข้างดันหลี่หยวนออกไป พร้อมทั้งก้าวเข้ามาใกล้ซูมั่วมากขึ้น จนเกิดความกดดันหลังจากนั้นเอียงศีรษะทำท่าจะโน้มลงไป เขากำลังจะจูบ…“เพียะ!” เสียงตบมือดังสนั่น ซูมั่วรู้สึกขยะแขยงมากจึงตบออกไปแก้มของฟู่อี้ชวนร้อนผ่าว เขาแทบจำไม่ได้เลยว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ซูมั่วตบเขาแต่เขาไม่ได้โกรธ เพียงแค่รู้สึกเจ็บใจ“ผู้ชายคนนั้นมีสิทธิ์อะไรถึงกล้ามาจีบกับคุณ?!” ฟู่อี้ชวนกัดฟันถามด้วยความไม่พอใจซูมั่วแทบจะหัวเราะออกมาเพราะความโม

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 538

    เขาอ้างอิงคำพูดด้านบนของซูมั่ว แล้วตอบกลับว่า[ก็มีเสียมารยาทจริง ๆ คุณไม่อยากรู้เหรอว่าตอนคุณเมาทำอะไรหรือพูดอะไรไปบ้าง?ฉันมีบันทึกเสียงอยู่ สามารถช่วยให้เธอนึกขึ้นมาได้]เมื่อเห็นสองประโยคนั้น เสียงดัง ‘ปึ้ง’ ซูมั่วรู้สึกสมองว่างเปล่าเมื่อคืนหลังจากเมาจนภาพตัดเธอทำอะไรไปบ้าง? คงไม่ใช่ว่าเมาแล้วเสียสติหรอกนะ…คงไม่ไปกอดหลีเชินร้องไห้ใช่ไหม? จบเห่แล้ว…แล้วยังมีบันทึกเสียงอีก…หลีเชินเป็นคนแบบนี้ได้ยังไงกัน!เดิมซูมั่วก็เป็นคนขี้อายอยู่แล้ว เมื่อครู่กว่าจะหายหน้าแดง ตอนนี้กลับแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้งราวกับกุ้งสุกเธอสงสัยว่าที่หลีเชินส่งเธอกลับบ้านก็เพื่อดูเธอทำเรื่อง ‘น่าอาย’ และหลังจากนั้นผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนั้นก็อัดเสียง บางทีอาจจะถ่ายวิดีโอไว้ เพื่อเอามาแกล้งเธอนิ้วมือของเธอสั่นขณะพิมพ์ถามว่าตัวเองทำอะไรไปบ้าง ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เป็นเพราะอายและละอายตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยรู้สึกอับอายแบบนี้มาก่อน ยิ่งอยู่ต่อหน้าผู้ชายที่ชอบแกล้งเธอที่สุดแล้วด้วย นี่เป็นการยื่นมีดให้อีกฝ่ายไม่ใช่เหรอ?แต่ขณะที่เธอกำลังพิมพ์ข้อความนั้น ไม่ไกลออกไป ชายคนหนึ่งสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเห็นเ

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 537

    ผ้าเช็ดมือที่เปียกชื้นหลีโย่วไม่น่าจะแยกไม่ออก จนเอาผ้าเช็ดมือของเธอไปใช้เช็ดหน้าให้เธอแล้วทำไมเมื่อเช้าเธอถึงไม่คิดถึงตรงจุดนี้??!!แล้วตกลงเป็นใครกันแน่ คนขับรถหรือ…หลีเชิน?คาดเดาในใจเพียงสองวินาที ซูมั่วเม้มริมฝีปากแน่นหวังว่าจะเป็นคนขับรถนะ อย่างน้อยคนขับรถก็น่าจะสมเหตุสมผลมากกว่า เพราะต้องเป็นคนที่ทำงานบริการถึงจะใส่ใจละเอียดขนาดนี้แต่…การมาเช็ดหน้าให้เธอมัน ‘ละเอียดเกินไป’ หรือเปล่า?ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชาย ชายหญิงแตกต่างกัน จริง ๆ แล้วแค่มาส่งเธอกลับเข้าบ้านก็น่าจะพอแล้วแต่เขาก็มีความหวังดี ซูมั่วไม่ควรจะไป ‘คาดเดา’ อะไรเพิ่มเติม แต่ในสมองเธอก็ยังนึกถึงเหตุการณ์ในตอนเช้าที่ตัวเองตื่นขึ้นมาเสื้อผ้ายังไม่ได้ถอด ยังอยู่ครบเรียบร้อย สายชุดชั้นในหรืออะไรอื่น ๆ ก็ไม่ได้บิดเบี้ยว ดังนั้นน่าจะไม่ได้มีเรื่องไม่เหมาะสมเกิดขึ้นแค่คิดว่าคนแปลกหน้าคนหนึ่งเอาผ้าเช็ดมือมาเช็ดมือเช็ดหน้าให้เธอ ก็รู้สึก…แปลก ๆ นิดหน่อยขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น มาถึงชั้นร้านอาหารแล้ว ซูมั่วไม่ได้รอข้อความจากหลีโย่ว แต่ปรากฏว่าแจ้งเตือนโทรศัพท์เด้งขึ้นมา…เป็นข้อความจากหลีเชิน[นี่ก็เป็นครั

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 536

    จนถึงตอนนี้ เรื่องราววนกลับมาเป็นวงกลมในเรื่องธุรกิจถือว่าเขาทำได้ไม่เลว แต่ในเรื่องการอบรมเลี้ยงดูลูกหลานนั้นเขากลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงคนเราอายุมากขึ้น ก็ไม่ได้รั้นเหมือนแต่ก่อนแล้ว เขามักจะคิดทบทวนอยู่บ่อย ๆ ว่าเหมือนเขาจะเข้มงวดกับลูกชายและหลานชายมากเกินไป ถึงขั้นบังคับเรื่องการแต่งงานของพวกเขาแต่บางครั้ง เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเพราะฟู่ปั๋วหมิงไม่มีทั้งความสามารถและพรสวรรค์อะไร เขาจึงหาคนที่มีความสามารถทางธุรกิจมาช่วย เพื่อช่วยให้ลูกชายสามารถยืนหยัดในตำแหน่งได้อย่างมั่นคงเป็นเขาเองที่มีตาไม่มีแวว ไม่รู้จักคุณค่า ถูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีสามารถสนับสนุนอะไรเขาได้พูดหลอกล่อไม่กี่คำก็ไปแล้วตอนนี้ชีวิตก็ไม่ใช่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ หรอกเหรอ? เรียกได้ว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงพอมาถึงฟู่อี้ชวน เย่ซินหย่าก็เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจคนหนึ่ง แต่เขากลับรักเธอจนแทบบ้าซูมั่วเป็นผู้หญิงที่ดีขนาดนั้นเขากลับไม่รู้จักถนอม จนหย่าขาดกันไปแล้ว ถึงค่อยกลับไปตามง้อสุดท้ายฟู่อี้ชวนกลับโทษเขา และพูดถ่อยคำหยาบคาบทิ่มแทงใจเขาถ้าจะพูดถึงการแต่งงานตามข้อตกลงนี้เขาเองก็รู้สึกผิด แต่ก็แค่ก

  • นับเวลาสามสิบวัน ฉันจะเป็นอิสระ   บทที่ 535

    “ใช่ ผมยังคิดว่าจะโดนประธานฟู่ด่าด้วยซ้ำ หลี่หยวนก็เป็นคนฉลาดนัก ไม่ยอมช่วยพูดเรื่องนี้เลย ยังไงก็ตามยังไม่เห็นข้อดีของงานนี้เลย แต่มีข้อเสียเต็มไปหมด” โจวเฉิงถอนหายใจแล้วพูดอีกทั้งโปรเจกต์เล็ก ๆ ของติ่งเซิ่งที่เดียว กลับต้องให้เขาเป็นคนนำทีมด้วยตัวเองเดิมทีเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ระดับผู้จัดการมาเข้าร่วมเลย หาหัวหน้าทีมมาทำก็พอแล้ว ส่วนเขาก็รับผิดชอบเซ็นชื่อแต่บังเอิญว่า นี่เป็นคำสั่งของประธานฟู่ ไม่เพียงแต่ผู้จัดการต้องติดตามตลอดกระบวนการ ประธานฟู่ก็จะติดตามไปด้วยเขาเสียใจภายหลังจริง ๆ ที่ตอนนั้นแย่งงานกับผู้จัดการคนอื่น ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดมันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง“ผมเอาคำพูดไปบอกแล้ว แล้วก็ห้ามแล้วด้วย แต่ประธานฟู่ไม่ฟังเลยผมก็จนปัญญา เปลี่ยนให้พระเจ้ามาก็คงห้ามไม่อยู่” โจวเฉิงถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกล่าวในเวลานั้น ที่โรงพยาบาลเอกชนพ่อบ้านนำเนื้อหาที่ได้รับจากโทรศัพท์ถ่ายทอดให้ชายชราที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ฟัง ชายชรามีสีหน้าเฉยเมย และแค่นเสียงเย็นชาว่า“เขาจะไปแล้วฉันยังจะจัดการได้อีกเหรอ? โตแล้วปีกกล้าขาแข็ง แม้แต่ฉันที่เป็นปู่ก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาแ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status