Home / รักโบราณ / นางกลับมาเพื่อร่ำรวย / บทที่ 12 เล่นหมากล้อมเพื่อชิงบ้าน

Share

บทที่ 12 เล่นหมากล้อมเพื่อชิงบ้าน

last update Last Updated: 2025-08-20 21:44:21

นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่หลี่โต๋วเปาได้ใช้ชีวิตอยู่ในยุคอดีตอย่างเต็มตัว สิ่งที่ชายหนุ่มเหลือไว้ในห้องส่วนตัว (ที่อยู่ในยุคจักรวรรดิ) คือจดหมายหนึ่งฉบับและคำสั่งการแก่พ่อบ้านรวมถึงดอกเตอร์หลี่เฮ้าถง

ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่พร้อมๆ กับฉินอี้หนิง หลังอาบน้ำชำระร่างกายจนเสร็จสรรพ ร่างกำยำก็สวมใส่ชุดของท่านตาฉินในสมัยที่ท่านยังหนุ่ม ก่อนจะไปช่วยงานเล็กๆ ของท่านตา นั่นคือการเอาสมุนไพรไปส่งให้ลูกค้าที่อยู่ในหมู่บ้าน

ระหว่างการเดินทาง สายลมเย็นโบกพลิ้วราวเส้นไหม ม่านแดดอ่อนทอดคลุมทั่วลานศาลากลางหมู่บ้านฮุ่ยฟาง ขณะที่เสียงไก่ขันสอดประสานกับรอยล้อเกวียนของผู้คนที่สัญจรไปมา สิ่งที่ดูธรรมดาเหล่านั้นคลอไปกับกลิ่นไอฝุ่น และกลิ่นข้าวแป้งหอมๆ ที่ลอยตามลมมาจากแผงขายซาลาเปานึ่งร้อนๆ

ใต้ต้นหลิวที่โน้มกิ่งลงมาจรดพื้นคล้ายเป็นผู้เฒ่าหลังค้อม บนเสาไม้ซีดเก่าใกล้ซุ้มขายฟืน มีแผ่นกระดาษประกาศใบหนึ่งที่ใครต่อใครต่างมองข้ามมานาน

การเวลาทำให้ขอบกระดาษหลุดลุ่ยเล็กน้อย บางส่วนขาดเป็นรูตรงมุมล่างจากฝีมือลมฝน ทว่าอักษรพู่กันจีนดั้งเดิมกลับยังแน่นมั่น ไม่หวั่นไหวแม้ต้องตากแดดร้อนหรือต้องลมกรรโชก

มันคือประกาศขอท้าประลองหมากกระดานกับผู้ที่สนใจ…

เป็นของสวี่ผิงอวี่ อดีตขุนนางกรมพระคลัง ผู้อาศัยอยู่ ณ เรือนริมไผ่ข้างตาน้ำตะวันตกของหมู่บ้านฮุ่ยฟาง

ข้างใบประกาศมีหยากไย่เก่าๆ คลุมตัวยาว เป็นเครื่องยืนยันว่าคำท้าทายนี้มันล่วงสมัยมานานมากโขทีเดียว บางทีคงเป็นคำท้าทายที่ไร้ผู้กล้าตอบรับมานานหลายปีแล้ว

หลี่โต๋วเปาหยุดยืนอ่านเนื้อความนั้นอย่างสนใจ ในใบประกาศบอกอย่างชัดเจนว่าอดีตขุนนางผู้นี้ประสงค์จะมอบเรือนหนึ่งหลังพร้อมที่ดิน ซึ่งมีสวนสมุนไพรและส่วนผลไม้ ให้แก่ผู้ใดก็ตามที่สามารถชนะกระดานหมากล้อมจากเขาเพียงหนึ่งในสามตาได้

ทว่าหากพ่ายแพ้ คนผู้นั้นต้องกลายเป็นทาสตีตรา ทำหน้าที่ดูแลเรือนและสวนทั้งหมดของเขาเป็นเวลาสามปี

ข้อความที่ปิดท้ายใบประกาศทำให้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาบนใบหน้าอันหล่อเหลา เพราะอดีตขุนนางผู้นั้นยังเขียนตัวอักษรขนาดเล็กไว้ที่หัวมุมกระดาษ เพื่อบอกว่าตนเองขอสรรเสริญสติปัญญาเหนือกำลัง

หลี่โต๋วเปายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ใช่ชาวบ้านฮุ่ยฟาง จึงไม่รู้แม้แต่หน้าตาของขุนนางเฒ่าที่ว่ามา ทว่าประโยคชนะหนึ่งในสามกระดาน ยินดีมอบเรือนหนึ่งหลังพร้อมที่ดิน ซึ่งประกอบด้วยสวนสมุนไพรและส่วนผลไม้นั่น…

กลับสามารถตรึงชายหนุ่มผู้ชอบความท้าทายแบบเขา ให้เกิดความอยากรู้อยากลอง เหมือนตัวเขาเป็นหมากที่ถูกล้อมไว้ทุกหนทางจนกระทั่งไร้ช่องเดิน

เพราะขอพักที่บ้านสกุลฉินเพียงหนึ่งคืน คราแรกหลี่โต๋วเปาจึงคิดจะกลับไปยุคจักรวรรรดิของตนเพื่อขนทรัพย์สมบัติเข้ามาสร้างตัว แต่พอได้เห็นประกาศที่น่าสนใจเช่นนี้ ชายหนุ่มจึงเกิดไอเดียอยากสร้างรากฐานโดยเริ่มจาก 0 ขึ้นมา

เขาจะใช้เพียงทรัพยากรที่มีอยู่แล้วในยุคสมัยนี้เท่านั้น เพื่อแสดงให้เห็นว่าต่อให้ต้องอับจนหนทางอย่างที่สุด เขาก็มีความสามารถมากพอที่จะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ด้วยตนเอง

แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามย้ำกับตนเองอยู่ภายในใจ ว่าเขาจะทำได้จริงๆ น่ะเหรอ เพราะตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเล่นหมากล้อมโบราณเลยสักตา…

แต่ของร่างวัลก็คุ้มค่าแก่การเสี่ยงไม่น้อย ถ้าแพ้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลขนาดนั้น ดวงตาของหลี่โต๋วเปาหรี่ลงเล็กน้อย ทั้งชีวิตที่ผ่านพ้นไป เขาเคยเป็นจอมพลที่วางแผนได้แม้กระทั่งการรบระหว่างสงครามดาราจักรในยุคอนาคต หากเพียงหมากล้อมกระดานเล็กจ้อยในยุคโบราณนี้ มันจะไปยากเย็นอะไรขนาดนั้นเชียวหรือ?

ขณะที่กำลังคิดทบทวนกับตนเอง เสียงฝีเท้าของเด็กน้อยสามคนก็วิ่งผ่านเบื้องหลัง ตามมาด้วยเสียงพูดคุยกันของหญิงขายผักสองนาง

“อ้าว! นึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็คนรักของแม่นางฉินนั่นเอง พ่อหนุ่มสนใจประกาศนั่นหรือจ้ะ”

“ใช่ขอรับ” เสียงทุ้มตอบตามมารยาทเท่านั้น

“โถ่ ประกาศนั่นน่ะติดมาหลายปีแล้ว ใครจะไปชนะขุนนางเฒ่าผู้นั้นได้เล่า ท่านสวี่น่ะเล่นหมากล้อมเก่งอย่างกับอ่านใจคนได้…” สตรีขายผักคนแรกเอ่ยกรั้วหัวเราะ

“มันติดมาสิบปีแล้วกระมัง ยังไม่มีใครชนะท่านสวี่ได้เลยสักคน” สตรีขายผักคนที่สองเอ่ยเสริม

แล้วสตรีขายผักทั้งสองนางก็หันไปพูดคุยกันต่อ หลี่โต๋วเปาเหลือบมองแผ่นกระดาษนั่นซ้ำอีกครา ก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบๆ

หากแต่ใครจะรู้บ้างว่า ระหว่างที่เขาก้าวเดิน…สายตาเรียวคมกลับวาดแผนผังหมากขึ้นในใจ

เพียงการมองกระดานจากภาพในอดีตผ่านเทคโนโลยีที่มี ชายหนุ่มก็สามารถเข้าใจการล้อมหมากได้ในเวลาอันรวดเร็ว และเข้าใจถึงวิธีการอ่านใจทางศาสตร์จิตวิทยา ขอเพียงสามารถมองออกถึงการแสดงสีหน้าและทิศทางมือของฝ่ายตรงข้าม แค่นั้นก็เหนือกว่าแล้วล่ะ

หลังทานข้าวเช้าเสร็จ ในยามที่ว่าง หลี่โต๋วเปาก็ปลีกตัวไปนั่งเขียนกระดานไม้เพื่อเล่นกับหุ่นยนต์อัจฉริยะอยู่ภายในห้องเก็บของแคบๆ เขาใช้เมล็ดถั่วกับหินกรวดแทนหมากขาวดำ

ในใจเงียบสงบ ขณะที่มือเริ่มคำนวณ ฉับพลันในแววตากลับปรากฏความมั่นใจอย่างแผ่วเบา ขอเพียงเขาสามารถเดินหมากชนะหนึ่งในสามกระดาน…เขาก็จะมีบ้านเป็นของตนเองโดยไม่ต้องสูญเสียเงินไปมากมาย

เมื่อถึงยามบ่ายในหมู่บ้านฮุ่ยฟาง แสงตะวันร่วงหล่นผ่านเงาไม้ พาดทับหลังคาบ้านหลังใหญ่ที่ทอดตัวเงียบอยู่ที่ชายป่า

เรือนหลังนั้นเคยเป็นของท่านอาวุโสสวี่ ผู้เคยดำรงตำแหน่งเป็นขุนนางกรมพระคลังเมื่อยามยังหนุ่ม ชายชรากลับมาอยู่บ้านเกิดหลังปลดเกษียณ ในทุกๆ เวลาบ่ายสองโมงเย็น เขามักจะนั่งจิบชาเงียบๆ อยู่ที่ริมระเบียงหน้าบ้าน เฝ้ามองผู้คนสัญจรไปมาอย่างไม่ใส่ใจ

ในสายตาชาวบ้านธรรมดา ผู้อาวุโสสวี่คือบุคคลที่ไม่ควรเข้าใกล้

แต่ในสายตาของหลี่โต๋วเปา…ชายชราคือโอกาส

ชายหนุ่มร่างสูงกำยำปรากฏตัวใต้ร่มไม้ใหญ่ของเรือนสกุลสวี่ เขาสวมเสื้อผ้าเรียบง่ายของท่านตาสกุลฉิน ใบหน้าหล่อเหลาน่ามองและน่านับถือ อาจเพราะมีหางคิ้วเฉียบคม และดวงตาเยือกสงบ ที่ดูราวกับเป็นผู้มีอำนาจโดยกำเนิด

เขาไม่ได้มาขออะไร แต่เป็นผู้รู้ดีว่าตนสมควรได้รับสิ่งใดจากที่นี่

“ท่านผู้อาวุโสสวี่” หลี่โต๋วเปากล่าว “ได้ยินว่าท่านโปรดปรานการเล่นหมากกระดาน ข้าเพียงมาขอแลกเปลี่ยนสักกระดานสองกระดาน เพื่อเรียนรู้”

มือที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นจรดริมฝีปากของท่านสวี่ชะงักค้าง ชายชราหันมามองชายหนุ่มด้วยแววตาประเมิน

“เด็กหนุ่มสมัยนี้ หาใช่จะสนใจหมากกระดานนัก” เขายิ้มอย่างรู้ทัน ก่อนกล่าวต่อ “เจ้าจะพนันสิ่งใดหรือ?”

หลี่โต๋วเปายกยิ้มบาง “ข้าเห็นป้ายประกาศของท่าน จึงขอมาเดิมพันเพื่อชิงเรือนหลังนั้น”

เสียงชาที่กำลังรินใส่จากเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ท่านอาวุโสจะหัวเราะแผ่วๆ พลางวางกาน้ำชาลง

“หากเจ้ากล้า ข้าก็จะเล่นด้วย แต่หากแพ้ เจ้าต้องอยู่รับใช้ข้าให้ครบสามปี”

“ขอรับ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ไม่มีความลังเลแฝงอยู่ในแววตาเลยแม้สักเสี้ยวเดียว

ผู้อาวุโสสวี่เพียงยกมือขึ้น สาวใช้ผู้หนึ่งก็นำกระดานหมากมาวางลงบนโต๊ะ แผ่นไม้เกลี้ยงเกลากระทบกันเกิดเสียงดังตึก ตามมาด้วยหมากดำ หมากขาว เริ่มไหลเรียงไปตามรอยตาอันลึกซึ้ง

กระดานแรก…หลี่โต๋วเปาแสร้งว่าแพ้เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามอารมณ์ดี

ซึ่งมันก็ทำให้ผู้อาวุโสสวี่ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจได้จริงๆ ดวงตาของชายชราพราวระยับ ก่อนเอ่ยพึมพำบางอย่าง

“เจ้าคงเป็นมือใหม่จริงๆ สินะ เป็นคนหนุ่มที่น่าเกรงขามจริงๆ เช่นนั้นหากชนะข้าได้ ข้าเพิ่มเงินให้อีกสามสิบตำลึงทอง”

“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส” เสียงทุ้มกล่าวอย่างเย็นเยียบ

กระดานที่สอง…หลี่โต๋วเปาเล่นอย่างนิ่งสงบ เริ่มตอบโต้และแก้เกมได้อย่างง่ายดาย แม้เพียงชั่วครู่ แต่ท่านสวี่ก็เริ่มขมวดคิ้วมุ่นอย่างลืมตัว

ยิ่งเมื่อหมากของตนถูกบีบจากทุกทิศทาง ขณะที่อีกฝ่ายวางแผนล้อมวงอย่างช้าๆ แต่ทว่ามั่นคงยากจะจับทางได้อย่างแน่นอน การวางแผนของเขาดูราวกับขุนศึกที่เดินทัพอย่างสงบ แต่ก็พร้อมปริดชีพฝ่ายตรงข้าม

ยามหมากสุดท้ายถูกวางลง เสียงเงียบงันก็ปกคลุม ผู้อาวุโสสวี่มองกระดานเพียงครู่หนึ่ง ก่อนถอนใจยาวแล้วหัวเราะเบาๆ

“ฮึ…กลิ่นอายเช่นนี้ ข้าเคยเห็นแต่ในวังหลวง” ชายชราว่าพลางรินชาให้คนหนุ่มตรงหน้า “ใบหน้าของเจ้าทำให้ข้านึกถึงคนบางคน ทว่านิสัยการเดินหมากยังต่างกันนัก พื้นเพของเจ้าไม่ใช่เพียงคนค้าขายธรรมดาแน่…แต่ข้าจะไม่ถามถึง”

หลี่โต๋วเปายกมือคารวะ พร้อมกับรับชาจอกนั้นมาไว้ในมือ

“ขอบพระคุณผู้อาวุโสสวี่ที่ให้เกียรติแลกเปลี่ยน”

ผู้อาวุโสสวี่ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เขาเดินเข้าไปในเรือน แล้วกลับออกมาพร้อมเอกสารโฉนดเก่าหนึ่งฉบับ กุญแจบ้าน และเงินสามสิบตำลึงทองในหีบสมบัติ

“เดิมทีข้าเคยวางบ้านหลังนั้นไว้เป็นมรดกให้หลานชาย แต่เขากลับไม่ยอมมาเหยียบหมู่บ้านฮุ่ยฟางแห่งนี้สักครา” มือที่เริ่มเหี่ยวย่นวางเอกสารนั่นลงบนโต๊ะ “สุดท้ายแล้ว ข้าเพียงอยากเห็นคนที่สมควรได้บ้านหลังนั้น แน่นอนว่าเจ้าสมควรได้ครอบครองมันจริงๆ พอคิดว่าเป็นเจ้า…ข้าก็วางใจ”

หลี่โต๋วเปารับของเดิมพันไว้เงียบๆ ไม่ใช่ด้วยความโลภ หากแต่เป็นการดูแลสานต่อสิ่งที่ชายผู้นี้รัก

“ผู้อาวุโสโปรดวางใจ ทั้งบ้านพร้อมที่ดิน และเงินสามสิบตำลึงทองที่ท่านให้มา ข้าจะนำมันไปเป็นสินสอดสู่ขอสตรีที่ข้ารัก ไม่ได้นำไปเล่นพนันต่อแน่นอน ข้าจะดูแลบ้านหลังนั้นของท่านอย่างดีขอรับ”

“อย่าลืมแวะมาเล่นหมากล้อมกับคนแก่อย่างข้าบ้างล่ะ”

“ขอรับผู้อาวุโส”

“เช่นนั้น เราไปดูบ้านของเจ้ากันเถอะ”

กล่าวจบชายชราพร้อมด้วยสาวใช้อีกสี่คน ก็พาหลี่โต๋วเปาเดินทางไปดูบ้านที่เขาดูแลมันไว้อย่างดีมานานนับสี่สิบปี ซึ่งข้อดีของบ้านหลังนี้ก็คือ มันอยู่ไม่ห่างจากบ้านสกุลฉินมากนัก อีกทั้งยังเป็นที่กว้างที่ไม่ติดกับบ้านใครมากจนเกินไป ค่อนข้างส่วนตัวและมีบรรยากาศที่ดีมากทีเดียว

วันนั้นในหมู่บ้านฮุ่ยฟางจึงมีข่าวลือใหม่อีกระรอก

นั่นคือข่าวที่คนรักของฉินอี้หนิง สามารถเล่นหมากล้อมเพียงสองกระดาน ก็คว้าบ้านหลังงามมาได้ในเวลาเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น

ฉินอี้หนิงกำลังยืนรดน้ำต้นหอมในแปลงเล็กๆ หน้าบ้าน ไม่นานเสียงฝีเท้าหนักๆ แสนคุ้นเคยก็ดังขึ้นตรงปลายทางเดิน นางเงยหน้าทันที ก่อนจะยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ

ใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนรอยฝุ่นบางจางๆ ในมือใหญ่มีห่อผ้าผูกเชือกอยู่

“ท่านหายไปไหนมา ตั้งแต่เช้า ข้า…”

เสียงของนางขาดหายกลางคันเมื่อเขายื่นของในมือให้

“ซาลาเปาไส้เห็ดหอม ได้ยินจากท่านยายว่าเจ้าชอบกินร้านนี้ที่สุด” เสียงทุ้มน่าฟังของเขาไม่ได้ดังนัก แต่กลับทำให้อากาศรอบข้างอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด

“ขอบพระคุณ” ฉินอี้หนิงรับห่อผ้าไว้ มือของนางแตะกับปลายนิ้วของเขาเพียงเสี้ยวอึดใจเท่านั้น แต่กลับสร้างกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ จนร้อนวาบขึ้นมาอย่างไม่อาจหาคำอธิบายได้

หญิงสาวก้มหน้าลงเล็กน้อย ใช้นิ้วเขี่ยเชือกออกก่อนคลี่ห่อผ้า ไม่นานกลิ่นของแป้งนึ่งและเห็ดหอมผัดซอสก็ลอยขึ้นมาทันที

“แล้ว…ท่านไปที่ใดมาหรือเจ้าคะ?” นางเอ่ยถามในที่สุด

หลี่โต๋วเปาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนยิ้มบางๆ แววตาคู่นั้นที่มองนางเจือปนไปด้วยความอ่อนโยน และอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งเกินกว่าคำพูด

“ข้ามีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว”

ฉินอี้หนิงขมวดคิ้วน้อยๆ “บ้าน? ท่านหาได้เร็วถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”

“ข้าไม่ได้หา” เขาตอบ “แต่ข้าชนะจนได้มันมา พร้อมเงินอีกส่วนหนึ่ง” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ขณะพูด ก่อนเอ่ยต่ออย่างจริงจัง “บ้านหลังนั้นมีสวนสมุนไพร มีสวนผัก อยู่ริมตาน้ำด้านทิศตะวันตก มีเรือนหลังเล็กที่เหมาะจะต้มยา และที่สำคัญ…มันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่”

เด็กสาวนิ่งไป ดวงตากลมสวยคู่นั้นสะท้อนแสงตะวันจนดูวับวาวน่ามองยิ่งนัก

“บ้านผู้อาวุโสสวี่หรือเจ้าคะ ท่านไปเล่นหมากล้อมชนะเขามาหรือ…” ใบหน้างามฉายแววตกตะลึง ก่อนมองสำรวจเขาอย่างห่วงใย ไม่รู้เหตุใดเขาถึงใจกล้าและบ้าบิ่นได้ขนาดนี้

“ข้าจะใช้มันเป็นสินสมรสสู่ขอเจ้าในวันพรุ่งนี้”

“ข้าไม่แน่ใจว่าข้าควรแต่งงานตอนนี้จริงๆ ท่านแน่ใจจริงๆ หรือ?”

“เหตุใดเล่า?”

“สตรีแต่งงานได้เพียงครั้งเดียว ท่านอยากจะทำมันจริงๆ หรือเจ้าคะ”

คราวนี้ ฉินอี้หนิงเผลอหลบสายตาเสียเอง พวงแก้มนุ่มมีสีแดงระเรื่อปรากฏขึ้นจางๆ ขณะที่นางพยายามทำหน้าไม่พอใจเพื่อซ่อนรอยยิ้มข้างในไม่ให้หลุดออกมา

“แล้ว?” เขาเลิกคิ้ว

“เพราะข้าสัญญากับตนเองว่าจะมีสามีเพียงคนเดียวเท่านั้น ข้าจะแต่งงานเพียงครั้งเดียว หากท่านแต่งงานกับข้า ต่อให้ท่านจะรักหรือไม่รักข้า แต่ข้าก็จะเกิดความผูกพัน และมองท่านในฐานะสามี ข้าไม่เคยรู้สึกดีๆ กับใคร แต่ถ้าหากถูกวางฐานะไว้แบบนั้นนานๆ ข้าก็อาจจะเผลอรักท่านเข้าในสักวัน…”

ในประโยคสุดท้าย ฉินอี้หนิงพยายามพูดให้เบาที่สุด นางไม่กล้าเงยหน้ามองเขาแม้แต่วินาทีเดียว มองเพียงไอซาลาเปาที่เริ่มบางเบาลงทุกที

“ข้าไม่ได้รังเกียจท่าน เราต่างมีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน ทั้งในตอนที่ท่านอยู่ในร่างแมว หรือแม้แต่ตอนนี้”

น้ำเสียงของนางนุ่มนัก…แต่ตรงใจจนหลี่โต๋วเปาเผลอชะงักไปหลายเค่อ ชายหนุ่มทำเพียงแค่ยิ้มย่องอยู่ในใจ เพราะในที่สุดเขาก็มีคนที่อยากตื่นมาพบหน้าในทุกวันเสียที

นางจะเผลอรักเขา…ก็ไม่เป็นไร

เพราะเขาก็เริ่มคิดแล้วว่าบางทีตนเองอาจตั้งใจทำให้นางหลงรักมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว…

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 21 ทวงคืนภรรยาที่ถูกพรากไป (จบบริบูรณ์)

    กลับมาที่สถานการณ์ในปัจจุบัน…สิ้นเสียงเหี้ยมกับประโยคไร้มารยาทนั้น เมื่อหลี่หยางหนิงอันหันไปสบสายตากับอีกฝ่าย สิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นไม่ใช่เพียงใบหน้าที่ดูคล้ายเขาราวกับแกะ แต่เป็นโทสะและความเหี้ยมเกรียมในแบบที่เขารู้จักดี“เจ้ากล้ามาก ที่มาแตะต้องภรรยา และแตะต้องลูกของข้า” เสียงของหลี่โต๋วเปานิ่งงัน แต่ทุ้มต่ำจนเหมือนจะสามารถสะเทือนผนังหินของตำหนักได้อย่างง่ายดายหลี่หยางหนิงอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “ข้ากำลังจะสั่งให้หมอหลวงเอาเด็กในท้องนางออกพอดี แต่เพราะต้องพักฟื้นร่างกายนาน เลยคิดว่าจะพาขึ้นเตียงทั้งที่ยังท้อง คงให้อารมณ์แปลกใหม่ไม่น้อย” ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจงใจยั่วโมโหฝ่ายนั้น “เช่นนั้นเจ้าคงคิดจะฆ่าข้าสินะ?”ชายหนุ่มในชุดซอมซ่อสีเทาไม่ตอบ มือข้างหนึ่งยกขึ้นช้าๆ ดวงตาของเขาเรืองแสงวาบสีฟ้าอความารีนแผ่วเบา คล้ายกระจกจักรวาลที่สามารถสะท้อนแรงโน้มถ่วงให้ย้อนคืนได้ฉับพลันที่อากาศรอบตัวเริ่มสั่นสะเทือน แรงกดดันไร้รูปประหนึ่งกำปั้นพลังจิตกระแทกเข้าที่กลางอกของจักรพรรดิหนุ่มหลี่หยางหนิงอัน จนเจ้าตัวต้องยกมือขึ้นป้องกันอันตรายที่มองไม่เห็น“อย่าคิดว่าต่อจากนี้เจ้ายังจะสามารถอยู่หายใจได้อีก…”

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 20 ไม่ให้อดีตซ้ำรอยเดิม

    หนึ่งเดือนกับอีกสามสัปดาห์ที่หลี่โต๋วเปายังไม่กลับมา ฉินอี้หนิงนั่งจิบชากุหลาบอยู่ที่ชายเรือนสกุลฉิน ลมยามบ่ายพัดกรูจากทิศตะวันออก พาเอาใบไผ่ที่ลู่ลมอยู่บนเนินเตี้ยหล่นเกลื่อนทั่วลานทว่าเสียงกีบม้านับสิบและฝีเท้าเกราะเหล็กที่ดังกึกก้องยิ่งกว่าเสียงพายุ กลับทำให้หมู่บ้านฮุ่ยฟางที่เคยเงียบงัน เกิดความสนันหวั่นไหวราวกับมีเงามรณะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมทั่วผืนดินรถม้าขนาดใหญ่สลักลายมังกรดำขอบทอง เคลื่อนมาหยุดลงบริเวณหน้าบ้านสกุลฉิน ก่อนที่บรรดาทหารสวมเกราะดำประทับตราจักรพรรดิหลี่จะวิ่งเข้ามารายล้อมรอบบ้านเอาไว้ ตามมาด้วยเสียงแม่ทัพหนุ่มผู้หนึ่งตวาดดังแทรกเสียงใบไม้ปลิว“เรามารับตัวหรันฝูหรง สตรีอายุสิบเก้าหนาวที่ซ่อนตัวในหมู่บ้านแห่งนี้!”ท่านตาฉินที่กำลังสานกระด้งไม้ไผ่รีบก้าวออกมาจากเรือน ร่างชราภาพฝืนฝ่าแนวทหารเข้ามาขวาง“ขออภัยด้วย ที่นี่ไม่มีใครชื่อเช่นนั้นหรอกขอรับ ข้าไม่รู้จัก! ส่วนสตรีที่อายุสิบเก้า ที่นี่ก็มีเพียงบ้านสกุลหลาน สกุลซ่ง สกุลกั๋ว และหลานสาวของข้า…นางชื่อฉินอี้หนิง”แม่ทัพผู้นั้นกระตุกยิ้มมุมปาก พร้อมทั้งจ้องมองฉินอี้หนิงอย่างเย้ยหยัน“เช่นนั้นข้าก็มาถูกแล้วล่ะ เพราะนามเ

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 19 ความวุ่นวายในยุคจักรวรรดิอวกาศ

    ยุคจักรวรรดิอวกาศ ภายในสถานีวิจัยหลักของตระกูลหลี่ ชั้นบัญชาการพลังงานควอนตัม ความวุ่นวายกำลังเกิดขึ้นเมื่อคนที่หายตัวไปกลับเข้ามาสั่งงานจนกองพะเนิน“โธ่เอ๋ย…ครั้งแรกผมก็นึกว่าท่านประธานหลี่ของเราหลุดเข้าไปอยู่ในปฏิกรณ์ชีวภาพจนแยกโมเลกุลไม่ออกเสียแล้ว ที่แท้…ก็แค่ติดภรรยาเท่านั้น”ร่างสูงของหลี่โต๋วเปายืนพิงกรอบประตู มือซุกกระเป๋าเสื้อโค้ตสีเทาเรียบทว่าหรูหรา ไม่มีคำเถียงใด มีเพียงรอยยิ้มมุมปากที่เจือแววอ่อนโยนบางอย่าง…คล้ายไม่คิดปฏิเสธความจริงข้อนั้น“ก็แค่ใช้เวลาให้คุ้มกับชีวิตบ้าง คุณต้องลองไปปลูกฟักทองดูสักครั้งสิ แล้วจะเข้าใจว่าทุกเช้าในทุ่งหมอกนั้นมีค่ามากกว่างานวิจัยที่เขียนมาพันปีเสียอีก”หลี่เฮ้าถงกลอกตาเล็กน้อยขณะมองหลายชายเพียงคนเดียว ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ“อา…ฟักทองยังไม่เท่าไร แต่ถ้าประธานหลี่ของเราหายหน้าไปอีกสามเดือน ผมอาจจะกลับเข้าไปลักพาตัวภรรยาของท่านมาขังไว้ที่นี่แทน แล้วให้ท่านประธานเข้าออกห้องทดลองตลอดยี่สิบชั่วโมงเสียเลย”“แบบนั้นก็เป็นความคิดที่ดีนะ” หลี่โต๋วเปาพึมพำ พร้อมกับหยิบซาลาเปาไส้เห็ดหอมออกมาจากถุงเล็กๆ ในมือ ก่อนจะยื่นให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รีบร้อน “ข

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 18 ข้อเสนอปลอมๆ จากขุนนางสวี่

    หลังเกี่ยวและตากข้าวจนเสร็จสรรพ ครอบครัวสกุลฉินก็เว้นช่วงเวลาสำหรับหยุดพักผ่อน ด้วยเพราะร่างกายที่ชราภาพของท่านตาท่านยาย พอทำงานไร่นานานเข้าจึงปวดเมื่อยมากกว่าปกติส่วนหลี่โต๋วเปาและฉินอี้หนิงก็ใช้เวลาส่วนมากอยู่กับการดูแลสวนผัก ขึ้นเขาไปล่าสัตว์มาขาย และใช้เวลาร่วมกันในฐานะสามีภรรยาทว่าวันนี้ แขกผู้มาเยือนกลับเป็นอดีตขุนนางผู้ต้องสูญเสียบ้านให้หลี่โต๋วเปาอย่างสวี่อี้เจิน“คารวะผู้อาวุโส”เสียงทุ้มของหลี่โต๋วเปาเอ่ยช้าๆ ดวงตาเรียวคมสังเกตท่วงท่าการเดินของฝ่ายตรงข้าม รู้สึกคุ้นเคยนัก ทว่านี่ไม่ใช่ท่าทีของผู้อาวุโสสวี่อี้เจินที่เขาเคยประลองหมากล้อมด้วยอย่างแน่นอน“เจ้าน่ะใช้ชีวิตได้ดี กลายเป็นผู้เยาว์ที่สร้างครอบครัวอบอุ่นจริงเชียว” ชายชรามองสำรวจทั่วทุกมุมบ้านราวกับไม่เคยเห็น ก่อนที่สายตาจะพลันมาหยุดลงที่ร่างบอบบางของฉินอี้หนิงซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นสาวงามเต็มตัวไปเสียแล้ว “โอ้~ นี่คือฉินอี้หนิงคนนั้นรึ…” ชายชรายิ้มอย่างสดใสพลางมองสำรวจใบหน้างามอย่างชื่นชม“เชิญผู้อาวุโสสวี่นั่งพักก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะไปเอาชาอวิ๋นอู้ [1] ที่ได้จากภูเขาหลูซานมาให้” เสียงหวานกล่าวอย่างอ่อนโยน ขณะเดินหายเข้าไป

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 17 ฤดูเกี่ยวข้าว

    วันเวลาผ่านเลยไปจากวันกลายเป็นหนึ่งเดือน ยามนี้สายลมปลายเดือนเปลี่ยนผิวทุ่งนาหน้าบ้านให้กลายเป็นสีทองอร่าม ลำต้นข้าวโน้มลงตามแรงน้ำหนักของรวงเมล็ดที่สุกงอม ท่ามกลางแสงอาทิตย์อุ่นอ่อนในยามเช้า เสียงเคียวเกี่ยวข้าวเสียดสีเบาๆ สะท้อนชัดอยู่กลางนาหลี่โต๋วเปาค้อมตัวใช้เคียวไม้ด้ามสั้นในมือเกี่ยวรวงข้าวอย่างระมัดระวัง ท่วงท่าของเขาแม้ยังไม่คล่องแคล้วนัก แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ มือทั้งสองที่แกร่งอยู่แล้วบัดนี้ยิ่งแกร่งขึ้นซึ่งเป็นผลจากการจับจอบ ขุดหลุม และหาบน้ำทุกวัน จนรอยด้านปรากฏชัดที่ฝ่ามือ“เจ้าหนุ่มจากเมืองหลวง เจ้าน่ะก้าวหน้ากว่าที่ข้าเคยคิดไว้มากจริงๆ”เสียงของท่านตาดังมาจากอีกฟากของแปลงข้าว ใต้หมวกฟางเก่าคร่ำ ดวงตาของชายชรายังสะท้อนความชื่นชมไม่เสื่อมคลายหลี่โต๋วเปาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วหัวเราะเบาๆ ชายหนุ่มย้อนนึกถึงตอนที่เขาอยู่ในตำแหน่งจอมพล ถ้าตอนนี้อยู่ในยุคจักรวรรดิ เขาคงสามารถสั่งคนให้ขุดหลุมปลูกข้าวได้เป็นพันหลุม แต่เพิ่งรู้ว่าสิ่งที่ยากที่สุด คือการเกี่ยวข้าวแค่เพียงมัดเดียว“ฮ่าๆๆ เจ้ารู้วิธีปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว เช่นนั้นก็ถือว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่งของชีวิต” ท่านต

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 16 หนึ่งยามในคืนวสันต์ มีค่าดั่งพันทอง

    หลังผ่านพ้นค่ำคืนของการร่วมหอ ร่างงามก็ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกแกร่งไม่ไปไหน หลี่โต๋วเปาไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะกว่าเขาจะเสร็จกิจแต่ละรอบก็ใช้เวลานานเสียจนตัวเขาเริ่มนอนไม่หลับ ได้แต่กอดฉินอี้หนิงไว้ ขณะมองใบหน้าขาวนวลในยามนิทราบนโต๊ะข้างเตียงมีกะละมังไม้ใส่น้ำอุ่นที่เริ่มจะเย็นชืด พร้อมด้วยผ้าขาวที่ถูกใช้แล้ววางพาดอยู่ แน่นอนว่าเป็นหลี่โต๋วเปาที่นำมันมาเพื่อเช็ดผิวกายให้ภรรยาตัวน้อย อาจเพราะเขาไม่ได้ปลดปล่อยตนเองมานานหลายปี เจ้าของเหลวสีขาวขุ่นเหล่านั้น จึงมีมากเสียจนอาจทำให้ฉินอี้หนิงนอนหลับแบบไม่สบายตัวนัก ซึ่งในฐานะผู้กระทำ เขาจึงต้องทำความสะอาดให้นางทุกครั้งแพขนตาหนาที่เริ่มขยับน้อยๆ ทำให้หลี่โต๋วเปาอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจุมพิตบนเปลือกตาของนาง ไล่เรื่อยลงไปจนถึงหน้าอกนุ่มที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบฉินอี้หนิงที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมา เผลอทำหน้าอิดออดน้อยๆ เมื่อส่วนล่างของนางมันทั้งบวมและเจ็บระบมอย่างที่ไม่เคยเป็น ค่ำคืนเข้าหอนี้ผ่านไปอย่างยากลำบากจริงๆ ยิ่งเมื่อผู้เป็นสามีไม่ยอมจบดังที่ควรเป็นใต้ผ้าห่มมีบางอย่างขยับอยู่ เคลื่อนจากหน้าอกสู่ส่วนล่างอย่างเชื่องช้า ทว่าทุกการสัมผัสล้วนเต็มไป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status