بيت / รักโบราณ / นางกลับมาเพื่อร่ำรวย / บทที่ 2 ปลาตัวโปรดของสตรีมเมอร์แมวเหมียว

مشاركة

บทที่ 2 ปลาตัวโปรดของสตรีมเมอร์แมวเหมียว

last update آخر تحديث: 2025-08-20 21:12:06

ตอนนี้ยอดวิวของผู้ที่เข้ามาชมสตรีมอยู่ที่ 50k!

สำหรับสตรีมเมอร์หน้าใหม่ที่เพิ่งเคยสตรีมเป็นครั้งแรก มันถือว่าเป็นตัวเลขที่มหาศาลมากที่เดียว แน่นอนว่าหลายคนที่เข้ามาดูสตรีมนี้ล้วนเป็นผู้สูงวัยและคนวัยทำงานที่มีเจตนาดีทั้งสิ้น

ที่เห็นได้ชัดที่สุด ก็คือการที่พวกเขาแสดงความตื่นเต้นและคอมเมนต์ชื่นชมมากมายยามเมื่อฉินอี้หนิงเริ่มทำอาหารด้วยเทคนิคแสนโบราณของนาง ตั้งแต่การขอดเกล็ดปลาจนถึงการสับกระเทียมผสมกับพริกเพื่อทำน้ำราดตัวปลาหลีทอดกรอบ

[ควีนอาย : สตรีมนี้ได้สัมผัสคนในโลกเก่าอย่างกับย้อนอดีตแหนะ!]

เมื่อเห็นคอมเมนต์นี้โผล่มา หลี่โต๋วเปาก็อดไม่ได้ที่จะตอบกลับอยู่ภายในใจว่า ก็นี่มันคือการย้อนอดีตจริงๆ นี่นา

[เห็ดมัสเซิล : หอมมาก นี่สินะคือกลิ่นอายของดาวโลกสีฟ้า]

ฉ่า~

เมื่อยอดผักบุ้งอ่อนๆ ถูกใส่ลงไปในกระทะสีดำใบใหญ่ที่กำลังร้อนได้ที่ น้ำมันในกระทะที่สัมผัสโดนน้ำก็แตกกระจายด้วยเสียงน่าฟัง หลี่โต๋วเปาอดไม่ได้ที่จะสะดุ้งโหยงน้อยๆ อาจเพราะเขาไม่เคยเห็นคนตัวเป็นๆ ยืนทำอาหารมาก่อน เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ได้กินเพียงอาหารสังเคราะห์เท่านั้น เทคนิคการประกอบอาหารจากยุคอดีตจึงมลายหายไปจนแทบไม่มีคนที่จดจำได้หลงเหลืออยู่เลย

สำหรับคนโลกใหม่ ในผู้มีพลังพิเศษระดับ S+ สายพลังจิต ยิ่งอายุมากขึ้นร่างกายก็จะยิ่งต่อต้านอาหารสังเคราะห์จนอาจกลายเป็นผู้พิการจากการขาดสารอาหาร และหลี่โต๋วเปาก็คือหนึ่งในผู้ที่เป็นโรคต่อต้านอาหารสังเคราะห์

ยิ่งแข็งแกร่งอาการป่วยก็จะยิ่นรุนแรง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบหลี่โต๋วเปาในปัจจุบันกับในอดีต ต่อให้เขาจะยังคงความสง่างามอยู่ แต่ก็แตกต่างกันอย่างชัดเจน

ด้วยเหตุนี้ปัจจัยหลักของการสร้างเทคโนโลยีย้อนอดีตของตระกูลหลี่ จึงมีเหตุผลสำคัญเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็เพื่อรักษาโรคต่อต้านอาหารสังเคราะห์ของผู้นำตระกูลคนปัจจุบันอย่างหลี่โต๋วเปา

ทว่าผู้นำตระกูลของพวกเขากลับรักสนุกมากกว่าที่ควรเป็น…

“ข้าไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อน หวังว่าเจ้าจะสามารถกินอาหารพวกนี้ได้”

เสียงหวานใสทำให้สติของแมวอ้วนที่กำลังลองลอยอยู่ในห้วงภวังค์กลับเข้ามาอยู่ในร่างอีกครั้ง ดวงตาสีฟ้ากระพริบปริบๆ ราวกับคน ยามเมื่อพบว่าตรงหน้าของตนเองมีชามไม้ที่ใส่ข้าวขาวราดด้วยน้ำต้มปลาที่ถูกเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ อย่างพิถีพิถันจนมีสีคล้ายน้ำนม

เขากินได้แน่นอน เพราะเจ้าโต๋วเปาของนางตัวนี้เป็นมนุษย์ปลอมตัวมา อีกทั้งเขาก็อยากลองชิมอาหารที่นางเรียกว่าปลาราดพริกสามรส กับผัดผักบุ้งด้วย

ว่าแล้วก็ขอใช้ช่วงที่ฉินอี้หนิงเผลอ เดิมเข้าไปชิมกับข้าวที่เหลือสักหน่อยดีกว่า ถึงแม้การกระทำนี้มันจะดูไม่สมกับเป็นท่านจอมผลของจักรวรรดิอวกาศ แต่อาหารตรงหน้ามันหอมหวานยั่วยวนใจของเขาจริงๆ นี่นา

อย่างไรเสียตอนนี้เขาก็อยู่ในร่างแมว ในเมื่อไม่มีใครรู้ว่าตัวจริงของเขาคือใคร มีฐานะสูงส่งเพียงใดในจักรวรรดิอวกาศ เช่นนั้นก็สวมบทบาทแมวๆ ทำตัวเป็นแมวอ้วนจอมเอาแต่ใจไปเลยก็แล้วกัน!!!

แจ๊บๆ แง้ววว แมวววว

ซี๊ด ซ๊าดดด~

เมื่อได้ชิมปลาราดพริกชิ้นหนึ่งเข้าไปคำแรก ม่านตาของหลี่โต๋วเปาก็ขยายกว้างตามอารมณ์ ชายหนุ่มเผลอเลียริมฝีปากอย่างลืมตัว เห็นว่าฉินอี้หนิงแบ่งปลาราดพริกตัวโตนี่ออกเป็นสองจาน ชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะกินส่วนหัวปลาเสียจนหมด

[ฟรานซิสสส : เจ้าสตรีมเมอร์แมวเหมียวตัวนี้สมกับเป็นแมวอ้วนจริงๆ]

เห็นแก่ว่าไม่รู้จักกัน เพราะงั้นจะปล่อยผ่านเจ้าของคอมเมนต์นี้ไปก็แล้วกัน หลี่โต๋วเปาคิดในใจพลางใช้อุ้งเท้าสีชมพูตีพุงพลุ้ยๆ ของตนเองราวกับชายแก่ตัวอ้วนจอมตะกละ

[เลโอเทโอ : อยากกินบ้างจังเลยครับ แค่ได้กลิ่นก็ฟินดากแตกแล้ววว]

[ป้าแช่ม : จะไปหาปลาจากไหนมาทำเมนูนี้ละเนี่ย?! คราวหลังช่วยบอกวิธีการปรุงหน่อยนะลูก ป้าจะเอาไปทำตาม]

[น้องนาบียูซอลโย้ว : ถ้าเธอกลับมา นายโดนโกรธแน่เจ้าแมว!]

ก็ช่างประไร เพราะอย่างไรเขาก็ไม่ได้จงใจมาอยู่ชนบทแบบนี้นี่นา ถึงเธอจะทำอาหารอร่อยมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็เป็นแค่คนจากยุคอดีต เป็นยายแก่ที่มีอายุตั้งหลายหมื่นปีเชียวล่ะ

[เลโอเทโอ : โดนไล่ออกแน่เจ้าเหมียวน้อย]

ไอ้พวกคนดูนักข่มขู่เอ้ยยยย!!!

หลี่โต๋วเปาแสร้งทำเป็นไม่เห็นคอมเมนต์ที่กำลังข่มขู่เขา พร้อมกับเดินกลับไปนั่งจุกปุ๊กกินข้าวในถ้วยของตนเองอย่างเหนื่อยหน่าย แต่เพียงคำแรกที่ได้สัมผัสรสชาติของน้ำแกงสีขาว ร่างกายของชายหนุ่มก็หยุดนิ่งไปคล้ายถูกกระแสไฟฟ้าช็อตเบาๆ

น้ำแกงปลาหลีผสมข้าวถ้วยนี้ มันจะ อะ อะ อะ อร่อยเกินไปแล้ววว!

เด็กผู้หญิงคนนี้นางเป็นอัจฉริยะด้านอาหารหรืออย่างไร เหตุใดอาหารทุกจานที่นางทำถึงได้มีรสชาติอร่อยมากมายขนาดนี้ ยิ่งเนื้อปลาหลีอ่อนนุ่มที่นางบรรจงแกะเป็นคำๆ ผสมลงไปในข้าวขาวซุยนุ่มเพื่อให้แมวอย่างเขาสามารถกินได้อย่างสะดวกยิ่งแล้วใหญ่ เพราะมันเข้ากันแบบอร่อยล้ำจนหยุดกินไม่ได้เลย!!!

โอ๊ก! เอือก เอ้อ~

พอข้าวหมดจานพุงที่เคยว่างเปล่าก็สร้างเสียงเรอให้กับอดีตจอมพลอย่างหลี่โต๋วเปา ชายหนุ่มในร่างแมวขาวนอนกองอยู่บนโต๊ะอย่างหมดสภาพ ระหว่างนั้นก็ใช้มือลูบพุงของตนเองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา บางทีเขาคงชอบอาหารจากปลาเข้าแล้วกระมัง ถึงได้กินแบบไม่เหลือซากขนาดนี้

แต่พอคิดไปคิดมา เขาก็ทำผิดกับฉินอี้หนิงจริงๆ เป็นแมวขโมยที่ไม่น่าให้อภัย ถ้าโดนนางออกปากไล่เหมือนที่เจ้าพวกคนดูสตรีมบอก ต่อจากนี้ไป…เขาคงไม่ได้กินอาหารฝีมือของนางอีกแน่ๆ

แต่ช่างเถอะ เพราะถ้าถูกไล่จริงๆ เขาก็จะไปอาศัยที่อื่น อย่างไรคนที่นี่ก็ทำอาหารกันทุกบ้านอยู่แล้ว รสชาติของมันก็คงไม่ต่างกันนักหรอก วัตถุดิบก็มีเหมือนกัน การใช้ความร้อนปรุงก็ทำเหมือนกันทั้งหมด นั่นคือผัด ทอด นึง ต้ม เพราะงั้นทำไมเขาต้องมาง้อแค่คนคนเดียวล่ะ ในเมื่อมีทางเลือกอีกเยอะแยะในชีวิตแมวๆ

“โต๋วเปา!? เจ้ากินปลาหมดหนึ่งจานเลยเหรอ”

เป็นดังคาด เพราะเมื่อร่างบอบบางของฉินอี้หนิงเดินกลับเข้ามา นางก็เอ่ยถามเจ้าแมวตรงหน้าด้วยท่าทางตกใจระคนโกรธน้อยๆ

เมี้ยววววว~ ผิดไปแล้ว แง้ววว

ทั้งที่ตอนแรกคิดไว้ว่าจะไม่ง้อนาง ทว่าพอเอาเข้าจริงหลี่โต๋วเปาก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปอ้อนคนตัวเล็กที่กำลังทำท่าทางคล้ายมีเรื่องให้คิดหนัก ชายหนุ่มในร่างแมว (ปลอม) ทั้งเอาตัวเข้าไปซุกอกนุ่ม ทั้งทำมือกอดแขนนาง ทั้งส่งสายตาสีอความารีนเป็นระยิบระยับเพื่อขอโทษทางอ้อม

“เจ้าแมวอ้วน ตอนที่เจ้าหลงทาง เจ้าคงหิวมากสินะถึงได้กินจุแบบนี้”

เมี้ยวววว

สิ่งที่ผิดคาดคือการที่ฉินอี้หนิงใช้มือเรียวสวยลูบขนยาวปุกปุยของเขาราวกับต้องการปลอบโยน เพราะดูเหมือนยัยตัวเล็กคนนี้จะใจกว้างและเข้าใจโลกมากกว่าที่เขาเคยปรามาสไว้

“ไม่เป็นไร เห็นเจ้ากินข้าวได้เยอะขนาดนี้ข้าก็พอใจแล้ว”

….

“ท่านตาเคยบอกข้าว่า ยิ่งกินเยอะก็แสดงว่ายังอยากมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ แปลว่าเจ้าก็คงไม่ได้อยากจะเป็นแมวจรจัดที่หิวตายใช่มั้ยละ” ใบหน้างามดูอ่อนโยนยิ่งกว่าใคร ทุกท่วงท่าอันเรียบง่ายของนางล้วนตราตรึงอยู่ในใจของอดีตจอมพล “ตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะโต๋วเปา”

คอมเมนต์ของผู้ชมทางบ้าน ต่างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือเสียดายที่เจ้าแมวโต๋วเปาไม่ถูกฉินอี้หนิงตำหนิ ทว่ามีหรือเขาจะสนใจเสียงหองเสียงปู เพราะตอนนี้เขาสนใจแค่นางต่างหาก…

“ข้าจะไปกินข้าวแล้ว”

กล่าวจบร่างบอบบางก็ยกบรรดาอาหารออกไปนอกครัวทันที เมื่อเจ้าเหมียวน้อยเดินตามไปจึงพบว่าท่านตากับท่านยายกำลังนั่งรอทานอาหารอยู่ที่โต๊ะแปดเซียน ฉินอี้หนิงเล่าเรื่องการกินของสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ให้คนชราทั้งสองฟังด้วยท่าทีที่สดใส บรรยากาศดูราวกับเป็นเรื่องขำขันเรื่องหนึ่งเท่านั้น

ครอบครัวนี้ทำให้หลี่โต๋วเปารู้สึกอบอุ่นใจยิ่งนัก…

“เจ้าก้อนขนโต๋วเปา เจ้าน่าจะมาลองชิมผัดผักบุ้งกับตา” เสียงยานคางของท่านตาสกุลฉินทำให้แมวน้อยที่ค่อยๆ เยื้องย่างเข้ามาร่วมวง ถึงกับหยุดเท้าหนึ่งข้างค้างกลางอากาศ “มาๆ มานั่งกับตา” เอ่ยจบชายชราก็ถือวิสาสะอุ้มมันขึ้นมานางบนตักทันที

“หนิงเอ๋อร์คิดว่าแมวไม่น่าจะชอบกินผักนะเจ้าคะท่านตา” ฉินอี้หนิงเสนอความคิดเห็น

“ไหนใครว่าไม่กินผัก” ชายชรากล่าวอย่างผู้ชนะพลางคะยั้นคะยอให้เด็กหญิงที่นั่งฝั่งตรงข้ามได้เห็นภาพที่หลี่โต๋วเปาเคี้ยวผัดผักบุ้งจนแก้มตุ้ย

“แปลกจริงๆ” เด็กหญิงเอียงคอน้อยๆ อย่างคนขี้สงสัย ถือเป็นภาพที่น่ารักอย่างยิ่งในสายตาของชายหนุ่มจากยุคจักรวรรดิอวกาศ

เมี้ยววววว

พอแสร้งส่งเสียงออกไปแบบนั้น นางจึงคีบเนื้อปลาหลีทอดมาให้เขาบ้าง ในขณะที่ท่านยายทำเพียงยิ้มบางๆ ให้กับสองตาหลานที่กำลังผลัดกันเอาอกเอาใจเจ้าก้อนขนสุดน่ารักตัวนี้

“ท่านยาย พรุ่งนี้เราจะไปหาของป่าบนภูเขาจริงๆ ใช่หรือไม่” ฉินอี้หนิงหันไปถามหญิงชรา ยามนี้ดวงตากลมสวยของนางสุกสกาวอย่างคนตื่นเต้นที่จะได้ออกไปทำสิ่งที่หลี่โต๋วเปาไม่ค่อยเข้าใจนัก

“ถ้าฝนไม่ตกลงมาเสียก่อนเราก็คงได้ไป จะได้หาสมุนไพรมาเพิ่ม ช่วงนี้ชาวบ้านเจ็บป่วยเพราะไข้หวัด สมุนไพรที่มีก็เริ่มน้อยลงแล้ว หรือบางทีเราอาจจะได้เจอของป่าหายากในช่วงนี้ จะได้เอามาทำอาหารกินกัน”

พอกล่าวถึงตรงนี้ ท่าทีของท่านตาสกุลฉินก็ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย “เสี่ยวหนิงของเราโตขึ้นมากแล้ว อีกหนึ่งเดือนกว่าๆ เจ้าก็จะถึงวัยปักปิ่น หากอยู่ที่นี่ต่อไปมันจะยิ่งลำบาก ไว้ถ้าตากับยายเก็บเงินได้เยอะๆ เราค่อยย้ายไปอยู่ในเมืองหลวงกัน”

ด้วยเพราะรู้ดีกว่าหลานสาวบุญธรรมผู้นี้มีรูปโฉมงามล่มเมืองปานใด อีกทั้งแต่ละวันนางต้องเจอการก่อกวนทั้งจากบุรุษและสตรี สองเฒ่าสกุลฉินจึงอดไม่ได้ที่จะทุกข์ใจแทนนาง ทว่าสิ่งที่สามารถทำได้กลับมีเพียงการเฝ้าระวังอันเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งร่างกายร่วงโรย ก็ยิ่งลำบากใจที่จะปล่อยนางออกไปทำหลายๆ อย่างเพียงคนเดียว

วาสนาของสตรีนางนี้ยังสามารถไปได้อีกไกล หากวันใดที่ฉินอี้หนิงพลาดท่าให้กับชายกักขฬะพวกนั้น สองเฒ่าสกุลฉินคงไม่อาจทำใจเห็นนางต้องทุกข์ตรมได้ เพื่อให้สามารถไขว่คว้าโชควาสนามากองแทบเท้าหลานสาว ผู้เฒ่าทั้งสองจึงยอมฝืนตนเองเพื่อหาเงิน

“ท่านตาท่านยาย ข้าอยู่ที่นี่กับพวกท่านก็มีความสุขดี ไม่อยากไปเมืองหลวงหรอกเจ้าค่ะ” เด็กหญิงตอบอย่างจริงจัง อาจเพราะนางยังคงหวาดกลัวชะตาที่รออยู่ นางจึงยังไม่พร้อมที่จะไปเผชิญกับมัน แม้ภายในใจลึกๆ นางจะต้องการแก้แค้นทรราชสกุลหลี่มากแค่ไหน

แต่ด้วยกำลังที่มีในตอนนี้ มันทำให้รู้ว่านางไม่อาจเข้าใกล้หรือยืมมือใครได้เลย อนึ่งเพราะขุนนางที่เคยจงรักภักดีล้วนแล้วแต่ถูกกวาดล้างจนสิ้น สกุลของนางไม่มีพรรคพวกที่เหลือรอดเลยสักราย มีเพียงนางเท่านั้นที่เป็นหลักฐานว่าสกุลหรันเคยเป็นจักรพรรดิของแผ่นดินนี้มาก่อน

เมี้ยวววว~

เสียงของเจ้าแมวโต๋วเปาทำให้ใบหน้าที่เริ่มเศร้าสร้อยของฉินอี้หนิงกลับมามีรอยยิ้มอ่อนหวานอีกครั้ง นางสลัดเรื่องในอดีตออกไปด้วยระยะเวลาเพียงรวดเร็ว ก่อนจะคีบเนื้อปลาหลีในน้ำแกงไปใส่ถ้วยของเจ้าแมวอ้วน

“ออกคำสั่งเก่งจริงๆ เจ้าแมวตัวนี้” ท่านยายอดไม่ได้ที่จะบ่นเจ้าก้อนขน ขณะที่ท่านตาหัวเราะร่า

“หน้าตาของมันก็ดูเอาเรื่องไม่น้อยเลย ดูดุแต่ดันมาแพ้ของกินเสียได้ ฮ่าๆๆ”

 

จบบทที่ 2 แล้วนะคะ ติดตามกันต่อไปน้าาา

استمر في قراءة هذا الكتاب مجانا
امسح الكود لتنزيل التطبيق

أحدث فصل

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 21 ทวงคืนภรรยาที่ถูกพรากไป (จบบริบูรณ์)

    กลับมาที่สถานการณ์ในปัจจุบัน…สิ้นเสียงเหี้ยมกับประโยคไร้มารยาทนั้น เมื่อหลี่หยางหนิงอันหันไปสบสายตากับอีกฝ่าย สิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นไม่ใช่เพียงใบหน้าที่ดูคล้ายเขาราวกับแกะ แต่เป็นโทสะและความเหี้ยมเกรียมในแบบที่เขารู้จักดี“เจ้ากล้ามาก ที่มาแตะต้องภรรยา และแตะต้องลูกของข้า” เสียงของหลี่โต๋วเปานิ่งงัน แต่ทุ้มต่ำจนเหมือนจะสามารถสะเทือนผนังหินของตำหนักได้อย่างง่ายดายหลี่หยางหนิงอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “ข้ากำลังจะสั่งให้หมอหลวงเอาเด็กในท้องนางออกพอดี แต่เพราะต้องพักฟื้นร่างกายนาน เลยคิดว่าจะพาขึ้นเตียงทั้งที่ยังท้อง คงให้อารมณ์แปลกใหม่ไม่น้อย” ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจงใจยั่วโมโหฝ่ายนั้น “เช่นนั้นเจ้าคงคิดจะฆ่าข้าสินะ?”ชายหนุ่มในชุดซอมซ่อสีเทาไม่ตอบ มือข้างหนึ่งยกขึ้นช้าๆ ดวงตาของเขาเรืองแสงวาบสีฟ้าอความารีนแผ่วเบา คล้ายกระจกจักรวาลที่สามารถสะท้อนแรงโน้มถ่วงให้ย้อนคืนได้ฉับพลันที่อากาศรอบตัวเริ่มสั่นสะเทือน แรงกดดันไร้รูปประหนึ่งกำปั้นพลังจิตกระแทกเข้าที่กลางอกของจักรพรรดิหนุ่มหลี่หยางหนิงอัน จนเจ้าตัวต้องยกมือขึ้นป้องกันอันตรายที่มองไม่เห็น“อย่าคิดว่าต่อจากนี้เจ้ายังจะสามารถอยู่หายใจได้อีก…”

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 20 ไม่ให้อดีตซ้ำรอยเดิม

    หนึ่งเดือนกับอีกสามสัปดาห์ที่หลี่โต๋วเปายังไม่กลับมา ฉินอี้หนิงนั่งจิบชากุหลาบอยู่ที่ชายเรือนสกุลฉิน ลมยามบ่ายพัดกรูจากทิศตะวันออก พาเอาใบไผ่ที่ลู่ลมอยู่บนเนินเตี้ยหล่นเกลื่อนทั่วลานทว่าเสียงกีบม้านับสิบและฝีเท้าเกราะเหล็กที่ดังกึกก้องยิ่งกว่าเสียงพายุ กลับทำให้หมู่บ้านฮุ่ยฟางที่เคยเงียบงัน เกิดความสนันหวั่นไหวราวกับมีเงามรณะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมทั่วผืนดินรถม้าขนาดใหญ่สลักลายมังกรดำขอบทอง เคลื่อนมาหยุดลงบริเวณหน้าบ้านสกุลฉิน ก่อนที่บรรดาทหารสวมเกราะดำประทับตราจักรพรรดิหลี่จะวิ่งเข้ามารายล้อมรอบบ้านเอาไว้ ตามมาด้วยเสียงแม่ทัพหนุ่มผู้หนึ่งตวาดดังแทรกเสียงใบไม้ปลิว“เรามารับตัวหรันฝูหรง สตรีอายุสิบเก้าหนาวที่ซ่อนตัวในหมู่บ้านแห่งนี้!”ท่านตาฉินที่กำลังสานกระด้งไม้ไผ่รีบก้าวออกมาจากเรือน ร่างชราภาพฝืนฝ่าแนวทหารเข้ามาขวาง“ขออภัยด้วย ที่นี่ไม่มีใครชื่อเช่นนั้นหรอกขอรับ ข้าไม่รู้จัก! ส่วนสตรีที่อายุสิบเก้า ที่นี่ก็มีเพียงบ้านสกุลหลาน สกุลซ่ง สกุลกั๋ว และหลานสาวของข้า…นางชื่อฉินอี้หนิง”แม่ทัพผู้นั้นกระตุกยิ้มมุมปาก พร้อมทั้งจ้องมองฉินอี้หนิงอย่างเย้ยหยัน“เช่นนั้นข้าก็มาถูกแล้วล่ะ เพราะนามเ

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 19 ความวุ่นวายในยุคจักรวรรดิอวกาศ

    ยุคจักรวรรดิอวกาศ ภายในสถานีวิจัยหลักของตระกูลหลี่ ชั้นบัญชาการพลังงานควอนตัม ความวุ่นวายกำลังเกิดขึ้นเมื่อคนที่หายตัวไปกลับเข้ามาสั่งงานจนกองพะเนิน“โธ่เอ๋ย…ครั้งแรกผมก็นึกว่าท่านประธานหลี่ของเราหลุดเข้าไปอยู่ในปฏิกรณ์ชีวภาพจนแยกโมเลกุลไม่ออกเสียแล้ว ที่แท้…ก็แค่ติดภรรยาเท่านั้น”ร่างสูงของหลี่โต๋วเปายืนพิงกรอบประตู มือซุกกระเป๋าเสื้อโค้ตสีเทาเรียบทว่าหรูหรา ไม่มีคำเถียงใด มีเพียงรอยยิ้มมุมปากที่เจือแววอ่อนโยนบางอย่าง…คล้ายไม่คิดปฏิเสธความจริงข้อนั้น“ก็แค่ใช้เวลาให้คุ้มกับชีวิตบ้าง คุณต้องลองไปปลูกฟักทองดูสักครั้งสิ แล้วจะเข้าใจว่าทุกเช้าในทุ่งหมอกนั้นมีค่ามากกว่างานวิจัยที่เขียนมาพันปีเสียอีก”หลี่เฮ้าถงกลอกตาเล็กน้อยขณะมองหลายชายเพียงคนเดียว ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ“อา…ฟักทองยังไม่เท่าไร แต่ถ้าประธานหลี่ของเราหายหน้าไปอีกสามเดือน ผมอาจจะกลับเข้าไปลักพาตัวภรรยาของท่านมาขังไว้ที่นี่แทน แล้วให้ท่านประธานเข้าออกห้องทดลองตลอดยี่สิบชั่วโมงเสียเลย”“แบบนั้นก็เป็นความคิดที่ดีนะ” หลี่โต๋วเปาพึมพำ พร้อมกับหยิบซาลาเปาไส้เห็ดหอมออกมาจากถุงเล็กๆ ในมือ ก่อนจะยื่นให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รีบร้อน “ข

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 18 ข้อเสนอปลอมๆ จากขุนนางสวี่

    หลังเกี่ยวและตากข้าวจนเสร็จสรรพ ครอบครัวสกุลฉินก็เว้นช่วงเวลาสำหรับหยุดพักผ่อน ด้วยเพราะร่างกายที่ชราภาพของท่านตาท่านยาย พอทำงานไร่นานานเข้าจึงปวดเมื่อยมากกว่าปกติส่วนหลี่โต๋วเปาและฉินอี้หนิงก็ใช้เวลาส่วนมากอยู่กับการดูแลสวนผัก ขึ้นเขาไปล่าสัตว์มาขาย และใช้เวลาร่วมกันในฐานะสามีภรรยาทว่าวันนี้ แขกผู้มาเยือนกลับเป็นอดีตขุนนางผู้ต้องสูญเสียบ้านให้หลี่โต๋วเปาอย่างสวี่อี้เจิน“คารวะผู้อาวุโส”เสียงทุ้มของหลี่โต๋วเปาเอ่ยช้าๆ ดวงตาเรียวคมสังเกตท่วงท่าการเดินของฝ่ายตรงข้าม รู้สึกคุ้นเคยนัก ทว่านี่ไม่ใช่ท่าทีของผู้อาวุโสสวี่อี้เจินที่เขาเคยประลองหมากล้อมด้วยอย่างแน่นอน“เจ้าน่ะใช้ชีวิตได้ดี กลายเป็นผู้เยาว์ที่สร้างครอบครัวอบอุ่นจริงเชียว” ชายชรามองสำรวจทั่วทุกมุมบ้านราวกับไม่เคยเห็น ก่อนที่สายตาจะพลันมาหยุดลงที่ร่างบอบบางของฉินอี้หนิงซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นสาวงามเต็มตัวไปเสียแล้ว “โอ้~ นี่คือฉินอี้หนิงคนนั้นรึ…” ชายชรายิ้มอย่างสดใสพลางมองสำรวจใบหน้างามอย่างชื่นชม“เชิญผู้อาวุโสสวี่นั่งพักก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะไปเอาชาอวิ๋นอู้ [1] ที่ได้จากภูเขาหลูซานมาให้” เสียงหวานกล่าวอย่างอ่อนโยน ขณะเดินหายเข้าไป

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 17 ฤดูเกี่ยวข้าว

    วันเวลาผ่านเลยไปจากวันกลายเป็นหนึ่งเดือน ยามนี้สายลมปลายเดือนเปลี่ยนผิวทุ่งนาหน้าบ้านให้กลายเป็นสีทองอร่าม ลำต้นข้าวโน้มลงตามแรงน้ำหนักของรวงเมล็ดที่สุกงอม ท่ามกลางแสงอาทิตย์อุ่นอ่อนในยามเช้า เสียงเคียวเกี่ยวข้าวเสียดสีเบาๆ สะท้อนชัดอยู่กลางนาหลี่โต๋วเปาค้อมตัวใช้เคียวไม้ด้ามสั้นในมือเกี่ยวรวงข้าวอย่างระมัดระวัง ท่วงท่าของเขาแม้ยังไม่คล่องแคล้วนัก แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ มือทั้งสองที่แกร่งอยู่แล้วบัดนี้ยิ่งแกร่งขึ้นซึ่งเป็นผลจากการจับจอบ ขุดหลุม และหาบน้ำทุกวัน จนรอยด้านปรากฏชัดที่ฝ่ามือ“เจ้าหนุ่มจากเมืองหลวง เจ้าน่ะก้าวหน้ากว่าที่ข้าเคยคิดไว้มากจริงๆ”เสียงของท่านตาดังมาจากอีกฟากของแปลงข้าว ใต้หมวกฟางเก่าคร่ำ ดวงตาของชายชรายังสะท้อนความชื่นชมไม่เสื่อมคลายหลี่โต๋วเปาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วหัวเราะเบาๆ ชายหนุ่มย้อนนึกถึงตอนที่เขาอยู่ในตำแหน่งจอมพล ถ้าตอนนี้อยู่ในยุคจักรวรรดิ เขาคงสามารถสั่งคนให้ขุดหลุมปลูกข้าวได้เป็นพันหลุม แต่เพิ่งรู้ว่าสิ่งที่ยากที่สุด คือการเกี่ยวข้าวแค่เพียงมัดเดียว“ฮ่าๆๆ เจ้ารู้วิธีปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว เช่นนั้นก็ถือว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่งของชีวิต” ท่านต

  • นางกลับมาเพื่อร่ำรวย   บทที่ 16 หนึ่งยามในคืนวสันต์ มีค่าดั่งพันทอง

    หลังผ่านพ้นค่ำคืนของการร่วมหอ ร่างงามก็ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกแกร่งไม่ไปไหน หลี่โต๋วเปาไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะกว่าเขาจะเสร็จกิจแต่ละรอบก็ใช้เวลานานเสียจนตัวเขาเริ่มนอนไม่หลับ ได้แต่กอดฉินอี้หนิงไว้ ขณะมองใบหน้าขาวนวลในยามนิทราบนโต๊ะข้างเตียงมีกะละมังไม้ใส่น้ำอุ่นที่เริ่มจะเย็นชืด พร้อมด้วยผ้าขาวที่ถูกใช้แล้ววางพาดอยู่ แน่นอนว่าเป็นหลี่โต๋วเปาที่นำมันมาเพื่อเช็ดผิวกายให้ภรรยาตัวน้อย อาจเพราะเขาไม่ได้ปลดปล่อยตนเองมานานหลายปี เจ้าของเหลวสีขาวขุ่นเหล่านั้น จึงมีมากเสียจนอาจทำให้ฉินอี้หนิงนอนหลับแบบไม่สบายตัวนัก ซึ่งในฐานะผู้กระทำ เขาจึงต้องทำความสะอาดให้นางทุกครั้งแพขนตาหนาที่เริ่มขยับน้อยๆ ทำให้หลี่โต๋วเปาอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจุมพิตบนเปลือกตาของนาง ไล่เรื่อยลงไปจนถึงหน้าอกนุ่มที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบฉินอี้หนิงที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมา เผลอทำหน้าอิดออดน้อยๆ เมื่อส่วนล่างของนางมันทั้งบวมและเจ็บระบมอย่างที่ไม่เคยเป็น ค่ำคืนเข้าหอนี้ผ่านไปอย่างยากลำบากจริงๆ ยิ่งเมื่อผู้เป็นสามีไม่ยอมจบดังที่ควรเป็นใต้ผ้าห่มมีบางอย่างขยับอยู่ เคลื่อนจากหน้าอกสู่ส่วนล่างอย่างเชื่องช้า ทว่าทุกการสัมผัสล้วนเต็มไป

فصول أخرى
استكشاف وقراءة روايات جيدة مجانية
الوصول المجاني إلى عدد كبير من الروايات الجيدة على تطبيق GoodNovel. تنزيل الكتب التي تحبها وقراءتها كلما وأينما أردت
اقرأ الكتب مجانا في التطبيق
امسح الكود للقراءة على التطبيق
DMCA.com Protection Status