หลังกินข้าวเสร็จ ฉินอี้หนิงได้อยู่กับหลี่โต๋วเปาแค่สองคน เด็กหญิงรับหน้าที่ไปถอนหญ้าในนา โชคดีที่วันนี้แดดไม่แรงมาก นางจึงสามารถก้มๆ เงยๆ ได้อย่างถนัด
หลี่โต๋วเปานั่งอยู่บนตอไม้ห่างออกไปเล็กน้อย ขนสีขาวสะอาดของมันพลิ้วเบาๆ ไปตามสายลม ภายใต้ร่างแมวอ้วนกลมคือสติปัญญาของอดีตจอมพลหลี่โต๋วเปาในวัย 38 ปี แห่งจักรวรรดิอวกาศที่เคยควบคุมกองยานรบนับพันลำ
จากผู้บัญชาการแนวรบระดับดวงดาว กลายมาเป็นผู้สังเกตการณ์เด็กถอนหญ้าในชนบทโบราณไปเสียได้ พอฉุดคิดถึงสถานการณ์ในตอนนี้ เสียงในหัวของชายหนุ่มก็กลายเป็นเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน ระบบสตรีมยังคงทำงานอยู่ สื่อภาพจากทุกมุมรอบร่างเขาถูกประมวลเป็นภาพถ่ายทอดสดส่งตรงสู่ศูนย์ข้อมูลกลาง ด้วยเทคโนโลยีระดับแนวหน้าของสกุลหลี่ ไม่จำเป็นต้องมีเลนส์ ไม่จำเป็นต้องมีกล้อง ไม่มีแสงใดจับตัว แต่มีสายตาแห่งระบบที่สามารถถ่ายทอดภาพจากทุกมุมมองราวกับโลกทั้งใบคือกล้องวงจรปิด
[GEN-Z_MARS : เด็กนั่นถอนหญ้าเร็วมาก เป็นคนจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย!]
[MECH-NOVA : รายละเอียดดินคือระดับ 16K ยิ่งกว่าทะเลทรายใน VR ไบโอซิม]
[หมูแดดเดียวผู้ลี้ภัย : เจ้าสตรีมเมอร์แมวแก่ ทำไมไม่ลุกไปช่วยเด็กเขาถอนหญ้าฟะ!]
[Official History Dept. : สตรีมนี้เป็นข้อมูลการดำรงชีวิตแบบเกษตรโบราณที่สมบูรณ์แบบที่สุดในรอบหมื่นปี ได้มาเพราะแมวตัวนี้เลยนะทุกคน]
โต๋วเปาเหลือบตามองเด็กหญิงฉินอี้หนิงที่ยังคงก้มหน้าเงียบๆ ถอนหญ้าไม่หยุด พอเห็นว่านางเริ่มเหนื่อย เขาก็เดินอุ้ยอ้ายเข้าไปใกล้ๆ หมายจะเยาะเย้ยเสียหน่อย แต่เพราะพูดไม่รู้เรื่อง จึงทำได้แค่หย่อนตัวลงนั่งข้างตะกร้าใส่หญ้าของนาง
เฮ้อ…ยัยเด็กหมื่นปีคนนี้ นางไม่เหนื่อยบ้างหรือไงนะ
เขาพึมพำเสียงแผ่วอยู่ภายในใจ แม้รูปลักษณ์ภายนอกคือแมวตัวหนึ่ง แต่เสียงนี้กลับถูกถ่ายทอดโดยตรงสู่ระบบ แปลความออกเป็นประโยคเขียนลงในสตรีมสำหรับผู้ชมจากดาวอนาคตเท่านั้น
เด็กสาวเงยหน้าขึ้น หรี่ตามองเจ้าแมวอ้วน
“เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้นสิโต๋วเปา ข้าน่ะแข็งแรงจะตาย ถ้าข้าเหนื่อย ข้าก็จะนอนกลางทุ่งไปเลย ดูสิ” ว่าจบฉินอี้หนิงก็ล้มตัวลงนอนพิงคันนาอย่างไร้กังวล แขนเล็กกางออกอย่างกับปลาตากแห้ง ราวกับว่าโลกทั้งใบเป็นของเธอ
โต๋วเปามองภาพนั้นนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจอย่างลืมตัว สมัยเด็กตอนที่ชายหนุ่มอายุสิบสี่ ทั่วทั้งจักรวรรดิต้องวุ่นวายเพราะเขาดันเป็นโรคหายากอย่างโรคต่อต้านอาหารสังเคราะห์ นายพลผู้มีความสามารถระดับ S+ เกือบกลายเป็นเด็กอ่อนแอที่ขาดสารอาหาร ในขณะที่เด็กอายุสิบสี่ปีในยุคนี้ (อย่างฉินอี้หนิง) กลับนอนกลางทุ่ง กินกลางดิน และยิ้มได้ง่ายๆ
นางช่างน่าอิจฉานัก…
ชายหนุ่มเดินอ้อมมานั่งข้างๆ ร่างบอบบาง แสร้งใช้หางพาดผ่านปลายแขนของเธอเบาๆ เพื่อก่อกวน ทว่าในสายตาของฉินอี้หนิงนางกลับรู้สึกเอ็นดู
ฉินอี้หนิงยกมือลูบหัวเจ้าแมวอย่างคุ้นเคย “โต๋วเปา เจ้าว่าถ้าข้าโตขึ้น ข้าจะได้ออกไปนอกหุบเขานี่หรือไม่?”
เจ้าแมวอ้วนขยับหูเล็กน้อย เขาอยากตอบกลับนางว่า แน่นอน…เจ้าอาจจะได้ไปไกลกว่านั้น บางทีหากเขามีความสามารถมากพอ เขาอาจพานางไปถึงดาวเคราะห์อีกฝั่งหนึ่งของกาแล็กซีเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะเขาตอบไม่ได้ ฉินอี้หนิงจึงต้องจมอยู่ในความคิดแค่เพียงผู้เดียว
เพราะสิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้ คือการเฝ้าดูนางอย่างเงียบๆ เท่านั้น
ในยามค่ำคืน
หลังจากฉินอี้หนิงผล็อยหลับเข้าสู่ห้วงนิทรา หลี่โต๋วเปาก็นั่งเงียบๆ ข้างร่างของเธอโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ดวงตาสีอความารีนของเขาเหม่อมองยอดเขาไกลโพ้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มหมอกบางๆ
ตอนนี้การสตรีมได้ปิดลงแล้ว ทว่าอยู่ๆ ระบบของไอดีสตรีมก็มีเสียง ติ๊ง เบาๆ ดังขึ้น
ภายในวินาทีเดียวกันนั้น หน้าจออินเทอร์เฟซแบบโฮโลแกรมก็ปรากฏเส้นสายโปร่งแสงลอยวนรอบขอบการรับรู้ สีเทาเงินเรียบหรูเหมือนกลุ่มดาวในยามราตรี
Incoming Message : Encrypted
ผู้ส่ง : STARNEX NETWORK | Galactic Content Syndicate
หัวเรื่อง : คำเชิญเข้าร่วมสตรีมเครือข่ายระดับจักรวาล
การหาคนเข้าร่วมทีมมาเร็วกว่าที่เขาเคยคิดอีกแฮะ โต๋วเปาพึมพำในใจ
ชายหนุ่มกระพริบตาเพื่อเปิดข้อความนั้น และตัวอักษรเรืองแสงก็ไหลราวกับถูกปล่อยออกจากหลอดสุญญากาศ
เรียน สตรีมเมอร์แมวเหมียว (รหัสระบุ: LTP-07K-Astra) ,
การสตรีมของท่านได้รับความสนใจจากผู้ชมมากกว่า 6.4 ล้านคนภายในระยะเวลาไม่ถึง 36 ชั่วโมง (แม้จะไม่ได้โปรโมตผ่านช่องทางใด)
ด้วยคุณภาพสัญญาณ ภาพ แสง อารมณ์ และโครงเรื่องที่แทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นการบันทึกจริง คณะกรรมการ STARNEX จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ขอเชิญท่านเข้าสู่เครือข่ายครีเอเตอร์ระดับจักรวาล โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนสัมภาษณ์
พร้อมสิทธิพิเศษดังต่อไปนี้ :
- สถานะ Creator Alpha-Tier
- คลังทุนสร้างเนื้อหาวัฒนธรรม/เทคโนโลยี/การทูตย้อนยุค
- สิทธิ์เชื่อมต่อฐานลับบนดาวหลบภาษีที่ท่านเลือกได้
หากยินยอมเข้าร่วม โปรดยืนยันภายใน 72 ชั่วโมง เพราะโลกที่เงียบสงบของท่าน คือคอนเทนต์ระดับตำนานสำหรับอนาคตของเรา
ด้วยความเคารพ
ทีมบริหาร STARNEX NETWORK
เครือข่ายคอนเทนต์ชั้นนำแห่งศตวรรษ
หลี่โต๋วเปาอ่านจบโดยไม่แสดงอารมณ์ใด มุมปากของเขาขยับขึ้นน้อยๆ เพราะทำไมเขาต้องเอาตัวไปเข้าร่วมกับบริษัทเครื่อข่ายย่อยของตนเองด้วยล่ะ เขาไม่ได้มาสตรีมเพราะหวังเงินเสียหน่อย มันก็แค่สิ่งที่ทำแก้เบื่อเท่านั้น
ทำแค่นี้ก็เหนื่อยหน่ายจะแย่อยู่แล้ว จากจอมพลกลายเป็นแมว แล้วก็กลายเป็นสตรีมเมอร์ ตอนนี้จะให้เขากลายเป็นหน้าโปรโมตของเครือข่ายจักรวาลเชียวหรือ? คนหน้าเงินพวกนั้นมันจะไปรู้อะไรบ้าง
แมวอ้วนสีขาวสะอาดกระดิกหูเล็กน้อย แล้วสั่งปิดอินเทอร์เฟซ แม้เขาจะยังไม่ตอบตกลงในทันที แต่แน่นอนว่ามีโอกาสถึง 99% ที่จะไม่เข้าร่วม
เพราะในตอนนี้ มีเสียงหายใจแผ่วเบาของเด็กหญิงคนสำคัญที่กำลังหลับอย่างสบายอารมณ์อยู่ข้างๆ และมีกลิ่นดินชื้นแฉะ กับหญ้าเขียวที่แม้แต่คลื่นเสียงหรือสัญญาณโฮโลกราฟิกก็จำลองออกมาไม่ได้เหมือนแบบ 100%
หลี่โต๋วเปาหรี่ตาลงเล็กน้อย
บางที…เขาอาจยังไม่พร้อมจะออกจากที่นี่ หรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้
กลับมาที่สถานการณ์ในปัจจุบัน…สิ้นเสียงเหี้ยมกับประโยคไร้มารยาทนั้น เมื่อหลี่หยางหนิงอันหันไปสบสายตากับอีกฝ่าย สิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นไม่ใช่เพียงใบหน้าที่ดูคล้ายเขาราวกับแกะ แต่เป็นโทสะและความเหี้ยมเกรียมในแบบที่เขารู้จักดี“เจ้ากล้ามาก ที่มาแตะต้องภรรยา และแตะต้องลูกของข้า” เสียงของหลี่โต๋วเปานิ่งงัน แต่ทุ้มต่ำจนเหมือนจะสามารถสะเทือนผนังหินของตำหนักได้อย่างง่ายดายหลี่หยางหนิงอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “ข้ากำลังจะสั่งให้หมอหลวงเอาเด็กในท้องนางออกพอดี แต่เพราะต้องพักฟื้นร่างกายนาน เลยคิดว่าจะพาขึ้นเตียงทั้งที่ยังท้อง คงให้อารมณ์แปลกใหม่ไม่น้อย” ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจงใจยั่วโมโหฝ่ายนั้น “เช่นนั้นเจ้าคงคิดจะฆ่าข้าสินะ?”ชายหนุ่มในชุดซอมซ่อสีเทาไม่ตอบ มือข้างหนึ่งยกขึ้นช้าๆ ดวงตาของเขาเรืองแสงวาบสีฟ้าอความารีนแผ่วเบา คล้ายกระจกจักรวาลที่สามารถสะท้อนแรงโน้มถ่วงให้ย้อนคืนได้ฉับพลันที่อากาศรอบตัวเริ่มสั่นสะเทือน แรงกดดันไร้รูปประหนึ่งกำปั้นพลังจิตกระแทกเข้าที่กลางอกของจักรพรรดิหนุ่มหลี่หยางหนิงอัน จนเจ้าตัวต้องยกมือขึ้นป้องกันอันตรายที่มองไม่เห็น“อย่าคิดว่าต่อจากนี้เจ้ายังจะสามารถอยู่หายใจได้อีก…”
หนึ่งเดือนกับอีกสามสัปดาห์ที่หลี่โต๋วเปายังไม่กลับมา ฉินอี้หนิงนั่งจิบชากุหลาบอยู่ที่ชายเรือนสกุลฉิน ลมยามบ่ายพัดกรูจากทิศตะวันออก พาเอาใบไผ่ที่ลู่ลมอยู่บนเนินเตี้ยหล่นเกลื่อนทั่วลานทว่าเสียงกีบม้านับสิบและฝีเท้าเกราะเหล็กที่ดังกึกก้องยิ่งกว่าเสียงพายุ กลับทำให้หมู่บ้านฮุ่ยฟางที่เคยเงียบงัน เกิดความสนันหวั่นไหวราวกับมีเงามรณะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมทั่วผืนดินรถม้าขนาดใหญ่สลักลายมังกรดำขอบทอง เคลื่อนมาหยุดลงบริเวณหน้าบ้านสกุลฉิน ก่อนที่บรรดาทหารสวมเกราะดำประทับตราจักรพรรดิหลี่จะวิ่งเข้ามารายล้อมรอบบ้านเอาไว้ ตามมาด้วยเสียงแม่ทัพหนุ่มผู้หนึ่งตวาดดังแทรกเสียงใบไม้ปลิว“เรามารับตัวหรันฝูหรง สตรีอายุสิบเก้าหนาวที่ซ่อนตัวในหมู่บ้านแห่งนี้!”ท่านตาฉินที่กำลังสานกระด้งไม้ไผ่รีบก้าวออกมาจากเรือน ร่างชราภาพฝืนฝ่าแนวทหารเข้ามาขวาง“ขออภัยด้วย ที่นี่ไม่มีใครชื่อเช่นนั้นหรอกขอรับ ข้าไม่รู้จัก! ส่วนสตรีที่อายุสิบเก้า ที่นี่ก็มีเพียงบ้านสกุลหลาน สกุลซ่ง สกุลกั๋ว และหลานสาวของข้า…นางชื่อฉินอี้หนิง”แม่ทัพผู้นั้นกระตุกยิ้มมุมปาก พร้อมทั้งจ้องมองฉินอี้หนิงอย่างเย้ยหยัน“เช่นนั้นข้าก็มาถูกแล้วล่ะ เพราะนามเ
ยุคจักรวรรดิอวกาศ ภายในสถานีวิจัยหลักของตระกูลหลี่ ชั้นบัญชาการพลังงานควอนตัม ความวุ่นวายกำลังเกิดขึ้นเมื่อคนที่หายตัวไปกลับเข้ามาสั่งงานจนกองพะเนิน“โธ่เอ๋ย…ครั้งแรกผมก็นึกว่าท่านประธานหลี่ของเราหลุดเข้าไปอยู่ในปฏิกรณ์ชีวภาพจนแยกโมเลกุลไม่ออกเสียแล้ว ที่แท้…ก็แค่ติดภรรยาเท่านั้น”ร่างสูงของหลี่โต๋วเปายืนพิงกรอบประตู มือซุกกระเป๋าเสื้อโค้ตสีเทาเรียบทว่าหรูหรา ไม่มีคำเถียงใด มีเพียงรอยยิ้มมุมปากที่เจือแววอ่อนโยนบางอย่าง…คล้ายไม่คิดปฏิเสธความจริงข้อนั้น“ก็แค่ใช้เวลาให้คุ้มกับชีวิตบ้าง คุณต้องลองไปปลูกฟักทองดูสักครั้งสิ แล้วจะเข้าใจว่าทุกเช้าในทุ่งหมอกนั้นมีค่ามากกว่างานวิจัยที่เขียนมาพันปีเสียอีก”หลี่เฮ้าถงกลอกตาเล็กน้อยขณะมองหลายชายเพียงคนเดียว ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ“อา…ฟักทองยังไม่เท่าไร แต่ถ้าประธานหลี่ของเราหายหน้าไปอีกสามเดือน ผมอาจจะกลับเข้าไปลักพาตัวภรรยาของท่านมาขังไว้ที่นี่แทน แล้วให้ท่านประธานเข้าออกห้องทดลองตลอดยี่สิบชั่วโมงเสียเลย”“แบบนั้นก็เป็นความคิดที่ดีนะ” หลี่โต๋วเปาพึมพำ พร้อมกับหยิบซาลาเปาไส้เห็ดหอมออกมาจากถุงเล็กๆ ในมือ ก่อนจะยื่นให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รีบร้อน “ข
หลังเกี่ยวและตากข้าวจนเสร็จสรรพ ครอบครัวสกุลฉินก็เว้นช่วงเวลาสำหรับหยุดพักผ่อน ด้วยเพราะร่างกายที่ชราภาพของท่านตาท่านยาย พอทำงานไร่นานานเข้าจึงปวดเมื่อยมากกว่าปกติส่วนหลี่โต๋วเปาและฉินอี้หนิงก็ใช้เวลาส่วนมากอยู่กับการดูแลสวนผัก ขึ้นเขาไปล่าสัตว์มาขาย และใช้เวลาร่วมกันในฐานะสามีภรรยาทว่าวันนี้ แขกผู้มาเยือนกลับเป็นอดีตขุนนางผู้ต้องสูญเสียบ้านให้หลี่โต๋วเปาอย่างสวี่อี้เจิน“คารวะผู้อาวุโส”เสียงทุ้มของหลี่โต๋วเปาเอ่ยช้าๆ ดวงตาเรียวคมสังเกตท่วงท่าการเดินของฝ่ายตรงข้าม รู้สึกคุ้นเคยนัก ทว่านี่ไม่ใช่ท่าทีของผู้อาวุโสสวี่อี้เจินที่เขาเคยประลองหมากล้อมด้วยอย่างแน่นอน“เจ้าน่ะใช้ชีวิตได้ดี กลายเป็นผู้เยาว์ที่สร้างครอบครัวอบอุ่นจริงเชียว” ชายชรามองสำรวจทั่วทุกมุมบ้านราวกับไม่เคยเห็น ก่อนที่สายตาจะพลันมาหยุดลงที่ร่างบอบบางของฉินอี้หนิงซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นสาวงามเต็มตัวไปเสียแล้ว “โอ้~ นี่คือฉินอี้หนิงคนนั้นรึ…” ชายชรายิ้มอย่างสดใสพลางมองสำรวจใบหน้างามอย่างชื่นชม“เชิญผู้อาวุโสสวี่นั่งพักก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะไปเอาชาอวิ๋นอู้ [1] ที่ได้จากภูเขาหลูซานมาให้” เสียงหวานกล่าวอย่างอ่อนโยน ขณะเดินหายเข้าไป
วันเวลาผ่านเลยไปจากวันกลายเป็นหนึ่งเดือน ยามนี้สายลมปลายเดือนเปลี่ยนผิวทุ่งนาหน้าบ้านให้กลายเป็นสีทองอร่าม ลำต้นข้าวโน้มลงตามแรงน้ำหนักของรวงเมล็ดที่สุกงอม ท่ามกลางแสงอาทิตย์อุ่นอ่อนในยามเช้า เสียงเคียวเกี่ยวข้าวเสียดสีเบาๆ สะท้อนชัดอยู่กลางนาหลี่โต๋วเปาค้อมตัวใช้เคียวไม้ด้ามสั้นในมือเกี่ยวรวงข้าวอย่างระมัดระวัง ท่วงท่าของเขาแม้ยังไม่คล่องแคล้วนัก แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ มือทั้งสองที่แกร่งอยู่แล้วบัดนี้ยิ่งแกร่งขึ้นซึ่งเป็นผลจากการจับจอบ ขุดหลุม และหาบน้ำทุกวัน จนรอยด้านปรากฏชัดที่ฝ่ามือ“เจ้าหนุ่มจากเมืองหลวง เจ้าน่ะก้าวหน้ากว่าที่ข้าเคยคิดไว้มากจริงๆ”เสียงของท่านตาดังมาจากอีกฟากของแปลงข้าว ใต้หมวกฟางเก่าคร่ำ ดวงตาของชายชรายังสะท้อนความชื่นชมไม่เสื่อมคลายหลี่โต๋วเปาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วหัวเราะเบาๆ ชายหนุ่มย้อนนึกถึงตอนที่เขาอยู่ในตำแหน่งจอมพล ถ้าตอนนี้อยู่ในยุคจักรวรรดิ เขาคงสามารถสั่งคนให้ขุดหลุมปลูกข้าวได้เป็นพันหลุม แต่เพิ่งรู้ว่าสิ่งที่ยากที่สุด คือการเกี่ยวข้าวแค่เพียงมัดเดียว“ฮ่าๆๆ เจ้ารู้วิธีปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว เช่นนั้นก็ถือว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่งของชีวิต” ท่านต
หลังผ่านพ้นค่ำคืนของการร่วมหอ ร่างงามก็ซุกตัวอยู่ในอ้อมอกแกร่งไม่ไปไหน หลี่โต๋วเปาไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะกว่าเขาจะเสร็จกิจแต่ละรอบก็ใช้เวลานานเสียจนตัวเขาเริ่มนอนไม่หลับ ได้แต่กอดฉินอี้หนิงไว้ ขณะมองใบหน้าขาวนวลในยามนิทราบนโต๊ะข้างเตียงมีกะละมังไม้ใส่น้ำอุ่นที่เริ่มจะเย็นชืด พร้อมด้วยผ้าขาวที่ถูกใช้แล้ววางพาดอยู่ แน่นอนว่าเป็นหลี่โต๋วเปาที่นำมันมาเพื่อเช็ดผิวกายให้ภรรยาตัวน้อย อาจเพราะเขาไม่ได้ปลดปล่อยตนเองมานานหลายปี เจ้าของเหลวสีขาวขุ่นเหล่านั้น จึงมีมากเสียจนอาจทำให้ฉินอี้หนิงนอนหลับแบบไม่สบายตัวนัก ซึ่งในฐานะผู้กระทำ เขาจึงต้องทำความสะอาดให้นางทุกครั้งแพขนตาหนาที่เริ่มขยับน้อยๆ ทำให้หลี่โต๋วเปาอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจุมพิตบนเปลือกตาของนาง ไล่เรื่อยลงไปจนถึงหน้าอกนุ่มที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบฉินอี้หนิงที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมา เผลอทำหน้าอิดออดน้อยๆ เมื่อส่วนล่างของนางมันทั้งบวมและเจ็บระบมอย่างที่ไม่เคยเป็น ค่ำคืนเข้าหอนี้ผ่านไปอย่างยากลำบากจริงๆ ยิ่งเมื่อผู้เป็นสามีไม่ยอมจบดังที่ควรเป็นใต้ผ้าห่มมีบางอย่างขยับอยู่ เคลื่อนจากหน้าอกสู่ส่วนล่างอย่างเชื่องช้า ทว่าทุกการสัมผัสล้วนเต็มไป