สองเดือนผ่านไป
“คุณ” เนื่องจากเมื่อคืนนาราดูคลิปที่คนอื่นปลูกนั่นปลูกนี่ไปเรื่อย แล้วเธอก็สนใจอยู่ที่สวนทุเรียน โดยส่วนตัวแล้วนาราเป็นคนชอบกินทุเรียนมาก การได้ดูคุณป้าคนหนึ่งทำสวนทุเรียนจึงจุดประกายความฝันเธอให้โชติช่วงขึ้นมา และใช่ เธอแทบไม่มีที่ดินทำกิน เพราะอย่างนั้นเธอเลยอยากขอคนคนหนึ่ง
“อะไร” สิงหราชที่กำลังนั่งอ่านเอกสารบนระเบียงเงยหน้าขึ้น แสงแดดอุ่นๆในยามเย็นกระทบกับใบหน้าคนตัวสูง ส่งเสริมให้เขาดูดีขึ้นมาอีกหลายเท่า นาราอดคิดไม่ได้ว่าเหมือนนายแบบกาแฟดังๆเลย สิงหราชให้กลิ่นอายแบบนั้น แต่เขาคงเป็นไม่ได้ เพราะอยู่แต่กับไร่กับสวน
“คือ” นาราอึกอัก เพราะโดยปกติเธอไม่เคยขออะไรสิงหราชเลย ส่วนเขาให้เธอมากมาย สิงหราชไม่เคยหวงแหนพืชผลในไร่ของตน เขาบอกว่าเธออยากกินอะไรก็ได้ หรือเอาไปฝากคนอื่นก็ไม่ว่า แต่อย่าเอาไปขายเป็นพอ ทุกวันนี้เธอแทบไม่ได้ใช้เงิน กินของในสวนจนหมด
“มีอะไร” ดวงตาคมหรี่มองคนตัวเล็ก วันนี้นาราทำท่าแปลกๆ คล้ายรู้สึกเกรงใจเขา ทั้งๆก่อนหน้านั้นไม่เป็น
“เอ่อ คือ” มือเล็กลูบกันไปมา ไม่กล้าพูดอะไร จนสิงหราชต้องพูดย้ำ
“พูดมา”
“คือตอนนี้ฉันเป็นหนี้คุณอยู่เท่าไหร่”
“ไม่รู้สิ สิบล้านมั้ง” ชายหนุ่มตอบ ไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าเธอเป็นหนี้เขาเท่าไหร่ ไม่ได้ทำรายรับไว้ด้วย เพราะแบบนั้นจึงเอ่ยส่งๆ อยากแกล้งคนตัวเล็กอยู่ในที
“ห๊ะ สิบล้าน” ทว่าคนฟังแทบตาถลน เธอรู้ว่ามีหนี้ถึงหลักล้าน แต่สิบล้านนี่เกินไปหรือไป เธอไม่ต้องใช้หนี้จนแก่เลยเหรอ ไม่สิ จนตาย เกิดมาอีกชาติต่างหาก
“หึ”
“หัวเราะทำไม นี่คุณแกล้งฉันเหรอ” นารากลับต้องโล่งใจเมื่อนายหัวหนุ่มหัวเราะออกมา หญิงสาวหน้ายู่ ด่าคนตัวโตในใจเล็กน้อย
ขี้แกล้ง
“ทำไมอยู่ๆถึงอยากรู้เรื่องหนี้ขึ้นมา” สิงหราชเข้าเรื่อง เขาอยากรู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้แมวตัวน้อย เชื่องเหมือนสุนัขในวันนี้ได้
“เอ่อ คือฉัน ฉันอยากรู้ว่าอีกนานมั้ย กว่าจะใช้หนี้คุณหมดอ่ะ ฉันไม่อยากแก่ตายที่นี่นะคุณ” ใบหน้าสวยยิ้มแยะๆ เธอไม่กล้าเข้าเรื่องสักที การขอร้องอะไรคนอื่น สำหรับเธอเป็นเรื่องยากจริงๆ
“ทำไม อยู่กับฉันแล้วมันทำไม” เสียงนายหัวธรภูมิเข้มขึ้นมาเล็กน้อย สายตาดุดันยังคงจ้องที่นาราไม่วางตา บอกว่าอยากไปจากเขาสิ เขาจะพาเธอเข้าห้อง ล็อกประตูไม่ให้ออกมาอีกเลย
อะไรของเขาเนี่ย อยู่ๆก็ทำหน้าโกรธ นารากลับมาน้อยใจอีกครั้ง แต่ไม่ได้ เธอจะไม่ปล่อยให้เสียเรื่อง เธอคิดมาดีแล้ว เธอจะบอกมันหมดเปลือกมันเลยเนี่ยแหละ
“สิง มีอะไรอยากขอร้องหน่อย” คนตัวเล็กเอ่ยอย่างไม่กลัวตายเลยสักนิด พอนานวันเข้าเธอกับเขาพบว่าเป็นคนสนิทใจกัน แล้วเธอจะเรียกเขาแบบนี้ เพราะพอใจ!
“เรียกเหมือนเพื่อนเลย” สิงหราชมองนิ่ง เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่ ไม่ทันไรเล่นหัวกันซะแล้ว
“ก็ให้เรียกมั้ยล่ะ ตกลงจะฟังมั้ย ถ้าไม่ฟังไม่พูดแล้ว” คนตัวเล็กไม่สนขยับเข้าไปใกล้ ตอนนี้เธอยืนอยู่ตรงหน้านายหัวหนุ่มเพียงเอื้อมมือ ลมเย็นพัดผ่านร่างสองคนไป วันนี้เองที่สิงหราชรู้สึกว่านาราอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“พูดมาสิ” เขาจะฟังก็ได้
“คือเมื่อคืนฉันไปดูที่เขาปลุกสวนทุเรียนมา ปีหนึ่งกำไรตั้งหลายล้านแนะ ฉันเลยอยากปลูกบ้าง คือฉันเป็นหนี้คุณใช่มั้ยล่ะ เอ่อ ถ้าฉันอยากปลูกทุเรียนชดใช้หนี้จะได้มั้ย ปลูกตรงสวนว่างๆของคุณก็ได้” เธออยากทำ จริงๆนะ
“จะดูแลไหวเหรอ ทุเรียนดูแลยากนะ ขาดทุนขึ้นมาจะว่ายังไง” ทุเรียนใช่ว่าจะปลุกง่าย ค่าปุ๋ย ค่าดูแลอีก กว่าจะโต เขาเคยคิดเหมือนกัน แต่ของเขามีหลายสิ่งที่ต้องดูแล อีกอย่างผลผลิตพืชอื่นก็ออกมาดี เลยไม่คิดสนใจพืชดูแลยากแบบนั้น
แต่คนตัวเล็กแน่วแน่เหลือเกิน
“ถ้าขาดทุนคุณก็ไปทบกับหนี้เก่าของฉันก็ได้ ฉันอยากทำ ให้ทำได้มั้ย” เธอทำงานกับเขาจนรักพืชสวนไร่นาไปแล้ว เธออยากทำเกษตร อยากทำอะไรสำเร็จด้วยตัวเอง อีกอย่างคืออยากช่วยเขาด้วย ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าทุเรียนเลี้ยงยาก แต่เธออยากลอง ลอง ล้มก็ไม่เป็นไร
“ได้มั้ย น้าสิง จะดูแลอย่างดีเลย” คนตัวเล็กออดอ้อน โดยไม่รู้ว่าท่าทางเหล่านั้นของตนมันน่ามันเขี้ยวแค่ไหน กระทั่งสุดท้ายชายหนุ่มก็แค่นหัวเราะออกมา
“หึ”
“เอาสิ”
“เย้!” นารารู้สึกดีใจแทบจะบินได้ เธอกระโดดกอดนายหัวสิง เอาหน้าแนบกัน
“แต่”
“อะไร” ความดีใจหายไป เพราะเธอคิดว่าเขาต้องพูดเล่นแน่ๆ
“จูบก่อน”
ทว่านารากลับต้องยิ้มแป้นเมื่อเขาเอ่ยคำนั้น คนตัวเล็กไม่รีรอจูบที่ปากคนตัวโตจนเกิดเสียงดังจ๊วบ เธอจูบอีกทีเพราะดีใจเหลือเกิน
“อื้อคุณ” ต่อมากลับใจวูบโหวงอีกครั้ง เมื่อถูกอุ้มเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนคนตัวใหญ่
“จะไปไหน!” นาราตีไหล่หนาเมื่อเขาอุ้มเธอเข้าไปในบ้าน คนตัวเล็กเลิ่กลั่ก ต่างจากนายหัวหนุ่มที่อารมณ์ดี
“ไปเอารางวัลไง”
นาราหลับอยู่บนเตียงใหญ่ของเจ้าของไร่ วันนี้สิงหราชต้องคุมงานลูกน้องดึก เขาเลยบอกให้เธอขึ้นมารอนอนที่ห้องก่อน ส่วนเธอเองรู้สึกเพลียจึงขึ้นมานอนด้านบนรอ สุดท้ายก็เผลอหลับไป
“อื้อ”
“อะไร” คนตัวเล็กงัวเงีย ขยี้ตาตัวเอง ก่อนเห็นใบหน้าหล่อเหลาอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้เธอถูกอุ้มขึ้นมาจากเตียงเลยสงสัยอยู่ไม่น้อย ถึงอย่างไรนาราก็ยังง่วงนอนอยู่ดี เธอซบลงกับอกแกร่ง ไม่รู้สิงหราชจะพาไปไหน ทว่ารู้สึกปลอดภัยทุกครั้งเมื่ออยู่กับเขา
“สวยจัง” กระทั่งถูกจับให้ยืนขึ้น นาราเลยลืมตาขึ้นมา แล้วเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อตรงหน้าเป็นลานกลาง ที่ด้านล่างมองเห็นวิวตัวอำเภอจากที่สูงได้ ทว่าสิ่งที่ทำให้หญิงสาวตื่นตาตื่นใจก็คือดวงดาวที่พร่างพราวเต็มท้องฟ้า สวยจนเธอต้องอ้าปากออกมา
“วันนี้เห็นดาวชัดที่สุด” สิงหราชเอ่ยพลางมองคนตัวเล็ก เห็นนาราอ้าปากค้างก็อยากหัวเราะ ทำไมดูเหมือนเด็กได้ขนาดนี้ ไร้เดียงสาจนความต้องการบางอย่างในตัวเขาถูกปลุกเร้าขึ้น
“จริงเหรอ”
แสงสีไฟเผาไหม้ในตานายหัวสิงหราชผู้แข็งแรงไม่เคยกลัวสิ่งใด ทว่าตอนนี้เขาวิ่งพล่านไปทั่วเพื่อหาใครสักคนทั้งตะโกน เรียกหา ไม่กลัวว่าตนจะถูกเผาไหม้เลยสักนิด ได้ยินเสียงเรียกตัวเอง นาราหยุดขาที่กำลังวิ่งอยู่ไว้ ใช่ เธอเห็นว่าไฟไหม้อย่างน่ากลัว แผดเผาทุกสิ่งทำให้เธอและโจรหนุ่มที่มาด้วยวิ่งลงมายังลาดเขา ในตอนแรกยอมรับว่าเสียงปืนที่กำลังได้ยินทำให้อยากขึ้นไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ที่สำคัญจะมีสิงหราชอยู่ที่นั่นมั้ย เธออยากไปช่วย ทว่าถ้าทำแบบนั้นโจรหนุ่มจะต้องสงสัยเธออย่างแน่นอน และถ้าเขาโกรธขึ้นมามันอาจฆ่าเธอทิ้ง คราวนี้คงไม่มีโอกาสเจอกับสิงหราชของจริง นาราจึงต้องจำใจเดินตามมันมา ก่อนจะหยุดเมื่อได้ยินเสียงเรียกตัวเอง มันเป็นเสียงของสิงหราช เขามาช่วยเธอ เพียงวินาทีนั้นความอุ่นซ่านจากที่ไหนไม่รู้แผ่เข้ามาที่หัวใจอย่างมากมายมหาศาล เธอคิดว่าตอนนี้เขาจะอยู่กับแฟนเก่าซะอีก เขากลับมาหาเธอทั้งที่จะปล่อยให้ตายก็ได้ “นิ่งทำไมน้องนาค ไฟไหม้อยู่นะ” ใบหน้าของชนตรีแสดงความเครียดขรึม ยิ่งเห็นหญิงสาวทำหน้ากังวลเขายิ่งใจไม่ดี อย่าบอกนะว่าได้ยินเสียงคนเรียกแล้วจะใจอ่อ
“มันเรียกคนมาอีกแน่” ไกรพบที่อาการเจ็บยังไม่หายขาดจากการถูกยิงในครั้งนั้น กำกระบอกปืนแน่น หลังจากที่เขาได้รับการติดต่อมาจากสิงหราช ชายหนุ่มก็รีบมาทันที ตอนนี้รู้แล้วว่าสิงหราชกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ แล้วมันจะไม่หายไปนอกเสียจากว่าจะมีใครตายกันไปข้างหนึ่ง “อืม” เสียงทุ้มครางรับ เห็นหน้าที่เงียบขรึมของนายหัวหนุ่มแล้ว นายตำรวจหนุ่มก็รู้สึกไม่ดี เขารู้ว่าความสัมพันธ์ของเพื่อนกับหญิงสาวอีกคนนั้นไม่ราบรื่นเลย อีกทั้งช่วงหลังมานี้ยังมีแฟนเก่าอย่างดาราเข้ามาพัวพัน เส้นสัมพันธ์ยุ่งเหยิงจนแก้ไม่ได้ แต่ที่เขายังแปลกใจคือทำไมเพื่อนไม่หาทางแก้สักที มันไม่เคยมีใคร ไม่เคยให้ใครเข้ามาเป็นนายหญิงในไร่ สามปีมานี้คนที่มีความสัมพันธ์ด้วยจริงๆคือนาราคนเดียว ถ้าจะมีคนอื่นบ้างทว่านั้นไม่ใช่ความจริงลือกันไปทั้งนั้น เขาเป็นเพื่อนมันทำไมจะไม่รู้ แต่ที่ไม่รู้คือทำไมไม่เปิดตัวนารา รักขนาดนั้นแต่งเป็นเมียได้แล้วมั้ง จะรออะไรอยู่อีก เห็นมั้ยรอก็มีแต่เรื่องแย่ๆลง จนตอนนี้เมียมันโดนจับตัวไปแล้ว สงสารก็สงสาร สมน้ำหน้าก็สมน้ำหน้า ทว่าพอเห็นหน้าคิดมากจนเครียดของเพื่อนแล้ว เขาสงสารม
"หิวน้ำ" เธอตัดสินใจเรียกออกไป และดูเหมือนว่าเพียงได้ยินเสียงเธอ พวกด้านนอกหยุดการสนทนากัน ต่อเนื่องด้วยมีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เป็นคนที่เธอคิดไว้ "อะไร" เสียงของร่างกำยำดูแข็งกระด้าง ชายตรงหน้าเป็นผู้ชายผิวคล้ำ แห้งกร้าน บอกว่าผ่านการผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างหนัก ทว่าด้วยความที่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นอยู่ทำให้ไม่แก่เกินไปนัก เพียงชายคนนี้เข้ามานาราร้องไห้เงียบๆ ก้มหน้าลงกับเข่าตัวเอง เสื้อเชิ้ตอันเป็นผลจากกระดุมถูกแหวกก่อนหน้าเผยให้เห็นเนินอกขาวผ่อง และลาดไหล่เรียวสวย ภาพตรงหน้าถ้าผู้ชายที่ชอบของสวยๆงามๆย่อมคิดว่าน่ารังแกเหลือเกิน ในความคิดของชายชาตรีนั้นในตอนที่สตรีเปลือยเปล่าให้เห็นถึงเนื้อหนัง และอยู่ในช่วงอ่อนแออย่างหนักช่างน่าปลอบประโลมเกินทน น่านำมากอดให้คลายความเหน็บหนาว ใช่ ชนตรีคิดแบบนั้น ถึงเขาจะเป็นโจรและผ่านสมรภูมิเรื่องเลวร้ายมามากมาย ทว่าสำหรับผู้ชายอย่างเขา ผู้หญิงยังมีอิทธิพลอยู่มากโข แค่เห็นพวกเธอสวย ตรงนั้นก็แข็งแล้ว อย่างเช่นผู้หญิงตรงหน้าตอนนี้ที่ทำให้เขาแข็งและสงสารในเวลาเดียวกัน โธ่ แม่คุณ คงช้
"นายหัว!" ตอนนี้ประพาทุกข์ใจเหลือเกิน ตั้งแต่นารารู้ความจริงว่าเธอปิดบังเรื่องหนี้สิน เจ้าตัวก็หายไป เธอออกตามหาแล้วทว่าไม่เจอลูกเลย ออกตามหาทั่วหมู่บ้านก็ไม่พบตอนนี้ประไพไม่รู้จะทำยังไงแล้ว "เกิดอะไรขึ้น" อกด้านซ้ายสั่นไหวไม่น้อย เพียงได้ยินชื่อของใครบางคนหัวใจก็ราวกับโดนกระชากออกมา "นาคหายตัวไปค่ะ เธอรู้เรื่องหนี้แล้วว่าฉันไม่ได้เป็นคนก่อหนี้เอง แต่เป็นญาติที่สร้างไว้ แกรู้ แกเลยหายไป" เกิดความเงียบขึ้นทั่วบริเวณ การเป็นหนี้ของครอบครัวนารา เขารู้ว่าไม่ได้เกิดจากพ่อและแม่ของเธอ แต่เกิดจากตาและยายและญาติคนอื่นๆ เขารู้เรื่องนี้หลังจากที่เธอทำงานได้ไม่นาน แต่ที่กักเก็บไว้ก็เพราะสาเหตุส่วนตัว แต่วันนี้ นารารู้มันแล้ว คงเสียใจมาก ถึงได้หนีไป แต่จะหนีไปไหนเล่า หรือว่าไม่ได้หนี แต่มีคนจับตัวไป ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นบีบคั้นตรงอก ทว่าความปวดหนึบนั้นไม่ได้น่าให้ความสนใจกับฝีเท้าที่รีบวิ่งออกไปสุดแรง ทว่าก่อนออกตามหาคนตัวเล็ก สิงหราชโทรไปหาใครคนหนึ่งและเพียงคนปลายสายรับ ไม่ลังเลกรอกเสียงลงไป [นาคหายไป กูอยากให
“พ่อแม่หลอกหนูอยู่เหรอคะ” นัยน์ตาของนาราเลื่อนลอย ความปวดหนึบบีบรัดช่วงอกจนเจ็บไปหมด ไม่นึกเลยว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ ทุกความตั้งใจของเธอ หยาดเหงื่อแรงกายของเธอ กำลังถูกคนอื่นกัดกิน และดูดดื่มอย่างหื่นกระหาย พวกเขาทำได้ยังไง รวมถึงพ่อกับแม่เธอด้วย! “แม่ทำแบบนี้ทำไม แม่ยังเห็นหนูเป็นลูกอยู่มั้ย” เธอกำลังมีอนาคตที่ดี แต่ต้องกลับมาที่นี่ กลับมาเพื่อโดนคนนินทาว่าร้ายว่าเป็นนางบำเรอชั้นต่ำให้นายหัวปลดปล่อยความใคร่ไปวันๆ เธอโดนแบบนั้นแทบทุกวัน สายตาที่มองมาเหยียดหยามด้วยความสงสัย แม่และพ่อของเธอเคยรู้บ้างมั้ยว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน “นาค” ประพาเอ่ยเสียงเครือ รู้ดีว่าลูกของเธอรู้สึกยังไง แต่เธอไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องนี้แบบไหนเหมือนกัน ประพาโดนขู่ โดนตราหน้าว่าไม่รักพ่อแม่ พ่อตายจากไปแล้วก็ยังไม่มาดูดำดูดี ด้วยบ่วงนั้นทำให้เธอไม่ไปไหน จมกับความรู้สึกผิด ดำดิ่งหาทางออกไม่เจอ จนกระทั่งแม่ของเธอบอกว่าจะยกโทษให้ถ้ายอมใช้หนี้ให้กัน ประพาจึงรีบคว้าโอกาสไว้ หวังเพียงว่านั่นจะเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถทดแทนพระคุณมารดาได้ ทว่าเธอลืมนึกไปว่านาราก็มีหัวใจ เด็กคนหนึ่งโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าโ
นารากลืนก้อนเหนียวหนืดขนาดใหญ่ลงในคอ มองลึกเข้าไปในดวงตาดุดันของเขา ดวงตานี้เพียงใช้ปราดมองใครสักคน ทุกคนเป็นอันต้องหลบสายตา บ้างก็หลงใหลมัน เธอมองมันมาหลายครั้ง ทว่าไม่เคยมีครั้งไหนเจ็บปวดใจเท่าครั้งนี้ “ฉันอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองค่ะ และมันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากไปอยู่ในที่ที่ดีกว่านี้ ไม่อยากอยู่กับป่ากับเขา” เกลียดเหลือเกินที่ตัวเองยิ้มทั้งๆที่กำลังโกหกออกมา “น่าเบื่อใช่มั้ยล่ะคะ ฉันก็เบื่อมันมากเหมือนกัน นับวันรอ รอจะได้ไป ไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่” ใครบอกเธอชอบที่นี่มากต่างหาก “ถ้าได้ไปคงมีความสุข ทีนี้นายหัวพอจะเข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าฉันต้องการอะไร” นาราลุกขึ้น เพราะรู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าวจนกลัวมันไหลออกมา ใช่ แล้วเธอจะร้องไห้ทำไม ในเมื่ออยากไปจากเขาเอง “หวังว่าคุณจะอ่านสัญญานี้ให้ถี่ถ้วน แล้วเซ็นมันให้ฉันนะคะ ขอบคุณมากค่ะ” สองเท้าเดินออกมาด้วยความรวดเร็ว มันเร็วเสียจนหญิงสาวจะล้ม คงเกลียดที่นี่มากสินะ ทว่าร่างบางไม่รู้เลยว่าหลังจากเธอไปแล้ว คนที่โดนพูดอะไรก็ไม่รู้ใส่นั้นนิ่งไปราวกั