“มึงไม่เห็นเหรอที่โล่งขนาดนี้กูฉี่ไม่ออกหรอก อยู่ที่บ้านกูต้องเข้าห้องน้ำโถฉี่เป็นแสน มึงจะให้กูฉี่ที่โล่งแบบนี้นี่นะ กูทำไม่ได้ พาไปที่ที่รกกว่านี้ ไม่งั้นกูฉี่ไม่ออก” ความจริงโกหก ชักโครกที่ไร่ก็ราคาธรรมดาทั่วไปนี่แหละ ใครจะบ้าซื้อราคาเป็นแสน ถึงจะรวยแต่ไม่ได้โง่เสียเงินกับของแบบนั้นนะ
เรื่องมากจังโว๊ย เหมี่ยงกับเพื่อนละอยากบ้าตาย ไอ้นายหัวดูสมบุกสมบันขนาดนี้ แต่ทำตัวเหมือนลูกคุณหนูไปได้ เข้าใจว่ารวย แต่ขนาดโถฉี่ราคาเป็นแสน บ้าหรือเปล่า แต่เอาเถอะ ตอนนี้พวกเขาต้องเร่งเวลา เกิดเถียงมากแล้วไอ้นายหัวนี่เรื่องมากอีกจะซวยเอา เพราะแบบนั้นเหมี่ยงกับเพื่อนเลยพาสิงหราชเดินมาอีกหน่อย ที่ตรงนี้มีพุ่มไม้เยอะพอควร
มือหนาปลดเข็มขัดตัวเองออก เกิดเสียงโลหะปะทะกันเล็กน้อย โจรร้ายทั้งสองโล่งใจที่พวกมันจะได้ไปจากที่นี่เสียที แล้วในตอนนั้นเองนายหัวหนุ่มพูดขึ้นอีกครั้ง
“ของกูใหญ่จังวะ ของมึงใหญ่หรือเปล่า”
“รีบๆฉี่ไป จะได้ไปสักที” สิงหราชหัวเราะราวกับว่าไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย
“จริงๆนะ ใหญ่เท่าแขนเด็กเลย ใครเคยกับกูก็ชอบทั้งนั้น” ตั้งแต่ถูกจับตัวมาเขาว่าเขาดูลักษณะท่าทางของคนบางคนออก ในกลุ่มนี้มีคนที่ชอบเพศเดียวกันอยู่หนึ่งคน โดยที่ชายคนนั้นมีความเฟมมีนิลออกมานิดหน่อยอยู่ในลักษณะท่วงท่า การเดิน หรือน้ำเสียง เขาไม่ได้เหมารวมอีกเพศทุกคนว่าต้องเป็นแบบเดียวกัน ทว่าเขาเดาไม่ผิดว่าหนึ่งในนั้นต้องชอบผู้ชายแน่นอน
“มึงอยากดูมั้ย” ใบหน้าเหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อดูเซ็กซี่หันไปมองชายที่อยู่ข้างๆ แวบหนึ่งมุมปากหยักโค้งสวยปรากฏเป็นรอยยิ้มเพราะโจรร้ายอย่างเหมี่ยงนั้นมีท่าทีเลิ่กลั่กโดยการหันไปทางอื่น ก่อนจะหันกลับมาใหม่อย่างรวดเร็ว ไม่ได้คิดไปเองว่าด้วยเสียงทุ้มที่เคยแข็งกระด้างและเกรี้ยวกราดโอนอ่อนลงและเต็มไปด้วยความพยายามทำให้เสียงของตนปกติ
“พูดเหี้ยอะไร ระ รีบฉี่ไปเลย” แล้วดูเหมือนว่าตอนนี้โจรอีกคนนามว่าเพื่อนจะกดมองเหมี่ยงอย่างกดดันอย่างไม่ให้การทำงานของพวกตนเสีย
“กูไม่ว่าอะไรหรอก แบ่งๆกันดู มึงก็เหมือนกูไม่ใช่เหรอ เราก็เหมือนกัน ถ้าอยากดูก็ดูเลยสิ”
สิงหราชนั่นหล่อเหลา และเต็มไปด้วยเซ็กซ์แอพพีล เหมี่ยงได้ยินเรื่องนี้เลื่องลือทุกสารทิศ อีกทั้งความร่ำรวยยังเป็นเครื่องประดับชั้นดีที่ไม่ต้องสวมอะไรก็ทำให้คนคนหนึ่งดูดีขึ้นมาอีกหลายเท่า ในกลุ่มเพื่อนเขาเคยเอ่ยถึงนายหัวหนุ่มหลายครั้ง คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เจอตัวจริง และเมื่อเจอแล้วกลับพบว่าเรื่องเล่าเหล่านั้นไม่เกินความจริงเลย
นายหัวสิงหล่อจริงๆ
แต่ถึงอย่างนั้นชีวิตตนก็สำคัญ และดูจากท่าทางเจ้าเล่ห์ของนายหัวหนุ่มแล้ว คงไม่ดีแน่ถ้าตกหลุมพราง ทว่าเจ้ากรรมยิ่งเขาทำเป็นไม่มอง สิงหราชก็ดูจะขยับมาทางเขาเรื่อยๆ ความรู้สึกตอนนี้ถ้าเขาเป็นผู้ชายก็คล้ายกับว่ามีสตรีขยับร่างกายเปลือยเปล่าเข้ามาหา ความนุ่มนวลและยั่วเย้าช่างคล้ายกับความหอมหวานที่ดึงดูดเรา และใช่ก่อนนั้นที่เหมี่ยงเผลอก้มลงไปมองความใหญ่โตที่เห็นเพียงเลือนรางก่อนมันเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ
“อั่ก”
ด้วยความรวดเร็วสิงหราชใช้กำปั้นที่ถูกมัดไว้ฟาดเข้าไปที่ท้ายทอยโจรร้าย ความจริงเขาปลดเชือกให้หลวมๆตั้งนานแล้ว รอโอกาสนี้เพียงอย่างเดียว
เชือกหล่นลงพื้นนายหัวหนุ่มซ้ำลงไปที่อกชายกำยำ แย่งปืนมา ก่อนจะยิงเข้าที่ชายอีกคนอย่างไม่รีรอ
ได้ยินเสียงปืน ไกรพบที่กำลังดูสถานการณ์อยู่แล้วก็สั่งลูกน้องให้เข้าจับกุมทันที
เกิดเสียงปืนยิงปะทะกันไปทั่ว นาราได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ ไม่รู้จะไปทางไหนดี เสียงปืนใกล้ๆทำให้หญิงสาวสั่นกลัวไม่น้อย ทว่าอย่างนั้นก็ยังอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยากรู้ว่าสิงหราชเป็นอะไรหรือเปล่า และเธอคงอยู่เฉยๆที่นี่ไม่ได้ คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็ขยับเข้าไปใกล้วงปืน ตอนนี้เองที่เห็นว่าคนจากสองฝังยิงสวนกันจากฝั่งซ้ายและขวา โดยที่เธออยู่ตรงกลางกำบังหลังต้นไม้ใหญ่ แล้วสิงหราชอยู่ไหน
เธอพยายามกวาดสายตามองหาทว่าไม่พบ เห็นเพียงกลุ่มชายชุดดำกับชายชุดสีกากีกำลังยิงปะทะกันอยู่ ทว่ามองหาไปเพียงไม่นานก็พบเข้ากับร่างคุ้นตาแม้มีพุ่มไม้บดบังนาราก็จำได้ ตอนนี้นายหัวสิงกำลังอยู่ที่ต้นไม้ที่อยู่ห่างจากเธอไปไม่ไกล ร่างบางตกใจเพราะเขาอยู่ตรงฝั่งนั้นคนเดียวโดยไม่มีคนอื่นคอยช่วย
ปัง! ปัง! ปัง!
โจรร้ายลั่นไกตอบโต้ไปจนมีฝั่งตำรวจได้รับบาดเจ็บ ไกรพบเบิกตากว้าง ก่อนจะยิงคุมกันลูกน้องที่บาดเจ็บไม่ให้โดนทำร้ายอีก กระสุนปืนฝังเข้ากับต้นไม้ใหญ่กระจุยกระจาย เกิดเสียงร้องโหยหวนเนื่องจากคนร้ายถูกยิงเช่นกัน
“มึงอยู่ไหน!”
ผู้กำกับหนุ่มวอหาสิงหราช เสียงปืนได้ยินผ่านเครื่องมือสื่อสาร ตอนนี้กำลังชลมุนกันอย่างหนัก เขาอยากให้สิงหราชมาทางนี้เพื่อคุมกันลูกน้องที่โดนยิง
“กูอยู่อีกฝั่ง” เสียงเข้มตอบกลับมา ใจตำรวจหนุ่มไม่สู้ดีนัก ตอนนี้จริงอยู่ว่าไม่อยากให้เพื่อนเข้ามา ทว่ามันอยู่ตรงนั้นคนเดียวก็เป็นอันตรายมากเหมือนกัน ยิ่งตอนนี้คนฝั่งเราเหลือน้อยแล้ว ไกรพบอยากจบให้ไว้ที่สุด เขาไม่อยากให้มีใครบาดเจ็บอีก
“พวกมันได้เปรียบเรา ดูเหมือนจะมีนักแม่นมือปืนอยู่ในนั้นด้วย ตอนนี้พวกเราถูกยิงไปสองคนแล้ว กูกลัวมึงจะเป็นอะไรไปอีก เอาแบบนี้กูจะยิงเปิดทางให้มึง ให้มึงมาหากู” ใช่ ไม่ได้มีเพียงสามคนอย่างที่คิด พวกมันมีอีกหลายคนรอซุ่มอยู่
“...”
“เราต้องรอดเพื่อน”
สิงหราชหันหลังชนต้นไม้ ไตร่ตรองอย่างหนัก เขารู้ดีทางที่ดีที่สุดคือจบเรื่องให้เร็ว แล้วนั่นเท่ากับว่าต้องมีการปะทะ ดูว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะแพ้ไป ออกจากป่านี้พาคนเจ็บไปรักษาตัว รอเพียงนาทีไม่ได้ เพราะนั่นเท่ากับว่าอาจมีการสูญเสียเกิดขึ้น
“อืม” เพราะแบบนั้นนายหัวหนุ่มจึงรับคำอย่างหนักแน่น
“ยิงเปิดทางให้กูด้วย”
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง