แต่ใครจะรู้ว่าภายนอกที่เข้มแข็งของหญิงสาวคนนี้ช่างเปราะบางเหลือเกิน คำพูดพวกนั้นเสียดแทงใจนารา จนเธอน้ำตาไหลออกมา และเหมือนฟ้าอยากจะกลั่นแกล้งกัน มันโหมกระหน่ำ สาดซัดใส่ตัวหญิงสาวจนเปียกโชกไปทั้งตัว นาราตากฝนร้องไห้อยู่แบบนั้นจนกระทั่งถึงบ้าน
มาถึงหญิงสาวอาบน้ำ เตรียมตัวใส่ชุดนอนเข้าไปพักผ่อนในห้อง กระทั่งหลับไป โดยไม่รู้ว่าโทรศัพท์ของตนนั้นมีสายโทรเข้ามามากแค่ไหน
“ทำไมไม่รับ” ร่างสูงหัวฟัดหัวเหวี่ยง หงุดหงิดที่คนปลายสายไม่กดรับสักที มือหนาเสยผมไปด้านหลัง เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพเจ้ามากขึ้น
วันนี้สิงหราชแวะไปในเมือง เข้าไปคุยธุระเกี่ยวกับร้านค้าที่รับผลผลิตของธรภูมิไปขาย ตามด้วยซื้อของนิดหน่อยกระทั่งกลับมาตอนหกโมงเย็น ทว่าเมื่อมาถึงกลับต้องหงุดหงิดเพราะรู้ว่านาราไม่อยู่ไร่แล้ว
ไปดื้อที่ไหน กลับมาจะตีให้ก้นลายเลย
“โทรหาใครอยู่เหรอคะคุณสิง” นงรักเดินขึ้นเรือนมาพอดี เห็นนายหัวของไร่ทำท่าหงุดหงิดใจ โทรหาใครหลายรอบจึงถามเผื่อจะช่วยได้ เธอเห็นสิงหราชมาตั้งแต่เล็กแล้ว ถึงเขาจะน่ากลัว แต่ก็ยังเป็นเด็กในสายตาคนแก่แบบเธอ
นายหัวของไร่นิ่งเงียบ ท่าทางไม่พอใจเหล่านั้นหายไป เขาไม่คิดจะบอกใครเรื่องนี้ แต่ก็อดถามไม่ได้จริงๆ
“ยัยคนนั้นไปไหนครับ” ร่างใหญ่กำยำเดินมานั่งบนโต๊ะ
“คนไหนคะ” ไม่ใช่นงรักไม่รู้ แต่เธออยากกวนประสาทนายใหญ่มากกว่า แล้วเหมือนจะได้ผลเพราะคนตรงหน้าเหลือบตามองเธอด้วยสายตาดุนิดหนึ่ง ถอนหายใจออกมา
“ป้าก็รู้ว่าผมหมายถึงใคร แล้วจะถามทำไม” นงรักเคยเห็นนาราขึ้นมาบนบ้านหลายครั้ง กับข่าวคราวที่คนงานลือกัน จะว่าเปิดเผยก็เปิดเผยจะว่าปิดบังก็ปิดบัง เพราะแบบนั้นหญิงวัยป้าจึงตอบสิ่งที่นายหัวอยากรู้
“หนูนาคน่าจะกลับบ้านค่ะ เพราะป้าเห็นขับรถแล้วออกไปเลย ยังไม่กลับมา เป็นแบบนี้ส่วนมากเธอจะกลับบ้านแล้วมาไร่อีกทีตอนเช้า”
“กลับโดยไม่บอกเนี่ยนะ” เสียงเข้มเอ่ยอย่างหงุดหงิด นงรักยิ้มน้อยๆ
“เดี๋ยวเธอก็กลับมาเองแหละค่ะ เด็กคนนี้ไม่เบี้ยวงานหรอก ป้าไม่เห็นเธอมาทำงานสายสักที ไม่ต้องห่วงเธอหรอกนะคะ”
“ผมเปล่าห่วง แค่อยากให้รับผิดชอบงานได้ก็เท่านั้น” เพราะเขาไม่มีมาตรการให้คนงานออกไปค้างคืนข้างนอก ถ้าไม่จำเป็น แต่สำหรับนาราเธอไม่ใช่คนงานประจำ แต่เป็นคนงานพิเศษที่เข้ามาเพื่อใช้หนี้
“แล้วป้าก็ไม่ต้องคิดด้วยว่าผมจะคิดอะไรกับเธอ” ดวงตาคมดุตวัดมองนงรัก หญิงแม่บ้านขนกายลุกวาบ นายหัวเป็นแบบนี้ทุกทีที่เธอพูดถึงนาราในเชิงมีความสัมพันธ์ชู้สาว ไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือแค่ปากแข็งกันแน่
“ก็ได้ค่ะๆ ป้าจะไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว” นงรักเปลี่ยนเรื่อง “แล้วเย็นนี้คุณสิงจะทานอะไรเหรอคะ เดี๋ยวป้าทำไว้ให้”
ชายหนุ่มลุกขึ้น กล่าวเสียงกระด้าง
“ไม่ต้องครับ ผมจะไปทานที่อื่นสักหน่อย” ว่าจบสิงหราชก็หยิบเอากุญแจเดินออกไปทางประตู เขาขับรถตรงดิ่งไปยังหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ใกล้ธรภูมิ
แม้แต่ในความฝันคำพูดเหล่านั้นยังตามมาหลอกหลอนเธอ นาราตื่นมาน้ำตานอง หลังมือน้อยเช็ดน้ำตาตัวเอง เธอสัญญากับตนว่าจะไม่ร้องไห้กับเรื่องพรรคนี้อีกแล้ว ก็แค่ปากคน ใครจะพูดอะไรก็ได้ ไม่ควรที่เธอจะเก็บนำมาใส่ใจ
หญิงสาวเดินออกมาจากห้อง ตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าไปทำกับข้าวช่วยแม่สักหน่อย ทว่าพอเดินเข้ามาในครัว กลับได้ยินเสียงรถเคลื่อนเข้ามาในบ้าน บ้านของเธอยังไม่ปิดประตู
ร่างบางเดินออกไปดู แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นนายหัวของธรภูมิเดินย่างสามขุมเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวตรงมาหานาราที่กำลังยืนค้างอยู่
“ใครบอกให้เธอกลับบ้าน” เขาคว้าแขนเธอ บีบมันจนแน่น นาราเจ็บไปทั้งแขน เธอได้แต่จับมือใหญ่ไว้
“นาคเจ็บ! นี่คุณจะทำอะไร”
“ใครสั่งให้เธอมา” เขาเอ่ยเสียงไม่พอใจใส่ ซึ่งนาราก็โกรธเช่นเดียวกัน
“ฉันจะกลับบ้านมันจะทำไม พรุ่งนี้ก็จะกลับไปทำงานเหมือนเดิมแล้ว ทำไมคุณต้องว่าด้วย”
“แต่ฉันไม่อนุญาต กลับไร่เดี๋ยวนี้!”“ไม่ ปล่อย!” นารายื้อแขนตัวเองไว้ ไม่ยอมไปกับเขา ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องลากเธอกลับไปด้วย กลับไปแล้วทำไม กลับไปเพื่อนอนกับเขาเหรอ อยากขนาดนั้นเลย ทำไมไม่ไปซื้อกินล่ะ!
“นี่มันอะไรกันลูก!” ประพาที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของลูกสาวและเสียงทุ้มใหญ่น่าเกรงของใครบางคน เธอจึงรีบออกมา ผู้เป็นมารดาตกใจอย่างมากเมื่อเห็นนายหัวของไร่กระชากแขนลูกสาวตัวเอง
“มีอะไรหรือเปล่าคะนายหัว” ถึงรังสีอันน่ากลัวจะแผ่กระจายออกมาจากชายหนุ่มมากเพียงใด ทว่าเพื่อลูกสาวประพาจึงทำใจกล้าเอ่ยออกไป สิงหราชปรายตามอง เสียงที่ออกมายังคงแข็งกระด้าง
“ผมมาตามคนงานกลับ ขอโทษที่รบกวน”
“แต่ยัยหนูบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้นะคะ” เธอรีบขัด “เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฉันจะปลุกแกแต่เช้า ยังไงคุณสิงให้แกนอนที่นี่เถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวแกก็กลับเอง”
ใจของประพาแทบตกลงไปยังตาตุ่มเมื่อสิงหราชเอ่ยว่า
“ไม่” ดวงตาสีน้ำตาลมองกดดันคนตัวเล็ก
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้!”
“แต่คุณ”
“อื้อ”
ไม่ทันแล้ว ไม่ทันให้เธอได้ค้านอะไร เขาก็ลากขึ้นมาบนรถปิดประตูดังปัง เพราะรู้อยู่แก่ใจว่านายหัวของไร่เป็นยังไง และเขาต้องเอาตัวเธอกลับบ้านให้ได้ เพราะแบบนั้นนาราจึงขอเก็บของก่อน เธอดีใจมากที่เขาอนุญาต หญิงสาวรีบเก็บสัมภาระตัวเอง ก่อนจะมานั่งหน้ามุ่ยเป็นตุ๊กตาหน้ารถของเขาอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อคืนนายหัวของไร่พาเธอไปนอนด้วยทั้งคืน แถมเขายังกอดเธอแน่นไม่ให้ไปไหน กระทั่งนาราหลับไปอีกทีตอนเช้า ตอนนี้หญิงสาวตื่นขึ้นมาแล้ว พอมองในห้องกลับไม่พบผู้ใด
ทำยังไงดีล่ะเนี่ย เธอยังนอนอยู่ในห้องเขา ทุกคนไม่เอาไปนินทาหนักเลยเหรอ หญิงสาวคิดอย่างหนักใจ แต่อีกใจก็คิดว่าช่างเถอะในเมื่อทุกคนรู้เรื่องนี้แล้ว ซ้ำยังเอาเธอไปนินทาไม่เว้นวัน นาราต้องมีอะไรให้เสียอีก เธอเพียงรอ รอสักวันจะออกไปจากที่นี่ ทว่าไม่รู้เมื่อไหร่เท่านั้นเอง
หลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย หญิงสาวก็ออกมาจากห้อง ทว่าจากที่เคยคิดว่าสิงหราชไปทำงานแล้ว เขากลับนั่งทานข้าวต้มอยู่เงียบๆ โดยมีป้านงรักยืนอยู่ข้างๆ
นารารีบก้มหน้าหลบด้วยความกระดากอาย เธอรู้สึกราวกับว่าตนเป็นหญิงหน้าด้านเข้ามานอนในบ้านผู้ชาย ตื่นเช้าขึ้นมาเจอคนในบ้านนั้น ซ้ำเธอยังตื่นสายอันเป็นสาเหตุพาลให้คิดไปไกลอีก
“ตื่นแล้วเหรอคะ เอาข้าวต้มร้อนๆมั้ย” นงรักเอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวตัวเล็ก ใบหน้าสวยทำหน้าเกรงใจอย่างน่าเอ็นดู
“ไม่ดีกว่าค่ะ” ทว่าตรงข้ามกับนาราที่อายแทบแทรกแผ่นดินหนี เธอเดินตรงไปที่บันไดโดยทันที ไม่กินแล้วข้าวอายขนาดนี้
“มานั่ง” ทว่าก่อนที่จะได้เดินไป เสียงทุ้มใหญ่ของคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะเรียกเธอไว้ นาราจำใจหันไปมองทางเดิม ทว่าเธอไม่ได้เดินเข้าไปใกล้
“นาคต้องรีบไปทำงานค่ะ วันนี้ต้องไปเก็บส้มด้วย” หญิงสาวเอ่ยไม่มองหน้าเขา
“ไม่ต้องทำ เธอต้องไปกับฉัน”
“กับคุณ?”
สายตาคมปราดมองทางเธอ ทำเอานาราต้องรีบหลบสายตาคมดุนั่น บอกตามตรงเธอไม่อยากไปกับเขาเลย เพราะการที่ไปไหนมาไหนกับนายหัวใหญ่ เจ้าของพื้นที่เกือบห้าพันไร่นั้นมักได้รับการจับตามองเสมอ ที่ผ่านมาเธอหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดต่อหน้าผู้คนกับสิงหราชมาโดยตลอด มันเลยทำให้นาราลำบากใจจนอยู่ไม่สุข
“แต่ฉันไม่อยากไป ไม่ไปไม่ได้เหรอคะ” เธอขอร้อง เพราะไม่อยากไปจริงๆ ทว่าได้รับการปฏิเสธหนักแน่นกลับมา
“ไม่ เธอไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่งฉัน ไปแต่งตัว ฉันจะพาไปท้ายไร่”
นาราคอตก เธออยากเอ่ยอะไรมากกว่าจำยอม แต่รู้ดีว่าไม่ว่าจะพูดยังไง คนเอาแต่ใจอย่างเขาไม่มีทางยอมหรอก เพราะแบบนั้นจึงต้องรับสภาพไปกับเขาในที่สุด
แสงสีไฟเผาไหม้ในตานายหัวสิงหราชผู้แข็งแรงไม่เคยกลัวสิ่งใด ทว่าตอนนี้เขาวิ่งพล่านไปทั่วเพื่อหาใครสักคนทั้งตะโกน เรียกหา ไม่กลัวว่าตนจะถูกเผาไหม้เลยสักนิด ได้ยินเสียงเรียกตัวเอง นาราหยุดขาที่กำลังวิ่งอยู่ไว้ ใช่ เธอเห็นว่าไฟไหม้อย่างน่ากลัว แผดเผาทุกสิ่งทำให้เธอและโจรหนุ่มที่มาด้วยวิ่งลงมายังลาดเขา ในตอนแรกยอมรับว่าเสียงปืนที่กำลังได้ยินทำให้อยากขึ้นไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ที่สำคัญจะมีสิงหราชอยู่ที่นั่นมั้ย เธออยากไปช่วย ทว่าถ้าทำแบบนั้นโจรหนุ่มจะต้องสงสัยเธออย่างแน่นอน และถ้าเขาโกรธขึ้นมามันอาจฆ่าเธอทิ้ง คราวนี้คงไม่มีโอกาสเจอกับสิงหราชของจริง นาราจึงต้องจำใจเดินตามมันมา ก่อนจะหยุดเมื่อได้ยินเสียงเรียกตัวเอง มันเป็นเสียงของสิงหราช เขามาช่วยเธอ เพียงวินาทีนั้นความอุ่นซ่านจากที่ไหนไม่รู้แผ่เข้ามาที่หัวใจอย่างมากมายมหาศาล เธอคิดว่าตอนนี้เขาจะอยู่กับแฟนเก่าซะอีก เขากลับมาหาเธอทั้งที่จะปล่อยให้ตายก็ได้ “นิ่งทำไมน้องนาค ไฟไหม้อยู่นะ” ใบหน้าของชนตรีแสดงความเครียดขรึม ยิ่งเห็นหญิงสาวทำหน้ากังวลเขายิ่งใจไม่ดี อย่าบอกนะว่าได้ยินเสียงคนเรียกแล้วจะใจอ่อ
“มันเรียกคนมาอีกแน่” ไกรพบที่อาการเจ็บยังไม่หายขาดจากการถูกยิงในครั้งนั้น กำกระบอกปืนแน่น หลังจากที่เขาได้รับการติดต่อมาจากสิงหราช ชายหนุ่มก็รีบมาทันที ตอนนี้รู้แล้วว่าสิงหราชกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ แล้วมันจะไม่หายไปนอกเสียจากว่าจะมีใครตายกันไปข้างหนึ่ง “อืม” เสียงทุ้มครางรับ เห็นหน้าที่เงียบขรึมของนายหัวหนุ่มแล้ว นายตำรวจหนุ่มก็รู้สึกไม่ดี เขารู้ว่าความสัมพันธ์ของเพื่อนกับหญิงสาวอีกคนนั้นไม่ราบรื่นเลย อีกทั้งช่วงหลังมานี้ยังมีแฟนเก่าอย่างดาราเข้ามาพัวพัน เส้นสัมพันธ์ยุ่งเหยิงจนแก้ไม่ได้ แต่ที่เขายังแปลกใจคือทำไมเพื่อนไม่หาทางแก้สักที มันไม่เคยมีใคร ไม่เคยให้ใครเข้ามาเป็นนายหญิงในไร่ สามปีมานี้คนที่มีความสัมพันธ์ด้วยจริงๆคือนาราคนเดียว ถ้าจะมีคนอื่นบ้างทว่านั้นไม่ใช่ความจริงลือกันไปทั้งนั้น เขาเป็นเพื่อนมันทำไมจะไม่รู้ แต่ที่ไม่รู้คือทำไมไม่เปิดตัวนารา รักขนาดนั้นแต่งเป็นเมียได้แล้วมั้ง จะรออะไรอยู่อีก เห็นมั้ยรอก็มีแต่เรื่องแย่ๆลง จนตอนนี้เมียมันโดนจับตัวไปแล้ว สงสารก็สงสาร สมน้ำหน้าก็สมน้ำหน้า ทว่าพอเห็นหน้าคิดมากจนเครียดของเพื่อนแล้ว เขาสงสารม
"หิวน้ำ" เธอตัดสินใจเรียกออกไป และดูเหมือนว่าเพียงได้ยินเสียงเธอ พวกด้านนอกหยุดการสนทนากัน ต่อเนื่องด้วยมีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เป็นคนที่เธอคิดไว้ "อะไร" เสียงของร่างกำยำดูแข็งกระด้าง ชายตรงหน้าเป็นผู้ชายผิวคล้ำ แห้งกร้าน บอกว่าผ่านการผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างหนัก ทว่าด้วยความที่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นอยู่ทำให้ไม่แก่เกินไปนัก เพียงชายคนนี้เข้ามานาราร้องไห้เงียบๆ ก้มหน้าลงกับเข่าตัวเอง เสื้อเชิ้ตอันเป็นผลจากกระดุมถูกแหวกก่อนหน้าเผยให้เห็นเนินอกขาวผ่อง และลาดไหล่เรียวสวย ภาพตรงหน้าถ้าผู้ชายที่ชอบของสวยๆงามๆย่อมคิดว่าน่ารังแกเหลือเกิน ในความคิดของชายชาตรีนั้นในตอนที่สตรีเปลือยเปล่าให้เห็นถึงเนื้อหนัง และอยู่ในช่วงอ่อนแออย่างหนักช่างน่าปลอบประโลมเกินทน น่านำมากอดให้คลายความเหน็บหนาว ใช่ ชนตรีคิดแบบนั้น ถึงเขาจะเป็นโจรและผ่านสมรภูมิเรื่องเลวร้ายมามากมาย ทว่าสำหรับผู้ชายอย่างเขา ผู้หญิงยังมีอิทธิพลอยู่มากโข แค่เห็นพวกเธอสวย ตรงนั้นก็แข็งแล้ว อย่างเช่นผู้หญิงตรงหน้าตอนนี้ที่ทำให้เขาแข็งและสงสารในเวลาเดียวกัน โธ่ แม่คุณ คงช้
"นายหัว!" ตอนนี้ประพาทุกข์ใจเหลือเกิน ตั้งแต่นารารู้ความจริงว่าเธอปิดบังเรื่องหนี้สิน เจ้าตัวก็หายไป เธอออกตามหาแล้วทว่าไม่เจอลูกเลย ออกตามหาทั่วหมู่บ้านก็ไม่พบตอนนี้ประไพไม่รู้จะทำยังไงแล้ว "เกิดอะไรขึ้น" อกด้านซ้ายสั่นไหวไม่น้อย เพียงได้ยินชื่อของใครบางคนหัวใจก็ราวกับโดนกระชากออกมา "นาคหายตัวไปค่ะ เธอรู้เรื่องหนี้แล้วว่าฉันไม่ได้เป็นคนก่อหนี้เอง แต่เป็นญาติที่สร้างไว้ แกรู้ แกเลยหายไป" เกิดความเงียบขึ้นทั่วบริเวณ การเป็นหนี้ของครอบครัวนารา เขารู้ว่าไม่ได้เกิดจากพ่อและแม่ของเธอ แต่เกิดจากตาและยายและญาติคนอื่นๆ เขารู้เรื่องนี้หลังจากที่เธอทำงานได้ไม่นาน แต่ที่กักเก็บไว้ก็เพราะสาเหตุส่วนตัว แต่วันนี้ นารารู้มันแล้ว คงเสียใจมาก ถึงได้หนีไป แต่จะหนีไปไหนเล่า หรือว่าไม่ได้หนี แต่มีคนจับตัวไป ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นบีบคั้นตรงอก ทว่าความปวดหนึบนั้นไม่ได้น่าให้ความสนใจกับฝีเท้าที่รีบวิ่งออกไปสุดแรง ทว่าก่อนออกตามหาคนตัวเล็ก สิงหราชโทรไปหาใครคนหนึ่งและเพียงคนปลายสายรับ ไม่ลังเลกรอกเสียงลงไป [นาคหายไป กูอยากให
“พ่อแม่หลอกหนูอยู่เหรอคะ” นัยน์ตาของนาราเลื่อนลอย ความปวดหนึบบีบรัดช่วงอกจนเจ็บไปหมด ไม่นึกเลยว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ ทุกความตั้งใจของเธอ หยาดเหงื่อแรงกายของเธอ กำลังถูกคนอื่นกัดกิน และดูดดื่มอย่างหื่นกระหาย พวกเขาทำได้ยังไง รวมถึงพ่อกับแม่เธอด้วย! “แม่ทำแบบนี้ทำไม แม่ยังเห็นหนูเป็นลูกอยู่มั้ย” เธอกำลังมีอนาคตที่ดี แต่ต้องกลับมาที่นี่ กลับมาเพื่อโดนคนนินทาว่าร้ายว่าเป็นนางบำเรอชั้นต่ำให้นายหัวปลดปล่อยความใคร่ไปวันๆ เธอโดนแบบนั้นแทบทุกวัน สายตาที่มองมาเหยียดหยามด้วยความสงสัย แม่และพ่อของเธอเคยรู้บ้างมั้ยว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน “นาค” ประพาเอ่ยเสียงเครือ รู้ดีว่าลูกของเธอรู้สึกยังไง แต่เธอไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องนี้แบบไหนเหมือนกัน ประพาโดนขู่ โดนตราหน้าว่าไม่รักพ่อแม่ พ่อตายจากไปแล้วก็ยังไม่มาดูดำดูดี ด้วยบ่วงนั้นทำให้เธอไม่ไปไหน จมกับความรู้สึกผิด ดำดิ่งหาทางออกไม่เจอ จนกระทั่งแม่ของเธอบอกว่าจะยกโทษให้ถ้ายอมใช้หนี้ให้กัน ประพาจึงรีบคว้าโอกาสไว้ หวังเพียงว่านั่นจะเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถทดแทนพระคุณมารดาได้ ทว่าเธอลืมนึกไปว่านาราก็มีหัวใจ เด็กคนหนึ่งโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าโ
นารากลืนก้อนเหนียวหนืดขนาดใหญ่ลงในคอ มองลึกเข้าไปในดวงตาดุดันของเขา ดวงตานี้เพียงใช้ปราดมองใครสักคน ทุกคนเป็นอันต้องหลบสายตา บ้างก็หลงใหลมัน เธอมองมันมาหลายครั้ง ทว่าไม่เคยมีครั้งไหนเจ็บปวดใจเท่าครั้งนี้ “ฉันอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองค่ะ และมันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากไปอยู่ในที่ที่ดีกว่านี้ ไม่อยากอยู่กับป่ากับเขา” เกลียดเหลือเกินที่ตัวเองยิ้มทั้งๆที่กำลังโกหกออกมา “น่าเบื่อใช่มั้ยล่ะคะ ฉันก็เบื่อมันมากเหมือนกัน นับวันรอ รอจะได้ไป ไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่” ใครบอกเธอชอบที่นี่มากต่างหาก “ถ้าได้ไปคงมีความสุข ทีนี้นายหัวพอจะเข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าฉันต้องการอะไร” นาราลุกขึ้น เพราะรู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าวจนกลัวมันไหลออกมา ใช่ แล้วเธอจะร้องไห้ทำไม ในเมื่ออยากไปจากเขาเอง “หวังว่าคุณจะอ่านสัญญานี้ให้ถี่ถ้วน แล้วเซ็นมันให้ฉันนะคะ ขอบคุณมากค่ะ” สองเท้าเดินออกมาด้วยความรวดเร็ว มันเร็วเสียจนหญิงสาวจะล้ม คงเกลียดที่นี่มากสินะ ทว่าร่างบางไม่รู้เลยว่าหลังจากเธอไปแล้ว คนที่โดนพูดอะไรก็ไม่รู้ใส่นั้นนิ่งไปราวกั