แต่ตอนนี้เธอได้มันมา แลกกับศักดิ์ศรีที่เสียไป...
“หนูอยากมานอนที่นี่น่ะค่ะ สักคืนก็ยังดี” นาราเดินเข้าไปกอดแม่ ใบหน้าซบลงกับหัวไหล่ ปลดปล่อยความเหนื่อยล้าที่มี
“เหนื่อยมั้ยลูก” ประพาตบบ่าลูกสาว เธอรู้ว่าลูกสาวคนนี้ต้องเสียสละขนาดไหน เสียสละจนแม่อย่างเธอรู้สึกผิด
“เหนื่อยก็เหนื่อยอยู่หรอกค่ะ แต่ได้กลับมาเห็นหน้าพ่อกับแม่ก็หายเหนื่อยแล้ว” นาราหลับตาลงอีกครั้ง ถึงจะเหนื่อยล้าอย่างที่พูดก็จริง ทว่าพอได้เห็นหน้ามารดาและบิดาของเธอ ความเมื่อยล้าเหล่านั้นก็เหมือนหายเป็นปลิดทิ้ง
“งั้นตอนเย็นแม่ทำน้ำพริงอ่องให้กินดีมั้ย” นาราพยักหน้าหงึกหงัก เพราะนั่นเป็นอาหารเหนือของโปรดเธอเลย ในความรู้สึกเธอแม่ทำมันอร่อยที่สุด
“ว่าแต่” ประพาที่กำลังผละออกไปเพื่อไปทำน้ำพริกของโปรดให้ลูกสาว ต้องหันกลับมาเอ่ยอย่างหนึ่ง
“แล้ว เอ่อ นายหัวว่ายังไงบ้าง ลูกขอเขาแล้วใช่มั้ย” ไม่ใช่ประพาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะคนในหมู่บ้านพูดเรื่องลูกสาวของเธอ มันแพร่สะพัดมาใส่หูประพาเสียเอง ยอมรับว่าตอนแรกเธอทำใจไม่ได้ ร้องไห้สงสารลูกสาว ทว่าเหมือนนาราจะเข้มแข็งกว่าที่คิด เพราะหญิงสาวไม่ปริปากอะไรเลย ทำราวกับเรื่องพวกนั้นเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านไป
“เกี่ยวอะไรกับเขาล่ะคะ พรุ่งนี้หนูก็กลับไปทำงานตามเดิม เขาจะว่าอะไรหนูได้ล่ะ” นาราย่นคิ้ว พรุ่งนี้เธอไม่ได้จะไปทำงานสายเสียหน่อย
“แต่เขาไม่ว่าเอาเหรอลูก ลูกบอกคุณเขารึยัง” บอกตามตรงว่าไม่สบายใจ เพราะครั้งนั้นนาราก็มานอนบ้านอย่างนี้ ทว่าไม่นานนายหัวของธรภูมิก็มาลากตัวกลับไป ประพาไม่รู้ว่าลูกสาวเธอกับสิงหราชลึกซึ้งถึงขั้นไหนกัน แต่เธอไม่อยากมีปัญหาอยู่ดี ทว่าเหมือนคนเป็นลูกสาวไม่สนใจเลย
“แม่คิดว่าหนูจะกลัวรึไง ลองเขากล้าว่าอะไรหนูสิ หนูจะตอกเขากลับไปเลย แม่อย่าพูดถึงคนคนนั้นเลยหนูไม่อยากนึกถึง” ป่านนี้เขาขึ้นสวรรค์ไปถึงไหนแล้ว ทำไมเธอต้องมาคิดให้ขุ่นเคืองใจด้วย
“จ้ะ” ประพาเห็นลูกหน้านิ่งแบบนั้น เธอก็ไม่มีอะไรกล้าถาม เพราะงั้นหญิงสูงวัยจึงเดินเข้าไปในครัว เพื่อทำของโปรดให้ลูกสาวทาน
นารากลับมาที่รถ แล้วเธอก็ต้องพบว่าผักที่นงรักเอามาให้นั้นมีมากจนเธอกินไม่หมด เพราะแบบนั้นหญิงสาวจึงตัดสินใจขับรถไปที่บ้านอีกหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่หน้าหมู่บ้าน
มาถึง เท้าภายใต้รองเท้าผ้าใบแตะขาตั้งมอเตอร์ไซค์ขึ้น นารานำผักที่เอามาด้วยมาถือ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านปูนสองชั้นขนาดใหญ่ของคนมีอันจะกิน
“ป้าธัญญาสวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้พี่สาวแม่เธอ ธัญญาเป็นสาธารณสุขโรงพยาบาลประจำตำบลหมู่บ้านนี้ หญิงสาวเป็นป้าแท้ๆของเธอ
ยายของนารามีลูกอยู่ห้าคน คนโตเป็นผู้ชายนามว่าพงศักดิ์ มีอาชีพเป็นนายตำรวจที่ประจำอยู่สถานีอำเภอบ้านไร่ อีกคนคือนางรอง ลูกสาวที่แต่งงานไปอยู่กินกับสามีชาวต่างชาติและย้ายไปอยู่กรุงเทพตั้งแต่อายุยี่สิบปี และคนนี้ป้าธัญญาทำงานอยู่ที่บ้าน ต่อมาคือชวนชมป้าอีกคนของเธอที่ตอนนี้เปิดร้านเสริมสวยอยู่ในเมือง และคนสุดท้องประพา แม่เธอเองมีอาชีพทำไร่ทำสวนและขายของประกอบกันไปด้วย
“ว่าไงจ๊ะ ไปทำงานในไร่สนุกหรือเปล่า ได้เงินมาเท่าไหร่ล่ะ อ้อ ลืมไป ไปใช้หนี้เขานี่”
นาราถอนหายใจ เพราะมาทีไรก็เจอแต่ประโยคประมาณนี้จากผู้เป็นป้าทุกที ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผู้ใหญ่ต้องคอยถามถึงหน้าที่การงานตลอดเวลา จากนั้นก็จะกัดแซะไปเรื่อยตามระเบียบ มีน้อยมากที่จะให้กำลังใจ
“พี่เหมียวไม่อยู่เหรอคะ” นาราไม่ตอบแต่ถามถึงลูกสาวของธัญญาที่ทำงานเป็นข้าราชการในจังหวัดแทน หญิงวัยป้าฟึดฟัดเล็กน้อยแต่ก็ยอมตอบ
“ยัยเหมียวไปงานวันเกิดเพื่อนจ้ะ เห็นบอกว่าเขาเปิดร้านอาหารในเมืองเลยเลี้ยง ยัยเหมียวเขามีสังคม เขาไม่ชอบอยู่บ้านหรอก นี่ก็มีหนุ่มมาจีบตั้งเยอะนะ คนหนึ่งเป็นถึงผอโรงเรียน คนหนึ่งก็เป็นนายตำรวจ มันไม่รู้จะเลือกใคร บอกว่าอยากอยู่แบบโสดๆไปก่อน สวยมีงานทำก็แบบนี้แหละเลือกได้”
นารากลอกตามองบนเล็กน้อย ไม่เข้าใจทำไมเอาแต่พูดให้เธอฟัง แต่เอาเถอะ นาราไม่สนใจมากนัก เพราะพวกผู้ใหญ่ก็มักอวดไปตามระเบียบ ถึงเธอจะคิดว่าไม่มีอะไรสร้างสรรค์ให้พูดนอกจากเรื่องนี้เลยเหรอ
“เลือกสักคนก็ดีนะคะ พี่เหมียวก็จะสามสิบแล้ว สวยขนาดนั้นถ้าไม่มีใครคงเหงาแย่” แกล้งๆพูดไปงั้น นาราเดินเข้าไปในบ้าน มายืนอยู่ตรงหน้าคนที่ตอนนี้อายุย่างเข้าเก้าสิบปี
“คุณยาย สวัสดีค่ะ” นั่งพับเพียงตรงหน้าหญิงชราร่างผอมเพรียว ยังเหมือนเดิมที่เห็นเธอ ยายมักจะแสดงความเย็นชาเล็กน้อยออกมาเสมอ อาจเป็นเพราะเรื่องราวบาดหมางในอดีตที่เธอไม่รู้รายละเอียดทำให้ย่ากระทำต่อเธอไม่เหมือนหลานคนอื่น โดยเนื้อแท้แล้วนาราไม่ค่อยสนใจใครทั้งนั้น แต่กับยายแม่บอกให้ดีกับท่านไว้
“หนูเอาผักมาให้ เดี๋ยวเอาไปไว้ในครัวให้นะคะ” นาราลุกขึ้นเอามันไปเก็บ ก่อนจะมานั่งอยู่ใกล้ผู้เป็นยาย แม่ของมารดาไม่มีอะไรพูดกับเธอ เพราะแบบนั้นนาราจึงชวนคุยสองสามประโยค ก่อนลุกออกมา
“ไปอยู่นู่นอ้วนพีเชียวนะ เป็นยังไงบ้างเขาเลี้ยงดีล่ะสิ” แต่เธอคงหนีเรื่องไม่ชอบใจไม่พ้น เพียงเดินออกมาจากหน้าบ้านที่มีอันจะกินสุดในหมู่บ้านนี้ ก็ไม่วายโดนคนเป็นป้าอยากคุยด้วย
“หนูก็กินอย่างที่คนงานกินนั่นแหละค่ะ กับข้าวก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ” นาราตอบ เดินตรงไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง
ธัญญายิ้มหมั่นไส้ที่เหมือนหลานสาวหลีกเลี่ยงคำถามเธอ แต่อย่าหวังว่าเธอจะปล่อยไป เพราะตระกูลนี้ต้องมีหน้ามีตาเท่านั้น และคนที่จะมีสามีที่ดีต้องเป็นลูกสาวของเธอ ใครจะมาแซงหน้าลูกเธอเป็นไม่ได้ แต่เธอลืมไปว่ายังไงหลานสาวคนนี้ก็เป็นได้แค่อีตัวบนเตียงของนายหัวธรภูมิ! เพราะแบบนั้นอีธัญญาคนนี้จะกลัวอะไร๊
หญิงแก่ซ่อนรอยยิ้มร้าย “แหม ใช่เหรอ ไม่ใช่นายหัวเลี้ยงดีหรอกเหรอถึงได้มีน้ำมีนวลขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าหลังจากกินข้าวกันแล้วก็กินอย่างอื่นกันต่อ ระวังน้า เป็นของเล่นเขา สักวันจะโดนเขี่ยทิ้งเอา”
ร่างบางพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ยอมรับว่าเธอโกรธมากที่ได้ยินคำพูดที่ไม่มีมารยาทและกล้าพูดกับคนอื่นอย่างตรงๆ ไม่ได้แรงแต่ไม่มีมารยาททางสังคมที่ควรกระทำกัน สงสัยว่าเธอไปทำอะไรให้ผู้เป็นป้าโกรธนักหนา ถึงได้กระแนะกระแหนกันไม่หยุด แต่อย่างว่าเธอถือคติมีความสุขแล้วทุกอย่างจะชนะ เพราะแบบนั้นนาราจึงเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ผู้เป็นป้าตอกกลับไป
“ไม่รู้สินะคะ ตอนนี้นายหัวหลงหนูมากเลย ไม่รู้เขาจะเบื่อเมื่อไหร่ ไม่แน่นานๆไปหนูอาจจะเป็นนายหญิงของไร่ธรภูมิก็ได้ ใครจะไปรู้”
นารายิ้มปิดท้าย ก่อนสตาร์ทมอเตอร์ขับออกมา ปล่อยให้ธัญญากำมือแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยว โกรธมาก โกรธที่นังเด็กคนนี้กล้าต่อกรกับเธอ ทั้งๆที่มันเป็นแค่หลานนอกคอกเท่านั้น อยู่นอกสายตาของตากับยายมาโดยตลอด นังเด็กไม่รักดี!
แต่อย่าหวังเลย เพราะธัญญาจะขัดขวางมันทุกวิถีทาง เธอจะไม่ยอมให้ใครมาแซงหน้าลูกสาวเธอเด็ดขาด ธัญญาต้องเป็นใหญ่ในตระกูลนี้
แสงสีไฟเผาไหม้ในตานายหัวสิงหราชผู้แข็งแรงไม่เคยกลัวสิ่งใด ทว่าตอนนี้เขาวิ่งพล่านไปทั่วเพื่อหาใครสักคนทั้งตะโกน เรียกหา ไม่กลัวว่าตนจะถูกเผาไหม้เลยสักนิด ได้ยินเสียงเรียกตัวเอง นาราหยุดขาที่กำลังวิ่งอยู่ไว้ ใช่ เธอเห็นว่าไฟไหม้อย่างน่ากลัว แผดเผาทุกสิ่งทำให้เธอและโจรหนุ่มที่มาด้วยวิ่งลงมายังลาดเขา ในตอนแรกยอมรับว่าเสียงปืนที่กำลังได้ยินทำให้อยากขึ้นไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ที่สำคัญจะมีสิงหราชอยู่ที่นั่นมั้ย เธออยากไปช่วย ทว่าถ้าทำแบบนั้นโจรหนุ่มจะต้องสงสัยเธออย่างแน่นอน และถ้าเขาโกรธขึ้นมามันอาจฆ่าเธอทิ้ง คราวนี้คงไม่มีโอกาสเจอกับสิงหราชของจริง นาราจึงต้องจำใจเดินตามมันมา ก่อนจะหยุดเมื่อได้ยินเสียงเรียกตัวเอง มันเป็นเสียงของสิงหราช เขามาช่วยเธอ เพียงวินาทีนั้นความอุ่นซ่านจากที่ไหนไม่รู้แผ่เข้ามาที่หัวใจอย่างมากมายมหาศาล เธอคิดว่าตอนนี้เขาจะอยู่กับแฟนเก่าซะอีก เขากลับมาหาเธอทั้งที่จะปล่อยให้ตายก็ได้ “นิ่งทำไมน้องนาค ไฟไหม้อยู่นะ” ใบหน้าของชนตรีแสดงความเครียดขรึม ยิ่งเห็นหญิงสาวทำหน้ากังวลเขายิ่งใจไม่ดี อย่าบอกนะว่าได้ยินเสียงคนเรียกแล้วจะใจอ่อ
“มันเรียกคนมาอีกแน่” ไกรพบที่อาการเจ็บยังไม่หายขาดจากการถูกยิงในครั้งนั้น กำกระบอกปืนแน่น หลังจากที่เขาได้รับการติดต่อมาจากสิงหราช ชายหนุ่มก็รีบมาทันที ตอนนี้รู้แล้วว่าสิงหราชกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ แล้วมันจะไม่หายไปนอกเสียจากว่าจะมีใครตายกันไปข้างหนึ่ง “อืม” เสียงทุ้มครางรับ เห็นหน้าที่เงียบขรึมของนายหัวหนุ่มแล้ว นายตำรวจหนุ่มก็รู้สึกไม่ดี เขารู้ว่าความสัมพันธ์ของเพื่อนกับหญิงสาวอีกคนนั้นไม่ราบรื่นเลย อีกทั้งช่วงหลังมานี้ยังมีแฟนเก่าอย่างดาราเข้ามาพัวพัน เส้นสัมพันธ์ยุ่งเหยิงจนแก้ไม่ได้ แต่ที่เขายังแปลกใจคือทำไมเพื่อนไม่หาทางแก้สักที มันไม่เคยมีใคร ไม่เคยให้ใครเข้ามาเป็นนายหญิงในไร่ สามปีมานี้คนที่มีความสัมพันธ์ด้วยจริงๆคือนาราคนเดียว ถ้าจะมีคนอื่นบ้างทว่านั้นไม่ใช่ความจริงลือกันไปทั้งนั้น เขาเป็นเพื่อนมันทำไมจะไม่รู้ แต่ที่ไม่รู้คือทำไมไม่เปิดตัวนารา รักขนาดนั้นแต่งเป็นเมียได้แล้วมั้ง จะรออะไรอยู่อีก เห็นมั้ยรอก็มีแต่เรื่องแย่ๆลง จนตอนนี้เมียมันโดนจับตัวไปแล้ว สงสารก็สงสาร สมน้ำหน้าก็สมน้ำหน้า ทว่าพอเห็นหน้าคิดมากจนเครียดของเพื่อนแล้ว เขาสงสารม
"หิวน้ำ" เธอตัดสินใจเรียกออกไป และดูเหมือนว่าเพียงได้ยินเสียงเธอ พวกด้านนอกหยุดการสนทนากัน ต่อเนื่องด้วยมีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เป็นคนที่เธอคิดไว้ "อะไร" เสียงของร่างกำยำดูแข็งกระด้าง ชายตรงหน้าเป็นผู้ชายผิวคล้ำ แห้งกร้าน บอกว่าผ่านการผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างหนัก ทว่าด้วยความที่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นอยู่ทำให้ไม่แก่เกินไปนัก เพียงชายคนนี้เข้ามานาราร้องไห้เงียบๆ ก้มหน้าลงกับเข่าตัวเอง เสื้อเชิ้ตอันเป็นผลจากกระดุมถูกแหวกก่อนหน้าเผยให้เห็นเนินอกขาวผ่อง และลาดไหล่เรียวสวย ภาพตรงหน้าถ้าผู้ชายที่ชอบของสวยๆงามๆย่อมคิดว่าน่ารังแกเหลือเกิน ในความคิดของชายชาตรีนั้นในตอนที่สตรีเปลือยเปล่าให้เห็นถึงเนื้อหนัง และอยู่ในช่วงอ่อนแออย่างหนักช่างน่าปลอบประโลมเกินทน น่านำมากอดให้คลายความเหน็บหนาว ใช่ ชนตรีคิดแบบนั้น ถึงเขาจะเป็นโจรและผ่านสมรภูมิเรื่องเลวร้ายมามากมาย ทว่าสำหรับผู้ชายอย่างเขา ผู้หญิงยังมีอิทธิพลอยู่มากโข แค่เห็นพวกเธอสวย ตรงนั้นก็แข็งแล้ว อย่างเช่นผู้หญิงตรงหน้าตอนนี้ที่ทำให้เขาแข็งและสงสารในเวลาเดียวกัน โธ่ แม่คุณ คงช้
"นายหัว!" ตอนนี้ประพาทุกข์ใจเหลือเกิน ตั้งแต่นารารู้ความจริงว่าเธอปิดบังเรื่องหนี้สิน เจ้าตัวก็หายไป เธอออกตามหาแล้วทว่าไม่เจอลูกเลย ออกตามหาทั่วหมู่บ้านก็ไม่พบตอนนี้ประไพไม่รู้จะทำยังไงแล้ว "เกิดอะไรขึ้น" อกด้านซ้ายสั่นไหวไม่น้อย เพียงได้ยินชื่อของใครบางคนหัวใจก็ราวกับโดนกระชากออกมา "นาคหายตัวไปค่ะ เธอรู้เรื่องหนี้แล้วว่าฉันไม่ได้เป็นคนก่อหนี้เอง แต่เป็นญาติที่สร้างไว้ แกรู้ แกเลยหายไป" เกิดความเงียบขึ้นทั่วบริเวณ การเป็นหนี้ของครอบครัวนารา เขารู้ว่าไม่ได้เกิดจากพ่อและแม่ของเธอ แต่เกิดจากตาและยายและญาติคนอื่นๆ เขารู้เรื่องนี้หลังจากที่เธอทำงานได้ไม่นาน แต่ที่กักเก็บไว้ก็เพราะสาเหตุส่วนตัว แต่วันนี้ นารารู้มันแล้ว คงเสียใจมาก ถึงได้หนีไป แต่จะหนีไปไหนเล่า หรือว่าไม่ได้หนี แต่มีคนจับตัวไป ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นบีบคั้นตรงอก ทว่าความปวดหนึบนั้นไม่ได้น่าให้ความสนใจกับฝีเท้าที่รีบวิ่งออกไปสุดแรง ทว่าก่อนออกตามหาคนตัวเล็ก สิงหราชโทรไปหาใครคนหนึ่งและเพียงคนปลายสายรับ ไม่ลังเลกรอกเสียงลงไป [นาคหายไป กูอยากให
“พ่อแม่หลอกหนูอยู่เหรอคะ” นัยน์ตาของนาราเลื่อนลอย ความปวดหนึบบีบรัดช่วงอกจนเจ็บไปหมด ไม่นึกเลยว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ ทุกความตั้งใจของเธอ หยาดเหงื่อแรงกายของเธอ กำลังถูกคนอื่นกัดกิน และดูดดื่มอย่างหื่นกระหาย พวกเขาทำได้ยังไง รวมถึงพ่อกับแม่เธอด้วย! “แม่ทำแบบนี้ทำไม แม่ยังเห็นหนูเป็นลูกอยู่มั้ย” เธอกำลังมีอนาคตที่ดี แต่ต้องกลับมาที่นี่ กลับมาเพื่อโดนคนนินทาว่าร้ายว่าเป็นนางบำเรอชั้นต่ำให้นายหัวปลดปล่อยความใคร่ไปวันๆ เธอโดนแบบนั้นแทบทุกวัน สายตาที่มองมาเหยียดหยามด้วยความสงสัย แม่และพ่อของเธอเคยรู้บ้างมั้ยว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน “นาค” ประพาเอ่ยเสียงเครือ รู้ดีว่าลูกของเธอรู้สึกยังไง แต่เธอไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องนี้แบบไหนเหมือนกัน ประพาโดนขู่ โดนตราหน้าว่าไม่รักพ่อแม่ พ่อตายจากไปแล้วก็ยังไม่มาดูดำดูดี ด้วยบ่วงนั้นทำให้เธอไม่ไปไหน จมกับความรู้สึกผิด ดำดิ่งหาทางออกไม่เจอ จนกระทั่งแม่ของเธอบอกว่าจะยกโทษให้ถ้ายอมใช้หนี้ให้กัน ประพาจึงรีบคว้าโอกาสไว้ หวังเพียงว่านั่นจะเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถทดแทนพระคุณมารดาได้ ทว่าเธอลืมนึกไปว่านาราก็มีหัวใจ เด็กคนหนึ่งโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าโ
นารากลืนก้อนเหนียวหนืดขนาดใหญ่ลงในคอ มองลึกเข้าไปในดวงตาดุดันของเขา ดวงตานี้เพียงใช้ปราดมองใครสักคน ทุกคนเป็นอันต้องหลบสายตา บ้างก็หลงใหลมัน เธอมองมันมาหลายครั้ง ทว่าไม่เคยมีครั้งไหนเจ็บปวดใจเท่าครั้งนี้ “ฉันอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองค่ะ และมันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากไปอยู่ในที่ที่ดีกว่านี้ ไม่อยากอยู่กับป่ากับเขา” เกลียดเหลือเกินที่ตัวเองยิ้มทั้งๆที่กำลังโกหกออกมา “น่าเบื่อใช่มั้ยล่ะคะ ฉันก็เบื่อมันมากเหมือนกัน นับวันรอ รอจะได้ไป ไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่” ใครบอกเธอชอบที่นี่มากต่างหาก “ถ้าได้ไปคงมีความสุข ทีนี้นายหัวพอจะเข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าฉันต้องการอะไร” นาราลุกขึ้น เพราะรู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าวจนกลัวมันไหลออกมา ใช่ แล้วเธอจะร้องไห้ทำไม ในเมื่ออยากไปจากเขาเอง “หวังว่าคุณจะอ่านสัญญานี้ให้ถี่ถ้วน แล้วเซ็นมันให้ฉันนะคะ ขอบคุณมากค่ะ” สองเท้าเดินออกมาด้วยความรวดเร็ว มันเร็วเสียจนหญิงสาวจะล้ม คงเกลียดที่นี่มากสินะ ทว่าร่างบางไม่รู้เลยว่าหลังจากเธอไปแล้ว คนที่โดนพูดอะไรก็ไม่รู้ใส่นั้นนิ่งไปราวกั