เนื่องด้วยเธอไม่อยากเห็นหน้าเจ้าของไร่ นาราเลยตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเพื่อไปสวน ใช่ ต่อไปนี้เธอจะไม่นอนที่ห้องเขาอีกแล้ว แต่เธอจะกลับมาพักที่ห้องตนตามเดิมและจะไม่สนใจสิงหราชอีก เธอจะรีบดูแลต้นไม้เพื่อใช้หนี้ จะไม่สนเขาแม้แต่นิดเดียว อย่าได้หวังจะได้แตะตัวเธอ!
“แกงปลาซ่อนค่ะ” ในตอนนี้สิงหราชออกมาจากห้องเจ็ดโมงเช้า ความจริงเขาเข้ามาแค่อาบน้ำ เพราะนาราล็อกประตูไม่ให้เข้าไป น่าอนาถ ถ้าใครมารู้ว่าคนอย่างนายหัวสิงเข้าห้องตัวเองไม่ได้ ทุกคนคงต่อแถวหัวเราะเขา
“ขอบคุณครับ ป้านงทำเองเหรอ” มือหนาขยับถ้วยมาตรงหน้าตน กลิ่นน้ำแกงหอมน่ากิน สิงหราชจับช้อนทว่าต้องหยุดชะงักค้างไว้เมื่อนงรักเอ่ย
“เปล่าค่ะ คุณนาคทำ ทำตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่คุณสิงมีงาน เธอเลยบอกให้เอาไปให้คนงานทานค่ะ ป้าคิดว่าคุณอยากกินเลยตักไว้ให้”
“...” สิงหราชนิ่งไป ทำไมนาราไม่คิดจะบอกกันเลย
“คุณนาคตั้งใจทำมากเลยนะคะ ป้าเห็นเธอตั้งใจหั่นปลา บรรจงปลุกรส เธอคงอยากให้คุณสิงกินจริงๆ”
แกงปลาซ่อนเป็นอาหารโปรดของเขา สิงหราชชอบเนื้อของมันในบรรดาปลาทั้งหมด เพราะชอบเขาจึงสั่งให้ป้านงทำให้กินเสมอๆ นงรักรู้ดีว่าเขาชอบทานอะไร แต่ไม่นึกว่าวันนี้จะมีอีกหนึ่งคนที่รู้ด้วย
ใจด้านซ้ายเต้นหนักขึ้นมา นายหัวหนุ่มผู้เคร่งขรึมยิ้มตรงมุมปาก ความอุ่นซ่านแผ่ไปทั่วหัวใจ เขาคงบ้าที่แค่รู้ว่าแกงปลาซ่อนธรรมดาๆนี้เป็นฝีมือของใคร ใจกลับเต้นแรงราวกับได้กินอาหารจานเป็นล้าน
หลังจากลงแปลงไปนาน หญิงสาวก็กลับขึ้นมาใหม่เพื่อที่จะไปทานข้าว วันนี้เธอเลือกมาทานที่โรงอาหารของไร่ ไม่ไปกินที่บ้านอีก
เพียงหญิงสาวร่างบางเดินเข้ามาในโรงอาหารที่มีเพียงหลังคาสังกะสีและโต๊ะไว้ให้คนงานนั่งกิน ทุกคนก็มองเป็นตาเดียว ก่อนคนงานจะยกมือไหว้เธอ ไม่เว้นแม้แต่คนที่มีคดีเก่ากันอย่าง ชะอม ผิน มะลิ สามคนนั้นต่างยกมือไหว้นารา ซึ่งเธอได้แต่ก้มหัวรับ รู้สึกเก้กังอยู่เหมือนกัน
“อ้าว ทำไมวันนี้มาทานข้าวที่นี่ล่ะคะ คุณสิงสั่งอาหารไว้บอกให้คุณไปกินที่บ้านนะ” นงรักวางมือจากที่กำลังตักกับข้าวเดินมาหานารา คนตัวเล็กได้แต่ยิ้มแห้ง เพราะเธอเป็นน้องใหม่ของที่นี่ไม่เคยมากินข้าวกับพวกเขาเลยสักครั้ง ทั้งที่ทำงานมาสามปีแล้ว
“นาคอยากกินที่นี่ค่ะ และต่อจากนี้จะมากินทุกวัน” ช่วงหลังที่เธอกินกับสิงหราชที่บ้านบ่อยๆ ตอนนี้จะไม่ทำแบบนั้นอีก หญิงสาวสัญญากับตัวเอง
“เอ่อ แต่ว่าคุณสิงสั่งไว้” นงรักอึกอัก สิงหราชสั่งไว้ก่อนเที่ยงแล้วว่าให้นารากลับมากินข้าวที่บ้าน เธอลำบากใจ จะขัดใจคนนั้นก็ไม่ได้ เพราะเป็นนายสูงสุดของไร่ แต่นารานี่สิไม่ฟังกันเลย
“ช่างเขาเถอะค่ะ ถ้าเขาอยากกินนักก็กินไปคนเดียวเลย” ใบหน้าสวยก้มหน้าตักข้าวเข้าปากที่คนงานอีกคนเอามาให้เธอ ใครจะพูดจะนินทายังไงนาราไม่สนใจทั้งนั้น เธอต้องกินให้อิ่มเพื่อไปทำงานต่อ
“นายหัวมา!”
ทันใดนั้นเกิดเสียงคนงานแตกตื่นขึ้น ทุกคนยืนนิ่งราวกับหิน ตัวเกร็งขึ้นมาทันที นาราหันไปมองก็ถึงกลับเบ้ปากออกมาเมื่อเห็นสิงหราชกับวิกรเข้ามาในที่ที่ไม่ใช่ของเขา ทำไมไม่กินบนบ้านนู้น
นายหัวใหญ่มาอะไรที่นี่ เห็นมั้ยคนตกใจหมด
“ข้าวจานหนึ่งครับ” สิงหราชเดินเข้ามาหานงรักที่ยืนอยู่ใกล้นารา นัยน์ตาคมเหลือบมองคนตัวเล็กแวบหนึ่ง ทว่าหญิงสาวไม่สนใจอีกฝ่ายเลย
“เอ่อ ได้เลยค่ะ” นงรักกุลีกุจอไปตักข้าวให้ สิงหราชและวิกรจึงเดินไปนั่งตรงโต๊ะ เจ้ากรรมที่โต๊ะของเขาดันอยู่ตรงหน้าเธอ วิศวกรรมเกษตรยิ้มให้หญิงสาว ซึ่งนาราก็ยิ้มกลับ เธอก้มหัวให้เล็กน้อย จากนั้นก็มองเมินสิงหราชไปเลย
แม่แมวน้อย น่าตีนัก
นายหัวหนุ่มคำรามในใจ
นารารับรู้ถึงรอบข้างที่เงียบไม่กล้าพูดคุยกันดัง ก่อนทุกคนได้กลับมาหายใจโล่งอีกครั้ง เพราะนายหัวและวิศวกรรมเกษตรหนุ่มลุกขึ้น เดินเอาจานอาหารไปเก็บ นงรักรีบเข้ามาบอกมาไม่เป็นไรก็ได้ แต่สิงหราชยืนยันที่จะทำ ชายหนุ่มเดินอ้อมมาด้านหลังนาราเพื่อเอาถาดอาหารมาวางไว้ ไม่วายปรายตามองคนตัวเล็กอีกครั้ง
ก่อนจะเดินออกไป พร้อมกลับออกซิเจนของคนงานที่กลับมา
ตกใจหมด นึกว่านายหัวจะด่าอะไรซะอีก
คนงานโล่งใจ กลับมาเฮฮากันต่อ
ขี้เก๊กเอ๊ย
คงมีคนเดียวที่ไม่กลัวเลย แถมยังด่าในใจอีกด้วย
“พี่เหมียว” วันต่อมามีเหตุให้ต้องแปลกใจ เพราะอยู่ๆมัลลิกาและเพื่อนๆของเธอบุกมาหานาราถึงในไร่ มาถึงก็อธิบายว่าเพื่อนอยากมาเที่ยวที่นี่ อยากให้เธอเป็นคนพาชม ซึ่งเรื่องนี้มัลลิกาญาติผู้พี่ไม่เคยบอกเธอมาก่อนเลย เลยทำให้นาราไม่ชอบใจนิดหน่อย คิดว่าไร้มารยาทนิดหนึ่งที่คนไม่สนิทมาขอร้องกันแบบนี้ ทั้งที่ไร่ใหญ่โตแห่งนี้ไม่ใช่ของเธอ
“สวัสดีจ้ะนาค” มัลลิกายิ้มหวาน หญิงสาวอยู่ในชุดสีกา ก่อนจะแนะนำให้รู้จักเพื่อนทั้งสองคนของเธอ คนหนึ่งเป็นผู้ชายวัยสามสิบต้นๆ ชื่อว่าโกเมศ อีกคนเป็นหญิงสาวมีอายุขึ้นมาหน่อย ใส่แว่น หน้าตายังน่ารัก มีชื่อว่าชมัยพร หรือที่เพื่อนเรียกกันว่ามัย นาราไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเธอถึงได้ยกโขยงมาหาเธอถึงที่นี่ ทั้งๆที่เคยบอกไปแล้ว
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวร่างบางขมวดคิ้ว เธอไม่เข้าใจคนพี่จริงๆ
มัลลิกายังคงยิ้มหวาน กล่าวอย่างอารมณ์ดี เมินข้ามหน้าตานิ่งเรียบไม่รับแขกของนาราไป “คือพี่อยากพาเพื่อนมาดูไร่น่ะจ้ะ เพื่อนพี่มาจากต่างจังหวัด เขาอยากมาเที่ยวที่นี่”
“ไม่ได้ค่ะ คุณสิงไม่ให้ใครมา” นาราปฏิเสธอย่างที่รู้ๆกัน สิงหราชหวงพื้นที่ส่วนตัวมาก ชายหนุ่มไม่ต้อนรับแขกเท่าไหร่ แล้วอย่าได้หวังว่าถ้าเดินทะเล่อทะล่าเข้ามาจะสามารถชมไร่ได้ นั่นยิ่งไม่มีทาง
ญาติผู้พี่แม้จะไม่พอใจมากในคำพูดของนารา ทว่าเธอมาแล้ว และจะไม่มีวันกลับไปมือเปล่า
“แหม เราก็อย่าใจดำนักเลย พี่แค่พาเพื่อนมาเที่ยวเฉยๆ ถือโอกาสว่ามาเยี่ยมเราด้วย เราเป็นญาติกันนะนาค ทำไมถึงได้ห่างเหินกับพี่ขนาดนี้” มัลลิกาพยายามเกลี้ยกล่อม เธอหยิบยกเรื่องสายเลือดขึ้นมาเป็นประเด็น
นาราเงียบไป เธอไม่เข้าใจว่าไร่นี้มีอะไรดีมัลลิกาถึงอยากจะมานัก ไม่ว่าเธอบอกไปเท่าไหร่ หญิงสาวก็ไม่ยอมฟัง ที่นี่ไม่ได้เป็นของเธอ นาราไม่มีสิทธิ์ให้ใครเข้าเยี่ยมชมทั้งนั้น ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นญาติกันก็ตาม
“โอเค ถ้าไม่อยากให้พี่มา งั้นพี่ขอไปเข้าห้องน้ำเราหน่อยได้มั้ย จะเอาของมาให้ด้วย พี่พาเพื่อนมาเหนื่อยๆ ขอนั่งพักก่อนนะ” เมื่อเห็นว่าญาติผู้น้องไม่มีทางอนุญาต มัลลิกาจึงเปลี่ยนเรื่องใหม่ เป็นเรื่องจริงที่เธอซื้อข้าวของมาให้นาราด้วย เพราะหวังมาเยี่ยมเยียนอีกฝ่าย ทว่าเมื่อญาติผู้น้องไม่ให้ชมไร่นี้อย่างที่เธอตั้งใจ เธอก็ขอไปดูการเป็นอยู่พร้อมกับเอาของพวกนี้ให้เธอซะหน่อย
“ค่ะ” สุดท้ายนาราก็รับคำ ดวงตากลมมองถุงมากมายที่มัลลิกาซื้อมาให้ อีกอย่างถ้าพี่สาวเธออยากเข้าห้องน้ำจริงๆ จะไล่กลับบ้านอย่างเดียวก็เหมือนจะเป็นการใจร้ายไปหน่อย เดาได้ว่าถ้านาราทำแบบนั้นออกไป วันต่อมาป้าธัญญาต้องมาต่อว่าเธอถึงไร่แน่นอน ดีนะที่วันนี้สิงหราชไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นนายหัวได้ไล่ตะเพิดมัลลิกาออกไปแน่ นาราคิดอย่างโล่งใจ
แสงสีไฟเผาไหม้ในตานายหัวสิงหราชผู้แข็งแรงไม่เคยกลัวสิ่งใด ทว่าตอนนี้เขาวิ่งพล่านไปทั่วเพื่อหาใครสักคนทั้งตะโกน เรียกหา ไม่กลัวว่าตนจะถูกเผาไหม้เลยสักนิด ได้ยินเสียงเรียกตัวเอง นาราหยุดขาที่กำลังวิ่งอยู่ไว้ ใช่ เธอเห็นว่าไฟไหม้อย่างน่ากลัว แผดเผาทุกสิ่งทำให้เธอและโจรหนุ่มที่มาด้วยวิ่งลงมายังลาดเขา ในตอนแรกยอมรับว่าเสียงปืนที่กำลังได้ยินทำให้อยากขึ้นไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ที่สำคัญจะมีสิงหราชอยู่ที่นั่นมั้ย เธออยากไปช่วย ทว่าถ้าทำแบบนั้นโจรหนุ่มจะต้องสงสัยเธออย่างแน่นอน และถ้าเขาโกรธขึ้นมามันอาจฆ่าเธอทิ้ง คราวนี้คงไม่มีโอกาสเจอกับสิงหราชของจริง นาราจึงต้องจำใจเดินตามมันมา ก่อนจะหยุดเมื่อได้ยินเสียงเรียกตัวเอง มันเป็นเสียงของสิงหราช เขามาช่วยเธอ เพียงวินาทีนั้นความอุ่นซ่านจากที่ไหนไม่รู้แผ่เข้ามาที่หัวใจอย่างมากมายมหาศาล เธอคิดว่าตอนนี้เขาจะอยู่กับแฟนเก่าซะอีก เขากลับมาหาเธอทั้งที่จะปล่อยให้ตายก็ได้ “นิ่งทำไมน้องนาค ไฟไหม้อยู่นะ” ใบหน้าของชนตรีแสดงความเครียดขรึม ยิ่งเห็นหญิงสาวทำหน้ากังวลเขายิ่งใจไม่ดี อย่าบอกนะว่าได้ยินเสียงคนเรียกแล้วจะใจอ่อ
“มันเรียกคนมาอีกแน่” ไกรพบที่อาการเจ็บยังไม่หายขาดจากการถูกยิงในครั้งนั้น กำกระบอกปืนแน่น หลังจากที่เขาได้รับการติดต่อมาจากสิงหราช ชายหนุ่มก็รีบมาทันที ตอนนี้รู้แล้วว่าสิงหราชกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ แล้วมันจะไม่หายไปนอกเสียจากว่าจะมีใครตายกันไปข้างหนึ่ง “อืม” เสียงทุ้มครางรับ เห็นหน้าที่เงียบขรึมของนายหัวหนุ่มแล้ว นายตำรวจหนุ่มก็รู้สึกไม่ดี เขารู้ว่าความสัมพันธ์ของเพื่อนกับหญิงสาวอีกคนนั้นไม่ราบรื่นเลย อีกทั้งช่วงหลังมานี้ยังมีแฟนเก่าอย่างดาราเข้ามาพัวพัน เส้นสัมพันธ์ยุ่งเหยิงจนแก้ไม่ได้ แต่ที่เขายังแปลกใจคือทำไมเพื่อนไม่หาทางแก้สักที มันไม่เคยมีใคร ไม่เคยให้ใครเข้ามาเป็นนายหญิงในไร่ สามปีมานี้คนที่มีความสัมพันธ์ด้วยจริงๆคือนาราคนเดียว ถ้าจะมีคนอื่นบ้างทว่านั้นไม่ใช่ความจริงลือกันไปทั้งนั้น เขาเป็นเพื่อนมันทำไมจะไม่รู้ แต่ที่ไม่รู้คือทำไมไม่เปิดตัวนารา รักขนาดนั้นแต่งเป็นเมียได้แล้วมั้ง จะรออะไรอยู่อีก เห็นมั้ยรอก็มีแต่เรื่องแย่ๆลง จนตอนนี้เมียมันโดนจับตัวไปแล้ว สงสารก็สงสาร สมน้ำหน้าก็สมน้ำหน้า ทว่าพอเห็นหน้าคิดมากจนเครียดของเพื่อนแล้ว เขาสงสารม
"หิวน้ำ" เธอตัดสินใจเรียกออกไป และดูเหมือนว่าเพียงได้ยินเสียงเธอ พวกด้านนอกหยุดการสนทนากัน ต่อเนื่องด้วยมีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เป็นคนที่เธอคิดไว้ "อะไร" เสียงของร่างกำยำดูแข็งกระด้าง ชายตรงหน้าเป็นผู้ชายผิวคล้ำ แห้งกร้าน บอกว่าผ่านการผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างหนัก ทว่าด้วยความที่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นอยู่ทำให้ไม่แก่เกินไปนัก เพียงชายคนนี้เข้ามานาราร้องไห้เงียบๆ ก้มหน้าลงกับเข่าตัวเอง เสื้อเชิ้ตอันเป็นผลจากกระดุมถูกแหวกก่อนหน้าเผยให้เห็นเนินอกขาวผ่อง และลาดไหล่เรียวสวย ภาพตรงหน้าถ้าผู้ชายที่ชอบของสวยๆงามๆย่อมคิดว่าน่ารังแกเหลือเกิน ในความคิดของชายชาตรีนั้นในตอนที่สตรีเปลือยเปล่าให้เห็นถึงเนื้อหนัง และอยู่ในช่วงอ่อนแออย่างหนักช่างน่าปลอบประโลมเกินทน น่านำมากอดให้คลายความเหน็บหนาว ใช่ ชนตรีคิดแบบนั้น ถึงเขาจะเป็นโจรและผ่านสมรภูมิเรื่องเลวร้ายมามากมาย ทว่าสำหรับผู้ชายอย่างเขา ผู้หญิงยังมีอิทธิพลอยู่มากโข แค่เห็นพวกเธอสวย ตรงนั้นก็แข็งแล้ว อย่างเช่นผู้หญิงตรงหน้าตอนนี้ที่ทำให้เขาแข็งและสงสารในเวลาเดียวกัน โธ่ แม่คุณ คงช้
"นายหัว!" ตอนนี้ประพาทุกข์ใจเหลือเกิน ตั้งแต่นารารู้ความจริงว่าเธอปิดบังเรื่องหนี้สิน เจ้าตัวก็หายไป เธอออกตามหาแล้วทว่าไม่เจอลูกเลย ออกตามหาทั่วหมู่บ้านก็ไม่พบตอนนี้ประไพไม่รู้จะทำยังไงแล้ว "เกิดอะไรขึ้น" อกด้านซ้ายสั่นไหวไม่น้อย เพียงได้ยินชื่อของใครบางคนหัวใจก็ราวกับโดนกระชากออกมา "นาคหายตัวไปค่ะ เธอรู้เรื่องหนี้แล้วว่าฉันไม่ได้เป็นคนก่อหนี้เอง แต่เป็นญาติที่สร้างไว้ แกรู้ แกเลยหายไป" เกิดความเงียบขึ้นทั่วบริเวณ การเป็นหนี้ของครอบครัวนารา เขารู้ว่าไม่ได้เกิดจากพ่อและแม่ของเธอ แต่เกิดจากตาและยายและญาติคนอื่นๆ เขารู้เรื่องนี้หลังจากที่เธอทำงานได้ไม่นาน แต่ที่กักเก็บไว้ก็เพราะสาเหตุส่วนตัว แต่วันนี้ นารารู้มันแล้ว คงเสียใจมาก ถึงได้หนีไป แต่จะหนีไปไหนเล่า หรือว่าไม่ได้หนี แต่มีคนจับตัวไป ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นบีบคั้นตรงอก ทว่าความปวดหนึบนั้นไม่ได้น่าให้ความสนใจกับฝีเท้าที่รีบวิ่งออกไปสุดแรง ทว่าก่อนออกตามหาคนตัวเล็ก สิงหราชโทรไปหาใครคนหนึ่งและเพียงคนปลายสายรับ ไม่ลังเลกรอกเสียงลงไป [นาคหายไป กูอยากให
“พ่อแม่หลอกหนูอยู่เหรอคะ” นัยน์ตาของนาราเลื่อนลอย ความปวดหนึบบีบรัดช่วงอกจนเจ็บไปหมด ไม่นึกเลยว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ ทุกความตั้งใจของเธอ หยาดเหงื่อแรงกายของเธอ กำลังถูกคนอื่นกัดกิน และดูดดื่มอย่างหื่นกระหาย พวกเขาทำได้ยังไง รวมถึงพ่อกับแม่เธอด้วย! “แม่ทำแบบนี้ทำไม แม่ยังเห็นหนูเป็นลูกอยู่มั้ย” เธอกำลังมีอนาคตที่ดี แต่ต้องกลับมาที่นี่ กลับมาเพื่อโดนคนนินทาว่าร้ายว่าเป็นนางบำเรอชั้นต่ำให้นายหัวปลดปล่อยความใคร่ไปวันๆ เธอโดนแบบนั้นแทบทุกวัน สายตาที่มองมาเหยียดหยามด้วยความสงสัย แม่และพ่อของเธอเคยรู้บ้างมั้ยว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน “นาค” ประพาเอ่ยเสียงเครือ รู้ดีว่าลูกของเธอรู้สึกยังไง แต่เธอไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องนี้แบบไหนเหมือนกัน ประพาโดนขู่ โดนตราหน้าว่าไม่รักพ่อแม่ พ่อตายจากไปแล้วก็ยังไม่มาดูดำดูดี ด้วยบ่วงนั้นทำให้เธอไม่ไปไหน จมกับความรู้สึกผิด ดำดิ่งหาทางออกไม่เจอ จนกระทั่งแม่ของเธอบอกว่าจะยกโทษให้ถ้ายอมใช้หนี้ให้กัน ประพาจึงรีบคว้าโอกาสไว้ หวังเพียงว่านั่นจะเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถทดแทนพระคุณมารดาได้ ทว่าเธอลืมนึกไปว่านาราก็มีหัวใจ เด็กคนหนึ่งโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าโ
นารากลืนก้อนเหนียวหนืดขนาดใหญ่ลงในคอ มองลึกเข้าไปในดวงตาดุดันของเขา ดวงตานี้เพียงใช้ปราดมองใครสักคน ทุกคนเป็นอันต้องหลบสายตา บ้างก็หลงใหลมัน เธอมองมันมาหลายครั้ง ทว่าไม่เคยมีครั้งไหนเจ็บปวดใจเท่าครั้งนี้ “ฉันอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองค่ะ และมันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากไปอยู่ในที่ที่ดีกว่านี้ ไม่อยากอยู่กับป่ากับเขา” เกลียดเหลือเกินที่ตัวเองยิ้มทั้งๆที่กำลังโกหกออกมา “น่าเบื่อใช่มั้ยล่ะคะ ฉันก็เบื่อมันมากเหมือนกัน นับวันรอ รอจะได้ไป ไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่” ใครบอกเธอชอบที่นี่มากต่างหาก “ถ้าได้ไปคงมีความสุข ทีนี้นายหัวพอจะเข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าฉันต้องการอะไร” นาราลุกขึ้น เพราะรู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าวจนกลัวมันไหลออกมา ใช่ แล้วเธอจะร้องไห้ทำไม ในเมื่ออยากไปจากเขาเอง “หวังว่าคุณจะอ่านสัญญานี้ให้ถี่ถ้วน แล้วเซ็นมันให้ฉันนะคะ ขอบคุณมากค่ะ” สองเท้าเดินออกมาด้วยความรวดเร็ว มันเร็วเสียจนหญิงสาวจะล้ม คงเกลียดที่นี่มากสินะ ทว่าร่างบางไม่รู้เลยว่าหลังจากเธอไปแล้ว คนที่โดนพูดอะไรก็ไม่รู้ใส่นั้นนิ่งไปราวกั