“นายสั่งไม่ให้เอาหน้าไปให้เห็นไม่ใช่เหรอ มึงก็ทำตามเถอะ อย่าหาเรื่องใส่ตัวอีก กูเหนื่อยแล้วนะ”
“หนูแค่อยากขอบคุณ”
“เออ เข้าใจ แต่มึงอยู่เฉยๆ เถอะ และอย่าไปก่อเรื่องไรอีก แค่นี้นายก็คงพอใจแล้ว”
“เขาเกลียดหนูขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ถ้าเกลียด เขาคงไล่มึงออกจากที่นี่แล้ว เอาง่ายๆ เลยนะ มึงตั้งใจเรียนหนังสือ สนใจแต่เรื่องของตัวเองพอ เรื่องนายไม่ต้องสนใจหรอก”
“พี่นุ่มก็ไม่ยอมให้หนูไปทำงานบ้านที่ตึกใหญ่เลย ให้แค่รดน้ำต้นไม้โน่นเลย ไกลจากตึกใหญ่”
“ก็ดีแล้ว มึงจะอยากเสนอหน้าไปให้นายเห็นอีกหรือไง เดี๋ยวนุ่มก็เดือดร้อนอีกหรอก ดีนะนายยกโทษให้ หักเงินเดือนแค่เดือนเดียว”
“ที่เหลือหนูจะใช้คืนพี่นุ่มเอง”
“ก็ดีเหมือนกัน มันเดือดร้อนเพราะมึงอยากแซ่บแท้ๆ”
“ก็คิดว่านายจะชอบนี่” เด็กสาวพูดทำหน้าง้อใส่พล
“ไม่ว่ามึงจะแซ่บหรือไม่แซ่บ เขาก็ไม่เอามึงทำเมียตอนนี้หรอก”
“หนูไม่สวยเหรอ”
“มึงเป็นเด็ก นายไม่ชอบเด็ก!” พูดจบ พลก็เบื่อจะคุยกับหลานสาว เลยเดินลงบันไดกลับตึกใหญ่ไปเลย ปล่อยอัณชญาพึมพำอยู่คนเดียว
“คนเรามันก็ต้องโตสักวันไหมล่ะ!”
หลังจากเหตุการณ์ไอ้ฟีลหัวแตก สถานการณ์ที่โรงเรียนก็เป็นปกติ แต่เพื่อนที่มีน้อยอยู่แล้ว ก็เหลือน้อยลงกว่าเดิม แทบไม่มีใครอยากคุยกับอัณชญา ยกเว้นแตงกวา เพื่อนซี้ตั้งแต่สมัยประถม แต่อัณชญาถือคติ เพื่อนดี มีแค่คนเดียวก็ถือว่าคุ้ม
“กวา เลิกเรียนเราไปกินติมกันเถอะ กูเลี้ยง” อัณชญาเอ่ยขึ้นขณะทั้งสองกินข้าวเที่ยงด้วยกันในโรงอาหาร
“ไปสิ ของฟรี กูเต็มที่อยู่แล้ว”
“จากนั้นเราไปเดินเล่นที่ตลาดนัด ไม่มีเสื้อผ้าใหม่ๆ ใส่เลย ไปด้วยกันนะ”
“ไปสิ”
“เดี๋ยวกูซื้อชุดให้มึงชุดหนึ่งนะ”
“โหรวย”
“ไม่รวยหรอก แต่ก็พอมีซื้อให้มึงได้”
“จะว่าไปเป็นอีหนูคุณภพก็ดีนะมึง กูอยากเป็นมั้ง มึงไปถามเขาให้หน่อย ว่ารับกูด้วยคนไหม”
“นายไม่ชอบเด็ก ขนาดกูเขายังไม่เอาเลย ที่ซื้อไว้ เพราะเขาสงสาร กลัวพ่อกูขายให้ไอ้เสี่ยโต” อัณชญาบอกเพื่อนไปตรงๆ
“ตกลงมึงกับเขายังไม่ได้กันเหรอวะ”
“เออ นายไม่ชอบเด็กไง”
“ว้า แปลกคน ใครๆ ก็ชอบเด็กทั้งนั้น ยิ่งแก่ๆ คราวพ่อแบบนี้น่าจะชอบเด็กนะมึง”
“ก็เขาไม่เหมือนคนแก่คนอื่นๆ ไง”
“แต่ตัวจริงคุณภพก็ดูอ่อนกว่าวัยมากนะ เหมือนคนอายุสามสิบต้นๆ มากกว่าสี่สิบสอง”
“นั่นสิ เขาแก่กว่าพ่อกูอีกนะ จะว่าไป” อัณชญาว่า เพราะพ่อของเธออายุสี่สิบ แต่หน้าก็แก่กว่าวัยตามประสาชาวบ้าน ที่ไม่ได้ดูแลตัวเอง
ส่วนชินภพนั้นเดิมทีเป็นคนกรุงเทพฯ เขาซื้อไร่องุ่นต่อจากครอบครัวอื่น และทำโรงงานผลิตไวน์เมื่อสิบกว่าปีก่อนนี่เอง
หลังเลิกเรียนเด็กสาวทั้งสองก็ไปกินไอศกรีมร้านโปรด จากนั้นก็เดินเล่นตลาดนัด ชอปปิงเพลิน กระทั่งค่ำก็แยกย้าย
อัณชญาโทร. ไปบอกพลตั้งแต่เลิกเรียนแล้วว่าจะกลับเอง ขณะกำลังจะเดินไปยังจุดที่รถสองแถวผ่าน รถยนต์คันหนึ่งก็ปาดมาจอดข้างๆ
“หนูอัณคนสวยนี่เอง จะไปไหน ให้เสี่ยไปส่งดีไหม” เสี่ยโตที่นั่งอยู่ข้างคนขับที่เป็นลูกน้อง ก็โผล่หน้าออกมาทักทาย พร้อมยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยขณะกวาดมองไปทั่วร่างที่ยังอยู่ในชุดนักเรียนมัธยมปลาย
“กลับเองได้!” เธอบอกเสียงห้วน แล้วรีบเดินเพื่อไปถึงป้ายรถสองแถวให้เร็วที่สุด
แต่คนที่ชวนก็ไม่ยอมเลิกรา เปิดประตูรถออกมา ดึงแขนเธอไว้ อารามตกใจอัณชญาจึงสะบัดอย่างแรง ส่งผลให้ร่างท้วมของเสี่ยโตเซไปชนเข้ากับจักรยานที่ปั่นมาบนฟุตบาธพอดี
“โอ๊ย!” เสียงอุทานมาพร้อมกับอาการเจ็บปวด เพราะนอกจากโดนจักรยานชนจังๆ เจ้าของร่างยังล้มหน้าทิ่มลงกับพื้น จมูกและปากมีเลือดไหล
“อีเด็กเวร มึงทำกู!” เสี่ยโตหันมาตะเบ็งเสียงใส่ และลูกน้องก็ลงจากรถรีบมาพยุงร่างท้วมนั้นขึ้นมาจากพื้น
“หนูเปล่านะ จักรยานต่างหากที่ชนน่ะ!” อัณชญาหันไปทางคนขี่จักรยาน ที่เมื่อครู่ก็เสียหลักล้มทั้งรถ ทั้งคน ทว่าตอนนี้เจ้าตัวนั้นได้รีบปั่นจักรยานหนีไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยเธอเผชิญหน้าโมโหโกรธาของเสี่ยโตกับลูกน้อง
“ยังมาปากแข็งอีก ไอ้พงษ์ จับอีเด็กนี่ขึ้นรถ!”
“ครับนาย” หันไปโค้งรับคำสั่ง แต่พอหันไปทางเด็กสาว อีกฝ่ายก็โกยแน่บไปเสียแล้ว ลูกน้องเสี่ยโตก็วิ่งตามไปติดๆ แต่อัณชญาก็วิ่งไปแหกปากร้องไป
“ช่วยด้วย ไอ้หื่นมันจะข่มขืนหนู ช่วยด้วย!” ซึ่งทำให้พลเมืองดีหลายคน หันมาสกัดไอ้พงษ์ไว้ ไม่ให้วิ่งตามเด็กสาว แต่อัณชญาก็วิ่งไม่หยุด กระทั่งหันไปมองด้านหลัง เห็นว่าไอ้ลูกน้องเสี่ยโตไม่ได้ตามมา เธอจึงหยุดวิ่ง แต่ก็เกือบจะวิ่งหนีอีกครั้ง เมื่อรถของใครบางคนวิ่งมาจอดข้างๆ เสียงล้อบดกับพื้นถนนเสียงดังเหมือนโมโหใครมา
แถมยังเปิดประตูรถออกมาอีกด้วย ทำให้เธอเห็นร่างสูงสง่าของผู้ชายที่แสนหล่อ แต่ทำหน้ายักษ์อยู่ตรงหน้า กับแววตาที่เหมือนจะมีเชื้อไฟ เพราะตอนนี้ร่างเธอกำลังจะไหม้เพราะถูกเผาจากสายตาเขา
“จะมีสักวันไหมที่จะไม่ก่อเรื่อง!” เสียงตวาดนั้นทำให้อัณชญาสะดุ้ง
“หนูเปล่า ไอ้เสี่ยโตมันมาจับมือหนูก่อน หนูตกใจก็สะบัดออก แล้วรถจักรยานชนมันเอง แล้วมันก็โมโหให้ลูกน้องจับตัวหนู” เด็กสาวอธิบายเสียงรัวเร็ว เพราะกลัวเขาเข้าใจผิดว่าเธอก่อเรื่องก่อน ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่เสียหน่อย
“มืดค่ำไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่อง!”
“ก็หนูแค่มาซื้อของ” เธอบอกเสียงอ่อย
“ต่อไปนี้ห้ามไปไหนมาไหนคนเดียว ขึ้นรถ!”
อัณชญารีบทำตามที่เขาสั่ง แต่ดันไปนั่งด้านหลัง เพราะคิดว่าเขาคงไม่อยากให้เธอนั่งใกล้ๆ ข้างคนขับแน่นอน
ทำไมน้าพลไม่มากับเขานะ เธอสงสัย
“มานั่งข้างหน้า เห็นฉันเป็นคนขับรถเธอหรือไง!”
“ค่ะ” สุดท้ายก็มานั่งตัวลีบข้างคนขับ
อัณชญาเหลือบมองคนข้างๆ เห็นแค่สันกรามบดกันจนได้ยินเสียงกรอดๆ ก็รู้สึกหวาดหวั่นแล้ว ไม่คิดจริงๆ ว่าจะเจอกันในสภาพแบบนี้ ทั้งที่อยู่บ้าน เธอก็ไม่เคยเสนอหน้าไปให้เขาเห็น ตั้งแต่วันที่เขาตะเพิดไล่ออกจากห้องหนังสือ
:::::::::::::::::::::::
พอลูกสาวหลับไปแล้ว ภูวิณก็เก็บหนังสือนิทานไว้บนโต๊ะ ห่มผ้านวมให้ หอมแก้มเบาๆ ไม่ลืมที่จะปิดโคมไฟหัวเตียง เหลือเพียงโคมไฟหน้าห้องน้ำ จากนั้นก็กลับห้องนอนของเขากับภรรยาที่อยู่ห้องถัดไป คั่นกลางด้วยห้องแต่งตัวที่ประตูทั้งสองห้องเชื่อมต่อกันได้ภูวิณยิ้มกริ่มเมื่อเปิดประตูห้องแต่งตัวเข้ามาก็เห็นภรรยากำลังสวมชุดนอนสีดำสายเดี่ยว ยิ่งขับผิวขาวนวลลออตา ชุดสั้นเหนือเข่ามาเกือบคืบ โชว์เรียวขาสวยที่เขามองไม่เคยเบื่อ ผมยาวดำขลับทิ้งสยายเต็มกลางหลังใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มกลับเห็นผิวขาวใสไร้รอยด่างดำ แม้จะออกไปช่วยงานในไร่บ่อยครั้ง สลับกลับไปทำงานในรีสอร์ต แต่อรองค์ก็ดูแลตัวเองอย่างดีอรองค์ในวัยสามสิบต้นๆ เหมือนเจ้าตัวเพิ่งเป็นสาวเต็มตัว มีเสน่ห์มากยิ่งกว่าเด็กสาวในวันวานทั้งรูปร่างที่ผอมเพรียว แต่ก็เฟิร์มไปทั้งเนื้อตัว ช่วงอกอวบอิ่มขึ้น ดวงตากว้างเป็นประกายรู้ทันเมื่อเห็นสายตาโลมเลียของเขา“เซ็กซี่จัง” ภูวิณเดินมาโอบกอดภรรยาจากด้านหลัง ซุกจมูกที่ลำคอระหง ก่อนย้ายไปยังซอกหู มือใหญ่นั้นเริ่มไล้เบาๆ ตั้งแต่โค้งสะโพก ผ่านชุดนอนเนื้อบางเบา ทำให้อรองค์วูบไหวจนร่างสะท้าน พร้อมครางเสียงแผ่วริมฝีปากอุ่น
ตอนพิเศษ “คุณแม่ขาหนูอยากปั่นจักรยานเล่นที่ไร่ค่ะ” เด็กหญิงอิงจันทร์ วัยสี่ขวบเอ่ยขึ้นในเวลาบ่ายวันหยุด กำลังกินของว่างกับแม่ในสวนข้างบ้านเด็กหญิงอิงจันทร์มีหน้าตาคล้ายแม่ค่อนข้างมาก ทั้งใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตาโตกว้างเป็นประกายสดใส ริมฝีปากจิ้มลิ้มได้รูป ผมสั้นเคลียหูและมีหน้าม้า ยิ่งทำให้ใบหน้านั้นเหมือนตุ๊กตาเดินได้“งั้นกินนมให้หมดก่อนค่ะ เดี๋ยวแม่พาไป” เมื่อได้ยินแบบนั้นเด็กหญิงก็ยกแก้วนมที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วดื่มจนหมด“หมดแล้วค่ะ”“งั้นเราไปเปลี่ยนรองเท้าและใส่หมวกกันค่ะ” อรองค์ที่ตอนนี้อยู่ในวัยสามสิบต้นๆ บอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนลูกสาวตัวน้อยก็รีบลงจากเก้าอี้ แล้วเดินลิ่วเข้าไปในบ้านทันทีไม่กี่นาทีต่อมาสองแม่ลูกก็อยู่ในชุดเตรียมพร้อมสำหรับการปั่นจักรยาน รองเท้าผ้าใบและหมวกกันน็อค“น้องเอิงคะ ป้าศรีถาม ค่ำนี้กินอะไรดี”“อ๋อ เอิงลืมบอก ตอนค่ำเอิงจะพาน้องอิงไปกินข้าวที่ รีสอร์ตกับพ่อเขาน่ะ”อรองค์หันมาบอกคำแพง ที่ตอนนี้รับหน้าที่หลักเป็นพี่เลี้ยงเด็กหญิงอิงจันทร์ ช่วยงานบ้านอื่นๆ ยามว่างเว้นจากการดูแลเด็กหญิง เช่นวันหยุดที่อรองค์ไม่ได้ทำงาน เธอก็จะดูแลลูกสาวเอง
บทส่งท้าย หกปีต่อมาที่ไร่ภูวิณในเวลาเช้าตรู่ อรอรงค์กำลังแต่งหน้าทำผมเสร็จ สวมใส่ชุดไทยประยุกต์สีครีม ส่งผลให้รูปร่างสูงเพรียวนั้นยิ่งหน้ามองเครื่องประดับน้อยชิ้น แต่ใบหน้าสวยที่แต่งแบบเรียบๆ กลับยิ่งโดดเด่นนัยน์ตาเรียวกว้างและคมหวานเป็นประกายมีชีวิตชีวา ริมฝีปากยิ้มแย้มอิ่มเต็มและเย้ายวนอยู่ในที“แกสวยมาก” มะเหมี่ยวเอ่ยปากชม“เหมือนนางฟ้าเลยแก” มัทนาชมบ้าง“ฉันเห็นเอิงใส่ชุดแต่งงานครั้งที่สองแล้วนะ ครั้งแรกแต่งแทนคนอื่น ตอนนั้นเอิงยังเด็กอยู่ก็สวยน่ารัก ตอนนี้ดูเป็นสาวเต็มตัว เฉิดฉายมากเลย ออร่าแบบพุ่งสุดๆ” อารียาเอ่ยชมด้วยสีหน้าสุดปลื้มปริ่มกับเพื่อนรัก ที่ตอนนี้เพิ่มสถานะอาสะใภ้เข้าไปด้วย“ครั้งนี้ต้องพิเศษสิ เพราะงานแต่งของฉันจริงๆ ไม่ได้แต่งแทนคนอื่น” อรองค์เอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มกว้าง ปลื้มกับคำชมของเพื่อนๆ จนจะลอยได้อยู่แล้ว“สรุป แกเป็นเจ้าสาวสองครั้งในชีวิตของอาวิณ”“ฉันถือครั้งนี้ คืองานแต่งของฉันจริงๆ”“เด็กๆ ไปข้างล่างกันเถอะ ได้กฤกษ์ทำพิธีแล้ว” อินทุอรโผล่หน้ามาบอกทุกคนในห้องแต่งตัวเมื่อลงมาถึงชั้นล่างที่สวนข้างบ้าน ก็เห็นเจ้าบ่าวยืนอยู่กับมัชกร และกลุ่มเพื่อนๆ เพื่อรอเ
“เราชอบอิ้งตั้งแต่ตอนมอต้น แต่เราไม่กล้าแม้จะคุยกับอิ้ง กลัวยัยน้อยหน่าแกล้งอิ้ง”“เราก็คิดว่าไม้ชอบเอิงเสียอีก”“ใครจะกล้าชอบ อิ้งบอกย้ำเราตลอดว่าเอิงจะเป็นเจ้าสาวของอาวิณของอิ้ง”“แฮะๆ ขอโทษนะ ตอนนั้นเรากลัวไม้ชอบเอิงน่ะ เลยบอกย้ำ” เธอสารภาพน้ำเสียงเขินๆ“ก็ตอนนั้นเราชอบอิ้งแล้ว จะชอบใครได้อีก”“แล้วทำไมไม่บอก ถ้าบอกตั้งแต่ตอนนั้นเราคงคบกันได้หลายปีแล้ว แล้วตอนนั้นไม้เหมือนสนใจเอิงด้วยนะ”“ก็สนใจ เพราะเอิงดูสู้คนไง”“เลยให้เอิงไปสู้กับยัยน้อยหน่าว่างั้นเถอะ”“อือ คิดว่าเอิงจัดการได้”“แต่เสียดาย น่าจะบอกกันบ้าง”“ถึงเราจะชอบอิ้ง แต่ก็ยังเด็ก และไม่แน่ใจว่าจะชอบต่อไปได้นานแค่ไหน”“งั้นตอนนี้ก็ยังชอบนะ”“ก็ชอบอยู่”“งั้นเรามาเป็นแฟนกันไหม” เพราะอย่างไรก็คบในฐานะเพื่อนมานานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำความรู้จักกันอะไรกันเพิ่มเติม“ได้ แต่อย่าเพิ่งบอกคนอื่นๆ ได้ไหม”“ทำไม อายเหรอที่จะเป็นแฟนกับเรา” น้ำเสียงมีแววน้อยเนื้อต่ำใจ“ถ้าอิ้งไม่กลัวพวกเขาแซวก็ตามใจอิ้งนะ”“งั้นปิดไว้ก่อนเหอะ แอบๆ คบกันก็น่าสนุกดีนะ” น้ำเสียงเธอร่าเริงขึ้นมาทันที“แต่อิ้งควรบอกผู้ใหญ่ของอิ้งก่อนนะ”“หมายถึงคุณแม่กับอาวิ
“จะไปไหน แต่งตัวซะสวยเชียว” อรองค์ถามขึ้นเมื่อนั่งอ่านหนังสืออยู่ในโถงชั้นล่างพร้อมกินของว่างไปด้วย ก็เห็น อารียาใส่เดรสสีครีมดูอ่อนหวานนุ่มนวล แถมยังแต่งหน้าอ่อนๆ ให้ดูหวานละมุนเข้ากับชุดที่สวมใส่“ไปดูหนังกับไม้”“แกไปล่อลวงไม้ให้ไปดูหนังได้ด้วยเหรอ”“บ้า ล่อลวงอะไร ปกติไม้ก็ไปดูหนังกับฉันกับยัยเหมี่ยวบ่อยๆ” ส่วนอรองค์กับมัทนาไม่ชอบเข้าโรงหนัง รวมทั้งมัชกรด้วย แต่ทุกครั้งที่ชวนเขาก็ไม่เคยปฏิเสธ“ก็ไม้ไปเป็นเพื่อนแกกับยัยเหมี่ยวไง แต่ครั้งนี้เหมี่ยวไปด้วยหรือเปล่า”“ก็ชวนแล้ว แต่มันไม่ว่าง และฉันก็อยากดูหนังเรื่องนี้มาก” เจ้าตัวก็บอกชื่อภาพยนตร์ที่จะไปดู“มีแผนไรหรือเปล่าเนี่ย ชวนไม้ไปดูหนังผี แล้วตัวเองแต่งตัวเป็นนางฟ้า”“อุ๊ย ฉันสวยมากใช่ไหมแก” น้ำเสียงของอารียาร่าเริงขึ้นมาทันที“ไปถามป้าอินที่ร้านดูก่อนไหม”“บ้าสิ ขืนไปถาม แม่ก็ซักไซ้ว่าฉันแอบกิ๊กผู้ชายไม่บอกเขาน่ะสิ”“คิดว่าป้าอินจะไม่รู้เหรอ แกมองไม้ที โหหวานซึ้งตรึงใจไปถึงสามโลก”“เว่อร์น่า”“ไม่เชื่อก็ไปถามไอ้ไม้ดู”“แกว่าฉันควรถามตรงๆ เหรอ”“เออ จะอมพะนำไปทำไม ค้างๆ คาๆ”“งั้นฉันจะลองทำใจกล้าถามเขาดู”“แต่ก็ต้องเผื่อใจด้วยน
ชอบมาตั้งนาน อรองค์กับแก๊งเพื่อนสนิทนั่งอ่านข่าวเด่นข่าวดังด้วยความชื่นมื่นในร้านชาบู ซึ่งจองห้องวีไอพีเฉพาะพวกเขาเท่านั้นข่าวลูกชายนักการเมืองจัดปาร์ตี้ยาได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมค่อนข้างมาก ในคืนนั้นใครตรวจเจอฉี่ม่วงก็โดนกันไป เรียกว่าไม่มีใครรอดสักคน แต่คนที่หนักสุดคือดรีม เพราะเป็นถึงลูกชายนักการเมืองที่เป็นถึงระดับผู้ช่วยรัฐมนตรี แถมตำรวจเจอคลิปลับในโทรศัพท์ของอีกฝ่ายอีกหลายสิบคลิปในโซเซียลฯ ก็ถูกประจานสันดานเลวๆ ของดรีม ส่วนใหญ่ผู้หญิงออกมาพูดว่าดรีมชอบเอาคลิปลับมาขู่ให้ยอมมีเซ็กซ์ในครั้งต่อๆ ไป บางคนก็ถูกล่อลวง แอบถ่ายต่างๆ นานา เรียกว่างานนี้เรียกโจทย์ทั้งเก่าและใหม่มาทัวร์ลงเท่านั้นยังไม่พอทำพ่อเสียชื่อไปด้วย ได้ยินข่าวมาว่า ประกันตัวออกมาแล้ว ดรีมถูกพ่อส่งไปเมืองนอก เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตามประสาคนรวย พอมีเรื่องก็อยู่เมืองไทยไม่ได้ เพราะกระแสจากสังคมตอนนี้แรงมากทางมหาวิทยาลัยก็สั่งพักการเรียนทุกคนในงานที่ตรวจเจอฉี่ม่วง รวมทั้งน้ำผึ้งด้วย ที่คืนนั้นแม้จะออกมาก่อนตำรวจจะมาถึง แต่อีกฝ่ายก็เป็นเจ้าของงานวันเกิด ถึงแม้คนที่เป็นเจ้าของปาร์ตี้ตัวจริงจะคือดร