30 นาทีต่อมา เปรมาก็เดินทางมาถึง
เธอยังคงอยู่ในชุดราตรีชุดเดิม รองเท้าคู่เดิม ออกจากงานยังไงก็มาที่นี่แบบนั้น ดูอลังการไปหน่อยแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับการก้าวเดิน เปรมากำลังขึ้นไปบนห้องของคู่หมั้นหนุ่มด้วยลิฟต์โดยสารส่วนตัวที่ถูกล็อกไว้ชั้นใครชั้นมัน เพนท์เฮาส์ที่เธออยู่ก็เป็นแบบนี้ และไกลจากที่นี่พอสมควร
จ่ายค่าที่พักอาศัยแพงหูฉี่แต่แลกมาด้วยความเป็นส่วนตัวสูงยังไงก็คุ้มสำหรับคนที่มีอาชีพอย่างเธอ และพอมีกำลังจ่าย ในหนึ่งชั้นจะมีเพื่อนบ้านแค่ 2-3 ห้องเท่านั้น นาน ๆ ครั้งจะเจอหน้ากันสักหนสองหน คีย์การ์ดที่ณัฐดนัยเคยให้ไว้เปรมาเก็บใส่ไว้ในกระเป๋าไว้เสมอ ถึงจะไม่ค่อยได้มาบ่อย แต่ใน 1 เดือนต้องมีแวะมาบ้าง อย่างน้อย 2 วันเป็นอย่างต่ำ มีช่วงนี้นี่แหละที่ไม่ค่อยได้มาเพราะเธอมีไปถ่ายซีรีส์ที่ต่างจังหวัดเกือบครึ่งเดือน เพิ่งกลับมากรุงเทพฯ ก่อนงานประกาศรางวัลได้แค่สามถึงสี่วัน
ตอนที่หมั้นเป็นช่วงเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการอย่างเต็มตัวของเธอ การใช้เวลาร่วมกันจึงมีไม่มากนัก แต่ณัฐดนัยเป็นคู่หมั้นที่ดี คอยถามไถ่ ห่วงใย และเอาใจใส่เสมอ พวกเธอทั้งคู่ไม่ได้เป็นคนรักกันมาก่อน
ที่หมั้นเพราะผู้ใหญ่จัดให้
มันเริ่มต้นมาจากคุณปู่ของพวกเราเป็นเพื่อนรักกัน ในอดีตพวกท่านคุยกันว่าถ้ามีหลานสาว หลานชายควรให้แต่งงานมาเป็นครอบครัวเดียวกันทำนองนั้น แล้วมันก็เกิดขึ้นจริง และสัญญาแบบปากเปล่าในตอนนั้นก็สำฤทธิ์ผลจนได้ ก่อนที่คุณปู่ทั้ง 2 ท่านจะจากโลกนี้ไป
ตอนนั้นเธอ พ่อ และแม่ ไม่เห็นด้วยเลยกับวิธีการคลุมถุงชนแบบนั้น นี่มันยุคไหนกันแล้ว วิธีการนั้นมันควรหมดไปจากโลกนี้นานแล้ว แต่ต่อรองยังไงก็ไม่ได้ผล สุดท้ายในเมื่อขัดคุณปู่ไม่ได้ก็เลยปล่อยไปตามน้ำ
เวลานั้นเธอก็ยังไม่มีใคร ณัฐดนัยก็ไม่ได้แย่ นิสัยดี สุภาพอ่อนโยน เห็นหน้ากันมาตั้งแต่เด็กด้วย อนาคตถ้าเห็นว่าไปไม่รอดก็แค่ถอนหมั้น โบกมือแยกย้ายกันไปทางใครทางมัน แต่มันก็ผ่านมานานถึง 5 ปี โดยไม่รู้ตัว คุณปู่ที่รักก็ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ครอบครัวยิ่งไม่มีทางขัดขวางถ้าเธอเลือกจะถอนหมั้น
ก่อนลงรถเธอได้รับสายโทรศัพท์จากครอบครัว ส่งข้อความมาแล้วก็ยังโทร. มาแสดงความยินดีที่เธอได้รับรางวัลอีกที พวกเขารอให้เธอกลับบ้านไปฉลองด้วยกันที่เชียงใหม่ เธอรับปากว่าจะกลับไปอย่างแน่นอน นับดูแล้วก็หลายเดือนที่ไม่ได้กลับไปเลย มีแต่พ่อแม่และน้องชายเดินทางมาหาที่กรุงเทพฯ
หญิงสาวแตะคีย์การ์ด เปิดประตูเข้าไปก็พบถึงความผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว รองเท้าส้นสูงสีเงินของผู้หญิงคือสิ่งแรกที่สะดุดตา มันไม่ใช่ของเธอแน่ เรื่องนี้มั่นใจมาก รอยยิ้มบางเบาบนใบหน้างดงามพลันเลือนหาย กลืนไปในบรรยากาศสลัว
ทุก ๆ วันที่คุณแม่คนเดียวถูกคุณพ่อและลูก ๆ มะรุมมะตุ้ม ล้อมหน้าล้อมหลัง เป็นภาพชินตามที่ทุกคนในบ้านคุ้นเคย ต้องแจกจูบ แลกหอมกันจนพอใจ ถึงแยกย้าย คุณพ่อไปทำงานแบบไม่ค่อยเต็มใจ เด็ก ๆ เดินตามกันไปเล่น แต่ต้องอยู่ในรัศมีที่มองเห็นคุณแม่เท่านั้น ไม่อย่างนั้นอย่าได้ถามหาความสงบสุข ช่วงกลางวัน บางวันเด็ก ๆ ก็จะไปหาคุณพ่อที่บริษัทและอยู่ยาวจนถึงเวลาเลิกงาน ที่ห้องทำงานท่านประธานใครเข้าไปจะเห็นเลยว่ามีอุปกรณ์เด็กเพิ่มมาเยอะเลยพนักงานไม่ได้สิทธิ์ในการเลี้ยงบุตรหลานในที่ทำงานแต่ใครให้เขาเป็นประธานล่ะ จะเอาลูกมาเลี้ยง มาเล่น มานอนกลางวันที่บริษัทตัวเองยังไงก็ได้ วันไหนพาลูกมาลำพังไร้เงาคุณผู้หญิงก็รู้ได้เลยว่าวันนั้นภรรยาท่านประธานติดธุระ ออกไปพบปะ คนที่รับบทผู้ช่วยก็คือคุณเลขาฯ ไม่ใช่พี่เลี้ยงที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ที่บ้าน “คูมพ่อขา เอลล่าจาดูตูนเจ้าหญิงค่ะ”“คีนจะเล่นรถ”“ป้อ!”เปรมามองภาพความอลหม่านแล้วยิ้มหวาน ประกายความสุขอาบไร้บนใบหน้า มีคนเคยถามเธอว่าตัดสินใจมีลูกเร็วไม่คิดว่าจะเสียโอกาสในสายงานที่กำลังไปได้ดีเหรอ โอกาสดี ๆ ไม่ได้มีเข้ามาบ่อย ๆ หรอกนะคำตอบของเธอคือไม่ตั้งแต่แรกการมีลูกไม่ไ
5 ปีต่อมาเปรมาแต่งงานกับพฤทธิ์มาแล้ว 5 ปี มีพยานรักที่น่ารักน่าชังแล้วถึง 3 คน เป็นชาย 2 หญิง 1 วัยกำลังซุกซน คนโตเป็นผู้ชายชื่อน้องคีน คนที่สองชื่อน้องเอลล่า และคนเล็กชื่อน้องเคิร์ท ไม่ต้องพูดเรื่องความรักที่มอบให้กับเด็ก ๆ ทั้งสองครอบครัวรักใคร่และตามใจหลานกันสุด ๆ วันนี้ทั้งครอบครัวได้รับเชิญให้ไปงานประกาศรางวัลประจำปี และมารดาของเด็ก ๆ ที่น่ารักก็กำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ในห้องนั่งเล่นกับช่างแต่งหน้ารู้ใจทีมเดิม หน้าที่รับผิดชอบลูก ๆ จึงตกเป็นของคุณพ่อที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อครอบครัวอาบน้ำ ป้อนข้าว เปลี่ยนแพมเพิร์ส ท่านหนุ่มประธานวัย 35 ปี ทำได้คล่องมากมีพี่เลี้ยงมาคอยช่วยดูแลแต่อะไรที่ทำเองได้ก็อยากทำด้วยตัวเองอยู่ดี เปรมาเองก็เหมือนกัน เพื่อลูกเธอทำได้ทุกอย่างแม้ว่าเรื่องนั้นจะไม่ถนัดเลย เป็นต้นว่าการทำอาหารเธอก็ฝึกจากเมนูง่าย ๆอัพเลเวลทำให้สามีทานได้มากกว่าการต้มบะหมี่ และทอดไข่ได้แล้วชมเปาะว่าเมียทำอร่อย เอาใจเก่งไม่เปลี่ยน แต่ยังไงก็ตามหน้าที่ทำอาหารก็ยังเป็นของสามีอยู่ดีและตั้งแต่มีลูกเปรมาก็ไม่ค่อยได้รับงานละครเท่าไร ล่าสุดเพิ่งรับไปหนึ่งเรื่อง เป็นซีรีส์วัยรุ่น เธอเน้นไปที่กา
สีหน้าถมึงทึงของพ่อเลี้ยงบดินทร์บ่งบอกถึงอารมณ์คุกรุ่นรุนแรงของเขาได้เป็นอย่างดี ไม่เดินเข้าไปบีบคอหญิงชั่วให้ตายคามือก็ดีเท่าไรแล้ว การกลับมาเจอกันครั้งนี้ไม่มีความหลังครั้งเก่าให้คิดถึง มีแต่ความแค้นสุมอกที่ผู้หญิงคนนี้ทำร้ายลูกสาวของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเท่านั้นเลย“เธอคิดว่าฉันตายห่าไปแล้วหรือไงจันทร์แรม” เสียงตะคอกนี้ไม่ต้องกลัวเลยว่าลูกค้าที่มาใช้บริการจะตกใจจนขวัญหนีกระเจิง ตอนนี้แม้แต่ลูกจ้างทั้งหมดก็ไม่อยู่ในร้าน ลูกเขยเขาปิดร้านให้เป็นส่วนตัวแล้วตอนที่พฤทธิ์โทร. มาเล่าให้ฟังว่าหญิงชั่วคนนี้พยายามหาทางเข้าหาลูกสาวของเขาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองพ่อเลี้ยงบดินทร์ก็ของขึ้นทันที และบอกเสียงดังฟังชัดว่าจะจัดการปัญหาน่ารำคาญนี้ด้วยตนเอง ลูกเขยไม่ต้องยุ่ง ให้พาลูกสาวเขาไปล่องเรืออยู่ในทะเลอย่างสบายใจได้เลย“ไม่ค่ะพ่อเลี้ยง” ปากคอจันทร์แรมสั่น“ไม่อะไร เธอยังคิดว่าตัวเองเป็นแม่จริง ๆ ของไอรีนอีกเหรอ เธอคิดจะเรียกร้องอะไรจากลูกสาวของฉันอีกห๊ะ! ที่ฉันยอมให้ลูกฉันเรียกเธอว่าแม่ไม่ได้หมายความว่าฉันยอมรับสถานะนั้นของเธอนะ เธอควรรู้ไว้ว่าทุกครั้งที่ฉันคิดว่าไอรีนเรียกเธอว่าแม่ฉันแค้นจะแย่ เพรา
จันทร์แรมหาทางมาเจอลูกสาวคนแรกอยู่หลายวัน แต่ทุกครั้งล้วนล้มเหลว ขอเข้าพบว่าที่ลูกเขยก็เข้าถึงไม่ได้ ทว่าเมื่อคืนก่อนนอนได้รับการติดต่อมาจากผู้จัดการของเปรมา นัดให้ออกมาเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเธอรีบตอบตกลงทันที เรื่องราวของลูก ๆ ที่เฝ้าเลี้ยงดูฟูมฟักเป็นอย่างดีกัดกินความคิดของเธอจนทำให้ดูอ่อนล้ากว่าหลายปีที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัดเปรมมิกาตั้งแต่แต่งงานเข้าบ้านสามีไปวัน ๆ ก็มีแต่เรื่องชวนให้ปวดหัว บีบหัวใจ แม่ผัวตัวร้ายกับสามีไม่เอาไหนนึกถึงแล้วก็แค้นแทนลูก พอรู้ว่าจะได้เจอเปรมาในเที่ยงวันนี้อารมณ์ขุ่นมัวก็ดีขึ้นมาก ตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ช่วยลูกสาวคนโปรด ถ้ามีลูกเขยคนโตหนุนหลัง ครอบครัวลูกชายคนเล็กคงไม่กล้ารังแกคนของเธออีก เรื่องนี้จะต้องหาวิธีพูดให้ได้ หมายมั่นมาตั้งแต่ที่เริ่มคิดเข้าหาลูกสาวคนโตแล้ว ต่อให้อดีตจะโกรธเกลียดน้องยังไง ตอนนี้ตัวเองก็ไปได้ดีแล้วยังต้องสนใจเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วอีกเหรอ คนในครอบครัวไม่ช่วยกันเองแล้วจะรอให้ใครช่วย“เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าลูกสาวเธอคนนั้นจะญาติดีด้วย”“ยังไงจันทร์ก็คือแม่”จันทร์แรมพูดเรียบ ๆ ไม่สนใจสามีที่เริ่มมีโรคภัยรุมเร้า และแก่ชราลงอย่างรวด
ออกจากบริษัทแล้วพฤทธิ์ก็พาภรรยาไปย่านขายอาหารริมทางผู้คนพลุกพล่านไม่น้อย จำนวนร้านที่ออกมาตั้งขายก็เยอะ การหาที่จอดรถเหมือนจะยากแต่โชคดีที่มีรถออกพอดีเขาเลยจอดแทนที่จูงมือพากันเดินลงมาแบบเปิดเผย ไม่ปิดบังใบหน้า มีคนเห็นพวกเขาแล้ว และไม่พลาดที่จะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ กล้าหน่อยก็เรียกชื่อ ชมต่อหน้า“ไอรีน”“ตัวจริงสวยจังเลยค่ะ”“พี่เป็นแฟนคลับน้องนะคะ”“คืนนี้ต้องหลับฝันดีแน่ ๆ เจอนางฟ้าก่อนนอน”“ไม่นึกไม่ฝันว่าการพาเมียออกมากินส้มตำจะเจอคนสวย”เปรมาไม่หยิ่ง ไม่ถือตัวเลย เธอยิ้มให้ทุกคนที่ทัก พ่อค้าแม่ค้าก็เรียกจะให้ของกินแต่เธอไม่รับบอกว่าของซื้อของขาย ให้ฟรี ๆ ไม่ได้ หาอะไรทานเสร็จแล้วจะแวะอุดหนุนก่อนกลับ คนข้างกายจะเฉยชาก็ไม่มีใครถือสา เพราะไม่ใช่ไม่มีใครรู้ว่าเขามีบุคลิกแบบนี้มาตั้งแต่เกิด แถมยังได้รับเสียงชื่นชมไปอีกต่างหาก หล่อเหมือนเพราะเอกเกาหลี เรื่องนี้เห็นด้วยอย่างแรง แต่มีใจเอนเอียง คนของเธอหล่อกว่าแต่พูดไปไม่ได้เดี๋ยวถูกหมั่นไส้ ได้แต่ชมกันเอง“สำหรับไอรีนคุณหล่อกว่าใครเลยค่ะ”“คุณก็สวยที่สุดสำหรับผมเหมือนกัน”เอาเป็นว่าที่สุดของคนอื่นเป็นยังไงไม่รู้ แต่ที่สุดของคู่ร
เปรมายิ้มหวานออก และมันก็สดใสราวกับว่าโลกกลม ๆ ใบนี้ไม่มีความหม่นหมองที่ทำให้คนกุมขมับทุกข์ใจได้ “ไม่มีอะไรต้องเถียงเลยค่ะ สิ่งที่คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว ไอรีนรักคุณ ไม่อยากพูดถึงแต่ก็อยากพูดให้คุณเข้าใจ คุณเป็นผู้ชายคนแรกในฐานะคนรักที่ไอรีนรักนะคะเมฆ” “พูดด้วยสิครับว่าจะเป็นคนสุดท้ายด้วย” เขางับจมูกเธอเบา ๆคนถูกเรียกร้องให้รับปากหัวเราะน่ารัก คำว่าตลอดไปฟังดูยาวนานเหลือเกิน แต่กาลเวลามันหมุนไปเร็วกว่าที่คิด ดังนั้นหากทำอะไรแล้วมีความสุขก็ควรทำเลย ยังจะต้องลังเลอีกทำไม เปรมายืดตัว พลางเอี้ยวหน้าจูบปากสุดที่รักของเธอแรง ๆ “ตามที่คุณต้องการเลยค่ะที่รักขา คุณคือรักแรกรักเดียวตลอดไปของไอรีนแต่ถ้าคุณเกเรเมื่อไรไอรีนจะเอาความรักกลับคืน” ขู่ไว้ก่อนแต่เชื่อว่าวันนั้นไม่มีทางมาถึงเพราะผู้ชายของเธอมั่นคงจะตาย “ไม่มีทาง ไม่มีทางที่คุณจะเอาหัวใจและความรักที่มอบให้ผมแล้วกลับไปได้หรอกที่รัก” น้ำคำหนักแน่นดุจหินผา เหมือนใจที่สลักไว้แล้วว่าจะเป็นของเปรมาแค่คนเดียว ความรู้สึกนี้ต่อให้ผ่านไปอีกกี่สิบปีก็ยังคงเหมือนเดิม “ผมรักคุณนะครับไอรีน และจะรักมั่นคงตลอดไป เชื่อผมนะ”“เชื่อค่ะ ไอรีนเชื่อคุณ” เหมือน