Se connecterเพราะร่างกายที่บอบช้ำจากการถูกหิรัญจับฟัดไปหลายรอบ ตอนเย็นเธอจึงตัวรุมๆ พอตอนค่ำจึงมีไข้ ลำบากคนตัวโตต้องคอยเช็ดตัวเพื่อลดไข้ให้เธออีกครั้ง ยุวดาตัวสั่นเมื่อร่างกายโดนน้ำ หล่อนครางออกมาเบาๆ
"คงจะเจ็บมากสินะ..หนูยิ้ม" ดวงตาสีนิลจ้องมองใบหน้าสวยหวานของยุวดาด้วยแววตาอาทร เขาลูบศีรษะทุยได้รูปที่มีเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนของเธอเบาๆ คล้ายจะเป็นการปลอบโยน เกลี่ยเส้นผมที่หล่นลงมาปรกใบหน้างามงอนขึ้นไปทัดใบหูให้ "ยัยตัวร้าย" เขาบีบปลายจมูกโด่งที่เชิดขึ้นนิดๆ ของเธอเบาๆ ทั้งยังจูบแก้มเนียนขาวอย่างถือสิทธิ์ เธอยังคงหลับสนิทมีเพียงร่างกายที่สั่นขึ้นนิดๆ เพราะพิษไข้ ก็ใครใช้ให้หล่อนมาทำฤทธิ์เยอะใส่เขาทำไม เขาโกรธก็เลยลงโทษเธอไปโดยการจับเธอฟัดไปหลายครั้ง ชายหนุ่มก้มลงมองร่องรอยบอบช้ำที่กลางร่องรักสีหวาน หิรัญครางต่ำเพราะความต้องการทางร่างกาย เธอกำลังป่วย ส่วนเขากำลังหื่นกระหาย ชายหนุ่มค่อยๆ ยื่นปลายลิ้นเรียวลงไปแตะที่ปลายกระสัน ละเลงลิ้นจนชุ่มฉ่ำ ก่อนจะแยกเรียวขาของเธอออก เขาแบะมันออกจนเห็นร่องรักชัดๆ ละเลงปลายลิ้นจนทั่วช่องทางรักก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอ เธอยังคงหลับสนิท หิรัญอมยิ้มนิดๆ ก่อนจะละเลงปลายลิ้นลงไปอีกรอบ เขาหอบหายใจหนักๆ เพราะความปรารถนาเข้ามาทายทักเจ้าลูกรักจนแข็งขึ้น ตอนนี้มันตื่นตัวเต็มที่ "นี่กูกำลังลักหลับหนูยิ้มอยู่เหรอวะ..บ้าชิบ!" คนตัวโตก่นด่าตัวเองที่คิดจะทำแบบนั้น หิรัญใจสั่นพยายามหักห้ามใจตัวเองอย่างหนัก เขารีบปิดผ้าห่มให้คนที่กำลังนอนหลับไม่รู้อิโหน่อิเหน่ คลุมมิดจนถึงต้นคอ เรียกว่าห่อจะดีกว่า เพราะมันมิดจนเหลือแต่หน้า หิรัญลุกขึ้นมานั่งสงบจิตสงบใจที่หน้าแพ รับลมเย็นๆ จากท้องทะเลทำให้จิตใจสงบลง เขามองตรงไปยังท้องทะเลที่ไกลโพ้นพร้อมกับถามตัวเองในใจ ว่าทำไมเขาถึงได้ต้องการหล่อนมากมายขนาดนั้น ทั้งๆ ที่หล่อนชอบกวนประสาทและยั่วโมโหให้เขาโกรธ หนุ่มใหญ่นั่งสงบสติอารมณ์อยู่ราวครึ่งชั่วโมง กว่าจะเข้าไปนอนใกล้ๆ ยุวดา เขาหลับตาลงเคลิ้มหลับไปเพียงชั่วโมงกว่าๆ ยุวดาก็ลืมตาตื่น หล่อนลุกขึ้นกรีดร้องทันทีเมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังนอนแก้ผ้า อ๊าย!!!!! "นี่คุณแก้ผ้าฉันทำไมเนี่ย..ไอ้บ้า!" หล่อนทุบตีเขาอย่างบ้าคลั่ง "หรือว่าคุณลักหลับฉัน ไอ้หิรัญ ไอ้หนวดบ้า!" หล่อนขว้างปาทั้งหมอนทั้งผ้าห่มใส่ใบหน้าของหิรัญ เขาขบกรามแน่นจนนูนเป็นสันก่อนจะคำรามลั่นใส่หน้ายุวดา "นี่หยุดเดี๋ยวนี้นะ!" เขากระชากแขนเธอมาจนร่างเล็กถลาปะทะกับแผงอกกำยำ "ไอ้บ้า! อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ!" เธอดิ้นรนขลุกขลักตะโกนใส่หน้าหิรัญสุดเสียงชายหนุ่มตะเบ็งเสียงใส่หล่อนไม่แพ้กัน "หนูยิ้มหยุดตีผมเดี๋ยวนี้นะ!" หล่อนไม่ฟังยังทุบตีท่อนแขนแกร่งกำยำของหิรัญต่อไป "ผมบอกให้หยุดไม่ได้ยินหรือไง" ยุวดาไม่สนใจ หล่อนโผเข้าไปทุบตีตรงแผงอกแข็งแกร่งของเขาหนักๆ จนเกิดเสียงดัง ปั่ก!!! นายหัวหนุ่มตาลุกวาวด้วยความเดือดดาลแต่กลับไม่สะทกสะท้านจากแรงทุบตีนั่นสักนิด "หยุดเดี๋ยวนี้นะหนูยิ้ม! ผมบอกให้คุณหยุดไง" "ไม่!..ไอ้หนวดบ้า! แกรังแกฉัน" "ผมไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น" "ฉันไม่เชื่อ แกมันบ้า ไอ้หนวดบ้า!" ยุวดายังคงตะโกนด่านายหัวหิรัญ เขาขบกรามแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนตรงกลางหน้าผาก โกรธหล่อนจนตัวสั่นแต่ก็ยังอธิบายให้เธอฟังต่อไป "ผมไม่ได้ทำอะไรคุณทั้งนั้น ถ้าไม่เชื่อก็แล้วแต่คุณ ผมเห็นคุณเป็นไข้เลยเช็ดตัวลดไข้ให้เท่านั้น ทำคุณบูชาโทษชัดๆ" ยุวดาลดหมัดที่กำลังระดมทุบตรงแผงอกเขา หล่อนมองใบหน้าคมเข้มของเขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตา สีหน้าและแววตาของไอ้หนวดบ้าช่างเต็มไปด้วยความจริงจังจนหล่อนหวาดหวั่นเสียเอง "ผมไม่ได้ทำอะไรคุณจริงๆ นะหนูยิ้ม ผมสาบานได้ แค่เช็ดตัวลดไข้ให้คุณเท่านั้น" "เช็ดตัวทำไมต้องแก้ผ้าฉันด้วยล่ะ" น้ำเสียงเธออ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่แข็งกร้าวเหมือนเมื่อครู่ แต่แววตายังดุอยู่ "นี่คุณ..ผมจะบอกอะไรให้นะ ราชสีห์อย่างผมไม่ชอบกินเหยื่อที่ตาย ผมชอบกินเหยื่อที่ดิ้นได้เท่านั้น..เข้าใจไหมครับ ลักหลับมันจะไปมันอะไร สู้ทำตอนมีสติไม่ได้มันสะใจกว่า.." สิ้นคำของหิรัญหล่อนก็กรี๊ดออกมาเสียงดังพร้อมกับคำด่าทอมากมาย อ๊าย!!!!! "ไอ้บ้า! ไอ้หนวดบ้า!" "คำก็บ้า สองคำก็บ้า คุณเป็นเมียคนบ้าไปกี่ครั้งแล้วล่ะ นับครบไหมครับ" "อ๊าย!!..นายหัวหิรัญ หยุดพูดบ้าๆ กับฉันนะ" "ทำไมล่ะ..คุณก็ชอบไม่ใช่เหรอ ตอนผมทำคุณยังตอบสนองผมอยู่เลย เรื่องบ้าที่ไหน" "ไอ้..ไอ้..ไอ้..อ๊าย!!!!" หล่อนเถียงไม่ได้เลยได้แต่กรี๊ดใส่หิรัญ "นี่หยุดกรี๊ดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวคนงานของผมจะตกใจ นึกว่าผีที่ไหนมากรีดร้องขอส่วนบุญดึกๆ ดื่นๆ" "นี่คุณหาว่าฉันเป็นผีขอส่วนบุญอย่างนั้นเหรอ..คุณหิรัญ" "แล้วจริงมั้ยล่ะ กรี๊ด กรี๊ด อยู่ได้ แก้วหูแทบไหล นอนซะ!..เดี๋ยวพรุ่งนี้จะอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้" อ๊าย!!!!! "ไอ้หนวดบ้า!" หิรัญชี้หน้า "อย่ากรี๊ดอีกนะ ถ้าขืนคุณกรี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง ผมจะปล้ำคุณตอนนี้ อยากโดนปล้ำก็กรี๊ดอีกสิ" ยุวดาเงียบเสียงทันที ไม่กล้ากรี๊ดอีกต่อไป กลัวคนเอาแต่ใจจะจับเธอปล้ำขึ้นมาจริงๆ วันนี้เขาจับเธอกินไม่รู้กี่ครั้ง เธอเจ็บจนขาถ่าง นายหัวหิรัญกลั้วหัวเราะในลำคอ โถ..นึกว่าจะแน่ เธอมันก็แค่ลูกไก่ ไม่..ไม่..หล่อนไม่ใช่ลูกไก่ แต่หล่อนมันแค่ลูกเจี๊ยบต่างหาก หิรัญกลั้นขำกับใบหน้างอง้ำของยุวดา "ออกไปข้างนอกก่อนสิคะ ฉันจะใส่เสื้อผ้า" "แล้วเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ คุณจะใส่ก็ใส่ไปสิ ผมจะนั่งอยู่ตรงนี้" "นี่คุณหิรัญ" "เรียกพี่หินสิครับ" "ไม่!" หล่อนสะบัดหน้าใส่ พร้อมคำปฏิเสธทันที "งั้นผมก็จะนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ลุกไปไหน ไม่รู้จะอายทำไมกะอีแค่ใส่เสื้อผ้า ผมเห็นไปถึงมดลูกแล้วล่ะ" "อ๊ะ!.." "หุบปาก!" หิรัญยกมือขึ้นปิดปากของเธอเอาไว้ไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องสิบแปดหลอดออกมาได้ "ผมบอกแล้วไงถ้าคุณกรี๊ดผมจะปล้ำ" ยุวดาชักสีหน้างอง้ำกลืนเสียงกรีดร้องลงคอ หล่อนแกะฝ่ามือหนาที่กำลังปิดปากเธอออก หิรัญยอมเอาฝ่ามือออกเมื่อเห็นว่าเธอสงบลง ชายหนุ่มนอนลงบนที่นอนพร้อมหันหลังให้ยุวดา "ใส่เสื้อผ้าซะ" เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดจนถึงหน้าเพื่อให้หล่อนเห็นว่าเขาไม่ได้แอบมอง ทั้งที่ลูกกะตาทั้งสองอยากจะมองใจจะขาด หล่อนมองแผ่นหลังกว้างพร้อมถลึงตาใส่ คนอะไรดุยิ่งกว่าหมา หล่อนหยิบเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมใส่นอนหันหลังให้หิรัญ ทั้งคู่นอนหันหลังให้กันทั้งคืนจวบจนรุ่งเช้า แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าส่องลอดเข้าทางหน้าต่างบานใหญ่ที่หิรัญเปิดทิ้งเอาไว้เพราะเขาตื่นไปวิ่งออกกำลังกายตั้งแต่ตีห้า ไม่นานชายหนุ่มก็เดินกลับมาที่แพ เห็นหญิงสาวยังนอนอุตุอยู่บนที่นอนอย่างสบายอารมณ์ เขาเลยกระชากผ้าห่มออกจากร่างสูงโปร่งของเธอ นั่นล่ะเธอจึงตื่นลืมตา "นี่คุณทำอะไรของคุณเนี่ย มากระชากผ้าห่มฉันทำไม คนกำลังหลับสบาย" "จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนลุกขึ้นมาซักเสื้อผ้า" "ทำไมฉันต้องซักด้วยล่ะ แม่บ้านก็มีไม่ใช่เหรอ เอาไปให้เขาซักสิ" "นี่หนูยิ้ม..อยู่ที่แพนี่คุณต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองไม่มีใครทำอะไรให้คุณทั้งนั้น" "อะไรนะ!..ให้ฉันทำเองเนี่ยนะ ไม่มีทาง" หล่อนเบะปาก ลุกขึ้นนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ เชิดคอขึ้นอย่างถือดี "ฉันคือคุณหนูยิ้ม เกิดมาฉันไม่เคยต้องทำอะไรเองทั้งนั้นมีแต่ชี้นิ้วสั่ง" "แต่คุณต้องทำเพราะนี่คือคำสั่งของผม เจ้าชีวิตของคุณ" "คุณหิรัญ!" หล่อนยืนเท้าสะเอวจ้องนายหัวหิรัญอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แววตาดุเยี่ยงแม่เสือสาว "เอ้า!..เอาไป นี่เสื้อผ้าของคุณแล้วนี่ของผม" เขาโยนเสื้อผ้าสามสี่ชุดส่งให้ยุวดาที่ยืนถลึงตาเหมือนจะฆ่าเขาให้ตาย "ทำไมฉันต้องซักให้คุณด้วย" แม่เสือสาวคนสวยยังไม่ยอมจำนนต่อหิรัญ "เพราะผมเป็นผัวคุณยังไงล่ะยุวดา ไปซักผ้าซะ กะละมังกับผงซักผ้าอยู่ที่นอกชาน" เธอเดินกระทืบเท้าไปหยิบผงซักผ้ากับกะละมังเดินไปข้างหลังแพ หิรัญเดินตามเธอมาติดๆ "เปิดน้ำใส่กะละมังสิ ยืนเซ่ออยู่ทำไม ก็อกน้ำอยู่ตรงนั้นเห็นมั้ย" เขาชี้ไปยังแทงค์น้ำขนาดใหญ่ที่เก็บน้ำจืดเอาไว้เพื่อใช้อุปโภคบริโภค ชายหนุ่มยืนกอดอกมองการกระทำของยุวดา แต่แทนที่หล่อนจะซักผ้ากลับเขวี้ยงกะละมังกับผงซักผ้ามาทางเขาแทน "นี่แหน่ไอ้หิรัญ!" โชคดีที่เขาหลบได้ทันไม่อย่างนั้นคงหัวโน หิรัญโกรธจนหน้าแดง เดินไปกระชากแขนหล่อนแรงๆ ให้เดินตามเขาไปที่ริมหาด เขาจับเธอกดน้ำจนสำลัก หญิงสาวหน้าแดงก่ำน้ำมูกน้ำตาไหล แถมยังดื่มน้ำเข้าไปหลายอึก มันไม่ใช่น้ำจืดแต่มันคือน้ำทะเลที่เค็มปี๋ "คราวหน้าคราวหลังจำไว้ให้ดีอย่าเรียกพี่ว่าไอ้หิรัญ เพราะพี่จะจัดการเธอสถานหนักนี่แค่เบาะๆ""หนูยิ้มกินยาแก้เมาเรือให้เรียบร้อยก่อนนะคะ เพราะวันนี้เราจะเดินทางกลับฝั่ง"หิรัญยื่นยาเม็ดเล็กสีขาวพร้อมด้วยน้ำสะอาดส่งให้ภรรยาตัวน้อยก่อนจะขนสัมภาระออกไปวางที่หน้าแพ หล่อนส่งยิ้มให้คนแก่กว่า กรอกเม็ดยากลืนลงท้องอย่างว่าง่าย"ให้ยิ้มช่วยยกไหมคะ""ไม่ต้องหรอกจ้ะ กระเป๋ามันหนักยิ้มเดินเฉยๆ จะสบายกว่า ส่วนของพวกนี้พี่ยกคนเดียวได้"สามีของเธอน่ารักจังเลย ยุวดาแอบคิดในใจ"พี่ว่าจะไปทานกาแฟกับไอ้ทับไอ้ทีสักหน่อย ยิ้มจะไปทานด้วยกันไหมคะ""เป็นกาแฟแบบไหนเหรอคะ กาแฟสดคั่วบดหรือเปล่า""เปล่าหรอกจ้ะ แค่กาแฟซองทรีอินวันธรรมดา นี่มันเกาะกลางทะเลไม่มีของดีๆ แบบที่หนูยิ้มอยากกินหรอกค่ะ"นายหัวหนุ่มโยกศีรษะของเธอไปมาด้วยความรักและเอ็นดูจับใจ ไม่ได้คิดว่าเรื่องมากวุ่นวายเหมือนก่อนหน้า อะไรธรรมดากระแดะกินไม่ได้อยากกินแต่ของหรูๆ แพงๆ ตอนนี้เขาเข้าใจเธอมากขึ้น อยากปรับตัวเข้าหาเธอมากขึ้น และให้เวลาเธอปรับตัวเข้าหาเขามากขึ้นเช่นกัน"ยิ้มอยากทานเอสเปรสโซหอมๆ ที่ชงในน้ำร้อน 90 องศา ยิ้มไม่ได้ทานมาหลายวันแล้วนะคะ"เ
"ฮั่นแหน่.วันนี้มีอะไรดีๆ เหรอครับ เห็นยิ้มทั้งวัน ปากแทบจะฉีกถึงรูหูแล้วนั่นน่ะ"ทับเอ่ยแซวเจ้านายที่ยืนคุมคนงานไป ปากก็ฉีกยิ้มไป แถมแววตาก็หวานเชื่อมเป็นประกายแปลกตา แต่แทนที่หิรัญจะโกรธกลับฉีกยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม ทับคิดว่าเจ้านายเขาเริ่มจะอาการหนักเข้าทุกวัน"พี่ทับ..ทำไมพี่ไปแซวนายหัวอย่างนั้นล่ะ เดี๋ยวก็โดนเตะผ่าหมากหรอกพี่ ไม่กลัวหรือไง"ทับส่ายหน้าแล้วหันไปยิ้มกับน้องชาย "จะกลัวทำไม มึงเชื่อกูดิไอ้ที วันนี้ต้องมีอะไรดีๆ แน่ๆ ต่อให้กูแซวหนักกว่านี้ก็ไม่โดนเตะหรอก"น้องชายไม่อยากจะเชื่อคำพี่ชายหรอก แต่เห็นหิรัญนิ่งเขาก็แอบดีใจ วันนี้เขาก็จับสังเกตได้ว่าเจ้านายอารมณ์ดีแหมไอ้นี่ทำมาเป็นรู้ดี หิรัญแอบคิดในใจ สักพักคนที่ยืนเกาะอกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็หันมาด้วยประกายตาบางอย่าง ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างพลางเดินเข้าไปใกล้ๆ ทับกับทีทำท่าจะถอย"นั่นพวกมึงจะถอยไปไหนเข้ามาใกล้ๆ กูนี่!"สองพี่น้องรีบเดินเข้ามาใกล้ๆ เจ้านายทันทีอย่างกล้าๆ กลัวๆ"ทีเมื่อกี้มึงยังไม่เห็นกลัวกูเลย" หิรัญเอ่ยแซว"แต่ตอนนี้กลัวแล้วครับเจ้านา
เช้าวันถัดมา.....นายหัวหิรัญลุกขึ้นมาตั้งแต่ตีห้าเพื่อไปวิ่งออกกำลังกายเหมือนทุกวัน เขาจะทำแบบนี้เป็นประจำเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเพราะเขาไม่อยากเป็นตาแก่ที่อ้วนลงพุง ก่อนมาก็ไม่ลืมหุงข้าวเอาไว้ด้วย วันนี้ไม่รู้ว่าภรรยาคนสวยจะอยากกินอะไร เมื่อวานตอนไปเดินห้างเขาซื้อปลาแซลมอนติดไม้ติดมือกลับมาเผื่อว่าเธอจะอยากทาน หิรัญเดินมายังบ้านพักที่ริมหาดเพื่อมาหาป้าแก้ว"ป้าแก้วครับบอกสูตรน้ำยำรสเด็ดให้หน่อยสิครับ""นายหัวจะยำอะไรเหรอคะ เดี๋ยวป้าทำให้ก็ได้ นายหัวจะได้ไม่ต้องเหนื่อย""ไม่เหนื่อยหรอกครับป้า ผมจะทำยำแซลมอนให้ยุวดาน่ะ""น่าอิจฉานายหญิงจังค่ะ นายหัวตามใจขนาดนี้ เดี๋ยวป้าจดสูตรให้นะคะ รับรองอร่อยแน่นอนค่ะ""ขอบคุณครับ"นายหัวหิรัญเดินกำกระดาษแผ่นนั้นกลับมายังแพ จัดการแล่เนื้อปลากะขนาดให้พอดีคำ ปรุงน้ำยำรสเด็ดตามสูตรของแม่ครัวหัวป่า ทำเสร็จก็เดินไปปลุกภรรยาที่นอนอุตุอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา"หนูยิ้มตื่นได้แล้วค่ะ ลุกขึ้นมาทานข้าวทานยาได้แล้ว"เขาก้มลงจูบหอมแก้มเธอไปฟอดใหญ่ๆ เพราะ หนวดเคราสากระคา
หิรัญพายุวดามาเดินห้างที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หล่อนตาพร่า เพราะของในห้างละลานตาไปหมดไม่ต่างจากห้างดังในกรุงเทพมหานครสักเท่าไหร่ เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่หล่อนไม่ได้ช้อปปิ้งและสั่งของออนไลน์ตอนนี้หล่อนแทบจะลงแดงตายอยู่แล้ว วันนี้หล่อนจะปลดปล่อยให้เต็มที่ หญิงสาวเริ่มเดินไปที่เคาน์เตอร์เครื่องสำอางค์ โดยมีหิรัญคอยเดินตามอยู่ห่างๆ เหมือนหมาหงอยเดินตามตูดเมียต้อยๆ มีหน้าที่คอยจ่ายตังค์ค่าสินค้าที่เธอต้องการยุวดาเริ่มหยิบลิปสติกสีชมพูหวานขนาดทดลองมาลองแต้มบนริมฝีปาก"สวยมาก!"หล่อนแทบจะกรี๊ดกร๊าดออกมา เมื่อเจอสินค้าที่ตัวเองถูกใจ เธอเลือกลิปสติกสีสวยออกมาอีกสามสี่แท่งแล้วลองแต้มบนริมฝีปากบาง สรุปทุกสีมันสวยมากเมื่อทาลงบนริมฝีปากของเธอ ยุวดาเลือกลิปสติกอยู่สักพักพนักงานจึงเดินเข้ามา"สีนี้ก็สวยนะคะคุณลูกค้า จะรับกี่สีดีคะ"พนักงานประจำเคาน์เตอร์เครื่องสำอางค์ออกมาต้อนรับลูกค้าสุภาพสตรีที่มาคู่กับนายหัวหิรัญ"นายหัวสวัสดีค่ะ"พนักงานหญิงคนนั้นยกมือขึ้นไหว้นายหัวหิรัญคนดังของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ทันที ภายในจ
นายหัวหิรัญมองดูยุวดาเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไม่ละสายตาเลยสักนิด ยุวดาหงุดหงิด นี่เขาจะมองอะไรกันนักกันหนา ตาแทบถลนออกมาแล้วนะ"มองอะไร!"หล่อนแหวใส่..หิรัญไม่สนใจทำเพียงไหวไหล่น้อยๆ เท่านั้น แต่ตายังคงจ้องมองเธอไม่ลดละ"ทำไม..ผมมองเมียตัวเองไม่ได้หรือไง ผิดตรงไหนไม่ทราบ""คุณหิรัญ!" หล่อนตาขวางเขาจ้องมองเธอตั้งแต่บนลงล่าง ล่างขึ้นบนอยู่อย่างนั้น "แต่งตัวเสร็จก็ไปล้างจานซะ อย่าให้ผมต้องผลักคุณลงน้ำอีกครั้งยุวดา"ยุวดาได้ยินอย่างนั้นหล่อนทำหน้างอง้ำ เบะปากสะบัดบ๊อบใส่นายหัวหิรัญเดินกระแทกเท้าตึงตังอย่างคนเอาแต่ใจ หญิงสาวเดินไปหยิบจานแล้วเดินลงไปข้างล่างแพ นี่เป็นการล้างจานครั้งแรกในชีวิตของเธอ เกิดมาเธอไม่เคยต้องทำอะไร หล่อนเกิดมาสุขสบายมีเงินใช้ มีสาวใช้ไว้คอยปรนนิบัติพัดวี หล่อนมีหน้าที่แค่สั่งเท่านั้น บรรดาสาวใช้ก็พร้อมจะทำตามคำสั่งของเธอทุกอย่าง หล่อนไม่เคยหุงข้าวล้างจาน พวกงานบ้านหล่อนไม่เคยหยิบจับอะไร แถมถูกเลี้ยงอย่างตามใจ ไม่ว่าหล่อนต้องการอะไรครอบครัวก็ประเคนให้ทุกอย่าง หล่อนไม่เคยต้องลำบาก หญิงสาวล้างจานในกะละมังจนส
หิรัญนอนมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่สะท้อนขึ้นลงเบาๆ ตามแรงหายใจ เขาเอื้อมฝ่ามือไปจับบนหัวไหล่ลูบไล้ขึ้นลงช้าๆ รั้งร่างแน่งน้อยเข้ามาโอบกอดเอาไว้แนบอกอีกครั้ง"หนูหิวหรือยัง"เขาถามในขณะที่ฝ่ามือหนาข้างนั้นยังคงลูบไล้ไปทั่วสรรพางค์กาย ขยำตรงนั้นนิด บีบตรงนี้หน่อยก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นมาลูบไล้ตรงไหล่มนนั่นอีกครั้ง เขาจูบไปตรงแผ่นหลังบอบบางจนเจ้าตัวห่อไหล่สาวน้อยไม่ตอบอะไร หล่อนยังคงนอนนิ่งๆ ทำตัวเหมือนท่อนไม้ต่อไปแถมยังหันหลังให้คนตัวโต นี่หล่อนคงโมโหเขาสินะ ที่กระทำกับเธอเยี่ยงนั้น ก็หล่อนอยากยั่วโมโหเขาก่อนทำไมกัน เขาไม่จัดให้คลานก็บุญเท่าไหร่แล้ว แค่นี้เขาเรียกว่าสั่งสอน หิรัญตระกองกอดร่างแน่งน้อยเอาไว้ สักพักเสียงท้องร้องของหล่อนก็ดังโครกครากขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เจ้าตัวได้ยินเสียงท้องของตัวเองร้องพลันทำให้ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเพราะความอาย คนตัวโตไม่กล่าวอะไรเขาก้มหน้าลงฝังจมูกโด่งลงไปบนเนื้อแก้มขาวเนียน ก่อนจะลุกขึ้นเดินโทงโทงทั้งอย่างนั้นหิรัญลุกขึ้นมาหุงหาอาหารให้ภรรยาตัวน้อย ยุวดาค่อยๆ ชำเลืองมองแผ่นหลังหนาที่ก้าวออกไปนอกชาน นุ่งผ้าขนหนูปกปิดแค่ท







