“เราจัดกันเล็กๆ แล้วก็กะทันหันนิดหน่อย เลยไม่ได้เชิญใครน่ะครับเม” พีรพลอธิบายเหตุผลให้เมธาวีฟัง แล้วสบตาภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ
“กะทันหัน! น้องพิมพ์...เอ่อ...ป่องหรือคะ”
“แค้กๆ” พิมพ์รพีพรสำลักน้ำที่กำลังยกขึ้นดื่มทันที
“ไม่มีใครป่องหรอกแม่เม หนุ่มสาวเขาใจร้อนอยากทำอะไรให้มันถูกต้องตามประเพณี ย่าเห็นว่าเหมาะสมกันดี เลยรีบๆจัดงานให้ คนแก่อย่างย่าจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ได้เห็นหลานเป็นฝั่งเป็นฝาก็สุขใจนอนตายตาหลับแล้ว”
ย่าพรพูดเนิบๆ ตอบข้อสงสัยให้เมธาวีที่ดูจะอยากรู้สาเหตุการแต่งงานของหลานสาวคนเล็กเหลือเกิน
“ย่าต้องอยู่กับพวกเราไปนานๆ อยู่เลี้ยงลูกให้ยายพิมพ์จนโตเลยนะครับ พิมพ์รีบๆผลิตเหลนมาให้ย่าเลี้ยงนะ พีทกับแพทนานๆจะได้มาเยี่ยม ถ้าพิมพ์มีเหลนให้ย่าสักสองสามคน ย่าคงไม่เหงา ใช่ไหมครับย่า”
คนที่ถูกพี่ชายยุให้มีลูกปั้นสีหน้าได้ยากเย็นนัก ย่าพรยิ้มและหันมาสบตากับหลานสาวคนเล็ก
“ย่าจะรอเลี้ยงเหลนนะยายพิมพ์”
เอาล่ะสิพิมพ์รพีพร ทำไมใครๆถึงดูเหมือนจะเข้าข้างปลัดเมฆานักหนานะ นี่ถ้าทุกคนรู้ว่าเธอวางแผนป้องกันตัว ด้วยการเตรียมอาวุธครบมือใน
“คิดถึงพีเหมือนกันค่ะ” นิชากระซิบแผ่วเบาข้างหูสามี ริมฝีปากบางถูกครอบครองอีกครั้ง นิชาหยุดความคิดในทุกเรื่อง หญิงสาวขยับกายเบียดร่างแกร่งแนบแน่น มือเล็กควานลงไปตรงปมผ้าขาวม้า ก่อนจะปลดมันออกย่างรวดเร็ว และดึงรั้งออกจากร่างของสามี ความแข็งแกร่งใหญ่โตพร้อมรบที่ป่ายปัดบนหน้าท้อง ทำให้นิชารู้สึกวูบวาบแปลบปลาบไปทั่วท้องน้อย หญิงสาวพลิกร่างตนเองให้ขึ้นมาทาบทับอยู่เหนือร่างคนตัวโต พีรพลยินยอมแต่โดยดี เพราะรู้ว่าภรรยาจะเป็นคนนำพาเขาไปสู่วิมานปลายแสงดาวอย่างสุขสมเพียงใด“แล้วจะไม่ให้คิดถึงได้ยังไง แม่เสือสาวแสนซน” พีรพลพูดน้ำเสียงกระเส่าด้วยไฟเสน่หาที่พุ่งทะยานสูง เขามองภรรยาที่ลุกขึ้นนั่งทาบทับต้นขาตัวเองไว้ มือหนาไขว่คว้ากอบกุมสองเต้าอวบ เคล้นคลึงสร้างความปั่นป่วนให้คนบนร่างของตน นิชาห่อปากครางเบาๆ ค่อยๆเลื่อนตัวโน้มลงตรงกลางกายสามี มือเล็กจับตัวตนแข็งแกร่งแล้วขยับรูดขึ้นลงช้าๆ ใบหน้างามค่อยๆก้มลง ลิ้นเล็กแตะเบาๆส่วนปลายของลำกายแกร่ง พีรพลจับศีรษะทุยภรรยา แทรกนิ้วเรียวใหญ่เข้าไปในเรือนผมนุ่ม“อา...” ชายหนุ่มครางเสียงทุ้มต่ำออกมา เขาขบกรามแน่นเมื่อ ลิ้นเล็กลากเลียไปตามท่อนลำให
“ไม่เป็นไรหรอกกระถิน พี่พิมพ์ไม่เหนื่อย” พิมพ์รพีพรตอบอย่างเลื่อนลอย“แต่พี่ว่าพิมพ์ควรไปพักผ่อนนะ” พีรพลพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม เขาสังเกตน้องสาวมาตั้งแต่เช้า พิมพ์รพีพรทำงานไม่พูดไม่จา ดูเหงาๆซึมๆจนน่าแปลกใจ“ไปพักเถอะพิมพ์ เดี๋ยวพี่หนุงหนิงดูแลทางนี้ให้เอง สถานที่จัดงานต่างๆก็เตรียมพร้อมแล้ว เหลือแค่ตกแต่งดอกไม้สดก่อนวันงานแค่นั้นเอง” หนุงหนิงพยักพเยิดให้พีรพลพาน้องสาวไปพักผ่อน เพราะว่าที่เจ้าสาวดูเครียดจนน่าเป็นห่วง“พี่พีรักพี่หนุงหนิงมากไหมคะ” พิมพ์รพีพรเอ่ยถามพี่ชายขณะเดินกลับเรือนใหญ่ มาตามทางที่ร่มครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่“รักสิ รักมาก รักจนไม่รู้ว่าถ้าโลกนี้ไม่มีหนุงหนิง พี่ไม่รู้จะใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง” พิมพ์รพีพรหยุดเดินถอนหายใจยาว“เป็นอะไรยายตัวแสบ วันนี้ซึมผิดปกตินะ” พีรพลหันกลับมามองน้องสาวที่ยืนก้มหน้า เอาเท้าเขี่ยดิน“คนเราไม่รักกัน แล้วจะแต่งงานกันไปเพื่ออะไรคะ” พีรพลยิ้มกว้างอย่างเอ็นดูยายตัวแสบของตนเอง“การที่เราจะรักใครสักคน เราต้องเปิดโอกาสให้เขาเรียนรู้เรา และเราก็ต้องเปิดใจเรียนรู้เขา” พิมพ์รพีพรเม้มปากเ
“เล่นน้ำๆ” สองเสียงเล็กๆประสานกันดังลั่น พร้อมกับกระโดดโลดเต้นชูมือขึ้นสูง พีรพลถอนหายใจมองสบตาภรรยา“เดี๋ยวหนุงหนิงจะขึ้นไปเอาชุดว่ายน้ำให้ พีพาลูกๆไปที่ศาลาริมน้ำก่อนเลย” พีรพลพยักหน้ารับ แขนล่ำอุ้มลูกสาวข้างหนึ่ง อีกข้างจูงมือลูกชายเดินนำหน้าเมธาวีไปก่อน“รีบๆตามมานะหนุงหนิง” เมธาวีเลิกคิ้วเมื่อพูดจบ แล้วก็สะบัดหน้าเดินนวยนาดตามพีรพลและเด็กๆไป นิชาส่ายหน้ายิ้มๆ“คุณแม่ไม่เล่นน้ำด้วยกันหรือคะ” เด็กหญิงตัวเล็กขี่หลังพ่อลอยไปลอยมาอย่างสนุกสนาน ส่วนพี่ชายของเธอมีห่วงยางสวมไว้ที่เอวลอยคออยู่ใกล้ๆผู้เป็นพ่อ“ถ้าแม่เล่นน้ำด้วย ใครจะคอยหาขนมหาน้ำยื่นให้แพทล่ะ” เด็กหญิงตัวเล็กพยักหน้าหงึกๆเข้าใจ แล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุย“ป้าเมว่ายน้ำเก่งจังนะคะ ว่ายไปตั้งไกล ป้าเมใส่ชุดว่ายน้ำซ้วยสวยเนอะคุณพ่อ”พีรพลไม่ตอบคำถามลูกทันที เขาหันไปสบตาคนที่นั่งอยู่บนศาลาริมน้ำ นิชามองเมินไปทางอื่น“คุณแม่ก็ใส่ชุดว่ายน้ำสวยนะครับ สวยกว่าป้าเมอีกนะ” พีรพลทำเป็นกระซิบกระซาบกับลูกสาว แต่เสียงดังจนคนที่นั่งอยู่บนศาลาริมน้ำได้ยินชัดเจน“ช่วยด้วย
“โอเคค่ะ...ทีนี้กลับได้แล้วใช่ไหม” พิมพ์รพีพรหันหน้าไปถามคนตัวโตที่นั่งอยู่บนเตียงกว้างกลางห้อง ปลัดเมฆาใช้มือใหญ่ตบที่เตียงเบาๆ“พิมพ์ยังไม่ลองเตียงเลย” เขาจงใจยั่วคนตัวเล็ก ที่ออกอาการเกร็งจนจับได้“ก็เห็นแล้ว ออกไปข้างนอกเถอะ” พิมพ์รพีพรเลี่ยงที่จะเดินเข้าใกล้คนตัวโต หญิงสาวเดินอ้อมไปทางประตู“ดูอย่างเดียวได้ไง มันต้องมาลองนั่งๆนอนๆด้วย มานี่เลย” ปลัดเมฆาลุกจากเตียงก้าวยาวประชิดตัวพิมพ์รพีพร แล้วรวบร่างบางไปล้มตัวนอนที่เตียงกว้างด้วยกัน“ว้าย! พี่เมฆ ปล่อยพิมพ์นะ” คนเอะอะโวยวายสู้แรงคนกอดไม่ได้ เลยได้แต่เอะอะโวยวายถีบลมถีบฟ้า ร่างใหญ่กดทาบทับจนพิมพ์รพีพรแทบจมหายไปบนที่นอน เสียงหอบหายใจของเธอทำให้ปลัดเมฆาหัวเราะ ก่อนทุกอย่างภายในห้องจะนิ่งเงียบ คนที่ทาบทับร่างบางไว้สบสายตาคนถูกทับด้วยแววตาอ่อนโยน มือใหญ่ปัดปรอยผมที่ระอยู่บนใบหน้าเนียนรูปไข่ พิมพ์รพีพรมองสบตาปลัดเมฆาและเผยอปากเล็กน้อยอย่างลืมตัว ก่อนจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ก่อน“ลุกสิพี่เมฆ พิมพ์ทดสอบทุกอย่างตามที่พี่เมฆต้องการแล้ว พอใจหรือยัง”“ยังไม่ทุกอย่าง” แววตากรุ้มกริ่มไม่น่าไว้วางใ
“พี่ร้อนจัง” ปลัดเมฆานอนอยู่บนเตียง และกำลังออดอ้อนพยาบาลจำเป็นที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่เก้าอี้มุมห้อง เขาอ้างว่าเจ็บแผลและแผลอาจจะกระทบกระเทือน จึงขับรถไปส่งเธอที่บ้านไม่ได้ ส่วนกำนันเสือและแม่นภาก็ยังไม่กลับมาจากข้างนอก พิมพ์รพีพรจึงรู้สึกไม่ปลอดภัยที่ต้องอยู่กับเขาสองต่อสอง“ร้อนก็ไปอาบน้ำสิ” พิมพ์รพีพรพูดโดยไม่มองหน้าชายหนุ่ม“จะให้ไปอาบได้ยังไง แผลก็เน่าพอดี พิมพ์อาบให้หน่อยสิ”“บ้า...ลุกไปอาบเองเลย”“คนใจร้าย ทำให้เขาเจ็บแล้ว ไม่คิดจะดูแล” ปลัดเมฆาพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ตาก็เหล่มองคนใจร้ายอย่างมีความหวัง พิมพ์รพีพรถอนหายใจเฮือกใหญ่ หญิงสาวลุกขึ้นเดินมาที่เตียงกว้าง“จะอาบก็ลุกสิคะ”“ลุกไม่ไหว เจ็บแผล พิมพ์ช่วยพยุงพี่หน่อย” คนถูกขอร้องทำสีหน้ายุ่งยาก แต่ก็ยอมช่วยแต่โดยดี เพราะในใจก็รู้สึกผิดอยู่ลึกๆที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพนี้เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องน้ำ พิมพ์รพีพรหันรีหันขวาง เธอไม่รู้ว่าจะช่วยเขายังไงดี“อาบยังไงล่ะ” หน้างอง้ำทำให้ปลัดเมฆานึกสนุก คือที่จริงแผลก็ไม่ได้ลึกหนักหนาอะไร แล้วเขาก็ไม่ได้ปวดแผลส
พิมพ์รพีพรกลั้นหายใจก้มลงช้าๆ ทำใจกับสิ่งที่จะได้เห็น ใบหน้าที่เหมือนกับจะร้องไห้ทำให้ปลัดเมฆารู้สึกสงสาร“พี่อาบด้านหน้าเองก็ได้ พิมพ์ถูสบู่ข้างหลังให้พี่หน่อยนะ” พิมพ์รพีพรถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่งฝักบัวในมือให้เขาแล้วอ้อมไปด้านหลังทันทีกว่าจะจัดการคนตัวโตให้อาบน้ำเช็ดตัวเสร็จ แล้วพันผ้าเช็ดตัวไว้ที่เอวสอบได้สำเร็จ พิมพ์รพีพรแทบจะเป็นลมร้อยรอบ หัวใจดวงน้อยกระเด็นกระดอนตีลังกาอยู่หลายตลบ เพราะต้องพยายามอย่างยิ่งยวด ที่จะไม่ต้องเห็นอะไรที่เคยเห็นมาแล้ว ว่ามันอลังการงานสร้างขนาดไหน แต่คนขี้แกล้งก็เรียกร้องให้ทำโน่นทำนี่ที่น่าหวาดเสียวทั้งนั้น“ใส่เสื้อผ้าให้หน่อยสิ” ปลัดเมฆาพูดจบก็ยิ้มกว้าง ยื่นเสื้อผ้าในมือให้หญิงสาว พิมพ์รพีพรอยากจะกรี๊ดเสียงดังๆ แต่ก็ทำได้เพียงยื่นมือออกไปรับมา“หันหลังเลยค่ะ” หญิงสาวสั่งเสียงเข้ม“ครับผม” ปลัดเมฆารับคำด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอืม...มีคนคอยทำอะไรให้ มันดีอย่างนี้นี่เอง “เสร็จแล้วค่ะ ไปนอนได้แล้ว” ปลัดเมฆาหันหน้ากลับมามองคนตัวเล็ก“พิมพ์ก็ไปอาบน้ำเถอะ กว่าพ่อกับแม่จะกลับมาคงดึก พี่ไม่อยากให
พีรพลผละจากร่างของภรรยาเดินไปปิดไฟ ทั้งห้องมืดมิดลงทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้าประชิดตัวนิชาอีกครั้ง“ทำอะไรน่ะพี เดี๋ยวลูกตื่น” นิชาเอ็ดสามีเบาๆ แต่ร่างกายของเธอมันกลับตอบสนองทุกสัมผัสของเขา จุดกึ่งกลางกายปวดหน่วงหนึบๆ และเริ่มชื้นแฉะเพื่อเตรียมพร้อมรอบางอย่าง โดยที่เจ้าของควบคุมไม่ได้“ลูกเล่นน้ำตั้งนานเพลียหลับไปแล้วล่ะ ไม่ตื่นง่ายๆหรอก นะๆ”พีรพลรวบร่างของภรรยาพาไปที่เก้าอี้ข้างตู้ใบใหญ่ ซึ่งเป็นมุมมืดที่สุดของห้อง เขานั่งลงบนเก้าอี้ จัดวางให้นิชานั่งแยกขาคร่อมอยู่บนตักตัวเอง และก่อนที่คำทักท้วงจะออกจากปากของภรรยา เขาจัดการปิดริมฝีปากนั้นทันที นิชาถอนหายใจยาวหนักหน่วง ยอมเผยอริมฝีปาก ยอมรับการรุกรานของสามีอย่างเต็มใจ“พีว่าหนุงหนิงต้องเป็นแม่มดแน่ๆ ทำให้พีหลงหัวปักหัวปำ” พีรพลเอ่ยขึ้นเมื่อผละจากริมฝีปากภรรยา แล้วพรมจูบไปทั่วดวงหน้าเนียน“อย่ามาว่าหนุงหนิงเลย พีนั่นแหละจอมหื่น” นิชาพูดเบาๆด้วยเสียงที่สั่นพร่า พีรพลหัวเราะในลำคอ มือใหญ่เคลื่อนลงต่ำผ่านหน้าท้องภรรยา แล้วใช้นิ้วเกี่ยวซับในลายลูกไม้ที่ปกปิดเนินอวบอูมไปกองไว้ด้านข้าง นิ้วใหญ่ขยับสำรวจ
“เอาไว้บอกคืนเข้าหอ คืนนี้ง่วง เจ็บแผล หนาว นอนกันเถอะ” ปลัดเมฆาตวัดผ้าห่มคลุมร่างของตนเองและพิมพ์รพีพร กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น“จะกอดอะไรนักหนา อึดอัด ปล่อยนะ” คนอยากรู้ความลับแต่ไม่ได้รู้เริ่มประท้วง“หนาวเนื้อห่มเนื้อจึงหายหนาว อย่าดิ้นน่า พี่เจ็บแผล” พิมพ์รพีพรถอนหายใจ“เอาเปรียบตลอด” เสียงบ่นกระปอดกระแปด แต่ไม่กล้าออกแรงดิ้นแรงเพราะกลัวคนที่กอดตัวเองอยู่จะเจ็บแผล“อยากให้พิมพ์เอาเปรียบพี่บ้าง พี่จะไม่โวยวายเหมือนพิมพ์หรอก” พิมพ์รพีพรหยิกแผงอกกว้างแรงๆ“โอ๊ย!”“อย่าบอกนะว่าเจ็บแผล มันคนละที่ ไม่ต้องมาอ้าง”“ใจร้าย...รู้ไหมว่ายังมีอีกหลายที่ ที่ไม่ได้เจ็บเหมือนกัน” ปลัดเมฆาพูดด้วยน้ำเสียงไม่น่าไว้ใจ พิมพ์รพีพรเงยหน้าขึ้นจากอกกว้าง พยายามขืนตัวออกจากอ้อมกอดแกร่ง ด้วยการใช้มือเล็กผลักอกเขา แต่ไม่ส่งผลอันใดกับคนตัวโตสักนิด ความอดกลั้นอย่างยิ่งยวดที่จะไม่แตะต้องไปมากกว่ากอด กำลังจะขาดสะบั้นลง เมื่อร่างนุ่มนิ่มดิ้นขลุกขลักเสียดสีไปกับร่างแกร่ง ส่งผลให้อะไรๆในร่างกายมันลุกฮือขึ้นมา“ไม่อยากรู้ อย่าทำอะไรบ้าๆนะ” เสียงหวานออกจะตื่นกลั
มือเล็กค่อนข้างสั่นเล็กน้อยขณะที่หยิบสิ่งของที่ต้องการออกจากกระเป๋า เธอเลือกใช้อันที่แกะออกจากซองแล้ว แต่พอหยิบอกมาดูก็เกิดอาการงง แล้วเขาใส่กันยังไง พลิกไปพลิกมาขยี้ขยำจนถุงยางอนามัยคลายตัวออกมา นั่นแหละใบหน้านวลถึงยิ้มออกมาได้เออ...อย่างนี้หน่อย ถึงพอจะคิดออกว่าใส่ยังไงน่านน้ำมองสิ่งของที่ถืออยู่ในมือสลับกับกลางกายของคนที่นอนนิ่งอยู่ หญิงสาวเลือกที่จะหลับตาก่อนจะยื่นมือออกไปเปิดผ้าขนหนู เพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่เร้นลับเหลือเกินในความคิดของตัวเอง เกิดมาไม่เคยเจอไม่เคยเห็นมันจะเป็นยังไงหนอ ตาที่ปิดอยู่ค่อยๆหรี่ขึ้นมองช้าๆ“อุ๊ย!” น่านน้ำสะดุ้งสุดตัว เมื่อขณะที่กำลังจะชักมือกลับพร้อมกับลืมตาขึ้นทีละน้อยนั้น มือใหญ่ก็กำข้อมือเล็กของเธอไว้หมับ“ขอกอดหน่อย” อยู่ดีๆภูชิตก็ตวัดวงแขนเกี่ยวเอาร่า
หญิงสาวใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กรองน้ำจากก๊อกน้ำอุ่นที่อ่างล้างหน้า ขณะที่ขยำและพลิกผ้าไปมาเพื่อให้เปียกทั่วทั้งผืน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำเล็กๆวางอยู่ในกระจาดเล็กรวมกับของใช้จำพวกแชมพูครีมอาบน้ำในขวดเล็กๆ น่านน้ำโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ เห็นคนตัวโตยังนอนหลับอยู่ที่โซฟาจึงตัดสินใจวางผ้าผืนเล็กลงในอ่างล้างหน้า แล้วหยิบกล่องเล็กนั้นขึ้นพลิกไปพลิกมา ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันคือกล่องถุงยางอนามัย แต่ที่อยากรู้คือมันใช้ยังไง“อยากรู้ก็ต้องเปิดดูสิ” เมื่อบอกตัวเองดังนั้น น่านน้ำจึงจัดแจงแกะพลาสติกที่หุ้มกล่องอยู่ออก แล้วเอากล่องมาจ่อที่จมูก“ไม่มีกลิ่นแฮะ!” มือเล็กเปิดฝากล่องออกแล้วเทของที่อยู่ในกล่องออกมาเทบนเคาเตอร์“ตั้งสามอันแน่ะ เขาใส่กันทีเดียวสามอันเลยเหรอ” คนอยากรู้อยากเห็นจับของที่อยู่ในซองพลิกไปพลิกมาสำรวจทีละอัน ก่อนจะตัดสินใจฉีกซองแล้วจีบมือจับบางสิ่งบางอย่างออกจากซอง บางส
“ไปสิ คุณก็ควรจะพักผ่อนเหมือนกันนะ” ขายาวก้าวนำก่อน ขาเล็กจึงลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินตาม หัวใจเต้นโครมคราม สมองกำลังคิดไตร่ตรองว่าสิ่งที่ตัดสินใจถูกแล้วหรือนี่เรากำลังจะเต็มใจสูญเสียพรหมจรรย์ทิ้งไว้ที่นี่เหรอ เอาจริงใช่ไหม ถอยตอนนี้ทันไหม เอายังไงดีในขณะที่สมองทำงานอย่างหนัก น่านน้ำไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าประตูถูกปิดลงแล้ว และเธอก็ถูกจูงมานั่งบนเตียงกว้างกลางห้อง ภูชิตปล่อยมือบางแล้วเอนตัวลงนอนทันที ปล่อยหญิงสาวที่นั่งหลับตาปี๋รอคอยอย่างคาดหวัง เมื่อรอจนนานแล้วยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกาย ตากลมโตจึงเปิดขึ้น แล้วหันไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้ม น่านน้ำไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือโล่งใจดี หญิงสาวหันรีหันขวาง ความเงียบรอบกายและอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้คนที่นอนน้อยตัดสินใจเดินตรงไปที่โซฟาตัวใหญ่ ร่างบางนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มแล้วเอนตัวลงนอน ไม่ถึงห้านาทีน่านน้ำก็เข้าสู่ห้วงนิทรา หลับสนิททันที&nbs
จริงจัง?“ผมหมายความว่ามันดูสมเหตุสมผลที่จะเอาคุณไปอ้าง” น่านน้ำถอนหายใจแรง ใจเต้นกับคำว่าจริงจังนี่สินะพรหมลิขิต เราต่างก็จริงจังต่อกัน“ก็ได้ค่ะคุณภูชิต น้ำถือว่ายังอยู่ในเนื้องาน” จะให้ตอบตกลงใบหน้ายิ้มแป้นก็กระไรอยู่ เป็นผู้หญิงมันต้องมีชั้นเชิง น้ำเสียงที่ใช้จึงค่อนข้างราบเรียบ“ไหน...เรียกใหม่ซิ”“ค่ะ...คุณภูขา” คนถูกเรียกกลั้นยิ้มไว้ภายใต้หน้าตานิ่งเฉย คนที่เอ่ยเรียกใจเต้นโครมคราม เมื่อคิดว่าสิ่งที่หวังใกล้ความจริงไปทุกขณะ“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณภูชิตจะมีคู่หมั้นแล้ว” กำนันช้างผู้
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน