“ไม่เป็นไรหรอกกระถิน พี่พิมพ์ไม่เหนื่อย” พิมพ์รพีพรตอบอย่างเลื่อนลอย
“แต่พี่ว่าพิมพ์ควรไปพักผ่อนนะ” พีรพลพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม เขาสังเกตน้องสาวมาตั้งแต่เช้า พิมพ์รพีพรทำงานไม่พูดไม่จา ดูเหงาๆซึมๆจนน่าแปลกใจ
“ไปพักเถอะพิมพ์ เดี๋ยวพี่หนุงหนิงดูแลทางนี้ให้เอง สถานที่จัดงานต่างๆก็เตรียมพร้อมแล้ว เหลือแค่ตกแต่งดอกไม้สดก่อนวันงานแค่นั้นเอง” หนุงหนิงพยักพเยิดให้พีรพลพาน้องสาวไปพักผ่อน เพราะว่าที่เจ้าสาวดูเครียดจนน่าเป็นห่วง
“พี่พีรักพี่หนุงหนิงมากไหมคะ” พิมพ์รพีพรเอ่ยถามพี่ชายขณะเดินกลับเรือนใหญ่ มาตามทางที่ร่มครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่
“รักสิ รักมาก รักจนไม่รู้ว่าถ้าโลกนี้ไม่มีหนุงหนิง พี่ไม่รู้จะใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง” พิมพ์รพีพรหยุดเดินถอนหายใจยาว
“เป็นอะไรยายตัวแสบ วันนี้ซึมผิดปกตินะ” พีรพลหันกลับมามองน้องสาวที่ยืนก้มหน้า เอาเท้าเขี่ยดิน
“คนเราไม่รักกัน แล้วจะแต่งงานกันไปเพื่ออะไรคะ” พีรพลยิ้มกว้างอย่างเอ็นดูยายตัวแสบของตนเอง
“การที่เราจะรักใครสักคน เราต้องเปิดโอกาสให้เขาเรียนรู้เรา และเราก็ต้องเปิดใจเรียนรู้เขา” พิมพ์รพีพรเม้มปากเ
“เล่นน้ำๆ” สองเสียงเล็กๆประสานกันดังลั่น พร้อมกับกระโดดโลดเต้นชูมือขึ้นสูง พีรพลถอนหายใจมองสบตาภรรยา“เดี๋ยวหนุงหนิงจะขึ้นไปเอาชุดว่ายน้ำให้ พีพาลูกๆไปที่ศาลาริมน้ำก่อนเลย” พีรพลพยักหน้ารับ แขนล่ำอุ้มลูกสาวข้างหนึ่ง อีกข้างจูงมือลูกชายเดินนำหน้าเมธาวีไปก่อน“รีบๆตามมานะหนุงหนิง” เมธาวีเลิกคิ้วเมื่อพูดจบ แล้วก็สะบัดหน้าเดินนวยนาดตามพีรพลและเด็กๆไป นิชาส่ายหน้ายิ้มๆ“คุณแม่ไม่เล่นน้ำด้วยกันหรือคะ” เด็กหญิงตัวเล็กขี่หลังพ่อลอยไปลอยมาอย่างสนุกสนาน ส่วนพี่ชายของเธอมีห่วงยางสวมไว้ที่เอวลอยคออยู่ใกล้ๆผู้เป็นพ่อ“ถ้าแม่เล่นน้ำด้วย ใครจะคอยหาขนมหาน้ำยื่นให้แพทล่ะ” เด็กหญิงตัวเล็กพยักหน้าหงึกๆเข้าใจ แล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุย“ป้าเมว่ายน้ำเก่งจังนะคะ ว่ายไปตั้งไกล ป้าเมใส่ชุดว่ายน้ำซ้วยสวยเนอะคุณพ่อ”พีรพลไม่ตอบคำถามลูกทันที เขาหันไปสบตาคนที่นั่งอยู่บนศาลาริมน้ำ นิชามองเมินไปทางอื่น“คุณแม่ก็ใส่ชุดว่ายน้ำสวยนะครับ สวยกว่าป้าเมอีกนะ” พีรพลทำเป็นกระซิบกระซาบกับลูกสาว แต่เสียงดังจนคนที่นั่งอยู่บนศาลาริมน้ำได้ยินชัดเจน“ช่วยด้วย
“โอเคค่ะ...ทีนี้กลับได้แล้วใช่ไหม” พิมพ์รพีพรหันหน้าไปถามคนตัวโตที่นั่งอยู่บนเตียงกว้างกลางห้อง ปลัดเมฆาใช้มือใหญ่ตบที่เตียงเบาๆ“พิมพ์ยังไม่ลองเตียงเลย” เขาจงใจยั่วคนตัวเล็ก ที่ออกอาการเกร็งจนจับได้“ก็เห็นแล้ว ออกไปข้างนอกเถอะ” พิมพ์รพีพรเลี่ยงที่จะเดินเข้าใกล้คนตัวโต หญิงสาวเดินอ้อมไปทางประตู“ดูอย่างเดียวได้ไง มันต้องมาลองนั่งๆนอนๆด้วย มานี่เลย” ปลัดเมฆาลุกจากเตียงก้าวยาวประชิดตัวพิมพ์รพีพร แล้วรวบร่างบางไปล้มตัวนอนที่เตียงกว้างด้วยกัน“ว้าย! พี่เมฆ ปล่อยพิมพ์นะ” คนเอะอะโวยวายสู้แรงคนกอดไม่ได้ เลยได้แต่เอะอะโวยวายถีบลมถีบฟ้า ร่างใหญ่กดทาบทับจนพิมพ์รพีพรแทบจมหายไปบนที่นอน เสียงหอบหายใจของเธอทำให้ปลัดเมฆาหัวเราะ ก่อนทุกอย่างภายในห้องจะนิ่งเงียบ คนที่ทาบทับร่างบางไว้สบสายตาคนถูกทับด้วยแววตาอ่อนโยน มือใหญ่ปัดปรอยผมที่ระอยู่บนใบหน้าเนียนรูปไข่ พิมพ์รพีพรมองสบตาปลัดเมฆาและเผยอปากเล็กน้อยอย่างลืมตัว ก่อนจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ก่อน“ลุกสิพี่เมฆ พิมพ์ทดสอบทุกอย่างตามที่พี่เมฆต้องการแล้ว พอใจหรือยัง”“ยังไม่ทุกอย่าง” แววตากรุ้มกริ่มไม่น่าไว้วางใ
“พี่ร้อนจัง” ปลัดเมฆานอนอยู่บนเตียง และกำลังออดอ้อนพยาบาลจำเป็นที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่เก้าอี้มุมห้อง เขาอ้างว่าเจ็บแผลและแผลอาจจะกระทบกระเทือน จึงขับรถไปส่งเธอที่บ้านไม่ได้ ส่วนกำนันเสือและแม่นภาก็ยังไม่กลับมาจากข้างนอก พิมพ์รพีพรจึงรู้สึกไม่ปลอดภัยที่ต้องอยู่กับเขาสองต่อสอง“ร้อนก็ไปอาบน้ำสิ” พิมพ์รพีพรพูดโดยไม่มองหน้าชายหนุ่ม“จะให้ไปอาบได้ยังไง แผลก็เน่าพอดี พิมพ์อาบให้หน่อยสิ”“บ้า...ลุกไปอาบเองเลย”“คนใจร้าย ทำให้เขาเจ็บแล้ว ไม่คิดจะดูแล” ปลัดเมฆาพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ตาก็เหล่มองคนใจร้ายอย่างมีความหวัง พิมพ์รพีพรถอนหายใจเฮือกใหญ่ หญิงสาวลุกขึ้นเดินมาที่เตียงกว้าง“จะอาบก็ลุกสิคะ”“ลุกไม่ไหว เจ็บแผล พิมพ์ช่วยพยุงพี่หน่อย” คนถูกขอร้องทำสีหน้ายุ่งยาก แต่ก็ยอมช่วยแต่โดยดี เพราะในใจก็รู้สึกผิดอยู่ลึกๆที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพนี้เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องน้ำ พิมพ์รพีพรหันรีหันขวาง เธอไม่รู้ว่าจะช่วยเขายังไงดี“อาบยังไงล่ะ” หน้างอง้ำทำให้ปลัดเมฆานึกสนุก คือที่จริงแผลก็ไม่ได้ลึกหนักหนาอะไร แล้วเขาก็ไม่ได้ปวดแผลส
พิมพ์รพีพรกลั้นหายใจก้มลงช้าๆ ทำใจกับสิ่งที่จะได้เห็น ใบหน้าที่เหมือนกับจะร้องไห้ทำให้ปลัดเมฆารู้สึกสงสาร“พี่อาบด้านหน้าเองก็ได้ พิมพ์ถูสบู่ข้างหลังให้พี่หน่อยนะ” พิมพ์รพีพรถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่งฝักบัวในมือให้เขาแล้วอ้อมไปด้านหลังทันทีกว่าจะจัดการคนตัวโตให้อาบน้ำเช็ดตัวเสร็จ แล้วพันผ้าเช็ดตัวไว้ที่เอวสอบได้สำเร็จ พิมพ์รพีพรแทบจะเป็นลมร้อยรอบ หัวใจดวงน้อยกระเด็นกระดอนตีลังกาอยู่หลายตลบ เพราะต้องพยายามอย่างยิ่งยวด ที่จะไม่ต้องเห็นอะไรที่เคยเห็นมาแล้ว ว่ามันอลังการงานสร้างขนาดไหน แต่คนขี้แกล้งก็เรียกร้องให้ทำโน่นทำนี่ที่น่าหวาดเสียวทั้งนั้น“ใส่เสื้อผ้าให้หน่อยสิ” ปลัดเมฆาพูดจบก็ยิ้มกว้าง ยื่นเสื้อผ้าในมือให้หญิงสาว พิมพ์รพีพรอยากจะกรี๊ดเสียงดังๆ แต่ก็ทำได้เพียงยื่นมือออกไปรับมา“หันหลังเลยค่ะ” หญิงสาวสั่งเสียงเข้ม“ครับผม” ปลัดเมฆารับคำด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอืม...มีคนคอยทำอะไรให้ มันดีอย่างนี้นี่เอง “เสร็จแล้วค่ะ ไปนอนได้แล้ว” ปลัดเมฆาหันหน้ากลับมามองคนตัวเล็ก“พิมพ์ก็ไปอาบน้ำเถอะ กว่าพ่อกับแม่จะกลับมาคงดึก พี่ไม่อยากให
พีรพลผละจากร่างของภรรยาเดินไปปิดไฟ ทั้งห้องมืดมิดลงทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้าประชิดตัวนิชาอีกครั้ง“ทำอะไรน่ะพี เดี๋ยวลูกตื่น” นิชาเอ็ดสามีเบาๆ แต่ร่างกายของเธอมันกลับตอบสนองทุกสัมผัสของเขา จุดกึ่งกลางกายปวดหน่วงหนึบๆ และเริ่มชื้นแฉะเพื่อเตรียมพร้อมรอบางอย่าง โดยที่เจ้าของควบคุมไม่ได้“ลูกเล่นน้ำตั้งนานเพลียหลับไปแล้วล่ะ ไม่ตื่นง่ายๆหรอก นะๆ”พีรพลรวบร่างของภรรยาพาไปที่เก้าอี้ข้างตู้ใบใหญ่ ซึ่งเป็นมุมมืดที่สุดของห้อง เขานั่งลงบนเก้าอี้ จัดวางให้นิชานั่งแยกขาคร่อมอยู่บนตักตัวเอง และก่อนที่คำทักท้วงจะออกจากปากของภรรยา เขาจัดการปิดริมฝีปากนั้นทันที นิชาถอนหายใจยาวหนักหน่วง ยอมเผยอริมฝีปาก ยอมรับการรุกรานของสามีอย่างเต็มใจ“พีว่าหนุงหนิงต้องเป็นแม่มดแน่ๆ ทำให้พีหลงหัวปักหัวปำ” พีรพลเอ่ยขึ้นเมื่อผละจากริมฝีปากภรรยา แล้วพรมจูบไปทั่วดวงหน้าเนียน“อย่ามาว่าหนุงหนิงเลย พีนั่นแหละจอมหื่น” นิชาพูดเบาๆด้วยเสียงที่สั่นพร่า พีรพลหัวเราะในลำคอ มือใหญ่เคลื่อนลงต่ำผ่านหน้าท้องภรรยา แล้วใช้นิ้วเกี่ยวซับในลายลูกไม้ที่ปกปิดเนินอวบอูมไปกองไว้ด้านข้าง นิ้วใหญ่ขยับสำรวจ
“เอาไว้บอกคืนเข้าหอ คืนนี้ง่วง เจ็บแผล หนาว นอนกันเถอะ” ปลัดเมฆาตวัดผ้าห่มคลุมร่างของตนเองและพิมพ์รพีพร กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น“จะกอดอะไรนักหนา อึดอัด ปล่อยนะ” คนอยากรู้ความลับแต่ไม่ได้รู้เริ่มประท้วง“หนาวเนื้อห่มเนื้อจึงหายหนาว อย่าดิ้นน่า พี่เจ็บแผล” พิมพ์รพีพรถอนหายใจ“เอาเปรียบตลอด” เสียงบ่นกระปอดกระแปด แต่ไม่กล้าออกแรงดิ้นแรงเพราะกลัวคนที่กอดตัวเองอยู่จะเจ็บแผล“อยากให้พิมพ์เอาเปรียบพี่บ้าง พี่จะไม่โวยวายเหมือนพิมพ์หรอก” พิมพ์รพีพรหยิกแผงอกกว้างแรงๆ“โอ๊ย!”“อย่าบอกนะว่าเจ็บแผล มันคนละที่ ไม่ต้องมาอ้าง”“ใจร้าย...รู้ไหมว่ายังมีอีกหลายที่ ที่ไม่ได้เจ็บเหมือนกัน” ปลัดเมฆาพูดด้วยน้ำเสียงไม่น่าไว้ใจ พิมพ์รพีพรเงยหน้าขึ้นจากอกกว้าง พยายามขืนตัวออกจากอ้อมกอดแกร่ง ด้วยการใช้มือเล็กผลักอกเขา แต่ไม่ส่งผลอันใดกับคนตัวโตสักนิด ความอดกลั้นอย่างยิ่งยวดที่จะไม่แตะต้องไปมากกว่ากอด กำลังจะขาดสะบั้นลง เมื่อร่างนุ่มนิ่มดิ้นขลุกขลักเสียดสีไปกับร่างแกร่ง ส่งผลให้อะไรๆในร่างกายมันลุกฮือขึ้นมา“ไม่อยากรู้ อย่าทำอะไรบ้าๆนะ” เสียงหวานออกจะตื่นกลั
“พี่เมฆ อา” นั่นเสียงตัวเธอเองใช่ไหม พิมพ์รพีพรรู้สึกว่าเป็นเสียงที่ดังมาจากที่ไกลแสนไกล การรับรู้ของร่างกายเธอจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ปลัดเมฆากำลังทำอยู่ ไม่มีคำปฏิเสธหรือต่อต้านใดๆเล็ดลอดออกมา ร่างกายของเธอแอ่นรับท้าทายสัมผัสวาบหวาม ที่เขากำลังจับจูงไปไกลแสนไกล บนเส้นทางที่เธอไม่คุ้นเคยเท่าไรนัก ถึงแม้จะเคยรับรู้รสความสุขสมแสนหวานมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้พิมพ์รพีพรกลับรู้สึกว่ามันลึกล้ำ ความปรารถนาดำดิ่งจนเธอไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดลงตรงไหนเมื่อไรปลัดเมฆาขบกรามแน่น เมื่อต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ถลำลึกรุนแรง เพราะรับรู้ได้ว่าคนใต้ร่างไม่เคยลงสนามจริงสักครั้ง ที่ผ่านมาเขาพาอุ่นเครื่องบ้างแต่ไม่เคยก้าวล่วงลงลึก แต่ครั้งนี้ขีดจำกัดของความอดทนสิ้นสุดลง เพราะความใกล้ชิด และความรู้สึกดีที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ ทำให้เขาไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองได้อีกต่อไป“พี่ขอนะ...ให้พี่นะครับ” คำขอที่ดังชิดริมหู พิมพ์รพีพรไม่รู้ตัวว่าพยักหน้าตอบรับไปด้วยซ้ำ ปลัดเมฆาค่อยแทรกความแข็งแกร่งเข้าสู่ความคับแน่นรุ่มร้อน ปากเคยบอกให้คนใต้ร่างอย่าเกร็ง แต่ตอนนี้เป็นเขาเองที่ต้องเกร็งร่าง บังคับตัวเ
“พี่จะรับผิดชอบพิมพ์ไปตลอดชีวิต” น้ำเสียงหนักแน่นทำให้คนได้ฟังหัวใจพองโต แต่เพราะแค่ความรับผิดชอบเท่านั้นหรือ หัวใจที่พองโตค่อยๆแฟบลง เมื่อคิดได้ว่าเขาจะจดทะเบียนสมรสกับเธอเพียงเพราะคำว่ารับผิดชอบ“ถ้าพี่เมฆจะมารับผิดชอบพิมพ์เพราะเรื่องแค่นี้ ไม่จำเป็นค่ะ เดี๋ยวนี้ใครๆเขาก็ไม่ถือกันแล้วล่ะค่ะ”“ถ้าไม่ถือกันแล้ว ทำไมพิมพ์ถึงยังบริสุทธิ์ผุดผ่องมาจนถึงมือพี่”“พี่เมฆ!” พิมพ์รพีพรขึ้นเสียงสูง และหอบหายใจแรงเพราะความโกรธหรือความอายก็ยังไม่แน่ใจตัวเองเท่าไรนัก“สงสัยต้องย้ำอีกครั้ง พิมพ์จะได้เลิกงอแง” ปลัดเมฆาโน้มใบหน้าลงต่ำ พิมพ์รพีพรใช้มือยันคางสากไว้“อย่านะ” เสียงหวานสั่นเล็กน้อย“พรุ่งนี้ไปจดทะเบียนสมรสกันนะ โอเคไหม” พิมพ์รพีพรเม้มปากแน่นก่อนจะยอมรับในสิ่งที่เขาต้องการ“ค่ะ...พอใจหรือยังคะ ลงไปจากตัวพิมพ์ได้แล้ว” พิมพ์รพีพรพยายามผลักอกกว้างออกด้วยแรงทั้งหมดที่มี“ว่าง่ายๆ อย่างนี้ต้องให้รางวัล”ปลัดเมฆาประกบปากลงจูบเรียกร้องเอาแต่ใจอีกครั้ง มือใหญ่รุกรานไปตามร่างนุ่มนิ่ม ท่อนขาแกร่งแทรกลงแยกขาเรียวให้ห่างออกจากกัน พิมพ์รพ
มือเล็กค่อนข้างสั่นเล็กน้อยขณะที่หยิบสิ่งของที่ต้องการออกจากกระเป๋า เธอเลือกใช้อันที่แกะออกจากซองแล้ว แต่พอหยิบอกมาดูก็เกิดอาการงง แล้วเขาใส่กันยังไง พลิกไปพลิกมาขยี้ขยำจนถุงยางอนามัยคลายตัวออกมา นั่นแหละใบหน้านวลถึงยิ้มออกมาได้เออ...อย่างนี้หน่อย ถึงพอจะคิดออกว่าใส่ยังไงน่านน้ำมองสิ่งของที่ถืออยู่ในมือสลับกับกลางกายของคนที่นอนนิ่งอยู่ หญิงสาวเลือกที่จะหลับตาก่อนจะยื่นมือออกไปเปิดผ้าขนหนู เพื่อเปิดเผยบางสิ่งที่เร้นลับเหลือเกินในความคิดของตัวเอง เกิดมาไม่เคยเจอไม่เคยเห็นมันจะเป็นยังไงหนอ ตาที่ปิดอยู่ค่อยๆหรี่ขึ้นมองช้าๆ“อุ๊ย!” น่านน้ำสะดุ้งสุดตัว เมื่อขณะที่กำลังจะชักมือกลับพร้อมกับลืมตาขึ้นทีละน้อยนั้น มือใหญ่ก็กำข้อมือเล็กของเธอไว้หมับ“ขอกอดหน่อย” อยู่ดีๆภูชิตก็ตวัดวงแขนเกี่ยวเอาร่า
หญิงสาวใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กรองน้ำจากก๊อกน้ำอุ่นที่อ่างล้างหน้า ขณะที่ขยำและพลิกผ้าไปมาเพื่อให้เปียกทั่วทั้งผืน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำเล็กๆวางอยู่ในกระจาดเล็กรวมกับของใช้จำพวกแชมพูครีมอาบน้ำในขวดเล็กๆ น่านน้ำโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ เห็นคนตัวโตยังนอนหลับอยู่ที่โซฟาจึงตัดสินใจวางผ้าผืนเล็กลงในอ่างล้างหน้า แล้วหยิบกล่องเล็กนั้นขึ้นพลิกไปพลิกมา ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันคือกล่องถุงยางอนามัย แต่ที่อยากรู้คือมันใช้ยังไง“อยากรู้ก็ต้องเปิดดูสิ” เมื่อบอกตัวเองดังนั้น น่านน้ำจึงจัดแจงแกะพลาสติกที่หุ้มกล่องอยู่ออก แล้วเอากล่องมาจ่อที่จมูก“ไม่มีกลิ่นแฮะ!” มือเล็กเปิดฝากล่องออกแล้วเทของที่อยู่ในกล่องออกมาเทบนเคาเตอร์“ตั้งสามอันแน่ะ เขาใส่กันทีเดียวสามอันเลยเหรอ” คนอยากรู้อยากเห็นจับของที่อยู่ในซองพลิกไปพลิกมาสำรวจทีละอัน ก่อนจะตัดสินใจฉีกซองแล้วจีบมือจับบางสิ่งบางอย่างออกจากซอง บางส
“ไปสิ คุณก็ควรจะพักผ่อนเหมือนกันนะ” ขายาวก้าวนำก่อน ขาเล็กจึงลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินตาม หัวใจเต้นโครมคราม สมองกำลังคิดไตร่ตรองว่าสิ่งที่ตัดสินใจถูกแล้วหรือนี่เรากำลังจะเต็มใจสูญเสียพรหมจรรย์ทิ้งไว้ที่นี่เหรอ เอาจริงใช่ไหม ถอยตอนนี้ทันไหม เอายังไงดีในขณะที่สมองทำงานอย่างหนัก น่านน้ำไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าประตูถูกปิดลงแล้ว และเธอก็ถูกจูงมานั่งบนเตียงกว้างกลางห้อง ภูชิตปล่อยมือบางแล้วเอนตัวลงนอนทันที ปล่อยหญิงสาวที่นั่งหลับตาปี๋รอคอยอย่างคาดหวัง เมื่อรอจนนานแล้วยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกาย ตากลมโตจึงเปิดขึ้น แล้วหันไปมองคนที่นอนหลับตาพริ้ม น่านน้ำไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือโล่งใจดี หญิงสาวหันรีหันขวาง ความเงียบรอบกายและอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้คนที่นอนน้อยตัดสินใจเดินตรงไปที่โซฟาตัวใหญ่ ร่างบางนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มแล้วเอนตัวลงนอน ไม่ถึงห้านาทีน่านน้ำก็เข้าสู่ห้วงนิทรา หลับสนิททันที&nbs
จริงจัง?“ผมหมายความว่ามันดูสมเหตุสมผลที่จะเอาคุณไปอ้าง” น่านน้ำถอนหายใจแรง ใจเต้นกับคำว่าจริงจังนี่สินะพรหมลิขิต เราต่างก็จริงจังต่อกัน“ก็ได้ค่ะคุณภูชิต น้ำถือว่ายังอยู่ในเนื้องาน” จะให้ตอบตกลงใบหน้ายิ้มแป้นก็กระไรอยู่ เป็นผู้หญิงมันต้องมีชั้นเชิง น้ำเสียงที่ใช้จึงค่อนข้างราบเรียบ“ไหน...เรียกใหม่ซิ”“ค่ะ...คุณภูขา” คนถูกเรียกกลั้นยิ้มไว้ภายใต้หน้าตานิ่งเฉย คนที่เอ่ยเรียกใจเต้นโครมคราม เมื่อคิดว่าสิ่งที่หวังใกล้ความจริงไปทุกขณะ“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณภูชิตจะมีคู่หมั้นแล้ว” กำนันช้างผู้
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน