แชร์

บทที่ 7 - องค์ชายสี่ลั่วซือ

ผู้เขียน: แสงแห่งตะวัน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-19 01:41:21

กลางดึก

เฟ่ยเย่แต่งตัวเป็นชายรวบผมหางม้าทรงสูงใส่ชุดสีดำ ดูทะมัดทะแมง ออกตามสืบหาพี่ซานอี้

คงจะต้องเริ่มสืบจากค่ายทหารก่อน

นางควบม้าเร็ววิ่งไปทางค่ายทหารของหนานเจียงติดชายแดนค่ายอี้ชาง ใช้วิชาตัวเบากระโดดข้ามกำแพง และเดินไปบนหลังคา เบื้องล่างมีทหารเฝ้ายาม เดินตรวจตราอยู่ไม่น้อย นางพยายามค้นหา ทุกซอกทุกมุมในค่ายทหารของหนานเจียงนี่ แต่ก็ไม่พบ พวกมันเอาตัวพี่ซานอี้ไปไว้ที่ใดกัน?

เฟ่ยเย่เดินไปเดินมาในห้องพักที่โรงเตี๊ยม เพื่อใช้ความคิด

พี่ซานอี้เป็นถึงองค์ชาย หากจับองค์ชายเป็นตัวประกันได้ คงไม่เอาตัวมาคุมขังในคุกทหารหรอกกระมัง หรืออยู่ในวังของหนานเจียง เพื่อเอามาเป็นข้อต่อรองระหว่างสองแคว้นเป็นแน่ๆ!

นอกจากเดินไปเดินมา พูดคนเดียว แล้วก็นั่งถอนหายใจ ติดๆ กัน 2-3 ครั้ง

“จะเข้าไปในวังได้อย่างไร? จริงสิงานเทพธิดาบุปผา“ เฟ่ยเย่เหมือนจะคิดอะไรออก

”เถ้าแก่ ข้าจะขอพักอยู่ต่อจนถึงงานเทศกาลบุปผา” เฟ่ยเย่เรียกผู้ที่นั่งดีดลูกคิดไปมาไปอยู่โต๊ะด้านหลัง

“ทั้งหมด 5 ตำลึงเงิน“ เถ้าแก่วางมือจากดีดลูกคิดไปมา เฟ่ยเย่ส่งก้อนเงินก้อนใหญ่สีทองส่งให้เถ้าแก่

วันต่อมา

เฟ่ยเย่เดินเข้าไปสำรวจในหอหรูอี้ ครั้นเมื่อตอนเป็นองค์เหยียนหลิน ไม่ค่อยจะได้ออกจากวัง นอกเสียจากไปวัด หรือไปเทศกาลโคมไฟ กับพิธีต่างๆเท่านั้น ตอนนี้ได้มีโอกาสเปิดหูเปิดตาแล้ว

หอหรูอี้ ดูโอ่อ่ากว้างขวาง มี 2 ชั้น มีแท่นเวทีกลมๆอยู่กลางโถง และสาวกำลังระบำ ร่ายรำ อยู่บนผ้ายาวมองเพลินยิ่งนัก

“คุณชาย ท่านมาคนเดียวหรือนัดใครไว้เจ้าคะ” เสียงสือเนียงกล่าวต้อนรับเฟ่ยเย่

“ข้ามาคนเดียว” เฟ่ยเย่ตอบ

“งั้นเชิญทางนี้เจ้าคะ” เด็กๆ มาดูแลคุณชายด้วย จากนั้นก็มีสตรีหน้าตาจิ้มลิ้มสองนาง คล้องแขน ของเฟ่ยเย่ ด้านขวาคนนึง ด้านซ้ายคนนึง เฟ่ยเย่

“อ่อ คือข้า..ข้า ไม่เป็นไรข้าเดินเองได้” เฟ่ยเย่หมุนตัวหลบเหลี่ยงจากสตรีทั้งสองนางนั้น พอดีกับสายตาเหลือบไปเห็นชายที่สวมหมวกคลุมหน้าที่เจอกันในโรงเตี๊ยมผู้นั้น ท่าทางเค้ายังคงสง่างาม

“นั่น ข้าเจอสหายพอดี ไม่รบกวนแม่นางทั้งสอง ข้าขอสุราที่ดีที่สุดในร้านสักไหก็พอ“ เฟ่ยเย่กล่าว จากนั้นเฟ่ยเย่ก็เดินไปหาลั่วซือที่นั่งอยู่

“พี่ชาย เราเจอกันอีกแล้ว ขอข้านั่งด้วยได้หรือไม่” ยังไม่ทันที่ลั่วซือจะปฏิเสธ เฟ่ยเย่ก็นั่งลงตรงฝั่งตรงข้าม เฟ่ยเย่ยิ้มให้อย่างมีไมตรี

เมื่อเฟ่ยเย่สังเกตบุรุษหนุ่มที่อยู่หน้าใกล้ๆ ถึงแม้ว่าจะมีหมวกคลุมผ้าสีขาวปิดบังใบหน้าไว้ แต่เหยียนหลินในร่างเฟ่ยเย่ ไม่มีทางจำผิดแน่นอนท่านพี่ลั่วซือ! หรือต่อให้จะเหลือแต่แค่ลูกตาข้าก็ยังจำได้แน่นอน!

“พี่ชาย ข้าขอคาวาระวะท่านสัก 1 จอก“ ว่าแล้วเฟ่ยเย่เทสุราใส่จอก คาราวะแบบชาวยุทธ ยกจอกสุราดื่มรวดเดียว

“เจ้าตามสบายเถอะ ข้าขอตัวก่อน“ ลั่วซือทำท่าจะลุกขึ้น อยู่ๆ ก็เจ็บร้อนหวาบตรงหน้าอก

หนอนมัจจุราช! ออกฤทธิ์ตอนนี้ได้ยังไงนะ ลั่วซือนั่งลง เอามือจับหน้าอกแน่น เหงื่อเป็นเม็ดผุดออกมาตามหน้าผาก ความเจ็บปวดทรมานทวีความรุนแรง จากนั้นลั่วซือก็หมดสติไป

ภายในห้องพักของโรงเตี๊ยม!

ลั่วซือสะลึมสะลือค่อยลืมตาขึ้น พบตัวเองนอนอยู่ที่เตียงในห้องพักของโรงเตี๊ยม

ข้างๆ มีเด็กหนุ่มหน้าหวานราวสตรีนั่งเท้าแขนตัวเอง สับปะงกอยู่ข้างๆเตียง

ทำไมหนอนมัจจุราชในกายข้า ถึงมีอาการสั่นไหวเช่นนี้? หรือเจ้าหมอนี่จะเป็นผู้ที่อาจารย์ตามหา..

เฟ่ยเย่ค่อยๆลืมตาตื่น พบว่าลั่วซือตื่นแล้ว

“พี่ชาย ท่านโดนพิษรึ? ข้าตรวจชีพจรท่านดูแล้วสับสนยิ่งนัก เหมือนจะถูกพิษแต่ก็เหมือนไม่ใช่” เฟ่ยเย่ อดเป็นห่วงพี่ชายคนที่สี่ของนางไม่ได้ แต่ท่านพี่ลั่วซือเองคงคิดไม่ถึงว่าข้าคือเหยียนหลินเป็นแน่! ยิ่งตอนนี้ข้าแต่งตัวเป็นชายแบบนี้แล้ว

“ข้าชื่อจูจินหลาง เรียกข้าว่า จูจินก็ได้“ เฟ่ยเย่ยิ้มให้ลั่วซือ แววตาปนความเป็นห่วง **จูจินเป็นชื่อของกระต่ายที่องค์หญิงเหยียนหลินรักมากในตอนเด็กๆ ท่านพี่ลั่วซือเป็นคนมอบให้**

“จูจิน นามเพราะมาก ข้าไม่ได้ยินชื่อนี้มานานมากแล้ว” ลั่วซือยิ้มให้เฟ่ยเย่เล็กน้อย

“ข้าชื่อลั่วซือ ขอบใจเจ้านะ“ ลั่วซือกล่าวตอบ

“ท่านถูกพิษรึ” เฟ่ยเย่ถามซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจ

“ไม่ใช่พิษแต่เป็นหนอนมัจจุราช” ลั่วซือลุกขึ้นนั่งช้าๆ เอาเท้าห้อยลงมาข้างเตียง

“ใช่หนอนกู่หรือไม่ ข้าสามารถฝั่งเข็มสกัดหนอนกู่ให้ท่านได้นะ” เฟ่ยเย่พยายามจะช่วยถอนพิษ

“ไม่ใช่ นี่คือหนอนมัจจุราชไม่ใช่พิษ เป็นหนอนตามหาคน” ลั่วซือหยิบขวดยาในแขนเสื้อเทลงในฝ่ามือ 1 เม็ด และนำเข้าปาก

“แล้วท่านตามหาผู้ใดรึ“ เฟ่ยเย่ชักสงสัย

”แล้วข้าต้องตอบเจ้าด้วยงั้นรึ?“ ลั่วซือขมวดคิ้ว ทำตาดุ

“งั้นท่านพักผ่อนเถอะ ข้าขอตัวกลับห้องก่อน มีอะไรเรียกข้าได้นะ ข้าอยู่ห้องข้างๆ“ เฟ่ยเย่ลุกขึ้นเดินออกจากห้องของลั่วซือกลับเข้าห้องพักตัวเอง

เดินวนไปวนมาอยู่ภายในห้องคิดไม่ตกอีกเช่นเคย ปัญหาเก่ายังแก้ไขอะไรไม่ได้ ดันมาเจอปัญหาใหม่เพิ่มเข้ามาอีก!

อยู่ๆ องค์ชายสี่ของแคว้นฉี่บังเอิญมาเจอกับข้า ที่แคว้นหนานเจียง แถมมีหนอนมัจจุราชอะไรนั่นอยู่ในกาย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

เฮ้อย! เฟ่ยเย่เดินวนไปวนมา ท่านพี่สี่ลั่วซือออกท่องยุทธภพตั้งแต่อายุ 13 ปี เค้าเป็นองค์ชายที่ไม่ได้รับความโปรดปราณจากเสด็จพ่อ ด้วยว่าพระสนมเสด็จแม่ของพี่ลั่วซือเป็นหญิงต่ำต้อยเป็นนางในอุ่นเตียงของเสด็จพ่อ นางจึงไม่ได้รับได้ความโปรดปราณ ท่านพี่ลั่วซือจึงเป็นองค์ชายที่ท่านพ่อไม่ได้ให้ความสำคัญ

ข้าจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เจอพี่ลั่วซือน่าจะสามปีก่อน พี่ชายคนนี้ของข้า เป็นผู้ที่เงียบขรึม ฉลาด สุขุม รอบคอบ เจ้าเล่ห์ มากแผนการและเยือกเย็นดังฤดูหนาว

แต่สำหรับข้าแล้วท่านพี่ดีกับข้ายิ่งนัก!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • น้องสาวสุดที่รักตกสวรรค์มากับสัตว์เทพบรรณกาล   บทที่ 47 - ระลึกชาติได้

    @ ณ ตำหนักบูรพา“อ๋องฉีเสด็จ! พะยะค่ะ”ขันทีน้อยหน้าตำหนักบูรพากล่าวรายงาน อันซื่อกำลังนั่งจิบน้ำชาสนทนากับต้วนอวี้ ส่วนซานอี้นั่งเล่นหมากกระดานกับลั่วซือเมื่ออ๋องฉีมาเยือนจึงทำความแปลกใจให้อันซื่อถึงขนาดต้องเอ่ยปาก “เสด็จอา มีธุระอันใดกับหลานหรือไม่ พระเจ้าข้า”อันซื่อยืนทำความเคารพผู้เป็นอา บรรดาน้องๆก็รู้มารยาทจึงลุกขึ้นคำนับด้วย“ในพิธีบวงสรวงเทวดา ข้าไม่เห็นองค์ชายน้อยแม้นแต่เงา จึงอยากมาเยี่ยมเยียนเค้าสักหน่อย”ใจจริงแล้วอ๋องฉีอยากมาจับสังเกตมากกว่า“ทูลเสด็จอา องค์ชายน้อยไม่ได้อยู่ที่นี่ พระเจ้าข้าท่านราชครูรับองค์ชายน้อยเป็นลูกศิษย์อีกคนหนึ่ง ตอนนี้จึงร่ำเรียนอยู่กับท่านราชครู พระเจ้าข้า”อันซื่อแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าได้ดีทีเดียวจนต้วนอวี้มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า “ไหนๆท่านอาก็เสด็จมาถึงนี่แล้ว เชิญนั่งลงดื่มชาสักถ้วย เล่นหมากกระดานกับหลานๆสักตาสองตาเทิด”ต้วนอวี้เผยมือพร้อมกล่าวเชิญอ๋องฉี“ไม่เป็นไร ข้าจะไปพบเสด็จพี่แล้วก็จะกลับจวนเลย ไว้เจอกันที่สำนักศึกษาเถอะ“อ๋องฉีสะบัดแขนเสื้อแล้วหมุนตัวเดินออกจากตำหนักบูรพาไป”เสด็จพี่! เสด็จอาประสงค์สิ่งใดกันแน่ ใยข้ารู้สึกได้ว่าไม่หวังดีต่อองค

  • น้องสาวสุดที่รักตกสวรรค์มากับสัตว์เทพบรรณกาล   บทที่ 46 - กลับคืนสู่เจ้าของเดิม

    เยียนหลินได้มาเรียนที่สำนักอู่หวินไถได้เดือนกว่าแล้ว สำนักศึกษามีวันหยุดประจำเดือน 4 วันเพื่อให้นักเรียนได้หยุดพักผ่อนและกลับไปเยี่ยมบ้านได้เช้านี้เยียนหลินกับองค์ชายทั้งสี่ต่างก็เก็บข้าวของเตรียมตัวกลับวังหลวง “องค์ชายน้อย! เจ้าอยู่หรือไม่?“ เสียงใครคนหนึ่งด้านนอกเอ่ยถามถึงคนในห้อง“อยู่! ข้าอยู่” เยียนหลินเดินไปเปิดประตู ผู้ที่มาเรียกคือซื่อจื่อหวังจื่อเย่นี่เอง“พี่จื่อเย่! มีเรื่องอันใดหรือ?“เยียนหลินถามด้วยความสงสัย”เจ้ากำลังเก็บของอยู่หรือ“ซื่อจือสอบถามเรียบๆเคียงๆ”ใช่! ใกล้เสร็จแล้วล่ะ พี่จื่อเย่เข้ามาดื่มชาก่อนสิ“ เยียนหลินเชื้อเชิญ ซื่อจื่อจึงเข้ามาในห้องพักแต่นั่งลงตรงโต๊ะกลางห้องที่ไว้รับแขก เยียนหลินจึงนั่งลงข้างๆ และรินชาให้”พี่จื่อเย่มีธุระอันใดกับข้าหรือไม่“เยียนหลินถามแบบไม่ค้อม”วันหยุดนี้ข้าชวนเจ้าไปเที่ยวได้หรือไม่?“จื่อซื่อก็พูดแบบไม่อ้อมค้อม แต่อันซื่อกับต้วนอวี้เมื่อได้ยินซื่อจื่อพูดเช่นนั้นจึงรีบหันไม่พูดพร้อมกันว่า”ไม่ได้!” อันซื่อและต้วนอวี้ต่างก็มองหน้ากันและกัน“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้! แต่เสด็จพ่อคิดถึงองค์ชายน้อยเหลือเกิน อีกอย่างท่านราชครูก็จะมาในวันพร

  • น้องสาวสุดที่รักตกสวรรค์มากับสัตว์เทพบรรณกาล   บทที่ 45 - เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก

    เช้านี้เยียนหลินเข้าเรียนวิชาแพทย์และสมุนไพรของท่านอาจารย์เซียว นางนั่งเรียนคู่กับซื่อจื่อหวังโหวน้อย ถัดมาที่โต๊ะด้านหลังเป็นองค์ชายซานอี้กับองค์ชายลั่วซือนั่งคู่กันเนื่องจากเยียนหลินมีพื้นฐานทางการเรียนแพทย์มาจากสำนักหมอหลวงในวังแล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายในวิชาของอาจารย์เซียวและมักจะได้คะแนนเป็นลำดับสูงสุดในชั้นเรียน จึงเป็นที่โปรดปรานของท่านอาจารย์เซียวยิ่งนักตอนนี้ในเวลานั่งเรียน อยู่ๆ เยียนหลินก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา นางมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากหลายเม็ดใบหน้าที่ขาวนวลกับริมฝีปากบัดนี้กับซีดลง นางพยายามอดทนกับความเจ็บปวดที่เพิ่มทวีมาเป็นระลอกๆ มือที่วางอยู่บนโต๊ะเกร็งจนกำแน่นทั้งสองข้าง ความเจ็บปวดนี้เริ่มมาเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า จึงเริ่มทนความปวดหน่วงๆนี้แทบจะไม่ไหว ขณะเดียวกันซื่อจื่อที่นั่งข้างๆกันกับเยียนหลินก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ “องค์ชายน้อยเจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ทำไมเจ้าหน้าซีดนักล่ะ”ซื่อจื่อพูดพรางก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกไว้ตรงหน้าอกเสื้อของตนออกมาแล้วซับเหงื่อที่ใบหน้าขององค์ชายน้อย ซานอี้กับลั่วซือเห็นเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นเดินไปทางเยียนหลิน ซานอี้ใช้มือทั้งสองจับที่แขนเพ

  • น้องสาวสุดที่รักตกสวรรค์มากับสัตว์เทพบรรณกาล   บทที่ 44 - สหายคนใหม่

    เช้าวันแรกที่อู่หวินไถ!ซานอี้กับลั่วซืออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบมาหาองค์ชายน้อยที่ห้องพักข้างๆ ทันที ซานอี้เปิดประตูเลื่อนผัวะ! ทำท่า ผงะเล็กน้อยแล้วรีบเลื่อนประตูปิดอย่างรวดเร็ว ลั่วซือยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก ซานอี้จึงรีบเอ่ยเสียงดังๆขึ้นว่า“ท่านพี่! องค์ชายน้อย ข้ากับเจ้าสี่เข้าไปได้หรือไม่“ ”พวกเจ้าอย่าพึ่งเข้ามา รอสักครู่ก่อน!“อันซื่อรีบพูดสวนกลับ ภายในห้องนั้น เยียนหลินกำลังอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา “เสร็จแล้วๆ ท่านพี่ทั้งสองเชิญเข้ามาได้”เสียงเยียนหลินดังออกมาจากภายในห้อง ซานอี้และลั่วซือจึงเปิดประตูอีกครั้งและเข้าไปในห้อง“โอโห องค์ชายน้อยแต่งชุดนักศึกษาแล้วดูมีสง่างาม มีราศีไม่น้อยเลย”ลั่วซือจับตัวเยียนหลินหมุนไปมา เยียนหลินเขินจนหน้าแดงเล็กน้อย “เจ้าอย่าแกล้งน้องสิ น้องหน้าแดงหมดแล้ว”อันซื่อตำหนิลั่วซือเล็กน้อย“สง่างามจริงๆ นั่นแหละ หากข้าเป็นผู้หญิงคงหลงรักองค์ชายน้อยแล้ว”ซานอี้ก็ล้อเยียนหลินด้วยเหมือนกัน“เอาล่ะๆ พวกเราไปเรือนรับรองอาหารกันดีกว่า”ต้วนอวี้กล่าวพร้อมกับต้อนบรรดาพี่น้องให้เดินออกจากห้องพักที่เรือนรับรองอาหาร มีอาหารหลายอย่างที่ต้อ

  • น้องสาวสุดที่รักตกสวรรค์มากับสัตว์เทพบรรณกาล   บทที่ 43 - สำนักศึกษาอู่หวินไถ

    รถม้าค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากราชวังเหล่าบรรดาพี่ๆ องค์ชายต่างฝ่ายต่างนั่งกันเงียบสงบ ไม่มีผู้ใดเอ่ยปาก ทำให้เยียนหลินรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก องค์ชายต้วนอี้และซานอี้ก็ได้แต่มองหน้ากันไปมา ส่วนองค์ชายอันซื่อก้มหน้าก้มตาอ่านตำรา และองค์ชายลั่วซือก็นั่งกอดอกหัวพิงขอบหน้าต่าง เหมือนงีบหลับเสียอย่างนั้น เยียนหลินได้แต่ถอนหายใจอยู่หลายครั้ง ครึ่งชั่วยามผ่านไปรถม้าก็ค่อยๆ มาจอดที่หน้าสำนักศึกษาอู่หวินไถ!วันนี้เป็นวันแรกที่เปิดภาคเรียนปีการศึกษาใหม่ของสำนักศึกษาอู่หวินไถ จึงมีป้ายประกาศรายชื่อนักเรียนที่เข้ามาใหม่และมีการจัดอันดับห้องเรียนใหม่ตรงบริเวณป้ายประกาศรายชื่อมีคนจำนวนมากที่เบียดเสียดเข้าไปดูรายชื่อของตนเอง เยียนหลินจึงยืนอยู่เว้นระยะห่างจากตรงป้ายประกาศพอสมควรโดยมีลั่วซือยืนระวังความปลอดภัยให้น้องส่วนอันซื่อ ต้วนอวี้ และซานอี้เข้าไปเบียดเสียดมองหารายชื่อของตนเองและคนรู้จัก“ท่านพี่! ท่านดูสิ! รายชื่อของท่านอยู่อันดับหนึ่ง ส่วนชื่อข้าอยู่อันดับสี่ เราได้อยู่ห้องเดียวกันอีกแล้ว”ต้วนอวี้สะกิดเรียกอันซื่อและชี้มือไปทางป้ายประกาศทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งมาปัดมือของต้วนอวี้ออกอย่างแรง “เจ้

  • น้องสาวสุดที่รักตกสวรรค์มากับสัตว์เทพบรรณกาล   บทที่ 42 - องค์ชายน้อย

    องค์หญิงเยียนหลินรีบตื่นขึ้นในตอนเช้า อาบน้ำแต่งองค์ด้วยเสื้อผ้าที่ท่านอาจารย์มอบให้ ทรงเสด็จไปยังเรือนรับรองโดยมิได้มีเหม่ยจูตามเสด็จมาด้วย เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในเรือนรับรอง เห็นนางกำนัลเก็บวาดทำความสะอาดตามห้องพักต่างๆ องค์หญิงรีบถามนางกำนัลที่ทำความสะอาดบริเวณนั้น“ท่านอาจารย์ล่ะ เจ้าเห็นท่านอาจารย์ของข้าหรือไม่?”“ทูลองค์หญิง ท่านราชครูไปแล้ว เพคะ!”นางกำนัลตอบคำถามองค์หญิงอย่างน้อบนอม“ไปไหนหรือ?”องค์หญิงซักถามนางกำนัลต่ออีก“ทรงขึ้นรถม้าออกนอกราชวังไปแล้วเจ้าค่ะ” นางกำนัลตอบคำถามองค์หญิงอย่างน้อบนอม“ไปแล้วหรือ!”องค์หญิงถึงกลับอึงไป และพูดอยู่กับตัวเองย้ำๆ ว่าไปแล้วหรือ! นางเดินกลับตำหนักจิ่งหลินด้วยความผิดหวัง เหม่ยจูเห็นองค์หญิงเดินกลับตำหนักด้วยท่าทางเหม่ยลอย นางคว้าแขนองค์หญิงและเขย่าเรียกเบาๆ“องค์หญิง! องค์หญิงไปไหนมาหรือเจ้าคะ?”เหม่ยจูเขย่าองค์หญิงเบาๆ อีกครั้ง!“ไปหาท่านอาจารย์ แต่ท่านอาจารย์กลับไปแล้ว”องค์หญิงตอบเหม่ยจูด้วยสีหน้าผิดหวัง“องค์หญิงน้อย ฝ่าบาทให้ขันทีเว่ยมาตามไปพบเสด็จฯ เพคะ องค์หญิงน้อยทรงรีบไปที่ตำหนักตงเตี้ยนเถอะเจ้าค่ะ“เหม่ยจูรีบจูงมือขององค์หญิงน้อย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status